P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

8.1

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.

  46 chapter
  28 วิจารณ์
  50.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 5 [เรสเทียร์]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

P.P. Rising: The Bullet Time

เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก

  1. Ch.5 วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 5 [เรสเทียร์]

Rewrite V.3

 

◊◊◊

 

[21:51][25/12/2057]

[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, สนามบินดอนเมือง]

 

‘โอ๊ย เจ็บ...แสบ...’

 

ความรู้สึกดังกล่าวแล่นเข้าประสาททันทีที่พีเริ่มรู้สึกตัว

 

‘นี่ฉันโดนหมอนั่นเตะเสยคางเจ็บขนาดนี้เลยหรอวะ’

 

เจ้าตัวค่อยๆ ลืมตาขึ้นแต่ว่ากลับไม่เห็นอะไรเลย

 

‘อยู่ที่ไหน...แล้ว...เฮ้ย! ทำไมแขนขยับไม่ได้! แถมแขนฉันยังพาดอยู่ข้างหลังอีก โดนมัดมืองั้นหรอ?’

 

พีพยายามดิ้นให้เชือกหลุดให้ได้ แต่เชือกมันแน่นเกินไป

 

“...ตื่นสักที”

 

เสียงผู้หญิงที่ดังมาจากด้านขวาอยู่ใกล้กันมากๆ แต่ความมืดทำไมให้มองไม่เห็น

 

‘น่าจะเป็นเฟียน่า งั้นถามเธอเลยล่ะกัน’

 

“ที่นี่มันที่ไหน”

“ห้องไหนห้องหนึ่งของสนามบิน”

“งั้นเหรอ นี่ฉันสลบนานไปเท่าไหร่”

“ก็ครึ่งชั่วโมงได้”

 

น้ำเสียงเฟียน่าที่เรียบเฉยต่างกับก่อนหน้านี้ ทำให้พีแปลกใจนิดหน่อย

 

‘แล้วโซตะละ?’

 

“โซตะ อยู่---”

“อ๋อ อยู่กับด็อกเตอร์ซิสตรงนู้น”

 

พีเห็นมือลางๆ ที่ชี้ไปข้างหน้า แต่มองไม่เห็นอยู่ดี

 

“นี่ พี...ยินดีที่ได้เจอกันอีก โทษทีที่จำหน้าไม่ได้”

 

เฟียน่าพูดแบบนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนกันเพราะเฟียน่าที่รู้จักไว้ผมยาวกว่านี้มากแล้วพีก็ทักทายกลับ

 

“ยินดีที่ได้เจอเหมือนกัน แต่วันหลังไม่ต้องทักแบบนั้นอีกนะ”

 

‘ใช่ ฉันเจ็บแปล๊บๆ แผ่นหลังที่โดนจากลูกเตะของเธอยังไม่หาย’

 

ว่าแล้วพีเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองพิงกำแพงอยู่

 

‘สถานการณ์แบบนี้นึกถึงเมื่อก่อนเลยแฮ่ะ...ตอนที่โดนขังอยู่ในห้องนั้นกับเธอ’

 

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่”

 

คำตอบสั้นๆ จากเฟียน่าที่ชวนเขาหงุดหงิด

 

‘ปัดความรับผิดชอบ แต่ก็ช่วยไม่ได้อย่างว่าล่ะนะ’

 

“เอาเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” พีว่า “หน้าฉันเปลี่ยนไป ไม่แปลกที่จะจำฉันไม่ได้”

“ไม่ใช่แค่นั้น นายน่ะ ดูเป็นผู้ชายมากขึ้น” เฟียน่าพูด “แต่วันหลังไม่ต้องใส่หน้ากากนั่นมานะ นึกว่าพวกโรคจิตที่ไหนซะอีก”

 

‘โอ้ว คำชมจากเฟียน่า หายากแฮะ ถ้าไม่มีประโยคหลังตามมานะ’

 

“นี่เธอ เฮ้อ...ก็มันช่วยไม่ได้นิ เงินไม่มีให้ทำหน้าใหม่เลยเอาหน้ากากมาปิดไว้”

 

พีพูดแล้วแอบยิ้มกับความอับโชคของตัวเอง

 

“ถึงขนาดนี้ นายก็ยังยิ้มได้อีก...เป็นเพราะฉันแท้ๆ ที่ทำให้นายเป็นแบบนี้”

 

เฟียน่าบ่นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ตอนนี้ตาพีเริ่มชินกับความมืดบ้างแล้วถึงได้เห็นสายตาเฟียน่าที่พยายามหลบหน้าเขาเหมือนคนทำผิด

 

‘เธอคงรู้สึกผิดจริงๆ คนที่ฉันรับน้ำกรดแทนให้ ก็คือเธอไง...เฟียน่า’

 

“เอาหน่า ไหนๆ เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว ก็---”

“อย่ามาพูดปลอบใจฉัน...” เฟียน่าสวนกลับ “เรื่องนั้น...ไม่มีวันที่ฉันจะให้อภัยตัวเองเด็ดขาด”

“ฉันพูดปลอบใจตัวเองต่างหากล่ะ เฟียน่า”

 

ร่างกายของพีเริ่มสั่น...

 

‘นี่ฉันเริ่มนึกถึงความทรมานในช่วงนั้นมากไปอีกแล้ว’

 

เหมือนเฟียน่าสังเกตเห็นอาการสั่นตัวของเขาเลยเปลี่ยนเรื่อง

 

“นี่...นายรู้จักกับยัยคุณหนูนั่นด้วยหรอ”

“...คุณหนู!? หมายถึงเมงุมิงั้นหรอ?”

“อือ...”

“...รู้จักสิ...เป็นเพื่อนกัน”

 

‘ใช่ เพื่อนกันเพราะยังไม่พัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงไหนเลย ถ้าเธอไม่ด่วนจากไปซะก่อน’

 

พีคิดแล้วถอนหายใจและสับสนว่าความเศร้าก่อนหน้านี่มันหายไปไหนหมด แต่ก็คิดได้ว่าคงเป็นเพราะเจอเรื่องไอริสเมื่อครู่...เขาถามกลับเรื่องเมงุมิ

 

“แล้วเธอล่ะ เกี่ยวข้องอะไรกับเมงุมิ?”

“อือ...อย่างที่นายเห็น ฉันใช้พีทูแบบนั้นได้ ทางศูนย์ใหญ่ไฮเทคอัพเปอร์ส่งยัยนั่นมาเป็นผู้สังเกตการณ์ร่วมเดือนแล้ว ที่จริงฉันเพิ่งย้ายกลับมาจากชินโคเซ็นสามเดือนก่อน”

 

‘พีทู...หรือพลังจิต เรียกย่อๆ แบบนั้นกันสินะว่าแต่อะไรเซ็นๆ นะ?’

 

พีที่ฟังตอนท้ายไม่ทันกะจะถามเรื่องนั้น แต่แล้วก็เปลี่ยนใจมาสนเรื่องพลังจิตแทน

 

“งั้นตอนนี้เธอก็กลายเป็นผู้มีพลังพิเศษล่ะสิ”

“อย่าเรียกแบบนั้น” เฟียน่าพูด “ถึงจะใช้พลังแบบนั้นได้ แต่มีขีดจำกัดอยู่ใช้ได้แค่สามครั้งต่อวันเท่านั้นและใช้ได้แค่แป๊ปเดียวด้วย”

 

‘ฉันเองก็เหมือนกัน...ใช้พีทูเสกลมนั่นได้แค่ครั้งเดียวต่อวัน’

 

พีนึกถึงวีรกรรมการใช้พลังจิตของเขาหลายปีที่ผ่านมา เขาแอบใช้ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ใช้แล้วพีก็พูดปลอบ

 

“แต่เธอก็ทำได้นิ เห็นว่าคนที่ทำแบบนี้ไม่เกินสิบคนด้วยซ้ำ”

“เพราะแบบนี้ ถึงได้กลายเป็นหนูทดลองให้ด็อกเตอร์นั่น” เฟียน่าไม่สบอารมณ์

“ด็อกเตอร์ซิส...ลุงเธอนั่นหรอ?”

“ตัดลุงตัดหลานไปตั้งนานล่ะ”

 

‘อุ๊ย...นี่ฉันกำลังยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งสินะ’

 

พีคิดว่าควรไม่พูดเรื่องลุงของเฟียน่าไปมากกว่านี้ เริ่มมองสำรวจหาทางหนีในห้องแต่ไม่ค่อยเห็นเพราะความมืดอยู่ดี เฟียน่าที่นิ่งเงียบไปสักพักหนึ่งก็เอ่ยคำๆ หนึ่งขึ้นมา

 

“ขอบคุณนะ...ที่ช่วยโซตะ---”

 

ป๊าง!! ปัง!!

 

ประตูเปิดผ่างด้วยลูกถีบทำให้แสงข้างนอกสาดเข้ามาจนแสบตา คนของไอริสก้าวเท้าเข้ามาพร้อมปืนสงครามในมือ พวกมันจัดการยิงขู่หนึ่งนัดก่อนตะโกนสั่งคนในห้อง

 

“ลุกแล้วออกไปข้างนอก!”

 

◊◊◊

 

‘โห้ยๆ แบบนี้ตายแน่ๆ’

 

พีไม่เคยรู้สึกแย่ได้เท่านี้มาก่อน เขาทั้งกระวนกระวายและหวาดวิตกเมื่อเห็นผู้คนถูกลากออกมา พวกเขาถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าเรียงเป็นแถวยาว สีหน้าพวกเขาดูหวากกลัวและตัวก็สั่นเทิ้มไปหมด จากตรงนี้พีเห็นด็อกเตอร์ซิสและนักวิทยาศาตร์อีกสี่คนนั่งห่างจากกลุ่มแรกไม่ไกลนักแม้จะไม่ได้ถูกมัดมือแต่ปืนก็จ่อพวกเขาเอาไว้เสมือนยืนยันว่าหากลุกหนีเมื่อไหร่พวกมันจะจัดการทันที

 

ห้าคนที่นั่งเรียงแถวมี เฟียน่า-โซตะ-พี-บอดี้การ์ดชุดดำอีกสองคน

 

‘ไอ้สถานการณ์แบบนี้ ฉันเคยเห็นมัน! มีอยู่ครั้งหนึ่งของพวกไอริสที่ได้ลักพาตัวเหล่านักวิทยาศาสตร์แถวๆ Area EU แล้วได้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมาด้วย พวกมันจับเรียงลุกเข่าเรียงแถว ถ่ายทอดสดไปทั่วโลกแล้วยิงทิ้งทีล่ะคนจนกว่าพอใจ...ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง’

 

พีปลอบตัวเองอย่างงั้น เพราะความจริงแล้วเขาไม่น่าจะทำอะไรได้ด้วยซ้ำ ไม่ว่าหันไปทางไหนก็มีพวกไอริสเต็มไปหมด

 

‘ข้างหน้ามีเป็นสิบ แถมกำลังเอากล้องมาตั้งอีกด้วย

ข้างขวาก็มีคนยืนคุมสามคน แต่มีเนโอสไปเดอร์อีกสองตัว

ข้างหลังนี่เป็นดงพอๆ กับข้างหน้าแต่ดันมีไอ้แมงมุมตั้งห้าตัว กะไม่ให้พวกนักวิทยาศาสตร์หนีได้เลย...

และข้างซ้ายมีไอ้คุณชายนั่นอยู่กับพรรคพวกอีกสี่คนที่มีหุ่นยนต์แมงมุมอีกหนึ่งตัว นี่ยังไม่รวมข้างนอกที่เห็นแวบๆ ผ่านไปผ่านมาอีกเป็นร้อย

พวกมันขนกันมาทั้งกองทัพหรือไงวะ?’

 

พีคิดหนักก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง

 

‘ส่วนบนหัวเป็นทางเดินพื้นกระจกร้าวนิดหน่อย เห็นทะลุไปถึงเพดานสนามบิน แต่ดันมีเนโอสไปเดอร์อยู่หนึ่งตัว

ตรงนั้นมันเป็นที่เจอพวกมันตอนแรกนี่หว่า...

แต่ที่ฉันห่วงเป็นเรื่องพื้นกระจกนั้นมันจะรองรับน้ำหนักเจ้าหุ่นแมงมุมได้นานแค่ไหน ดูเหมือนพื้นจะค่อยๆ ร้าวทีล่ะนิด

ถ้ามันแตกขึ้นมา หล่นทับหัวตายอนาถทั้งห้าคนแน่

แล้วเอ็มแอลเอ (MLA) หายหัวไปไหนหมดเนี่ย ป่านนี้น่าจะ---

เฮ้ย เดี๋ยวก่อนนะ ที่พวกมันจับนั่งเรียงหัวแล้วเอากล้องมาตั้ง ข้างนอกวุ่นวายเหมือนพยายามจัดกองกำลังอยู่ บางทีเอ็มแอลเออาจจะอยู่ข้างนอกแล้ว แต่เข้ามาไม่ได้เพราะ---’

 

“ตัวประกันห้าคนงั้นหรือ...เยอะไป”

 

ปัง! ปัง!

 

เสียงปืนพกที่คุณชายนาธานยิงใส่หัวบอดี้การ์ดสองคนที่อยู่ใกล้ๆ ให้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ ทั้งสองคนนอนจมกองเลือดกับพื้น

 

“โซตะ! อย่าหันไปมอง!”

 

เฟียน่าพูดบอกโซตะที่กำลังร้องไห้และพีเองก็ช็อคอยู่

 

‘เลือด...อีกแล้วหรอ...นี่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย...เอาอีกแล้ว...อีกแล้ว...’

 

ร่างกายเขาเริ่มเย็นเฉียบ เหงื่อแตกซีด อาการเริ่มกำเริบ

 

‘อดทนไว้สิ อย่านึกถึงมัน...’

 

เขาพยายามปลอบใจตัวเองไม่ให้เป็นอะไรไปในตอนนี้

 

“เปิดกล้อง! ส่งสัญญาณให้พวกเอ็มแอลเอข้างนอกนั่น”

 

นาธานสั่งลูกน้องของพวกเขา และแล้วจอภาพขนาดสิบสี่นิ้วที่อยู่เหนือกล้องปรากฎภาพผู้ชายคนหนึ่งมีหนวดขาวใส่หมวกใส่ชุดเกราะกันกระสุนสีเทาดำที่มีอักษรตัว MLA แปะไว้อยู่ คนอื่นๆ ที่ยืนเป็นแบ็กกราวน์อยู่ข้างหลังก็เช่นกัน ต่างเพียงใส่หมวกกันกระสุนสีดำไว้ด้วย พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎ์เอ็มแอลเอที่แต่งตั้งโดยองค์การเวิลด์เจเรนัล หน้าที่หลักๆ ของพวกเขาก็คือดูแลความสงบสุข รักษากฎหมาย คล้ายๆ หน้าที่ของอาชีพตำรวจหลายสิบปีก่อน ด้านหลังของพวกเขามีอะไรสักอย่างขนาดใหญ่ถูกคลุมด้วยผ้าสีเทาอยู่

 

“นาธาน! วันนี้แกไม่รอดแน่!”

 

ตาลุงนั่นตะโกนใส่จอ เหมือนเสียงช้ากว่าภาพขวาล่างของจอมีรูปอักษรสองภาษาอยู่คือ ระบบแปลภาษาโดยอัตโนมัติ

 

“หยาบคายไม่เปลี่ยนเลยนะครับ คุณริชาร์ล หัวหน้าปฏิบัติการเอ็มแอลเอสาขา Area EU ที่ห้า...ลมอะไรหอบท่านมาถึงที่นี้ได้”

“มาเพราะแก!”

“โอ้ว ผมดีใจมากนะครับ ที่ให้ความสำคัญแก่คุณชายอย่างผม”     

“หุบปากซะ! แกทำไว้ที่บ้านข้าไว้เยอะ ออกมาให้ชำแหละซะดีๆ! อย่าคิดนะว่าจะปล้นเอาแร่คริสตัลชายน์ที่สนามบินนั่นได้ง่ายๆ!”

 

‘แร่คริสตัลชายน์?’

 

พีขมวดคิ้วกับสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ยังไม่ทันได้คิดต่อเพราะบทสนทนาของทั้งคู่ยังคงดำเนินต่อไป

 

“...หึหึ ไม่สังเกตเลยหรือไงครับ ว่าข้างหลังมีใครอยู่บ้าง” นาธานแบมือมาทางตัวประกันสามคน

“ไม่สนโว้ย! หน่วยบราโว่! เตรียมระดมยิงมิสไซล์!”

 

สิ้นเสียงของริชาร์ล ผ้าคลุมข้างหลังถูกดึงออกปรากฎให้เห็นรถบรรทุกเครื่องปล่อยมิซไซต์สองคัน

 

“เฮ้ย!”

 

เสียงร้องตกใจหลายคนในฝั่งสนามบินที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินประโยคเมื่อครู่ แม้แต่พีเองก็รู้

 

‘แบบนี้ก็หมายความว่าจะฝังทุกคนไว้หมด!’

 

ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย นาธานรีบขัดคนที่จะสั่งฆ่าคนตายหมู่

 

“เป้าหมายคือ สนามบินดอน---” ริชาร์ลกำลังพูด

“ช้าก่อน! ฉันมีตัวประกันกับพวกนักวิทยาศาสตร์ไฮเทคอัพเปอร์นะ อีกอย่างทั่วโลกก็เห็นผ่านกล้องตัวนี้นะโว้ย!” นาธานเริ่มร้อนรนเพราะสถานการณ์ไม่เป็นไปตามแผน

“หือ!? นี่แกใช้ลูกไม้เดิมๆ อีกแล้วงั้นหรือ?”

 

นายพลริชาร์ลหรี่ตาลงแล้วกำลังคิดอะไรสักอย่าง นาธานไม่รอช้า ยกปืนขึ้นมาเล็งใส่โซตะ

 

“ริชาร์ล! ขอให้คุณสั่งกองกำลังถอยไปเดี๋ยวนี้!! ไม่งั้นจะยิงเด็กนี่ทิ้ง!!”

 

‘โซตะ!’

 

พีหันไปดูโซตะที่สั่นกลัวปืนที่เล็งใส่ตัวเขาอยู่ เฟียน่าเหมือนจะขยับตัวมาบังโซตะ แต่ก็โดนคนของไอริส เอาปืนจ่อไว้ไม่ให้ขยับตัวมาก

 

‘ไงมันกลายเป็นแบบนี้ว่ะ!?

จะมีคนตายอีกแน่ๆ

ตาย...

ฉันไม่อยากให้ใครตาย...

ไม่อยากให้มีคนตายอีกต่อไปแล้ว!’

 

หัวใจเต้นรัวๆ จนพีแทบจะคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ อยากกระโดดออกไปแย่งปืนมาก แต่ขืนทำแบบนั้นได้ตายกันหมดแน่

 

‘ทำยังไงดีโว้ย!’

 

“ฉันให้เวลาสิบวินาทีในการตัดสินใจ” นาธานพูด “...สิบ! เก้า!”

 

‘มันนับเวลาถอยหลังแล้ว ริชุงริชาร์ลรีบสั่งถอยไปสิว่ะ!!’

 

“แปด! เจ็ด! หก!”

“นาธาน...” ริชาร์ลขัดขึ้นมา “คราวที่แล้วฉันก็ทำตามที่แกบอก แต่แกก็ยิงทิ้งไม่ใช่หรือ?”

 

‘หา!? ยิงทิ้ง...เดี๋ยวก่อนสิ...ใช่ๆ ฉันพอๆ จำได้ล่ะ ข่าวนั้นหลายเดือนก่อน ตัวประกันถูกสังหารทั้งๆ ที่ทำตามเงื่อนไขแล้ว งั้นก็หมายความว่า...’

 

“โอ้ว ลืมไปแล้วนะนั่น...งั้นคราวนี้ก็---”

 

‘ก็อะไร!?’

 

พีจ้องนิ้วมือที่พร้อมจะลั่นไกลอย่างไม่กระพริบสายตาและนิ้วมือมันเริ่มขยับ...ร่างกายเจ้าตัวมันทำงานไปเอง กระโดดไปบังกระสุนแทนโซตะ

 

ปัง!

 

ปืนของนาธานลั่นขึ้น แน่นอนปืนถูกเล็งที่โซตะไว้แต่พีเข้ารับกระสุนแทนไว้...ร่างกายเขาล้มลงไปกับพื้นเพราะกระโดดพุ่งมาแบบไม่คิดชีวิต เขารู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุกที่กลางหน้าอก ตามืดมัวๆ หูอื้อ ตัวชาไปหมดเหนื่อยล้าแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

 

‘ฉันโดนยิงจริงๆ หรอเนี่ย!?’

 

พีคิดแบบนั้น...และแล้วทุกอย่างที่เขาเห็น มันแสบตาไปหมด จนโซตะที่ยื่นหน้าเข้ามาพูดอะไรสักอย่าง ร้องไห้ไปด้วย ส่วนเฟียน่าทำสีหน้าช็อคไปแล้ว...

 

‘นี่ฉันทำเหมือนตอนที่ช่วยเธออีกแล้วสิ เฟียน่า...

แต่แบบนี้เสียเปล่าแน่ๆ เพราะสิ่งที่ฉันทำแค่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น’

 

น้ำตามันไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว...พีก็เห็นเฟียน่าหันหน้าไปมองนาธานและเธอก็ทำสิ่งที่เขาไม่คาดคิด เธอกระโดดพุ่งเข้าไปหา นาธานยกปืนขึ้นเล็ง แต่เฟียน่าใช้พีทูที่ทำให้เธอล่องหนได้ ทำให้พวกมันชะงักไปสองวินาที ก่อนที่เธอจะปรากฏอยู่ใต้แขนนาธานและเธอก็กระโดดเตะเข้าที่ใต้คางเต็มๆ

 

ปัง!!

 

เสียงปืนลั่นของนาธาน มันไม่โดนใครเพราะไม่ได้ตั้งตัว แต่กระสุนมันพุ่งใส่กระจกที่อยู่เหนือหัวพีและแล้วกระจกที่รับน้ำหนักของเนโอสไปเดอร์ไม่ค่อยไหวอยู่แล้วค่อยๆ ร้าวเป็นวงกว้างจนมีเสียงแตกที่สร้างความกลัวให้เจ้าตัว

 

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง

 

มีเสียงนาฬิกาเก่าๆ ดังขึ้นมา พีไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหมือนทุกอย่างจะช้าลงถนัดตา กระจกแตกพร้อมๆ กัน ส่วนขาของเนโอสเปเดอร์ที่อยู่บนหัวค่อยๆ ลงมา

 

‘แบบนี้โซตะและฉันไม่รอดแน่’

 

“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย!”

 

เสียงช้าๆ ของเฟียน่าที่พีได้ยินอยู่ไกลๆ ในจังหวะนั้น สมองของพีเริ่มคิดอะไรบางอย่าง

 

‘ฉันทำอะไรไม่ได้เลย...

ฉันไม่รู้...

นี่ฉันต้องตายแบบนี้จริงๆ งั้นหรอ...

บางทีฉันคงอยากตามไปอยู่กับเธอสินะ เมงุมิ

แต่ว่า...ฉันไม่อยากให้คนอื่นต้องมาตายด้วย

ฉันต้องหาทาง...

แต่แบบนี้ไม่ไหว...ฉันขยับตัวยังไม่ได้เลย...

สิ้นหวัง...’

 

อยู่ดีๆ พีก็นึกอยากทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา

 

‘ถึงแม้ว่าจะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ

ถึงจะเป็นแบบนั้น...

นี่คงเป็นคำขอในใจครั้งสุดท้ายของฉัน

ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม ฉันน่ะ...

อยากที่จะปกป้องทุกๆ คนให้ได้!!!’

 

‘-ได้สิ-’

 

พีตกใจกับเสียงผู้หญิงที่ดังก้องในหัว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น มีแสงสีฟ้าแสบตาเปล่งประกายออกมาจากมือขวาของพี...

 

‘อะไร!? มีอะไรที่มือฉัน...

ไม่ใช่สิ มันออกมาจากแผ่นกระจกที่ฝังอยู่ในมือนั่น!!’

 

และแสงสีฟ้านั่นส่องที่ตาเขาจนทุกอย่างขาวโพลนไปหมด...

 

◊◊◊

 

‘แสบตา...’

 

หลังจากที่โดนแสงนั่นเข้าไป...พีค่อยๆ ลืมขึ้น ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีขาวโพลนไปหมด และเหมือนตัวเขาจะลอยอยู่ด้วย

 

‘นี่มันอะไรกันนิ...หรือว่าฉันตายแล้ว!?

โลกหลังความตายแบบนี้หรอเนี่ย...ทุกอย่างมันขาวไปหมด...

ไม่ใช่สิ มันว่างเปล่า...’

 

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง

 

เสียงนาฬิกาเดินที่ดังเรื่อยๆ พีพยายามหาต้นตอเสียงแต่ก็หาไม่เจอ เขาเริ่มลองขยับตัว

 

‘เหมือนจะขยับได้ตามปกติ แต่ลอยอยู่ที่เดิมไปไหนไม่ได้

ฉันมาที่แบบนี้ได้ งั้นแสดงว่าโซตะก็...’

 

“เด็กคนนั้นปลอดภัยดี...เฉพาะตอนนี้”

 

เสียงผู้หญิงเรียบๆ ที่ดังขึ้นมา ก่อนที่จะเห็นร่างของเธอที่ค่อยๆ ลอยลงมา...เป็นสาวน้อยวัยประมาณสิบแปดปีได้ นัยน์ตาสีแดง ผมสีน้ำเงินออกฟ้ายาวถึงเอวมัดรวมเป็นจุกสองข้างใส่เสื้อผ้าสองชั้น ชั้นในเป็นผ้าสีดำแนบเนื้อทั้งตัว ชั้นนอกทั้งเสื้อและกางเกงเป็นสีขาว ใส่ถุงมือสีขาวเช่นกัน ตรงกลางเสื้อเธอมีอักษรสีฟ้าแปลกๆ ที่ พีไม่รู้จัก

 

‘สวยแฮะ อย่างกับนางฟ้า...เราตายแล้วแน่ๆ’

 

“เฮ นาย...ฮัลโหล...”

 

น้ำเสียงเรียบๆ ของเธอพยายามเรียกพีกลับมาจากห้วงความคิด

 

“อ่า....ครับๆ มีอะไรครับ”

 

พีถามกลับไป เธอทำหน้านิ่งเป็นคำตอบ

 

‘โห้ยๆ นี่ฉันทำอะไรแปลกๆ หรือป่าวเนี่ย ขอนึกก่อน...

เห็นบอกว่าเด็กคนนั้นปลอดภัยดี...

หา!’

 

“นี่เธอหมายความว่ายังไง? โซตะรอดเหรอ? แล้วฉันตาย? แล้ว---”

“ช่วยหยุดถามก่อน”

 

คำตอบนิ่งๆ เรียบๆ ที่ทำให้พีไปต่อไม่เป็น

 

“อ่า...ครับ”

“ก่อนอื่น ฉันขอแนะนำตัวก่อน ฉัน เรสเทียร์ เป็น...สิ่งที่อยู่ข้างในเจ้านั่น”

 

เธอพูดแล้วชี้มาที่มือขวาของเขา พอก้มลงไปดูเป็นแผ่นกระจกกลมๆ ที่เขาได้มาจากคนลึกลับ ซึ่งตอนนี้มันมีลายอักษร XII สีน้ำตาลขึ้นอยู่ตรงกลางกระจก

 

“เธออยู่ข้างในนี้?” พีพูดออกไปแบบงงๆ “เรื่องแบบนั้นมัน---”

“ฉันรู้ว่านายสับสนกับเรื่องตรงหน้า แต่ขอไม่อธิบายตอนนี้เพราะไม่มีเวลามากพอ”

 

เธอพูดตัดบทก่อนที่จะเข้ามาประชิดตัว เอามือสองข้างของเธอมาจับศีรษะพีไว้เท่านั้นยังไม่พอ ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปากจะชนกันอยู่แล้ว

 

“ดะเดี๋ยวก่อนสิ นี่เธอจะทำอะไร---”

“จ้องตาฉัน...ตาขวาของนายกำลังแดงได้ที่เลยเชียว”

 

พีพยายามถอยหน้าหนี แต่สู้แรงที่มือผู้หญิงคนนี้จับไว้ไม่ได้เลย เบี่ยงหน้าหนีแล้วก็โดนจับหันมาอีก แล้วเธอก็ดึงหน้าเข้ามาจมูกแตะกันแล้ว เขาตกใจจนเผลอมองเข้าไปในตาของเธอ มีแสงประกายเล็กๆ สีทองข้างในตาของเรสเทียร์ ทำให้เขาเอะใจ

 

‘นั่นมันอะไร?’

 

ติ๊ง...ตึ๊ง...

 

ความสงสัยพร้อมเสียงนาฬิกาเดินดังก้องหัว...ทำให้พีตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่

 

‘ทำไมขยับตัวไม่ได้...รู้สึกเหมือนกำลังจะดูดเข้าไปในตายัยนี่อย่างไงอย่าง---’

 

พีกำลังคิดอยู่ อยู่ดีๆ ตัวเขาลอยเข้าไปในตาของเรสเทียร์เหมือนกำลังตกลงเหวที่มืดมิด

 

ป๊าง!

 

ร่างกายด้านหน้าคว่ำลงร่วงลงมาแล้วเหมือนกระแทกพื้นอะไรสักอย่าง เขารู้สึกเจ็บแสบทรวงไปทั้งตัว

 

“เจ็บๆๆๆ”

“ต้องขออภัยที่ทำรุนแรงเล็กน้อย”

“...เล็กน้อย บ้าน---”

 

กำลังจะตวาดใส่เรสเทียร์ แต่หาตัวไม่เจอแถมรอบๆ ตัวกลายเป็นดำมืดไปแล้ว ร่างของเรสเทียร์ค่อยๆ ปรากฎขึ้นต่อหน้า แล้วทำมือห้ามพูดไว้เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าเขากำลังจะด่าเธอเป็นชุด

 

“ที่ๆ อยู่ตอนนี้คือภาพสะท้อนภายในจิตใจของนายเอง”

 

‘ภาพสะท้อนจิตใจ? งั้นหรอ?

มืดมน...หนาว...’

 

อยู่ๆ รู้สึกหนาวขึ้นมาจนต้องกอดร่างกายตัวเอง เรสเทียร์บรรยายต่อ

 

“ภายในจิตใจ ความคิดหรือสมองของมนุษย์ มันมีสิ่งหนึ่งซ่อนไว้อยู่”

 

เธอพูดเสร็จก็ยกมือขึ้นด้านบนให้พีมองตาม กลุ่มก้อนพลังงานสีขาวข้างในที่มีกลุ่มก้อนพลังงานสีฟ้าอยู่ด้านนอก เหมือนก้อนสีขาวพยายามจะขยายออกแต่ก็โดนก้อนสีฟ้าดันกลับเข้าไป

 

“นั่นมันอะไรนะ?”

“...พวกฉันเรียกว่า Power Of Mine ที่สถิตอยู่ในตัว” เรสเทียร์พูดน้ำเสียงเรียบๆ “แต่คนทั่วไปเรียกว่าพลังจิต ไม่ก็พีทู”

“พลังจิต? นี่หมายถึง---”

“ไว้ถามที่หลัง” โดนเรสเทียร์เอามือปิดปากพีอีกรอบ “ถึงนายมีพลังนี้ แต่ก็ใช้ไม่ได้ เพราะมีบาเรียแห่งอาคาเดียปกคลุมไว้อยู่ แม้ว่าฉันจะเอาบาเรียนี้ออกได้ แต่มีเวลาไม่มากพอที่นายจะช่วยเด็กคนนั้น”

“เด็กคนนั้น? หมายถึงโซตะงั้นหรอ?”

“ใช่...ตอนนี้ฉันหยุดเวลาไว้ แต่ใกล้ถึงขีดจำกัด ต้องรีบเปิดผนึกกำแพงจิตใจ ฉันจะแทรกแซงเข้าไปให้นายใช้พลังได้เต็มที่”

 

เธอพูดเสร็จ กระโดดถอยหลังแล้วหลับตาลง กางแขนสองข้างขึ้น

 

“เดี๋ยวก่อน! นี่เธอจะทำ---”

 

พียกมือขึ้นจะคว้าตัวคนตรงหน้า แต่อยู่ดีๆ ขยับตัวไม่ได้ เขาเริ่มหวั่นๆ เพราะมีแสงสีฟ้าจากพื้น ก้มลงมองเหมือนจะเป็นวงล้อที่คล้ายๆ หน้าปัดนาฬิกาที่มีแต่สีฟ้า ตัวอักษรเป็นเลขโรมัน หน้าปัดเข็มนาฬิกาใต้เท้าเริ่มเดินหน้าอย่างรวดเร็ว

 

“ในนามของข้า เรสเทียร์ ผู้สืบทอดเวทมนตร์กาลเวลา...”

 

เวทมนตร์กาลเวลา??

 

พีมองลงไปดูฝ่ามือขวา มันกำลังส่องแสงเหมือนตอบรับอะไรสักอย่าง วงล้อหน้าปัดนาฬิกาปรากฏเพิ่มอีกสามอัน โดยสองอันอยู่ซ้ายบนกับขวาบนอีกหนึ่งอยู่ตรงหน้าเรสเทียร์

 

“วงล้อกาลเวลาเอ๋ย เคลื่อนฟันเฟืองเดินหน้าตอบรับบัญชาการของข้า!” เรสเทียร์ร่ายบท “จงเป็นแขนเป็นขาเป็นมันสมองและมอบพลังอันศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ชายตรงหน้าซะ!”

 

สิ้นสุดการร่ายคำยาว มีลำแสงสีฟ้าพุ่งจากกลางวงล้อทุกอันเข้าที่แผ่นกระจกกลางฝ่ามือของเขา เจ้าตัวรู้สึกร่างกายเหมือนกำลังจะละลาย

 

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”

 

พีหลับตาตะโกนระบายความเจ็บปวด ก่อนที่จะพยายามลืมตาจ้องดูคนที่ทำกับเขาแบบนี้ และเหมือนเธอจะบอกอะไรพีแล้วยิ้ม

 

“อย่าลืมสัญญาที่นายให้ไว้ล่ะ”

 

แสงที่กลางฝ่ามือขวาค่อยๆ สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนทุกอย่างปกคลุมไปด้วยสีขาวโพลนอีกครั้ง

 

◊◊◊

 

[มุมมองของเฟียน่า]

 

“ม่ายยยยยยยยยยยยยยย!”

 

เฟียน่าตะโกนออกไปสุดเสียง เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำไปเมื่อครู่เป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะเธอตัดสินใจพุ่งเข้าเตะนาธานที่เพิ่งยิงใส่พีไปแต่นั้นทำสาเหตุให้เนโอสไปเดอร์หล่นทับสองคน

 

‘โซตะ...พี...’

 

ตูม!

 

เสียงของใหญ่ล้มจากที่สูงอย่างรุนแรง ควันสีเทาปกคลุมตรงนั้นเต็มหมดถึงแม้ไม่เห็น เธอก็รู้ได้ว่าสองคนนั้นไม่รอดแน่ๆ

 

‘นี่ฉัน...นี่ฉันทำอะไรลงไป...’

 

เฟียน่าหมดแรงคุกเข่าไปกับพื้น

 

“ฮ่าๆๆๆ ไงมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้”

 

เสียงหัวเราะชอบใจของนาธานที่เพิ่งลุกหลังจากโดนลูกเตะของเธอไป

 

“หึหึ...พวกเขาตายเพราะเธอนะ...อิลลูชั่น เฟียน่า ดิฟเฟอร์ นัมเบอร์เซเว่น (illusion Fiana Differ No.7) ผู้ใช้พีทูแห่งชินโคเซ็น” นาธานเดินเข้ามาใกล้เอามือจ่อหัวจากด้านหลัง “ถ้าเธอไม่แสดงพีทูให้ฉันเห็นเมื่อกี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเธอนะเนี่ย...แต่มันทำให้เพื่อนเธอตายอย่างน่าสงสาร คงต้องชดใช้ด้วยความตายเท่านั้น”

 

‘หลบไม่ได้แล้วางกายฉันไม่ยอมตอบสนอง...สิ่งที่ฉันพยายามตลอดที่ผ่านมา จะหมดสิ้นแค่นี้?

ฉันคงเข้มแข็งไม่ได้เหมือนท่านพี่ยูคาริ...และพีจริงๆ

งั้นก็...’

 

เฟียน่าก้มหน้าหลับตาลง

 

“ฆ่าฉัน”

“หือ? สำนึกผิดขึ้นมา เลยอยากตายว่างั้นสินะ ถึงเธอจะเป็นหนึ่งในแปดผู้ใช้พีทู แต่พลังของเธอมันเปล่าประโยชน์สิ้นดี...”

 

เฟียน่านิ่งไม่ตอบ...เพราะเธอพร้อมแล้วที่จะตาย “งั้นเจ้าจงตายซะเถอะ!! อ๊ากกกกกกกกก!!!”

 

‘อะไร? เหมือนมีลมแรงๆ ผ่านหลังไป

แล้วทำไมไม่มีเสียงปืน มีแต่เสียงเจ้านั่นที่เหมือนโดนอะไรสักอย่าง...’

 

เฟียน่าหันไปมองข้างหลัง พบกับชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นหน้าอย่างดี ถึงแม้ว่ากลางหน้าอกเขา ควรจะมีรอยกระสุนที่ถูกฝังลงไป กลับไม่มีราวกลับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น

 

“พี!”

 

เฟียน่าสะกดคำนี้ออกมาแทบไม่ไหว น้ำตาเริ่มคลอที่เบ้าตาเริ่มนึกถึงความหลังเมื่อหลายปีก่อนที่เคยถูกคนๆ นี้ช่วยไม่รู้กี่รอบ

 

‘นายอีกแล้ว...กี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้...ที่เป็นนายปกป้องฉัน’

 

“พีนี่นาย---”

 

เฟียน่ายังไม่ทันได้ถามอะไร เขาก็เข้ามากอดเธอเหมือนโลกรอบข้างช้าลงไปถนัดตา มีแต่เราสองคนที่ยังเป็นปกติ...เขาค่อยๆ อุ้มตัวเธอขึ้น เผลอมองตาเขา...ตาข้างซ้ายสีน้ำตาล แต่ข้างขวาเปลี่ยนเป็นสีแดง

 

“ทะ...ทำไมนาย” เฟียน่าพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “...ทำแบบนี้...กับฉัน...อยู่เรื่อย”

“เพราะฉันไม่อยากเห็นใครเป็นอะไรไป ทั้งๆ ที่ฉันช่วยได้”

 

‘คำตอบเดิมอีกแล้ว...เหมือนหลายปีก่อน’

 

พีพาเฟียน่าหลบมุมตรงทางเลี้ยว ปล่อยเธอลง แล้วทุกอย่างรอบตัวเริ่มกลับมาเคลื่อนปกติอีกครั้ง

 

‘ทำไมทุกอย่างรอบตัวฉันเมื่อกี้มันช้าไปหมด

มันเขาเป็นคนทำมัน?

พีทู?’

 

“พี่สาว!”

 

เสียงโซตะที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้เฟียน่าตกใจมากจนต้องเข้ากอด

 

“โซตะ! เป็นอะไรมากหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนไหม?”

“ไม่เลยฮะ ได้พี่ชายเทพคนนี้ช่วยไว้ฮะ”

 

โซตะตอบด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก็หมดห่วงแล้วเธอก็หันไปถามเรื่องที่ข้องใจตั้งแต่เมื่อครู่

 

“พี...นายทำแบบนั้นได้ไง? นายเองก็ใช้พีทูได้?”

“...คงงั้นมั้ง” เขาตอบแล้วยิ้มไปทางอื่น “พวกเธอสองคนรีบหนีไป ฉันมีธุระต้องช่วยลุงเธอต่อ”

“ลุงฉัน!? ดะเดี๋ยว!”

 

ยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็วิ่งออกไปแล้ว

ก่อนที่เฟียน่าจะตะลึงในสิ่งที่เขาทำต่อหน้า...

 

◊◊◊

 

คุยกับคนเขียนแป๊ปปปปปป

จบไปอีกตอนแล้วนะจ๊ะ

เมื่อพีได้พบกับสาวลึกลับนามว่าเรสเทียร์

เขากลับได้พลังลึกลับมา

แล้วพลังนั่นคืออะไรล่ะ?

โปรดติดตามตอนต่อไป ที่มีชื่อว่า วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 6 [เดิมพันด้วยชีวิต]

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา