P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 3 [ลาจาก]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความP.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
- Ch.3 วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 3 [ลาจาก]
Rewrite V.3
◊◊◊
[XX:XX] [25/12/2057]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, โรงเก็บเครื่องบิน]
“ท่านครับ หน่วยแทรกซึมบีรายงานมาว่าติดตั้งระเบิดไว้ที่ AT-250 ตามแผนแล้วครับ”
เสียงวิทยุเข้ามาถึงชายผู้หนึ่งในมุมสลัว คลับคล้ายคลับคลาว่าเขามีกระบี่เล่มยาวแนบเอวอยู่ พอลูกน้องรายงานจบ เขาก็พูดคำสั่งต่อไป
“เตรียมตัวแผนขั้นต่อไป”
“ครับท่าน”
◊◊◊
[20:15][25/12/2057]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, ไฮเวย์สายที่สอง]
ตอนนี้พีอยู่บนรถแท็กซี่ กำลังมุ่งตรงไปสนามบินขนาดเล็กที่ชื่อว่า ‘ดอนเมือง’ แล้วเขาก็เริ่มคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
‘เฮ้อ...วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแฮะ ฉันเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะรับมือกับเรื่องพวกนี้ไหวหรอก แต่คงเป็นเพราะมันเข้ามาหลายเรื่องจนไม่มีเวลาจะคิดเรื่องไหนเรื่องหนึ่งให้สำคัญสุดๆ เลยล่ะมั้ง...
เรื่องแรก คงเป็นเรื่องฝาแฝดเราสินะ’
พีหยิบมือถือเปิดขึ้นมาแล้วสั่งระบบด้วยเสียง ซึ่งจะเช็ดเรื่องตัวตนของเขาเอง
“เปิดข้อมูลทะเบียนบ้านเก่าของฉัน”
ในจอมือถือเด้งรายชื่อสมาชิกในครอบครัวบ้านหลังเก่าขึ้นมา
ยาโตะ หงฆ์สกุล / บิดา / เจ้าของบ้าน
จันทรา หงฆ์สกุล / มารดา / ผู้อาศัย
ธีระ หงฆ์สกุล / บุตรชาย / ผู้อาศัย
‘มีแค่สามคน? ข้อมูลนี้คงเป็นข้อมูลล่าสุดสินะ งั้นก็...’
“แสดงข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงก่อนครั้งล่าสุด”
เขาพูดให้มือถือย้อนแสดงข้อมูลเก่า เพียงแค่ไม่กี่วินาที ก็มีรายชื่อที่สี่เด้งเข้ามา
ยูริ หงฆ์สกุล / บุตรสาว / ผู้อาศัย
‘ชื่อฝาแฝด...พี่ที?’
พีแค่สะกดชื่อฝาแฝดเขาในใจ ทำให้เขาสึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด
‘สงสัยตอนเด็กพี่กับฉันคงสนิทกันมากน่าดู ถึงได้รู้สึกแบบนี้’
พียิ้มขึ้นมาก่อนที่จะเก็บมือถือลงไป แต่นั่นทำให้เขาเห็นสิ่งที่อยู่บนมือขวาของเขาอีกครั้ง
‘แผ่นกระจกนี่มันอะไร?’
พีเขย่ามือขวาสลัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุด ก่อนที่เขาจะหยุดแล้วใช้มือซ้ายพยายามงัดแผ่นกระจกออกมาแต่ก็ทำไม่ได้
‘อะไรเนี่ย! ทำไมมันเป็นแบบนี้!? มันฝังลงไปในมือฉันได้ไง?’
เจ้าตัวพยายามลองหลายวิธี จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเอาออกได้ราวกับว่าแผ่นกระจกนั่นได้กลายเป็นเนื้อเดียวกันกับมือของเขาไปแล้วและด้วยความที่พีดิ้นไปดิ้นจนทำให้คนขับรถแท็กซี่จ้องดูเขาผ่านกระจกมองหลัง
“เอาออกยังไงเนี่ย!?” พีบ่นออกมาอย่างเบาๆ
“หือ!?”
เสียงของคนขับแท็กซี่ ที่ทำให้พีหันไปมองกระจกมองหลังที่เขาจ้องมองพีเหมือนคนขับจะพยายามพิจารณาตัวเขาแบบละเอียดทีถ้วน
‘แต่เดี๋ยวก่อนน่ะ ตาสีฟ้า ทรงผมตั้งๆ สีแดง ทรงหน้าเรียวของคนขับแท็กซี่นี่มัน...เจ้า...’
“ทอมมี่!”
พีตะโกนลั่นรถ
‘ใช่มัน ใช่เลย ไอ้หน้าแบบนี้ ทรงผมแบบนี้ สายตาแบบนี้ มันคือเพื่อนสนิทสมัย ม.ปลาย’
ทอมมี่ที่ทำหน้าตกใจหลังได้ยินชื่อตัวเองแล้วเหมือนจะนึกอะไรออก
“...นายคือ...พีจัง!!”
“โอ๊ย!”
คนขับแท็กซี่ตะโกนอีกชื่อหนึ่งของพีที่เจ้าตัวไม่ได้ยินนานแล้วพร้อมเหวี่ยงรถจอดข้างทาง เหมือนก้นเขาจะกระแทกกับริมประตูรถ
“นี่แก! หัดเบรกให้มันนิ่มๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ก้นฉันกระแทกประตูนะเห็นไหม!”
พีตะโกนว่าด้วยประโยคที่แลดูสนิทกัน แต่เพื่อนที่ได้ชื่อว่า ‘สนิท’ กลับทำหน้าดีใจราวว่าเป็นคำที่มันอยากได้ยินหนักหนา
‘ทำไมฉันต้องมาเจอเพื่อนเก่าสมัย ม.ปลาย ตอนนี้ด้วยว่ะ
แถมเป็น ม.ปลาย ที่ฉันไม่อยากจะนึกถึงมันสักนิด
เฮ้ย...แล้วมือฉัน...เอาไงดี!?
ใส่ถุงมือที่ได้มาไว้ก่อนล่ะกัน ไว้ไปโรงพยาบาลให้แงะออกทีหลัง ถึงจะยังไม่เข้าใจผู้หญิงชุดดำพูดไว้ก็เหอะ’
พีหยิบถุงมือที่ซื้อมาตอนที่เดินอยู่ในห้างก่อนหน้านี้จากในกระเป๋ากางเกงมาสวมมือไว้ทั้งสองข้างแล้วก็ได้ยินเสียงทอมมี่เรียกหา
“คิดถึงที่สุดเลย พีจังของผม...หายหน้าไปนานหลังเกิดเรื่องนั่น หน้าตาเปลี่ยนไปเยอะมากเลย ใส่หน้ากากอีกและก็---”
ทอมมี่เริ่มเพ้อไปเรื่อย
‘ก่อนอื่นคงต้องบอกให้มันขับรถต่อ ไม่งั้นคงไปหาเมงุมิไม่ทันแน่ๆ’
“นี่แก ช่วยขับรถต่อได้ไหม ฉันรีบมาก”
“แต่ว่าเพิ่งจะได้---”
“เออ...ฉันรู้ว่าอยากคุยแต่ขับไปคุยไปก็ได้นี่หว่า”
พีกอดอกนั่งไขว้ขาแบบไม่รู้ตัวทำหน้าจริงจังใส่ทอมมี่และคนที่โดนจ้องใส่ก็รู้สึกตัวดี เลยรีบทำตามคำสั่ง
“รับทราบครับ สาวดุ้นของผม”
‘โว้ย!!!’
พีด่าเพื่อนเขาในใจ ก่อนที่จะสบถในใจต่อเป็นชุด
‘อยากเตะมันออกจากรถมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นคนขับรถให้นะ...สาวดุ้น มันพูดมาได้...ฉันไม่อยากนึกถึงมันเลย ช่วงมอปลายที่ฉันแต่งหญิงตลอดสามปีเต็ม หน้าตาหวาน สีผิวขาวชมพูกระจ่างและทรงผมที่ยาวถึงคอ...’
พอนึกถึงตรงนี้ ทำให้พีคิดถึงภาพในกรอบรูปที่ห้องที่เขาคว่ำไว้อยู่ เป็นภาพเขาสมัยมอปลายนั่นเอง
‘ใครๆ ก็มองว่าฉันเหมือนผู้หญิงมาก แต่ถ้าไม่เกิดเรื่องวันนั้น หน้าตาฉันคงไม่เปลี่ยนเหมือนทุกวันนี้หรอก’
“นี่ทอมมี่” พีพูด “ฉันไม่ใช่สาวดุ้นอุดมคติของแกแล้วนะ หน้าฉันเสียโฉมไปจนต้องใช้หน้ากากปิดแถมทำงานจนผิวโดนแดดซะไหม้ไปหมดแล้ว”
“แต่ก็ยังชอบใช้คำว่า ‘ฉัน’ เยอะเป็นดงกระสุน กับท่านั่งไขว้แบบนั้น มันเธอชัดๆ เลยนะ พีจัง”
ทอมมี่พูดคุณลักษณะของตัวพีเองที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้
‘แม้แต่ความคิดฉันก็ยังใช้คำว่า ‘ฉัน’ เยอะมากจนรำคาญตัวเองเหมือนกัน แต่มันช่วยไม่ได้นี่น่าก็ฉันใช้มันจนชินแล้วนิ ตามปกติเป็นผู้ชายต้องเป็น ‘ผม’ อะไรประมาณ...
เฮ้ย...นี่เราคล้อยตามเจ้าทอมมี่’
พอพีรู้สึกตัวก็เห็นทอมมี่ที่หันหน้ามาส่งยิ้มให้ราวกับรู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ เห็นใบหน้าที่น่าหมั่นไส้ พีก็เลยควักเล็บมาจิกหลังคอเพื่อนเขา
“โอ้ย!! เจ็บๆ” ทอมมี่ร้อง
“หุบปากเน่าๆ ของแกซะ” พีสั่ง
‘งอนมันล่ะ ให้ตายสิ นี่ฉันต้องเจอเรื่องอะไรแบบนี้และเป็นตอนนี้ด้วยนะ
ฉันต้องโฟกัสไปเรื่องของ---’
เจ้าตัวยังคิดไม่เสร็จได้ยินเสียงถอนหายใจของทอมมี่แล้วก็ชวนนอกเรื่องที่ทำให้เขาคิดอดีตอีกครั้ง
“เฮ้อ นี่พีจัง...ถ้าวันนั้นเธอไม่รับน้ำกรดแทนยัยนั่น ตอนนี้เธอคงสวยมากแน่”
‘น้ำกรด...อดีตที่แสนปวดร้าวนั้น...
ใช่ ตอนนั้นฉันเห็นว่ามีคนจะสาดน้ำมาใส่เพื่อน เลยกระโดดขวางไว้แล้วมันก็โดนตัวฉันเอง สุดท้ายหน้าซีกซ้ายบนฉันเละไปหมด จะศัลยกรรมก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น ตั้งแต่นั้นมา ฉันพันผ้าหน้าไว้จนจบ ม.ปลาย เลยทีเดียว จากมีคนที่สนใจฉันมากมาย ก็เหมือนถูกทิ้งกลางคัน มันรู้สึกปวดร้าวบอกไม่ถูกแฮะ...ฉันคงอยากได้รับความสนใจจากคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วมั้ง’
“แต่เธอกล้าหาญมาก ผมนับถือเลย” ทอมมี่พูด
“อือ ขอบใจ...” พีขอบใจพลางๆ
‘ฉันอยากคุยกับมันหลายเรื่อง เพราะไม่เจอมันนานมากที่จริงเมื่อก่อนฉันก็มีเบอร์ติดต่อกับมันอยู่นะ แต่เรื่องที่เกิดคราวนั้นมันทำให้ฉันเครียดมากจนเปลี่ยนเบอร์หนีเลยตัดขาดกับทุกคนสมัย ม.ปลาย หมด’
“ว่าแต่เธอมีธุระด่วนที่สนามบินเรื่องอะไรหรอ”
ทอมมี่ถามขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่พีเห็นมันผ่านกระจกหลัง
‘ไอ้นี่ ยิ้มได้ตลอดเวลาจริงๆ ฉันหาเพื่อนคุยได้เพิ่มล่ะ’
“ฉันจะไปลาเพื่อนเก่าสมัยเด็กที่นั่นนะ”
“...สมัยเด็ก!? ความจำเธอกลับมาแล้ว?” ทอมมี่ร้องตกใจขึ้นมา
‘หมอนี่มันก็รู้เรื่องของฉันเหมือนกัน ว่าฉันความจำเสื่อม’
และแล้วพีก็ต้องเล่าเรื่องของเมงุมิฉบับสั้นให้ฟัง
“ก็...ไม่ถึงกลับจำได้ทั้งหมดหรอก พอดีเพื่อนคนนั้นมาช่วยเล่าเรื่องตอนเด็กๆ ให้ฟัง ก็เลยพอนึกบางเรื่องออกล่ะนะ และเธอคนนั้นก็จะบินกลับ Area JP ในชั่วโมงนี้ด้วย”
“ผู้หญิงงั้นหรอ...” ทอมมี่ทำเสียงสูง “เปลี่ยนใจมาชอบผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไร”
“อย่าพูดอย่างกับว่าฉันชอบผู้ชายจะได้ไหม?” พีขึ้นเสียงใส่
‘ไอ้ทอมมี่ถามได้น่าถีบมาก แล้วมันก็หัวเราะอีก’
“เอาเหอะๆ แค่ล้อเล่นเห็นเธอทำหน้าซีเรียสตั้งแต่ขึ้นรถมาล่ะ” ทอมมี่พยายามแถ
‘จริงสิ มันชอบขี้เล่นแบบนี้มานานล่ะ แต่ก็ไม่ชินกับมันสักที ตอนนี้คงต้องทำหน้าซีเรียสต่อแล้วสิ’
แล้วพีก็ทำตามที่คิดและดูเหมือนจะได้ผล ทอมมี่มองเขาสักพักก่อนที่จะถามฉันเรื่องหนึ่ง
“เหลือเวลาให้กี่นาที?”
“สี่สิบนาที” พีตอบตามเวลาที่เหลือ
“...เตรียมเกาะแน่นๆ จะซิ่งตรงดิ่งเลย พีจัง!” ทอมมี่พูดแล้วเร่งรถทันที
“เฮ้ย!”
ทอมมี่ซิ่งเต็มคันเร่ง พีที่ตั้งตัวไม่ทันหัวกระแทกกับกระจกหลังเรียกได้ว่ามันเจ็บเอาเรื่อง
‘แต่มันไม่สำคัญหรอก ตอนนี้ภาวนาไปต้องให้ทันทีเถอะ’
◊◊◊
[20:55][25/12/2057]
[Area TH-7 เขตกลาง, Blue Zone, สนามบินดอนเมือง]
ตอนนี้ถึงถนนหน้าสนามบินตรงทางเข้าผู้โดยสารแล้ว พีเอามือถือแตะตรงหน้าจอหลังคนขับ เป็นการจ่ายเงินรูปแบบหนึ่ง และก็รีบเปิดประตูลงทันทีเลย แต่มีเสียงเรียกจากทอมมี่ก่อน
“เดี๋ยวก่อน!! พีจัง เอามือถือมา”
“หือ?”
พีรู้สึกงงๆ ว่าทอมมี่จะทำอะไร เขายื่นหน้าออกมาจากรถแล้วก็เอามือถือมาชนกับเครื่องพี เป็นการแลกโปรไฟล์กัน
“แล้ววันหลังผมจะโทรไปหานะจ๊ะ พีจัง”
ทอมมี่หลิ่วตาข้างซ้ายพยายามส่งเสน่ห์ให้พี แต่มันไม่ได้ผล
‘เอาหมัดฉันไปแทนล่ะกัน!’
“โอ้ย!”
หน้าทอมมี่โดนหมัดของพีกระเด็นเข้ารถของเขาเอง และพีก็รีบเผ่นเข้าประตูผู้โดยสารอย่างเร็วก่อนที่จะมียามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
‘แต่ก็ขอบใจมากนะ เพื่อนยาก’
พียิ้มหันหลัง...ก่อนที่จะสะดุ้งกับเสียงข้อความเข้ามือถือที่ส่งมาจากเจ้าทอมมี่เป็นรูปเขาในห้องเรียนสมัย ม.ปลาย ใส่ชุดนักเรียนหญิงเขียวขาวนั่งกัดปากกาเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ ผมสีน้ำตาลที่ยาวถึงคอ นัยน์ตาสีน้ำตาล ผิวสีขาวอมชมพูทั้งตัว ดูยังไงก็ผู้หญิง...
‘เดี๋ยวนะ...’
“ไอ้ทอม---”
พีกำลังจะตะโกนด่า แต่ทอมมี่ชิ่งขับรถหนีไปแล้ว
‘เดี๋ยวตามไปกระทืบมันทีหลัง ตอนนี้ต้องโทรหาเมงุมิก่อน’
พีกดมือถือหาเมงุมิแบบวิดีโอคอล (แบบเห็นหน้า) หน้าจอก็ขึ้นมาว่ากำลัง Calling อยู่ แต่แค่สามวินาที ก็มีคนรับ ภาพเมงุมิปรากฏขึ้นมากับฉากหลังที่ชวนให้เขาตกใจ
‘เธออยู่ในเครื่องบินแล้ว!’
“พีคุง เฮ้อ...พีคุง”
เสียงเมงุมิพูดอย่างอ่อนแรง เขาเห็นเธอเหงื่อท่วมทั้งตัว
“เมจัง เกิดอะไรขึ้น?”
“มีเรื่องฉุกเฉินนิดหน่อยค่ะ ก็เลยทำให้ต้องบินก่อนกำหนดค่ะ”
‘ไม่ทันงั้นเหรอ?
โชคชะตามันช่างเลวร้ายจัง’
พีรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
“คุณหนู ตอนนี้กำลังจะบินขึ้นภายในสองนาทีนะครับ”
เสียงคุณบอดี้การ์ดข้างๆ คนหนึ่งกระซิบบอกเมงุมิ
‘หา!? อ้าวยังไม่ได้บินขึ้นเหรอ...
อ๋อ กำลังจะบินขึ้นงั้นก็...’
พีตัดสินใจวิ่งออกนอกอาคารผู้โดยสารที่เพิ่งเข้ามาแล้ววิ่งเลียบแนวรั้วสนามบิน เมงุมิเห็นเขาในจอภาพกำลังวิ่งอยู่ก็เลยถาม
“พีคุงจะทำอะไรคะ?”
“ก็จะโบกมือลาเธออยู่ข้างๆ รั้วสนามบินไง”
‘ใช่ อย่างน้อยถ้าได้ทำแบบนี้ฉันจะรู้สึกดีกว่าบอกลาผ่านมือถือเฉยๆ ล่ะนะ’
“แล้วรู้หรอคะ ว่าฉันอยู่เครื่องบินลำไหน?” เมงุมิถาม
พีลืมข้อนี้ไปสนิท ถ้าไม่มีคนเตือนเมงุมิเห็นเขาหน้าแดงอายขึ้นมา ก็เลยบอกให้เลยว่าอยู่ลำไหน
“ฉันอยู่บนเครื่องบิน AT-250 สีชมพูขาวค่ะ”
‘AT-250 ชมพูขาว?’
พีวิ่งไปและกวาดมองสายตาทั่วลานสนามบินไปด้วย จนเจอเป็นลำที่กำลังแล่นเข้าสู่ถนนรันเวย์หลักอย่างช้าๆ
‘จะทำยังไงให้เธอเห็นฉันล่ะ ลองโบกมือล่ะกัน’
“เฮ!! เมจัง เห็นฉันไหม” พีตะโกนแล้วโบกมือไปทางเครื่องบิน
“งืม...แป๊บหนึ่งนะคะ” เมงุมิในจอภาพหันไปถามคนข้างๆ “...คุณบอดี้การ์ด เอากล่องส่องทางไกลมาให้หน่อยค่ะ...อันนั้นแหละๆ งืมอยู่ไหนคะ อ๋อ! เห็นแล้วค่ะ”
‘อันที่จริงเราสองคนก็มองผ่านมือถือก็ได้นะ แต่เห็นตัวจริงด้วยตาตัวเองนี่มันดีกว่าเยอะ ฉันดีใจสุดๆ ล่ะ ไม่ได้รู้สึกแบบนี้นานแล้ว’
พีคิดแบบนั้นแล้วพยายามโบกไม้โบกมืออยู่เรื่อยๆ และเขาก็เห็นตัวเมงุมิในจอมือถือเขย่าเล็กน้อย เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเครื่องบินที่เธอนั่งกำลังบินขึ้น...
‘จะไปจากที่นี่แล้วสินะ’
“ฉันคงต้องวางสายแล้วค่ะ”
เสียงเศร้าของเมงุมิที่ทำให้พีต้องปลอบเธออีกครั้ง
“ไว้โทรมาไหม หลังถึง Area JP ก็ได้นี่น้า...เออ!! ฉันมีอะไรให้ดู”
พีส่งรูปของเขาตอน ม.ปลาย ที่ทอมมี่ให้มาส่งต่อให้เมงุมิดู
“รูปใครคะ” เมงุมิถาม
“ก็รูปฉันตอน ม.ปลาย ไง”
“หา!?”
สีหน้าเมงุมิในจอตกใจมากพีเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก
“ตกใจล่ะสิ มันต่างจากตอนนี้มาเลยนะ” พีพูดเหมือนจะภูมิใจ “...เดี๋ยวเธอถึง Area JP เมื่อไหร่ โทรมาหาฉัน แล้วจะเล่าให้ฟังล่ะกัน”
“ค่ะ!!..ไว้คุยกันทีหลังนะคะ บ๊ายบาย”
“บาย”
พีกดวางสายลง...ก่อนที่จะแลตาดูเครื่องบินที่กำลังบินออกจากรันเวย์ไป
‘ขอบคุณมากๆ นะ เมงุมิ...
ขอบคุณทุกๆ อย่างเลย...ที่ทำให้ฉันหาจุดหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อไป
ขอให้เธอมีความสุขที่นั่นล่ะกันนะ
ฉันคงต้องใช้ชีวิตอาภัพนี่ต่อไปให้ได้...ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ฉันจะอยู่รอเธอนะ เมงุมิ...
หือ!?’
พีร้องขึ้นมาในใจเพราะเห็นแสงสีเหลืองๆ บนเครื่องบินที่เมงุมินั่งอยู่ก่อนที่เครื่องบินจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ตูม!!!
เสียงระเบิดที่มาช้ากว่าภาพที่เห็น...มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเสียงมาช้ากว่าภาพ
‘เครื่องบินลำนั้นระเบิด!?
งั้นก็หมายความว่า...เมงุมิ’
พีรีบกดมือถือโทรหาเมงุมิ
‘ติดต่อไม่ได้...’
เขาพยายามกดโทรแล้วโทรอีก...
‘ติดต่อไม่ได้...
เฮ้ย...มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!’
ตอนนี้เขารู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวจนนั่งลงคุกเข่าไปกับพื้น ในใจเขากำลังพยายามปฏิเสธความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
‘เธอตายแล้วงั้นหรอ...ไปพร้อมกับเครื่องบินลำนั้น
ไม่น่ะ...
ไม่...
ไม่...
ไม่!!!!!!!!’
◊◊◊
และแล้วก็จบไปแล้วนะจ๊ะกับตอน วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 3 [ลาจาก]
เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเมงุมิ
พีจะทำยังไงต่อไป?
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า วิกฤตการณ์กลางเมือง บทที่ 4 [เริ่มวิกฤติ]
By Spy442299 & Nattanan Srising
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ