วุ้นรักโรงเรียนแปรธาตุ

-

เขียนโดย ShuShi

วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.49 น.

  5 chapter
  1 วิจารณ์
  7,589 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) In to the dark side

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   ถึงแม้ในยุคปัจจุบันเครื่องบินหรือเรื่อก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับท่านที่เดินทางใกลๆแต่ถ้าหากอยากสัมผัสกับธรรมชาติก็ยังมีรถไฟโบราณถึงจะไม่เร็วมากแต่ก็สามารถสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติได้ดีเลยทีเดียว

“ว๊าวนี้แหละธรรมชาติรู้สึกสดชื่นดีจังเลย”

“คุณแซคครับอย่ายื่นหน้าออกไปสิมันอันตรายนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกลมเย็นดีจะตายนายก็มาลองดูสิฮ่าาา”

“นี้พวกนาย2คนหนะเราไม่ได้มาเที่ยวกันนะยะ!”

 “แอนนี่ฉันเห็นเธอหน้าบึงตังแต่ก่อนขึ้นรถไปและดูไม่สดชื่นเอาสะเลยอ๋อฉันรู้แล้วเธอกลัวพวกผีดูดเลือดใช่ไหมล้าฮ่าๆๆ”

“มะ..ไม่ใช่สักหน่อยมันมีอยู่จริงที่ไหนกันเล่าตาบ้า”

“เอ่อถ้าให้ผมพูดผมก็คิดว่ามันมีอยู่จริงนะครับคุณแอนนี่”

“วะ..ว่าไงนะ” 

อาลวินเป็นเด็กนักเรียนที่มีอายุน้อยที่สุดในสายชั้นรวมถึงเป็นเด็กที่ใช้ความสามารถในการอ่านอักขระและอักษรโบราณแล้วก็ยังมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากอีกด้วยฉะนั้นคำพูดของเด็กหนุ่มจึงมีนำหนักมากพอที่จะเชื่อถือได้

“ผีดูดเลือดถ้ามองอีกแบบก็เหมือนผู้ที่สามารถคิดค้นวิธีการที่จะเป็นอมตะได้แล้วทั้งการฟื้นฟูอวัยวะภายในรวมถึงการรักษาสภาพของตัวเองให้ไม่แก่ไม่เฒ่านั้นเองแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบเพราะยังต้องมีการเติมเต็มส่วนที่ร่างกายต้องการเพื่อเป็นเงื่อนขัยในการมีชิวิตอมตะนั้นก็คือเลือดนั้นเองครับสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะในโลกนี้ยังมีอีกหลายรูปแบบครับแต่ละแบบจะมีเงื่อนขัยในตัวของมันเองหรือจะพูดอีกอย่างก็คือสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะทุกรูปแบบก็สามารถตายได้ถ้าหากเรารู้ความลับของมันครับ”

   คำอธิบายของเด็กหนุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำให้ทั้งแซคและแอนนี่เข้าใจหรืองงมากขึ้นแต่ยังไงซะเมื่อทั้ง3รู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็เริ่มครึ้มทุกๆอย่างเริ่มกลายเป็นตอนกลางคืนแสงแดดที่เพิ่งส่องมาเมื่อกี้กลับหายไปนั้นเป็นสัญญาณว่าทั้ง3คนได้ข้ามเข้ามาในเมือง Twin side ในข้างของกลางคืนแล้ว

“อะไรเนี้ยทำไมจู่ๆถึงมืดลงละนาฬิกาฉันมันยังเพิ่ง11โมงเองนะ”

“ลืมเรื่องนาฬิกาของนายไปสะเถอะคิดว่าที่นี้ทำไม่ถึงถูกเรียกว่า Twin side ละยะ”

  Twin side คือเมืองที่มี2ด้านคือกลางวันกับกลางคืนแน่นอนทุกเมืองบนโลกก็ต้องมีทั้งกลางวันและกลางคืนแต่ที่Twin sideกลางวันและกลางคืนในความหมายแล้วคือเกิดขึ้นพร้อมกันและหากฝั่งไหนที่เป็นกลางคืนก็จะไม่มีกลางวันเช่นเดียวกับฝั่งที่เป็นกลางวันก็จะไม่มีกลางคืนเช่นเดียวกัน

 “เอาหละครับเตรียมตัวให้พร้อมเราจะลงสถานีหน้ากันแล้วนะครับ”

“ดะ..เดี๋ยวสิเราเลยไปอีกไม่ได้หรอทำไมเราต้องลงที่ Dark side ของเมืองนี้ด้วยหละ”

“เอ่อตามแผนที่ภารกิจของเรามันคือหมู่บ้านที่อยู่ใน Dark side หนะครับ”

“ท่านพี่คิดจะเล่นอะไรกันแน่เนี้ย”

“เขาก็คงอยากเห็นน้องสาวของเขากลัวแล้วก็ร้องว่าพี่จ๋าจากนั้นเขาก็ออกมาช่วยเหมือนในการ์ตูนละมั้งฮ่าๆๆ”

“หึ้ยยยนายจะหยุดพูดดีๆหรือจะต้องเจ็บตัวก่อนห๊า”

“ทั้ง2คนอย่าเพิ่งทะเลาะกันสิครับเรามารีบทำภารกิจสำรวจนี้ให้เสร็จๆไปเถอะนะครับแฮะๆ”

     เมื่อทั้ง3ถึงสถานีก็เริ่มเดินทางไปยังหมู่บ้านในแผนที่ทันทีโดยระหว่างทางแซคและแอนนี่ก็เถียงกันไปมาจนลืมบรรยากาศที่หน้ากลัวของ Dark side และในที่สุดทั้ง3ก็เจอหมู่บ้านที่อยู่ในแผนที่ของภารกิจพวกเขา

 “เงียบจังยังกะหมู่บ้านร้างแหนะแล้วเราจะเริ่มสำรวจจากตรงไหนก่อนดีหละ”

 “ผมว่าเราลองถามคนในหมู่บ้านดูไหมครับเพื่อพวกเขาจะรู้อะไรบ้าง”

“จะทำยังไงก็เรื่องของพวกนายเถอะรีบๆทำฉันอยากกลับโรงเรียนแล้ว”

“เธอนี้ขี้กลัวจริงๆเลยนะฮ่าๆๆ”

“ฉะ..ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อยตาบ้า”

“พวกคุณ3คนมาทำอะไรที่หมู่บ้านนี้หรอครับ”

ทันไดนั้นก็มีชายหนุ่มผมสีขาวเดินเข้ามาถาม

“เอ่อพวกเราแค่มาทำภารกิจตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องที่คนหายไปนะนายพอจะรู้บ้างไหม”

“ชู่วว!นี้นายจะไปบอกภารกิจให้คนนอกรู้ทำไมเล่า”

“ก็อาลวินเป็นคนบอกเองนี้น่าว่าให้ถามคนอื่นดูหนะ”

“ผมไม่ได้หมายความว่าให้บอกว่าเรามาทำภารกิจด้วยนี้ครับคุณแซค”

“งั้นหรอมาตามหาพวกนั้นเองหรอครับ”

“อ้ะนายรู้อะไรใช่ไหมเห็นไหมถ้าฉันไม่ถามก็ไม่ได้เรื่องหรอกฉันเก่งใช่ไหมล้าฮ่าๆ”

“ถ้าเป็นคนพวกนั้นละก็เข้าไปในปราสาทหลังนั้นประมาณ2อาทิตย์ได้แล้วหละครับ”

“ดีหละได้เบาะแสแล้วไปกันเถอะ แอน อาลวิน”

“ดะ..เดี๋ยวสิเรามาแค่หาข้อมูลนะเรากลับไปบอกเกี่ยวกับเรื่องปราสาทแล้วให้ทาง ศาสนจักรจัดการกันเองดีกว่านะ”

“โธ่แอนนี่เรามาถึงนี้แล้วเข้าไปอีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกน่าแล้วนายว่าไงอาลวิน”

“ผมก็ไม่มีปัญหานะครับถ้าขออณุญาติจากเจ้าของปราสาทแล้วหนะ”

“2ต่อ1เป็นอันว่าเราจะไปที่ปราสาทเพื่อหาเบาะแสเพิ่มกัน”

“ดะ...เดี๋ยวสิรอด้วยพะ..พวกนายจำไวเลยนะถ้ากลับไปเมื่อไรพวกนายเจอดีแน่!”

  ทั้ง3คนก็ตกลงเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มต่อในปราสาทหลังหนึ่งถึงแม่จะมีอยู่คนหนึงที่ไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ส่วนชายผมสีขาวก็ยืนดูทั้ง3คนที่กำลังเดินไปยังปราสาทหลังนั้น

 “นั้นแหละครับพอพวกคุณเข้าไปข้างในปราสาทพวกคุณก็จะรู้เองว่าเพราะอะไรถึงไม่มีใครได้ออกมา”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา