P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
44) Battle: Area TH-7 บทที่ 2 [ระเบิดจบศึก]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
P.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
- Ch.38 Battle: Area TH-7 บทที่ 2 [ระเบิดจบศึก]
◊ ◊ ◊
[มุมมองของเหล่าการ์เดี้ยน]
[15:01] [10/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, War Zone, ท่าเรือแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ]
“มันเสี่ยงเกินไป! เดินเท้าไปเรื่อยๆ น่าจะดีกว่า”
เทลแสดงความคิดเห็นต่อพลเรื่อนจำนวนหนึ่งที่พวกเขาพาหนีมา มีแผนจะลงเรือเร็วสองลำที่จอดเทียบท่าอยู่ แต่เขาเห็นว่ามันเสี่ยงที่จะออกเรือเพราะกระสุนหัวระเบิดที่ยิงออกมาจากเมืองลอยฟ้าชินโคเซ็นยังคงยิงกระหน่ำออกมาสุ่มทิศทางไม่หยุดยั้ง แถมมาตกแถวที่พวกเขาบ่อยๆ ด้วย
“ขืนพวกเราไม่รีบหนี เดี๋ยวก็ตายกันหมด!” หัวโจ๊กพลเรือนคนหนึ่งลุกขึ้นยืน “พวกเรา! รีบขึ้นเรือกันเลย!”
“เย้!”
เสียงเรียกร้องเห็นด้วยจำนวนสิบคนแห่กันไปทางที่เรือเร็วทั้งสองลำ จอดอยู่ เทลกางแขนขวางทาง
“อย่านะครับ! ได้โปรด! ไม่งั้นพวกคุณ...อ๊าก!”
เทลถูกผลักถอยทางออกไป ไลพ์วิ่งเข้ามาดูอาการ เทลส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร เมื่อเป็นเช่นนั้นไลพ์วิ่งเข้าไปตัดหน้าทางลงเรือขวางอีกคน
“ขอร้องล่ะค่ะ! เราไม่ได้พูดมั่วๆ หรือคิดเอาเอง แต่ทั้งหมดนี้มีการประมวลด้วยคอมพิวเตอร์และมีคำแนะนำจากเวิลด์เจเนรัลมาด้วยนะคะ!”
“ห๊ะ? เชื่อพวกนั้นด้วยเหรอหนู มันกะให้พวกเราตายให้หมดเพื่อจะฮุบที่นี่เป็นของตัวเองไง! ถอยไป!”
“อ๊าก!”
ไลพ์ถูกผลักออกจากทางลงเรือ ไม่ถึงกับล้มแต่ความอดกลั้นอารมณ์โกรธหมดสิ้นลง เธอคว้าไฟแช็กพร้อมที่จะใช้พีทูควบคุมไฟใส่พวกที่ไม่ยอมฟัง แต่ถูกทอมมี่เข้ามาล็อคตัวไว้
“อย่าเลยครับ...ปล่อยพวกเขาไป”
“จะบ้าหรือไง! ขืนให้พวกนั้นเอาเรือไป...”
“ก็ปล่อยเถอะครับ เราช่วยพวกเขาถึงที่สุดแล้ว”
พอเรือทั้งสองลำแล่นออกไปกลางแม่น้ำ หักเลี้ยวไปทางใต้ออกไปยังไม่ทันลับสายตา มีกระสุนหัวระเบิดยักษ์จากเมืองลอยฟ้ายิงใส่เรือทั้งสองเพียงนัดเดียว ทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีระเบิดสามสิบเมตรหายวาปไปกับตา สามสาวการ์เดี้ยน...เจนนิก้า นิฟและเอช เพิ่งวิ่งกลับมาจากการไปสำรวจทางล่วงหน้า เจนนิก้าเข้ามารายงานคนแรก
“เจอทางที่พอไปได้แล้วค่ะ...หือ? แล้วพลเรือนหลายคนหายไปไหน” เจนนิก้าเห็นว่าพลเรือนหายไปสิบคน เหลือแค่ประมาณยี่สิบ
“พวกเขา...ขอแยกทาง” เทลโกหกไปก่อนที่จะเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินตามหลังสามสาวการ์เดี้ยนมา “นั่นเธอพาใครมาด้วย? เอ๋? นั่นมันชุดโรงเรียนซิสเซลนิ”
ผู้ชายที่เทลพูดถึงไว้ผมสีขาวไม่สั้นไม่ยาวมาก นัยน์ตาสีแดง สีผิวเข้มแต่เปื้อนด้วยคราบนานาชนิดๆ อยู่ในชุดชายซิสเซลปีสาม เอชแนะนำให้รู้จัก
“รุ่นพี่คนนี้ชื่อว่าแอลเจียร์ฮะ เจอเขาระหว่างไปสำรวจเส้นทางมา”
“หวัดดีทุกๆ คน...” แอลเจียร์เคารพ “นี่กำลังจะหนี...หือ? นั่นมันคุณทอมมี่หรือเปล่าครับ”
“ครับ?” ทอมมี่ที่ไม่ได้สนใจแต่แรกเพราะมั่วใช้พีทูรักษาให้กับพลเรือนที่เหลืออยู่ “ผมเองทอมมี่ มีอะไรครับ?”
“โอ้ว ค่อยอย่างชั่ว ไม่โดนเจ๊ด่าแล้ว” แอลเจียร์ไม่ได้หมายถึงไลพ์ แต่เธอก็สะดุ้ง “พอดีคุณเฟลิกซ์ส่งผมมาค้นหาและคุ้มกันคุณให้ปลอดภัยครับ”
“เฟลิกซ์? รู้จักเธอด้วยเหรอครับ” ทอมมี่พยายามมองใบหน้าชายตรงหน้าที่เขารู้สึกคุ้นๆ แต่ก้นึกไม่ออก “แล้วจะพาไปไหนครับ”
“เซฟเฮาวน์ใต้ดินอยู่ห่างจากนี่ไม่มากครับ” แอลเจียร์ชี้ไปทางตะวันออก
“เฮ้อ ต้องขอขอบคุณความช่วยเหลือของคุณมากๆ เลยนะคะ” ไลพ์ออกตัว “อีกทั้งต้องขออภัยด้วยที่จำคุณไม่ได้ อยู่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ”
“ไม่หรอกครับ ผมก็จำคุณไม่ได้เหมือนกัน ตามผมมาได้เลย”
ประโยคที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพร้อมกับใบหน้าแอลเจียร์ที่นิ่งๆ เรียบๆ แต่นั่นทำให้ไลพ์ขมวดคิ้วกับความหมายประโยคนั้นอย่างยิ่งและในที่สุดเธอก็เลิกใส่ใจมันไป เหล่าการ์เดี้ยนพาพลเรือนตามแอลเจียร์ไปที่หลบภัยสงครามที่ใครๆ ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
◊ ◊ ◊
[อีกด้านหนึ่ง ที่ลานจอดรถอยู่ห่างจากเมืองลอยฟ้าสามร้อยเมตร]
“ฉันมาแล้ว!”
รันเนอร์กระโดดลงจากหุ่นยนต์หมียักษ์คู่หูของเธอ มาพบกับประธานบริษัทไฮเทคอัพเปอร์ที่ยืนคู่กับลูกสาวที่ถูกแปรสภาพเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์พกปืนสไนเปอร์ไรเฟิลที่หน้ากากสีดำทางซ้ายถูกพังเป็นรอยร้าว เหล่าทหารชั้นดีของเวิลด์เจเนรัลกว่าห้าสิบนายมาพร้อมประจำตำแหน่งด้วยเช่นกัน ทางด้านไฮเทคอัพเปอร์หน่วยเคนชิโร่ที่มีคนแค่สิบคนที่ทำให้รันเนอร์หัวเราะขึ้นมา
“นี่! ฮ่าๆๆ คนของพวกนายมีแค่นี้เองเหรอ”
“เท่าที่หามาได้ในสถานการณ์คับคัน...ก็มีอยู่แค่นี้”
เคนชิโร่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ที่ทำให้รันเนอร์หงุดหงิดใจ กล้องดวงตาของหุ่นยนต์หมีที่อยู่ข้างๆ ซูมดูเมงุมิที่ยืนเป็นการ์ดให้พ่อของตนเอง แล้วบอกบางเรื่องให้รันเนอร์
“รัน...ผู้หญิงตรงหน้าเป็นพลซุ่มยิงที่ทำร้ายเธอ!”
บรรยากาศของทั้งสองฝ่ายคลุกครุนขึ้นมาทันที รันเนอร์หัวเราะโพล่งขึ้นกลางวง
“หึหึ ฮ่าๆ นี่เท็ดดี้...แกพูดจริง?”
“เรพลอยด์อย่างฉันเคยล้อเล่นซะที่ไหน”
เมื่อรันเนอร์ได้ยินคำยืนยันจากเพื่อนซี้ของเธอเช่นนั้น คว้าปืนสองกระบอกคู่ใจขึ้นเล็งใส่คนตรงหน้าและนั้นทำให้ทั้งสองฝ่ายเอาปืนชี้ใส่กัน เคนชิโร่ที่ดูนิ่งเฉยที่สุดเอ่ย
“ขอไม่ปฏิเสธที่ผมเป็นคนสั่งมิซากะเมงุมิยิงเธอ...แต่ก็ไม่โดนจุดตายสักหน่อย”
“ยังมีหน้ามาพูด!” รันเนอร์ตะคอกใส่ “บอกมาเดี๋ยวนี้ ว่าพวกแกทำแบบนี้เพื่ออะไร...อ๋อ ลืมไปพวกแกเป็นไฮเทคอัพเปอร์นี่น่า คงสมคบกับลากัซ งานนี้พวกแกโดนล้างเผาพันธุ์ทั้งโคตรแน่”
“ไม่ใช่หรอก คนที่ขอร้องให้ผมทำแบบนี้กับเธอคือวิคตอเรีย ผู้นำของคุณ”
“ห๊ะ? พูดอะไรออกมา? ใส่ร้ายหน้าด้านๆ จะเป็นไปได้ยังไง...”
“ไม่เชื่อลองติดต่อถามวิคตอเรียเลย”
มือรันเนอร์แอบสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะเอาปืนลงยกเว้นคนอื่นที่ยังจ่อใส่กัน เธอกดเครื่องสื่อสารข้างหู คุยกับผู้นำของเธอเอง
“ท่านเลขาธิการ! นี่มันหมายความว่ายังไง...ห๊ะ? แล้วทำไม...แต่ว่า...อือ...ค่ะ...ได้”
รันเนอร์วางสายลงด้วยความเจ็บใจแล้วออกคำสั่ง
“ลดปืนลง!” รันเนอร์ทำสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ขอพูดไว้อย่างนะ...มันไม่ได้ลบความจริงที่ยัยลูกสาวของแกยิงใส่ฉัน”
เคนชิโร่ยิ้มเยาะมุมปลายปากก่อนที่จะเริ่มเอ่ยถึงแผนที่เขาวางไว้
“มาเริ่มคุยแผนการเทเลพอร์ตยึดชินโคเซ็นคืนกันดีกว่า”
ทางด้านหลังรันเนอร์ มีชายคนหนึ่งเพิ่งมาถึง เป็นแดเนียล ผอ. WGT หน่วยข่าวกรองของ World Generals เอ่ยรับช่วง
“เชิญท่านว่ามาเลย”
◊ ◊ ◊
[มุมมองของเมงุมิ – หลังจากเทเลพอร์ตเข้ามาในชินโคเซ็น]
[15:10] [10/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, War Zone, ป้อมปราการลอยฟ้า ‘ชินโคเซ็น’ จุดศูนย์กลาง ชั้น A3, ทางเชื่อมสะพานแก้วไปยังพิพิธพันธ์นิวไลพ์ (Museum Of New Life)]
‘ท่านพ่อ…’
ในใจเมงุมิกำลังแตกสลายเพราะเรื่องที่พ่อของเธอทำให้ลูกสาวตัวเองกลายเป็นสภาพครึ่งจักรกลและไร้การเรียวแล
‘ไม่เข้าใจจริงๆ...ผลกระทบจากโครงการที่ Area RU ทำให้ท่านพ่อเป็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ’
ตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังเดินอยู่บนสะพานภายในแท่งแก้วกระบอกขนาดใหญ่ที่ใสทะลุเห็นถึงความวุ่นวายของเมืองลอยฟ้าชินโคเซ็นที่อยู่ในสภาพจราจลจากการขึ้นเป็นใหญ่ด็อกเตอร์ลากัซที่พาเมืองเทเลพอร์ตมายัง Area TH-7 มีการส่งกองกำลังหุ่นยนต์ทหารคุมสถานที่สำคัญทั่วชินโคเซ็น มีพลเมืองที่ต่อต้านเลยทำให้หลายชั้นหลายที่ของเมืองลอยฟ้าแห่งนี้ลุกเป็นไฟ
‘เมืองของท่านปู่...การเสียสละของท่านกำลังจะสูญเปล่า ฉันไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่...แต่ร่างกายกลับไม่ฟังเลย’
ร่างกายครึ่งจักรกลของเมงุมิมุ่งเดินตรงไปยังประตูบานสูงใหญ่ราวกับปราสาทในยุคโรมัน มีรูปั้นนางฟ้าทั้งสองอยู่ข้างประตู
‘ที่นี่มัน...ที่เล่าขานกันว่าเป็นที่สถิตของนางฟ้า ฉันไม่เคยมาที่นี่เลยเพราะเป็นเขตหวงห้ามระดับสูงสุดด้วยระบบการป้องกันตนเองของที่แห่งนี้ แม้แต่พ่อของฉันยังเข้าไม่ได้’
และแล้วร่างกายของเธอผลักประตูทั้งสองเข้าไป พบกับสภาพภายในที่เหมือนโบสถ์ที่สถาปัตยกรรมแบบโรมันมานเนส ตรงหน้าสุดมีกระจกสีบานใหญ่ที่สลักนางฟ้าตนหนึ่งที่มีใบหน้าอันเรียบเฉยแต่ซ่อนความสุขใจไว้ที่มุมปาก ร่างกายของเมงุมิเดินเรื่อยๆ มาหยุดอยู่ตรงแท่นเวทีไม้แล้วมีเสียงผู้หญิงที่ค่อนข้างเด็กดังทั่วโบสถ์แห่งนี้
“ที่นี่ถูกใจเธอไหม? หลานสาวของเฮย์จิ”
เมงุมิได้ยินชื่อนี้ถึงกับอุทานออกมา
“ชื่อของท่านปู่? อุ๊บ!? นี่ฉัน...” เธอกำลังสับสนว่าตนเองหลุดจากการควบคุมของพ่อตนเองได้อย่างไร “ขยับตัว...ได้แล้ว เอะ? นี่...คุณอยู่ตรงไหน ฉันไม่เห็นตัวคุณเลย”
“ฉันอยู่ทุกๆ ที่”
“ทุกๆ ที่?”
“เมืองชินโคเซ็นก็คือตัวฉันเอง เฮย์จิปู่ของเธอช่วยชีวิตฉันด้วยการทำให้เป็นหนึ่งเดียวกับระบบเมืองนี้นะ เธอคง...ไม่เชื่อใช่ไหม”
“จู่ๆ มีคนบอกให้เชื่อ คงยากค่ะ แต่ยังไงต้องขอบคุณเรื่องทำให้ฉันกลับมาคุมตัวเองได้อีกนะคะ”
“อ่า...ฉันเปล่านะ คือที่แห่งนี้มันกันคลื่นไฟฟ้าได้เกือบหมด เพราะฉะนั้นถ้าเธอเดินออกจากที่นี่ไปก็คงเป็นเหมือนเดิม เว้นซะแต่ว่าเธอจะทำลายแท่นไม้ตรงนั้น”
“แท่นไม้?” เมงุมิมองไปยังแท่นไม้ที่เคยแท่นพิธีการตรงหน้า
“ลองทำลายไม้ภายนอกเพื่อดูสภาพที่แท้จริงข้างในสิ”
เมงุมิใช้มือข้างที่เป็นจักรกลฟาดเข้าที่แท่นไม้ตามเสียงปริศนาบอก แท่นไม้พังทลายเผยให้เห็นแท่งสีฟ้าภายในที่มีแสงสีขาวไหลเวียนไปมาจากภายนอกที่แห่งนี้ นัยน์ตาสีดำคู่เบิกโตขึ้นเพราะรู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร
“นี่มัน...เข้าใจล่ะค่ะ คุณคือดิออลโนว์ (The All Known) มันสมองกึ่งจักรกลยุทธวิธีของเวิลด์เจเนอรัลที่ปู่ฉันเคยพูดถึง”
“หือ? ใช่แล้วๆ”
“และเท่าที่ฉันรู้ลึกๆ มานะคะ...คนที่ถูกนำมันสมองแปลงเป็นจักรกลแบบนี้ก็คือคุณมอชชินนี่ ผู้นำที่แท้จริงของเวิลด์เจเนอรัลที่อยู่เบื้องหลังทั้งสามนั่น”
ความจริงที่เมงุมิรู้มาทำให้เสียงปริศนาเงียบไป...ก่อนที่จะพูดตะกุกตะกะ
“เห๊ะ? อ่า...ใช่ๆ ฉันไม่ต้องอธิบายยาวๆ แล้วสิ เฮ้อ...เอาล่ะได้เวลาที่เธอต้องทำลายแท่นนั้นแล้ว”
“ฉันอยากรู้ค่ะ ว่าทำไมฉันต้องทำลายมัน” เมงุมิยังคงสงสัยจุดประสงค์ของมอชชินนี่
“เธอก็น่าจะรู้จากท่านพ่อของเธอแล้วนิ ว่าเข้ามาทำลายเมนหลักที่ลากัซใช้ควบคุม”
“แต่มันไม่ใช่ที่นี่...อย่านึกว่าโกหกฉันได้นะคะ คุณแอบเข้าควบคุมฉันตั้งแต่ตอนที่พวกเราเทเลพอร์ตเข้ามาแล้ว”
“ฉลาด! งั้นก็รีบๆ ทำลายแม่นตรงหน้าด้วยมือเธอซะสิ เดี๋ยวเรื่องลากัซฉันจะจัดการให้เอง”
“ถ้าไม่ทำล่ะ?”
“ฉันก็จะเข้ายึดร่างกายเธอทำต่ออยู่ดี เพราะฉะนั้นให้เธอทำเองดีกว่านะ อิอิ” เสียงมอชชินนี่เริ่มเด็กขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่มีทางเลือกสินะคะ”
“ไม่เชิง...ฉันหาผู้สมรู้ร่วมคิดต่างหาก ฮ่าๆ”
“เด็ก”
“ห๊ะ?”
“ความคิดของเธอเหมือนเด็ก”
“ก็...ฉันเป็นเด็กจริงๆ นิ เอาล่ะรีบๆ ปลดปล่อยฉันได้แล้ว โดนขังมาตั้งห้าสิบปีเบื่อจะแย่”
เมงุมิเอื้อมหยิบปืนสไนเปอร์ที่สะพายหลังยกขึ้นเล็งลำกล้อง เล็งที่ส่วนปลายสุดที่แสงมารวมกัน
‘หวังว่าจะช่วยเมืองของท่านปู่ได้นะ’
เปรี้ยง! ครืน!
เธอลั่นไกปืน ส่วนปลายสุดของแท่นฟ้าใสปริศนาแตกออก แสงสีฟ้าที่ไหลรวมตัวกันได้หยุดนิ่งไป ตัวปราสาทมีการสั่นไหวชั่วครู่และหยุดลง เสียงเด็กผู้หญิงคนเดิมดังขึ้น
“เย้! ออกไปได้ซะที...นี่! เธอช่วยรออยู่นี่ก่อนนะ ฉันต้องไปหยุดแผนร้ายของลากัซก่อน มันตั้งเวลาระเบิดเมืองนี้ไว้นะ!”
“ห๊ะ!? เดี๋ยว! นี่เธอ...ฮัลโหล...”
ไม่มีเสียงตอบรับจากมอชชินนี่ เมงุมิถอนหายใจก่อนที่จะรู้สึกหน้ามืดจนต้องล้มลงนอนหงายกับพื้น
‘เหนื่อย...ร่างกายฉันแทบไม่ได้พักเลย...ต้องรายงานให้ทุกคนรู้ก่อน’
เมงุมิเอื้อมมือไปกดเครื่องสื่อสารข้างหู
“นี่เมงุมิ นี่คือเมงุมิ โปรดทราบ ทำตามแผนสำเร็จแล้วค่ะ พวกคุณเริ่มแผนขั้นต่อไปได้เลย”
“เมงุมิ!” เสียงเคนชิโร่ดังเข้ามา “ทำไมพ่อถึงคุมร่างกายลูกไม่ได้ สัญญาณภาพก็ตัดขาดมาหลายนาทีแล้ว”
“ยังมีน่ามาพูดแบบนี้อีกนะคะ ท่านพ่อ” เมงุมิน้ำตาคลอเบ้า “ลูกหลุดจากการควบคุมของท่านพ่อแล้วนะคะ และหลังจากนี้หนูจะเป็นอิสระ ไม่พบพะ...คุณอีกต่อไป”
“ไม่! เธอต้องกลับมา! เธอคือเรซเซอร์เรกชั่นของพ่อ!”
เมงุมิได้ยินคำพูดที่แทงใจดำเธอย่างยิ่ง ทำให้เธอเสียใจอย่างมาก
‘พ่อ...ทำไม...’
เมงุมิปิดเครื่องสื่อสารด้วยมือที่สั่นสะท้าน นัยน์ตาสีฟ้าทั้งสองข้างมีน้ำตาแห่งความผิดหวังโศกเศร้าไหลออกมา และเธอก็นอนเสียใจอยู่กลางปราสาทแบบนั้นเรื่อยไป
◊ ◊ ◊
[มุมมองของลากัซ]
‘เฮ้ยๆ ทำไมคอนโทรลไม่ได้?’
ด็อกเตอร์ลากัซที่อยู่ตรงหน้าแผงคอนโซนกำลังรัวแป้นพิมพ์ไม่ยั้ง หลังระบบไม่ยอมทำตามที่เขาใส่คำสั่งเข้าไป เขารู้ว่ากองกำลังทหารของเวิลด์เจเนอรัลและเคนชิโร่เทเลพอร์ตเข้ามาในชินโคเซ็นเพื่อมาหาเขา ซึ่งก่อนหน้าได้พยายามสกัดถ่วงเวลาพวกนั้นอยู่ แต่จู่ๆ เกิดคุมระบบเมืองและสื่อสารกับพรรคพวกตัวเองไม่ได้แถมปืนใหญ่ที่ระดมยิงรอบเมือง Area TH-7 หยุดทำงาน
‘มีเกิดบ้าอะไรขึ้น...แผนของข้าที่วางไว้พังพินาศหมด เจ้าเคนชิโร่นั่นดันไม่ตาย เจ้าเด็กพีที่มีแกนกลางนั่นก็เสือกรับกระสุนระเบิดนั่นนั้นแทน แล้วตอนนี้ยังคุมระบบไม่ได้อีก พวกนั้นไม่มีทางที่จะแฮคจากภายนอกได้ นอกซะจากว่า...ที่ปราสาทนั่นจะ...’
ลากัซพอคิดอะไรบางอย่างออกเลยโมโหทุบแป้น
‘โธ่โว้ย! พวกมันเบี่ยงเบนความสนใจของเราเพื่อที่จะเข้าไปแฮคจากภายในหรือ…โดนแผนโง่ๆ หลอกเข้าจนได้!’
ลูกน้องของลากัซโดยรอบที่อยู่ในชุดเสื้อกราวน์ขาวที่มีตัวอักษร E.P.P. อยู่ รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน
“พวกมันกำลังมาถึงที่นี่ภายในสิบนาทีครับท่าน! เราต้านมันไว้ไม่อยู่แล้ว!”
“รู้น่า!” ลากัซเหวี่ยง
“จะให้ถอนตัวเลยไหมครับท่าน”
ลากัซกัดฟันมือหงิกก่อนที่จะปลดปล่อยความไม่พอใจออกมา
“โธ่โว้ย! ทุกคนถอนตัวได้! เจอกันที่จุดนัดพบ...” ลากัซเดินไปยังตู้ใสหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ที่มีกล่องเหล็กดำๆ ที่มีรูกุญแจสองรู “ไวท์! มาทำให้ระบบเจ้านี่ทำงาน”
ชายชุดกราวน์คนหนึ่งที่หัวโล้น มีอายุหน่อยเดินเข้ามาหาพร้อมถือกุญแจกมา
“ท่านแน่ใจเหรอครับ ว่าจะเอาแบบนี้”
“เสียบๆ ไปเถอะ” ลากัซคว้ากุญแจที่ติดตัวเสียบรูทางซ้าย
“ได้ครับ...” ไวท์เสียบอีกรูตาม “เดี๋ยวจะนับถอยหลังแล้วบิดไปทางทวนเข็มนาฬิกาพร้อมกันนะครับ...ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ศูนย์!”
ทั้งคู่บิดพร้อมกัน มีตัวเลขสีฟ้าตรงกลางกล่องเหล็กดำนับถอยหลังสิบนาที ลากัซมองมันแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย
‘ในเมื่อข้าไม่ได้สิ่งที่อยาก...ก็อย่าหวังเลยว่าใครจะได้มันไป!’
◊ ◊ ◊
[ห้านาทีผ่านไป]
[Area TH-7 เขตกลาง, War Zone, ป้อมปราการลอยฟ้า ‘ชินโคเซ็น’ จุดศูนย์กลาง ชั้น F2, ห้องบัญชาการป้อมปืนใหญ่]
“ไม่พบตัวลากัซเลยครับ”
ลูกน้องเคนชิโร่เดินเข้ามารายงานข้างๆ ตัวเคนชิโร่ที่ใช้แผงควบคุมที่มีรอยร้าวติดต่อกับวิคตอเรีย เลขาธิการแห่งเวิลด์เจเนอรัล เธอที่อยู่ในจอภาพถอนหายใจ
“คงเทเลพอร์ตหนีไปแล้วไกล เฮ้อ...นี่ท่านเคนชิโร่ วันหลังช่วยมอบเทคโนโลยีเจ้านี้ให้ทางเราหน่อย ถือว่าเป็นการชดใช้ค่าเสียหายที่คนของเจ้าทำเหิมเกริม”
“เอ่อ...” เคนชิโร่ไม่มีท่าจะปฏิเสธเพราะสถานการณ์บังคับ แต่ก็หวั่นใจเล็กน้อย “ได้ครับ”
“แล้วลากัซไม่ทิ้งข้อความอะไรหรือ?”
“คนของผมกำลังค้นหาอยู่ครับ...”
“แดเนียลล่ะ? ฉันติดต่อเขาไม่ได้ เขาอยู่กับท่านไหม?”
“ไม่ครับ เพราะเราแบ่งเป็นสามกองกำลัง เขาคงจะกำลังล่อพวกกลุ่มติดอาวุธอยู่ข้างนอก”
“อ๋อ...”
เคนชิโร่ว่าเช่นนั้นก่อนที่จะมีลูกน้องเจ้ามากระซิบแล้วชี้ไปทางข้างหลัง เป็นกำแพงสีขาวที่ตรงกลางมีรอยสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนเปิดได้ เคนชิโร่คว้ามีดที่พกไว้เข้าเสียบช่องว่างระหว่างกำแพงแล้วงัดออกมา ข้างในนั้นเป็นกล่องเหล็กดำที่มีเวลานับถอยหลังอยู่สามนาที เคนชิโร่ถึงกับปล่อยมีดทิ้งลงพื้นเพราะรู้ว่าของตรงหน้าคืออะไร
“เฮ! ท่านเคนชิโร่? เป็นอะไรของท่าน เจ้านั่นคืออะไร เหมือนจะมี...เวลานับถอยหลังด้วย”
“มันคือ...ระเบิด IS-0412 ระเบิดไฮนิวตรอนขนาดหนึ่งตัน”
ความจริงของวัตถุลึกลับนี่ทำให้คนที่อยู่รอบข้างและในจอสะดุ้งโหยงไปตามๆ กัน วิคตอเรียที่ดูเหมือนสติมากที่สุดเอ่ยขึ้น
“อาวุธของพวกไอริสมันอยู่ที่นี่ได้ไง!”
“เจ้านี่ขนาดมันมากพอที่จะทำลาย Area TH-7 เขตกลางได้ทั้งหมด...” เคนชิโร่ตัวสั่น “แถมเหลือเวลาแค่สองนาทีกว่าๆ”
“ไม่มีทางปลดฉนวนมันหรือไง!” วิคตอเรียถาม
“เจ้ากล่องที่หุ้มนี่มันทำมาดี...อะไรก็ตามที่ทำให้มันสั่นไหวในระดับที่กำหนด จะระเบิดทันที”
“งั้นก็หมายความว่า...”
วิคตอเรียเอามือกุมปากตามอารมณ์ของตนเอง เคนชิโร่ก้มหน้าเครียดและคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องบัญชาการป้อมปืนใหญ่แทบจะหมดแรงนั่งกับพื้น ท่ามกลางความสิ้นหวังนั่นเอง ในจอปรากฎหน้าต่างฉายสัญลักษณ์ลูกบอลสีเรนโบว์ขึ้นมาและมีเสียงเด็กผู้หญิงแหลมดังออกมา
“พวกเจ้านี่ช่างอ่อนหัดซะจริงๆ”
เคนชิโร่กับวิคตอเรียต่างตกใจกับเสียงนั้นเพราะทั้งคู่ต่างรู้ดีกว่าเธอคือใคร เคนชิโร่เอ่ยชื่อที่เขารู้จักขึ้นมาก่อนแล้วตามด้วยวิคตอเรีย
“ดิออลโนว์!?”
“ท่านมอชชินนี่!?”
“เฮๆ” เจ้าของชื่อทั้งสองทำเสียงไม่พอใจ “ท่านผู้นำก็พอแล้ว”
“ห๊ะ?” เคนชิโร่ขมวดคิ้ว
“เอาล่ะๆ นี่ไม่ใช่เวลามางงกับชื่อฉันนะ เคนชิโร่ นายรีบๆ เอาเทเลพอร์ตที่ติดตัวมาไปวางข้างๆ เจ้ากล่องดำนั่นสิ”
“จะทำอะไร?”
“เชื่อฉันเถอะน่า อย่าบอกนะว่าที่ฉันให้คำแนะนำนายมาตลอดมันไม่เคยทำให้ไว้ใจฉัน? นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะช่วยให้หลายล้านชีวิตรอดจากความตาย”
“ยังไง?” เคนชิโร่ยังเซ้าซี่ถาม
“นายเอาไปวางก่อน ฉันจะอธิบายให้ฟัง”
เคนชิโร่ทำตามโดยดี ระหว่างนั้นมอชชินนี่ที่สื่อสารผ่านจออธิบายไปด้วย
“ฉันจะใช้เทเลพอร์ตส่งเจ้าสิ่งนี่ไปอยู่ในที่ปลอดภัยจากทุกคน”
“แต่เทเลพอร์ตของข้า มันไปไกลแค่หนึ่งกิโลเมตรนะ? ยังไม่พ้นรัศมีของเจ้าระเบิดนี่เลย”
“แค่ห้าร้อยเมตรก็พอแล้ว เพราะที่ฉันจะส่งไปก็คือใจกลางคริสตัลชายน์มหึมาใต้เท้าอยู่นี่ไง ความหนาแน่นของมันมากพอที่จะทำให้ทุกคนไร้รอยข่วน”
“ท่านมอชชินนี่ มันได้ผลแน่ๆ ใช่ไหมคะ” วิคตอเรียถาม
“บอกให้เรียกท่านผู้นำไง” มอชชินนี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ได้เวลาส่งเจ้านี่ไปล่ะ!”
แล้วจู่ๆ แท่งแก้วใสสีฟ้าเหลี่ยมที่ถูกเรียกว่าเทเลพอร์ตเปล่งแสงครอบคลุมกล่องเหล็กที่บรรจุระเบิดหนึ่งตันก่อนที่จะส่องจ้าแสบตาแล้ววาปหายไป มอชชินนี่บอกเตือนทุกคนที่ดังไปทั่วเมืองลอยฟ้าชินโคเซ็น
“ทุกๆ ท่าน! เตรียมรับแรงกระแทกมหาศาลภายในสิบห้าวินาทีต่อจากนี้ สิบสาม สิบสอง สิบเอ็ด สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง!”
ตูม!
◊ ◊ ◊
[สิบนาทีก่อนหน้านี้]
[มุมมองของเหล่า Guardian และ MLA]
[15:25] [10/01/2058]
[Area TH-7 เขตกลาง, War Zone, สถานตรวจสอบคลังและของกลาง MLA]
“ช่วยได้เต็มที่ก็เท่านี่ล่ะครับ”
แอลเจียร์ที่เป็นคนนำทางมายังโกดังแห่งหนึ่งของ MLA บอกกับไลพ์ โดยที่แห่งนี้มีทางลงไปใต้ดิ้นที่มีที่หลบภัยแบบชั่วคราว มีอาหารห้องน้ำทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับห้าร้อยคน ซึ่งตอนนี้พวกเขารวบรวมพลเรือน Area TH-7 ได้ประมาณสองร้อยคนแล้ว และทั้งสองฝ่าย MLA และ Guardian โดยมีแอลเจียร์เป็นตัวแทนชั่วคราวของ MLA และทาง Guradian ที่มีไลพ์กับทอมมี่อยู่หน้าทางเข้าโกดังที่เป็นทางสู่ที่หลบภัยกำลังวางแผนจะออกไปค้นหาผู้รอดชีวิตเพิ่มอีก แต่ติดที่กำลังของ MLA ค่อนข้างน้อยเพราะถูกแบ่งกำลังไปช่วยทางใต้เยอะ และยังไม่สามารถกลับมาช่วยเขตกลางเพราะรับมือพลเรือนที่อพยพระหว่างเขตกับการโจมตีของชินโคเซ็นที่ไม่หยุดหย่อน ถึงตอนนี้ทอมมี่และพวกรู้ว่า แอลเจียร์คือคนที่รู้จักของเฟลิกซ์แน่ๆ แล้ว
“แล้วยังมีแบบนี้ที่อื่นหรือไหม” ไลพ์ถาม
“ไม่มีครับ ที่นี่เราเพิ่งสร้างเป็นต้นแบบเท่านั้นเอง กำลังรออนุมัติแต่ดันเกิดเรื่องก่อน”
“คุณเฟลิกซ์อยู่ไหนครับ?” ทอมมี่ถามต่อ
“เห็นว่าพาใครบางคนไปหาหมอเฉพาะทางที่ Area SP นะครับ”
“พีจัง...” ทอมมี่พูดแผ่วเบา
“อย่าหาว่าจับผิดอะไรนะ” ไลพ์มีเรื่องคาใจ “ทำไมต้องสร้างที่แบบนี้ด้วย มันเหมือนกับ...”
แอลเจียร์คิดอยู่ชั่วครู่แล้วบอกความจริงส่วนหนึ่ง
“ช่วงปีสองปีหลังมานี้มีปฏิบัติการณ์ใต้ดินแถวนี้ค่อนข้างเยอะครับ ทาง MLA เลยริเริ่มทำที่หลบภัยขึ้น ผมคงบอกได้แค่...”
โครม!
มีบางอย่างผุดขึ้นจากพื้นดินทางซ้ายมือของพวกเขาห่างออกไปสองร้อยเมตร เป็นรถทรงเหลี่ยมใหญ่ที่ข้างหน้ามีหัวสว่านที่เพิ่งเจาะพื้นดินขึ้นมา ประตูบานใหญ่ของรถข้างหลังถูกเปิดออก เผยให้เห็นจักรกลคล้ายแมงมุมหลายตัววิ่งออกไปทางเมืองลอยฟ้าชินโคเซ็น ไลพ์ร้องลั่น
“ไอริส! ทุกคนรีบเข้าไปหลบเร็ว!”
ความซวยหรือความบังเอิญก็ไม่รู้ มีเนโอสไปเดอร์ตัวหนึ่งหันมาเห็นพวกเขา รีบไต่วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ไลพ์จะหยิบไฟแช็คใช้พีทูระดมใส่ แต่ดันทำมันตกพื้น ทอมมี่เอาตัวเข้ามาบังเธอก่อนที่หุ่นแมงมุมนั่นจะเข้ามาเหยียบ ทว่าเนโอสไปเดอร์กลับถูกแอลเจียร์ใช้มือซ้ายข้างเดียวดันทั้งตัวเนโอสไปเดอร์ไว้อยู่
“ไม่อยากจะเชื่อ นี่ผมต้องใช้คอมแบทโหมด (Combat Mode) อีกแล้ว”
ที่หน้าผากแอลเจียร์มีแสงสีฟ้าสว่างขึ้น ไลพ์และทอมมี่เพิ่งเห็นว่ามีแท่งสีฟ้าๆ อยู่บนนั้นด้วย อาจจะเป็นเพราะผมสีขาวยาวของเจ้าตัวบังอยู่ หลังแอลเจียร์เอ่ยก็ยกกำปั้นขวาชกใส่จักรกลตรงหน้ากระเด็นกลิ้งไปหลายตลบ การ์เดี้ยนทั้งสองคนอ้าปากค้าง เท่านั้นยังไม่พอ เนโอสไปเดอร์ที่ตั้งหลักลุกขึ้นมายิงกระสุนหัวระเบิดใส่แอลเจียร์ แต่เขาใช้มือขวาปัดเปลี่ยนทิศทางให้ไประเบิดตึกข้างๆ แทน จักรกลแมงมุมไต่วิ่งเข้ามาจะขย้ำแอลเจียร์อีกรอบ แต่ถูกใครบางคนที่เป็นผู้หญิงไว้ผมยาวมัดรวบสีฟ้ากระโดดลอยมาแต่ไกลใช้เท้าที่สองถีบตัวจักรกลเข้าที่ส่วนหัวจนเจ๊งล้มลงไป ผู้หญิงคนนั้นใช้เท้าเขี่ยซากจักรกลให้แน่ใจว่าตายแน่ๆ ปัดไม้ปัดฝุ่นออกจากตัว ก่อนที่จะเดินมาทางนี้ ทอมมี่รู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงเป็นอย่างมาก
“ไม่อยู่แป๊บเดียว พวกเรื้อนกลับมาเยี่ยมอีกแล้วเหรอ”
“เดซี่” แอลเจียร์เรียกชื่อคนตรงหน้า “คุณกลับมาช้ามาก”
“เฮๆ เมืองกำลังแหลกเป็นจุ้นอยู่นะ จะไปมาไหนง่ายซะที่ไหนเหล่า...ว่าแต่คนข้างหลังนายนี่ ใช่ที่วอบอกไว้ใช่ป่ะ”
เดซี่หมายถึงทอมมี่และไลพ์ที่ยืนอึ้งกำลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า เหมือนเดซี่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ เลยตัดหน้าบอก
“อย่างที่เห็นนั้นแหละ พวกฉันสองคนไม่ใช่มนุษย์หรอก”
ครืน!
แผ่นดินไหวสะเทือนไปทั่ว ทางด้านหลังพวกเขาห่างจากโกดังแห่งนี้ไปห้าร้อยเมตร ปรากฎวัตถุทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่มีหัวสว่านมหึมากว่ารถขุดก่อนหน้าหลายร้อยเท่า มันผุดยาวขึ้นมาเท่ากับตึกยี่สิบชั้นถึงจะหยุด รอบๆ ลำตัวมันค่อยๆ กลางออกเป็นขาทั้งสี่และมีการประกอบแยกส่วนบางอย่างในลำตัวมันเป็นรูปร่างที่ไลพ์และทอมมี่คุ้นเคยจนต้องพูดถึงชื่อมัน
“เนโอ-ไททันสไปเดอร์!”
“ให้มันได้อย่างงี้สิ” เดซี่เท้าเอวทำเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย “พวกไอริสขนกันมาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แค่ไฮเทคอัพเปอร์จะแย่อยู่แล้ว”
“อย่ามั่วแต่บ่นเลยครับ เดซี่...เรารีบไปจัดการมันดีกว่า”
แอลเจียร์และเดซี่กำลังจะออกตัววิ่งไปหาเนโอ-ไททันสไปเดอร์ ไลพ์ที่ข้องใจกับคำพูดของเดซี่ก่อนหน้านี่รีบถาม
“เดี๋ยว! ทั้งสองคน...เป็นอะไรกันแน่ ไม่ใช่เพราะพีทูงั้นเหรอ”
เดซี่กับแอลเจียร์ได้ยินคำถามก้มองหน้ากันและกันแล้วยิ้มหัวเราะนิดหน่อย เดซี่เป็นคนเฉลยแล้ววิ่งออกไป
“พลังจิต...ไม่มีของแบบนั้นเหรอ เพราะพวกเราคือเรพลอยด์ (Reploid) ไปล่ะ”
“ฝากดูแลพลเรือนด้วยนะครับ!”
แอลเจียร์ฝากหน้าที่ให้การ์เดี้ยนรับช่วงต่อก่อนที่จะรีบตาเดซี่ที่ออกตัววิ่งด้วยความเร็วที่มนุษย์ไม่มีทางทำได้...ไลพ์จับต้นชนปลายไม่ถูกจนพูดไม่ออกเลยถามทอมมี่
“รุ่นพี่ทอมมี่...พอรู้เรื่องไหมว่านี่มันเรื่องอะไร...”
ไลพ์เห็นทอมมี่นิ่งๆ มองแต่แผ่นหลังทั้งสองคนที่วิ่งออกไป เธอเพิ่งนึกได้ว่าคนข้างๆ ก็ไม่น่าจะรู้เหมือนกันเลยเอ่ย
“อ่า ขอโทษที่ถามเรื่องที่ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่รู้เหมือนไลพ์”
“ไม่หรอก...”
“ห๊ะ?”
“ฉันนึกออกล่ะ...เรพลอยด์งั้นเหรอ มิน่าถึงคุ้นหน้าผมฟ้าคนนั้นมาก”
แววตาของทอมมี่เปลี่ยนไป ไลพ์ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้ทอมมี่รู้สึกยังไง แต่รู้แน่ๆ ว่ารุ่นพี่ของเธอต้องรู้อะไรบ้างอย่าง
“พวกเขาเป็นใครคะ?”
“เรพลอยด์ หุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์มากที่สุด” ทอมมี่อธิบายสั้นๆ “เป็นวิวัฒนาการที่แอบพัฒนาอย่างลับๆ นะครับ พวกเขามีความคิดเป็นของตัวเองและไม่อยู่ในการควบคุมของมนุษย์แม้แต่น้อย”
“แล้วรุ่นพี่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
“ผู้หญิงผมฟ้าคนนั้นเคยช่วยชีวิตผมกับเฟลิกซ์ไว้เมื่อสองปีก่อน...ไว้มีเวลาว่างเมื่อไรจะเล่าให้ฟังนะครับ เรารีบไปดูคนข้างล่างดีกว่า”
“อ่า อืม”
ตูม!
เสียงระเบิดจากใต้เมืองลอยฟ้าชินโคเซ็นสนั่นลั่นจะแสบหู คริสตัลชายน์ขนาดมหึมาที่กำลังถูกยกลอยขึ้นจากพื้นดินเกิดมีแสงเจิดจ้าจนแสบตา ทั้งสองคนพยายามเพ่งมองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และแล้วแสงสีฟ้าที่สว่างจ้านั้นดับวูปลงไปชั่วคราว ก่อนที่คริสตัลชายน์จะเปล่งลำแสงรอบด้านนับไม่ถ้วน ชิ้นส่วนของคริสตัลชายน์แตกละเอียดพุ่งกระจายทุกที่ทั่วสารทิศ ทอมมี่ที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี รีบลากตัวไลพ์ลงใต้ดิน โดยที่มีเศษชิ้นส่วนคริสตัลชายน์ขนาดเท่านิ้วโป้งชิ้นหนึ่งพุ่งมาปักที่ต้นแขนซ้ายของเขาจนล้มลงไป กลับกลายเป็นว่าไลพ์ต้องเป็นฝ่ายพาตัวทอมมี่หลบใต้ดินแทน
◊ ◊ ◊
คุยกับคนเขียนกันนะ >_<
เอาแล้ว ในที่สุดแผนการของลากัซพังทลายอย่างรวดเร็วโดยยังไม่ทันที่จะได้รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
ดิออลโนว์ (The All Known) โปรแกรมพระเจ้าที่เรดเคยพูดถึงก็คือมอชชินนี่ ผู้นำที่แท้จริงของเวิลด์เจเนอรัลอย่างงั้นหรือ?
แล้วทำไมเธอถึงกลายเป็น AI ไปได้?
เมงุมิหลุดพ้นจากการควบคุมของพ่อเธอแล้ว
การคุ้มกันพลเรือนของการ์เดี้ยนกลุ่มไลพ์ได้พายังที่ปลอดภัยของ MLA แล้ว
และเรพลอยด์ที่ทอมมี่พูดถึงทั้งสองนั้น มีที่ไปที่มายังไงกันแน่
เรื่องราวหลายอย่างที่ซับซ้อนและเกิดขึ้นพร้อมๆ กันกำลังเข้ามาปะทุให้เรื่องทุกอย่างบานปลายยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสตัลชายน์ขนาดยักษ์ที่ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กระจายไปทั่ว
แล้วเมืองลอยฟ้าชินโคเซ็นกับ Area TH-7 จะเป็นเช่นไรต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า Battle: Area TH-7 บทที่ 3 [The Angle]
เมื่อพลังจิตผงาดทั่วโลก การผจญภัยอันแสนวุ่นวายจึงบังเกิดขึ้น!
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ
By Spy442299 & Nattanan Srising
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ