P.P.Rising The Bullet Time อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 10.54 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557 17.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
33) อิลลูชั่น บทที่ 6 [เมื่อเส้นทางทั้งสามมาบรรจบ]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความP.P. Rising: The Bullet Time
เดอะบูลเลตไทม์ อภินิหารพลังจิตเหนือโลก
- Ch.29 อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 6 [เมื่อเส้นทางทั้งสามมาบรรจบ]
Rewrite V.3
◊◊◊
[22:21] [05/01/2058]
[Area TH-7 เขตใต้, Yellow Zone, ป่าบีเก็ต ‘Beget Forest’]
‘โห้ยๆ ต้องเดินเข้าทางนี้จริงๆ เหรอเนี่ย!?’
พีคิดวิตก หลังจากที่เขาเพิ่งลงจากแท็กซี่คันหนึ่งที่เขานั่งมาตามแผนที่ที่ระบุพิกัดไว้ จนสิ้นสุดถนนที่รถเข้าได้เป็นถนนดินขนาดเล็กตรงยาวเข้าไปในป่าไม้ที่ดูเหมือนว่าทั้งตัวป่าจะมีต้นไม้ชนิดเดียว ยังดีที่มีไฟตามทางเดินเข้าไป
‘ให้ตายสิ ดันเป็น Yellow Zone ที่เป็นเขตห่างไกลจากการดูแลของเอ็มแอลเออีก’
“เรสเทียร์ว่ารีบเข้าไปกันเถอะค่ะ พี่หญิง”
“อือ”
เรสเทียร์บินนำหน้าไปเล็กน้อย พีเดินตามและยกมือถือขึ้นมากดดูข้อมูลพื้นที่แถวๆ นี้ ซึ่งเป็นไฟล์เสียงบรรยายผู้หญิงดังขึ้นมา
“ป่าบีเก็ต หรือ ป่าไม้บ่อเกิดแห่งใหม่ใน Area TH ที่เจ็ด เป็นป่าไม้ที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์เมื่อปี ค.ศ. 2039 บนพื้นที่เคยรกร้างจากภัยสงครามโลกครั้งที่สามกว่าห้าตารางกิโลเมตร โดยภายใต้ความร่วมมือของชาว---”
พอเสียงอธิบายถึงตรงนี้ พีกดหยุด เพราะเขาขี้เกียจฟังต่อ
‘ที่อยากรู้ก็คือ ทำไมมันถึงมีโรงงานของไฮเทคอัพเปอร์อยู่กลางป่า? จะเป็นข้อมูลเก๊เหมือนกับเขตเหนือที่ไปมาหรือเปล่านะ? หรือจะเป็นกับดัก?
แต่ข้อมูลที่มีอยู่ก็มีที่นี่ที่เดียว...ขอให้ได้เจอเรื่องของเมงุมิทีเถอะ’
พีเร่งเดินไปข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็มองซ้ายมองขวาระวังที่เป็นป่าโดยรอบๆ ไปด้วย
‘เหมือนรู้สึกว่าเราจะไม่ได้อยู่แค่สองคนแฮะ หวั่นๆ ใจยังไงก็ไม่รู้ หรือเพราะเรากลัวความมืดไปเอง
ความมืด...’
พีหยุดชะงักหลังคิดถึงประโยคนั้น ก่อนที่จะใช้มือซ้ายเอาผ้าปิดตาสีดำที่ปิดตาขวาออก
‘มิน่า! มองอะไรไม่ค่อยถนัด ใส่เป็นวันจนลืมเอาออก...โอ้ย! ตาฉัน’
ตาขวาของพีเกิดอาการปวดขึ้นมาและพร่ามัวเพราะรีบลืมตารับแสงเร็วเกินไป
“พี่หญิง! เป็นอะไรคะ?” เรสเทียร์หันมาถาม
“ปวดตานิดหน่อย”
“หือ? ปวดตา!? แน่ใจว่าแค่ปวดตานะคะ?” เสียงคนถามซีเรียส
“อือๆ ใช่ๆ ปิดตาไว้นานไปหน่อย เลยเป็นแบบนี้นะ”
“อ๋อ...นึกว่า---“
“นึกว่าอะไร!?” พีทวน
“เปล่าๆ ค่ะ ไม่มีอะไร เรารีบไปกันต่อเถอะค่ะ อีกสามร้อยเมตรตรงสามแยกข้างหน้าก็จะถึงแล้ว”
และแล้วทั้งคู่ก็มุ่งตรงไปข้างหน้าต่อ พีคิดพาลไปยังคนที่อยู่เขตกลาง
‘ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมทอมมี่ไม่โทรตามเลยแฮะ? แต่ก็ดีแล้ว ตอนนี้ขี้เกียจหาข้อแก้ตัวกับมัน
เอ่อ แล้วขากลับฉันจะกลับไปยังไงเนี่ย?
เฮ้อ เดี๋ยวค่อยว่ากันหลังทำธุระเสร็จล่ะกัน’
พีตบหัวตัวเองเบาๆ กับนิสัยที่ไม่ค่อยได้คิดหน้าคิดหลัง เขาและเรสเทียร์เดินตรงไปเรื่อยๆ สักพัก ทางซ้ายมือป่าไม้เริ่มน้อยลงและแนวรั้วไม้ อีกทั้งปรากฎให้เห็นอาคารไม้เก่าๆ คล้ายโกดังยาวกว่าร้อยเมตร
‘โกดัง...สินะ ว่าแล้วเชียว’
พีถอนหายใจแล้วเดินตรงไปข้างหน้าต่อเพื่อจะเข้าประตูรั้วไม้บานใหญ่ที่อยู่ตรงสามแยก ถ้าสมมติสามแยกเป็นรูปตัวที ตอนนี้เขาอยู่ตรงแขนซ้ายบนของตัวทีพอดี แต่ในระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปนั้น เขาเห็นเงาคนลางๆ เตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย กำลังเดินอยู่ตรงมาทางพี โดยที่คนๆ นั้นเดินมาไม่ค่อยมีแสง
‘ใครนะ?’
ทั้งพีและเรสเทียร์หยุดชะงัก อีกฝ่ายก็หยุดเดินเช่นกัน ก่อนที่จะค่อยๆ เดินมาจนคนๆ นั้นอยู่ตรงหน้าประตูรั้วที่มีแสงไฟพอดี ทำให้เห็นรูปลักษณ์ที่ชัดเจนและคุ้นตา สภาพเปื้อนเลือดโชกและโคลนเกือบทั้งตัวในชุดนักเรียนเขียวขาว ผมสั้นยุ่งเหยิงสีดำ โดยมือขวาเธอจับต้นแขนซ้ายอยู่ ปรากฎให้เห็นปลอกข้อมูลรูปโล่สีเขียวของการ์เดี้ยนอย่างชัดเจน นัยน์ตาสีดำที่มีรอยประหลาดใจ ก่อนที่เธอคนนั้นจะเอ่ยชื่อของเขา
“คุณพี!?”
เอชกล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนแรง ก่อนที่จะเข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น พีและเรสเทียร์รีบเข้ามาหา
“เอช!? เธอเป็นอะไรเนี่ย? แล้วทำไมถึงมาอยู่แถวนี้?”
“เรื่องมันยาวฮะ และผมก็...ไม่เป็นอะไรแล้วด้วย” เอชตอบราวกับว่าเป็นเรื่องชิวๆ “แต่เสียเลือดมากไปหน่อย”
“บอกมา ทำไมเลือดเธอ---”
“ตกหน้าผาฮะ” เอชพูดแล้วหัวเราะตัวเอง “นึกว่าจะตายซะแล้วสิ สงสัยเป็นเพราะพลังจิตของผมล่ะมั้งฮะ เลยไม่ตายง่ายๆ อย่างกับเป็นอมตะ”
“ถ้าเป็นอมตะจริง คงไม่นอนกับพื้นอยู่แบบนี้หรอกนะ เอช” พีถอนหายใจ “แล้วบอกมาเหอะ ว่ามาทำ---”
ตึ่ก ตึ่ก...
เสียงเดินก้าวเท้าของใกล้บางคนอีกจากเส้นทางที่สาม กำลังเดินเข้ามา ซึ่งทางนั้นไม่มีไฟรอบทางเช่นกัน แต่พีเห็นเหมือนมีกระแสไฟฟ้าช็อตกันอยู่ไกลๆ เขาตะโกนถาม
“ใครนะ!”
“หือ? พี!?”
มีเสียงผู้หญิงตอบรับที่คุ้นมากมายกลับมา แล้วเธอคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ จนเห็นชัดว่าเป็นใคร ไว้ผมสีแดงสั้น นัยน์สีแดงที่ขมวดคิ้วสงสัยอยู่ ในมือทั้งสองถือมีดสั้นคล้ายส้อมไฟฟ้า แต่งตัวด้วยเสื้อกันหนาวสีดำและสวมหมวกสีน้ำเงิน
“เฟียน่า!?”
“นี่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยัง...เฮ้ย!? เลือด!?”
เมื่อเฟียน่าเห็นเลือดจากผู้หญิงที่อยู่ใกล้พี เธอเดินเข้ามาใกล้ๆ แต่ยังคงเว้นระยะห่างเหมือนยังไม่ไว้ใจมากนัก
“นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? เลือดเต็มตัวเลย” เฟียน่าถาม
“ไม่เป็นไรฮะ” เอชพลิกตัวไปดูคนถาม “เอ๊ะ!? คุณที่อยู่ในคลิปที่สนามบินอีกคนนิ?”
“หือ!?”
เฟียน่าเอียงคอเล็กน้อย ก่อนที่จะส่งสายตาคาดคั้นคำตอบมาทางพี
“ไม่ต้องมองฉันแบบนั้นก็ได้...เด็กคนนี้รู้แล้วล่ะว่าฉันเป็นใคร”
“อ๋อ ความลับแตกสินะ...” เฟียน่าแกล้งทำเป็นหัวเราะ แล้วสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวก่อนนะ ข้อมือของนาย...อยู่การ์เดี้ยนงั้นเหรอ?”
“อือ ใช่ แค่ชั่วคราวนะ...แล้วเธออยู่ที่นี่ได้ไง?”
“ฉันมาเช็คอะไรแถวๆ นี่นิดหน่อยนะ...แล้วนายล่ะ...อย่าบอกนะว่ามาที่โกดังไม้ข้างหลังนะ”
พีพยักหน้ารับ เฟียน่าล้วงหยิบของบางอย่างในกระเป๋าสีดำที่เธอสะพายมาเป็นเมมโมรี่แบบเดียวกับที่พีมี แล้วเธอก็ถามพี
“จากไอ้นี่ใช่ไหม?”
“ใช่” พีพยักหน้า
“เฮ้อ ว่าแล้วเชียว” เฟียน่าเก็บเมมโมรี่ “สังหรณ์อยู่ว่าพวกการ์เดี้ยนที่เจอเมื่อวานจะมาที่นี่หรือเปล่า? ถ้าเป็นนายก็คุยกันรู้เรื่องหน่อย”
“เจอ? นี่เธอไปเจอการ์เดี้ยน? ที่ไหน? ยังไง?” พีถามเป็นชุด
“พอๆ เลย ไม่ใช่เรื่องของนาย” เฟียน่าเบรค
“ไม่ใช่เรื่อง!?” พีพูดทวน “ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ฉันคงไม่มาที่นี่หรอก”
“แล้วมาทำไมล่ะ?”
“ฉันมาเรื่องโรงงานผลิตยาที่ถูกเผาติดๆ กันช่วงนี้นะ”
“อ๋อ...พ่อคนดี เรื่องของตัวเองเอาให้รอดก่อนเถอะ” เฟียน่าแขวะ
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก...ที่แห่งนี้นะ น่าจะมีเรื่องของเมงุมิด้วยนะสิ”
“เมงุมิ!?” เฟียน่าทำเสียงประหลาดใจมากผิดปกติ “ทำไมนายถึงไปยุ่งเกี่ยวกับยัยนั่น?”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!”
คำตอบเดิมที่ถูกสวนกลับ ทำให้เฟียน่าไม่สบอารมณ์
“ก็ได้ ก็ได้ ไม่ถงไม่ถามแล้ว!”
“นี่ยังไม่ได้ชำระหนี้ที่เธอช็อคใส่ฉันเลยนะ” พีพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันก่อน
“โอ้ ตอนนั้นนายผิดเองนะที่ขวางทางฉัน” เฟียน่าทำเป็นรับไม่ผิดชอบ
“ขอโทษนะ ที่ฉันขวางทางเพราะเป็นห่วงน่ะ”
“ห่วงอะไรไม่เข้าเรื่อง...แต่ก็หายกัน สองสามปีก่อนนายก็ทำแบบนั้นกับฉันด้วย”
“เรื่องตอนนั้นไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหนเลย!”
“เกี่ยวสิ!”
ทั้งพีและเฟียน่าเริ่มปะทะคารมณ์กันอย่างรุนแรง จนเอชที่นั่งฟังอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นมาหย่าศึก
“เอ่อ...ทั้งสองคนฮะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะฮะ โอ้ย!!”
เอชที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้ ร่วงลงไปกับพื้นอีกรอบเพราะอาการบาดเจ็บ คู่ที่กำลังทะเลาะกันเข้าที่ก็แยกกันมาช่วงประคองตัวเอช
“ทำไมเลือดเต็มตัวขนาดนี่เนี่ย?” เฟียน่าถามอีกครั้ง เพราะเลือดของเอชมาเปรอะตัวของเธอ “รีบพาไปโรงพยาบาล---”
“ไม่เป็นไรฮะ” เอชบอก “ของแค่นี้กล้วยๆ”
“ฉันว่าหาที่พักให้เด็กคนนี้ก่อน” พีมองรอบตัว ซึ่งก็มีอยู่ที่ๆ เดียวคือโกดังไม้เก่าๆ “พาเข้าไปที่กองฟางตรงประตูโกดังนั่นล่ะกัน”
“อือๆ”
ทั้งสองคนเปิดประตูรั้ว แล้วค่อยๆ ประคองตัวเอชมายังกองฟางที่อยู่หน้าด้านโกดังเก่าๆ พอวางตัวเอชนั่งลง เธอถึงกลับทิ้งตัวลงไปนอนกับกองฟาง แล้วบ่นถึงสภาพตัวเอง
“ทำไมแรงไม่มีเลยฮะ ฮ่าๆ”
“ยังจะหัวเราะอีก เจียมสภาพตัวเองบ้างสิ” พีส่งสายตาดุใส่เอช
“สรุปแล้ว เธอเป็นอะไรมาเนี่ย? เลือด---” เฟียน่าถามเหมือนเดิม
“อุบัติเหตุนิดหน่อยฮะ” เอชบอก
“นิดหน่อยอะไรกัน เลือดเต็มตัวขนาดนี้” เฟียน่ายังคงตื้อที่จะรู้ให้ได้
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกหน่า เฟียน่า” พีอธิบาย “เด็กนี่นะ มีพีทูที่เรียกว่า บอดี้รีเจเนอเรชั่น (Body Regeneration)”
“บอดี้รีเจเนอเรชั่น!? อ๋อ...” เฟียน่าพยักหน้า
“เข้าใจที่ฉันบอกไหม?” พีถามให้แน่ใจ
“ฉันไม่ได้โง่นะ อีกอย่างเคยเจอคนที่มีพีทูแบบนี้แล้วด้วย”
“ว่าแต่ พี่ๆ ทั้งสองคนมาทำอะไรแถวนี้เหรอฮะ?”
เอชถามถึง พีและเฟียน่ามองไปยังโกดังใกล้มือ
“ที่นี่สินะ” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
“ที่นี่!? ในนี้มีอะไรเหรอฮ่ะ?” เอชถาม
ทั้งสองคนเดินไปยังหน้าประตูบานใหญ่ของโกดัง ต่างเตรียมอาวุธของตัวเองขึ้นมาพร้อม
“เอ๊กซ์แทรคกัน! (Extract Gun)”
ทันใดนั้น มีแสงสีฟ้าออกมาจากฝ่ามือของพี รวมตัวกันจนเป็นปืนกระบอกสีขาวที่คุ้นเคย พีคว้ามันไว้ พอเฟียน่าเห็นแล้วก็ลองทำบ้าง โดยควงมีดคล้ายส้อมสองเล่มในมือหนึ่งรอบแล้วพูดชื่อของมัน
“ไลท์นิ่ง ดูโอ ฟอร์ค-เบลด! (Lightning Dual Fork-Blade)”
เมื่อพีได้ยินชื่ออาวุธของเฟียน่า เลยถามแบบไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมต้องพูดตามฉันด้วย?”
“แล้วทำไมนายต้องพูดละ?” เฟียน่าย้อน
“ขืนไม่พูด ฉันก็เรียกอาวุธออกมาไม่ได้ดิ แต่ของเธอมัน---”
“เรื่องของฉันย่ะ” เฟียน่าพูดตัดบท
“พูดแบบนี้อีกล่ะ”
“ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันเลยค่ะ”
เรสเทียร์บินออกมาอยู่ข้างซ้ายของพีร้องขอ ก่อนที่เธอจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ปกติและถือดาบเรียวสีขาวไว้ เฟียน่าที่อยู่อีกด้าน มองตัวเรสเทียร์เหมือนนึกเรื่องอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะพูดประโยคที่ทำให้พีสงสัย
“เรสเทียร์ เรื่องคราวก่อน...ขอบใจนะ”
“เรสเทียร์แค่ยืดเวลาให้เท่านั้นเองค่ะ” เธอตอบรับด้วยความยินดี
‘เดี๋ยวก่อนนะ สองคนนี้...คุยเรื่องอะไรกัน?’
พีมองทั้งสองคนสลับไปสลับมา ก่อนที่เฟียน่าจะกระโดดเตะเปิดประตู
ปัง! แปล๊บๆ
ประตูไม้โกดังถูกพังทั้งบานล้มลงพื้นข้างหน้า พีตะลึงกับลูกถีบนั้น แต่แล้วก็สังเกตที่รองเท้าของเฟียน่าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลออกมาเล็กน้อย
‘ของเล่นใหม่แน่ๆ’
พีเงยมองข้างหน้าพบกับความมืดมิดที่มองข้างในโกดังไม่ค่อยเห็น แต่ก็พอเดาได้ว่าข้างหน้าเป็นพื้นที่โล่ง ทั้งสามคนยืนนิ่งตั้งการ์ดผ่านไปสิบวินาที จนเอชลุกขึ้นเดินตามหลังมาถาม
“เอ่อ...ทำอะไรกันอยู่ฮะ?”
“เอช!?” พีสะดุ้งโหยง “ลุกขึ้นไหวแล้วหรือไง?”
“ก็ไหวแล้วสิฮะ พีทูของผมมันเจ๋งดีใช่ไหมล่ะ? แปปเดี๋ยวก็---“
“ระวัง!”
เฟียน่าตะโกนลั่น พีที่หันหลังอยู่ รีบหันมามองข้างหน้าก็พบกับตะข่ายที่พุ่งมาหาเข้าแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ทันแม้กระทั่งจะใช้พลังบลูเลตไทม์ และแล้วร่างของพีก็ลอยไปข้างหลังกลิ้งกับพื้นโดยมีตะข่ายพันตัวไว้ ปืนของเขากระเด็นตกไป
‘อะไรวะเนี่ย! ขยับตัวไม่ได้เลย!
แล้วทำไมไม่เห็นไอ้ลำแสงแดงๆ เตือนอันตรายนั่นฟ่ะ!?’
พีพยายามจะยกตะข่ายที่พันตัวเขาออก แต่เหมือนยิ่งทำมากเท่าไหร่ยิ่งพันกันมาขึ้นเท่านั้น เอชวิ่งเข้ามาช่วย
“คุณพีเป็นอะไรหรือเปล่าฮะ?”
“ไม่ล่ะ ช่วยฉันออกจากไอ้ตะข่ายบ้านี่ที!”
ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง!
เสียงพื้นสะเทือนจากภายในโกดัง ราวกับว่ามีของขนาดใหญ่กำลังเดินเข้ามา พีที่มองไม่ถนัดเพราะนอนอยู่กับพื้น พยายามเอี่ยวตัวขึ้นมาจนเห็นสิ่งที่ทำให้พื้นสะเทือน เป็นหุ่นยนต์รบขนาดใหญ่สีเทา มีสองขาคล้ายตีนเป็ด ลำตัวมีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยมที่ไม่มีปลายแหลมชี้มาทางข้างหน้า มีตราของไฮเทคอัพเปอร์ตรงกลางบน และสองแขนเล็กที่มีปืนมินิกันขนาดใหญ่ติดอยู่ ก่อนที่เฟียน่าจะเฉลยว่ามันคืออะไร
“แมมม็อธมาร์ชห้า!? (Mammoth Mk-5)”
เกื๋อ!
เสียงขยับปืนกลลำกล้องหมุน มินิกัน (Minigun) ทั้งสองข้างเล็งในเฟียน่าและเรสเทียร์ เธอทั้งสองเห็นท่าไม่ดี เลยรีบป้องกันตัวเอง โดยเฟียน่าใช้มีดสั้นสามแฉกทั้งสองของเธอเหวี่ยงมาปะทะกันจนเกิดคลื่นสนามพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าครึ่งวงกลม ส่วนเรสเทียร์ยกดาบสีขาวขึ้นแนวนอนแล้วมีบาเรียสีขาวอ่อนๆ ขึ้นมาปกคลุม
ปึ่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!
มินิกันบนแขนหุ่นยนต์กระหน่ำยิงเข้าทั้งสองคนรัวแบบไม่ยั้ง ผ่านไปสิบวินาทีปืนนั้นหยุดลง แล้วขาข้างขวาของหุ่นนั้น ยกขึ้นมาก่อนที่จะกระทืบสู่พื้นด้วยความไวสูงจนเกิดแรงกระแทกมหาศาล เหวี่ยงตัวเฟียน่ากระเด็นลอยไปข้างหลังชนกับแนวรั้วไม้จนกระอักเลือด แต่เรสเทียร์ยังคงยืนยันพื้นไว้ได้ที่เดิม และเธอใช้จังหวะนี้ปลดบาเรียสีขาวออก แล้วอาศัยแรงถีบด้วยพลังอะไรบางอย่างของเธอ พุ่งลอยสูงเข้าไปข้างหน้าจะฟันแขนข้างซ้ายของหุ่นยนต์
ฟู่!
เสียงไอน้ำดังขึ้นตรงข้อต่อแขนซ้ายของหุ่นยนต์ ซึ่งมันง้างไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพุ่งต่อยสวนร่างเรสเทียร์จนกระเด็นลอยหายเข้าป่ากว่าร้อยเมตรไป
“เรสเทียร์!”
พีร้องตามภาพที่เห็น ก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าหุ่นยนต์ตัวนั้นกำลังเดินมาทางเขา เอชที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ตัวสั่น
“เอช! หนีไป!”
“ขะขะขะขยับขาไม่ออกฮะฮะฮะ!”
“โธ่โว้ย!”
พึ่บ!
เสียงกลไกจากหุ่นยนต์ที่มาหยุดตรงหน้าพี่ทำงาน เป็นไฟแรงสูงสามดวงจากตัวหุ่นยนต์ส่องใส่ตัวเขา จนพีที่อยู่ในตะข่ายต้องหรี่ตาลงเพราะแสบตา
“ย๊าก!”
เรสเทียร์ร้องดังแต่ไกล เธอกำลังทำบางสิ่งที่มนุษย์ทั่วๆ ไปทำไม่ได้ ก็คือการลอยตัวพุ่งจากพื้นครึ่งเมตรออกจากป่าเข้ามาหาด้วยความเร็วสูงมาก ดาบสีขาวของเธอตัดแขนข้างซ้ายของหุ่นยนต์ร่วงไปกับพื้นได้สำเร็จ แมมม็อธมาร์ชห้าเดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว เรสเทียร์ถอยหลังมาอยู่ข้างๆ พี
“พี่หญิง! เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
“ฉันว่าเธอห่วงตัวเองก่อนไหม?” พีถามกลับเพราะเห็นสภาพดูไม่จืดของเรสเทียร์
“เรสเทียร์ไม่เป็นไรค่ะ ของพันนั้นทำอะไรเรสเทียร์ไม่ได้หรอก”
เพราะเรสเทียร์มัวแต่ห่วงคนอื่นอยู่ แมมม็อธมาร์ชห้าตัวนั้นเลยตั้งหลักได้ ยกแขนขวาของมันขึ้นชี้ฟ้า ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากใต้แขน เป็นลูกกลมสีเทา พอมันลอยขึ้นไปได้สิบเมตรก็ระเบิดกลางอากาศ ส่องแสงสว่างแสบตามากและปล่อยเสียงคลื่นความถี่สูงโดนกันทุกคน นอกจากจะแสบตาจนตาลายแล้ว ยังต้องเอามืดอุดหูอีก แน่นอนว่าพีที่อยู่ในตะข่ายไม่สามารถใช้มืออุดหูได้เลยทรมานกว่าคนอื่นเขา
‘ระเบิดแสงกับเสียงเหรอ!? แสบหูแสบตาชะมัด!’
“เสียงนี้มัน...มัน...อ๊าก!”
เรสเทียร์ร้องกระวนกระวายมากในแบบที่พีไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน เธอล้มลงไปกับพื้นแล้วตัวเธอค่อยๆ กลายเป็นแสงสีฟ้าไหลกลับเข้าแผ่นกระจกบนฝ่ามือของพี เมื่อแสงสีฟ้านั้นไหลเข้ามาทั้งหมด
‘เรสเทียร์!’
พีตะโกนออกมาในใจ แล้วเริ่มรู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นรุนแรงราวกับหัวใจถูกกระชากออกมา ก่อนที่จะเขาจะกลายเป็นคนร้องทรมานแทน จนสติแทบจะหายไป มือข้างซ้ายของเขากุมข้อมือขวาที่มีอาการเกร็งไว้แน่น แมมม็อธมาร์ชห้าเดินเข้ามาใกล้พีอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้มือขวาของมันฟาดตัวเอชกระเด็นไปอีกทาง
“อ๊าก!”
อะเอช!
สติของพีที่จะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอช แต่ไม่มากพอที่จะทำอย่างอื่นนอกจากนอนขดทรมานอยู่ในตะข่ายที่พันรอบตัวเขา แมมม็อธมาร์ชห้าส่องไฟที่ตัวทั้งหมดมาที่พี แล้วย่อตัวลง ก่อนที่ด้านหน้าของมันจะถูกเปิดออก ปรากฎให้เห็นคนบังคับ ซึ่งสายตาเขาพร่ามัวไปหมด เลยทำให้เห็นลางๆ เพียงว่า เป็นผู้หญิงที่ไว้ผมสีแดงยาว นัยน์ตาสีแดงที่เย็นชา คนที่บังคับหุ่นยนต์ลุกขึ้นกระโดดลงมาใกล้พี แล้วอุ้มตัวเขาทั้งตะข่ายขึ้นมาและมีเสียงพูดผู้หญิงของคนที่มาอุ้มที่เหมือนกับเฟียน่า ก่อนที่เขาจะสลบไป
“SP-0024 ได้ตัวเป้าหมายแล้วค่ะ ท่านลากัซ”
◊◊◊
คุยกับคนเขียนกันนะ >_<
จบลงไปแล้วสำหรับบท ‘อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 6 [เมื่อเส้นทางทั้งสามมาบรรจบ]’ นะจ๊ะ
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาล่ะ จู่ๆ ก็มีหุ่นยนต์สงครามของไฮเทคอัพเปอร์ออกมาโจมตี
แล้วเรสเทียร์เป็นอะไรไป?
ชะตากรรมของพี เฟียน่าและเอชจะเป็นยังไงต่อไป?
แล้วทำไมคนๆ พีถึงโดนลักพาตัวไป?
โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า อิลลูชั่น (illusion) บทที่ 7 [เหล่าเฟียน่าและถล่มครั้งใหญ่]
เมื่อพลังจิตผงาดทั่วโลก เรื่องราวผจญภัยอันมหัศจรรย์จึงบังเกิดขึ้น!!
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ
By Spy442299 & Nattanan Srising
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ