ลิขิตรักคำสั่งวิวาห์ NC+ (หวานๆ กุ๊กกิ๊กน่ารัก)

9.0

เขียนโดย สุภาวดี

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.22 น.

  15 ตอน
  3 วิจารณ์
  26.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 19.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ตอนที่ 7 เรื่องสกปรกของนางมารร้าย 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ต่อจาก 50%

 

            เมื่อรถคันหรูของวิทยาเคลื่อนตัวพ้นจากประตูบ้านหลังใหญ่แล้ว สองหนุ่มสาวก็ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาสักคำ ทั้งรถจึงมีแต่ความเงียบจนน่าอึดอัด สุดท้ายคนที่ทนไม่ได้ก็คือชายหนุ่มเจ้าของรถ ดังนั้น เขาจึงคิดหาคำพูดเพื่อชวนหญิงสาวคุยหรือจะเรียกว่าเป็นการปรับความเข้าใจกันมากกว่า เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้ว่าหญิงสาวข้างกายกำลังเข้าใจเขาผิด

            “เมื่อตอนเที่ยงเพื่อนผมมายืมรถไปใช้” จู่ๆ เสียงเข้มก็โพร่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ส่งผลให้คนที่กำลังสนใจกับวิวทิวทัศน์ข้างนอกรถต้องหันมามองต้นเสียงด้วยความแปลกใจ

            “แล้วคุณมาบอกฉันทำไม” อรณิชาบอกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงกระด้างเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปมองถนนข้างทางดังเดิม

            “ผมคิดว่าคุณกำลังเข้าใจผมผิด” ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ

            “เรื่องอะไรคะ” คราวนี้คนที่กำลังสนใจกับทิวทัศน์ข้างทางหันตัวกลับมาในรถเพื่อมองหน้าเขาให้ชัดๆ

            “ก็ไอ้นี่ไง” หมอหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบถุงยางอนามัยที่ยัดเอาไว้ขึ้นมาให้เธอดู ก่อนจะยัดกลับลงไปที่เดิมเมื่อเธอเห็นสิ่งที่เขากำลังพูดถึงแล้ว

            “ฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิดทั้งนั้นแหละค่ะ เพราะฉันไม่ได้สนใจว่าคุณจะทำอะไรกับใคร! ที่ไหน! โดยเฉพาะไอ้เรื่องสกปรกๆ แบบนั้น ฉันยิ่งไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ” อรณิชากระแทกเสียงเน้นคำว่าที่ไหนเพื่อเป็นการตอกย้ำการกระทำของชายหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเขาใช้รถเป็นสังเวียนสนองความใคร่

            “คำก็สกปรกสองคำก็สกปรก ฮึ... ทำอย่างกับไม่เคย” หมอหนุ่มเหยียดปากอย่างเย้ยหยัน

            “นี่คุณ!... ถึงฉันจะเคยมันก็เป็นเรื่องของฉัน ยังไงฉันก็รู้จักกาลเทศะว่าที่ไหนควรหรือไม่ควร ไม่ใช่ไม่เลือกที่แบบคุณ” หญิงสาวตวัดเสียงเขียวตั้งใจต่อว่าชายหนุ่มที่กล้าทำเรื่องน่าบัดสีแบบนั้นในรถ

            “ผมก็บอกแล้วว่าคุณกำลังเข้าใจผิด” คนทำหน้าที่ขับรถบอกหญิงสาวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

            “ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่สนใจไอ้เรื่องสกปรกๆ ของคุณ” อรณิชาตอบกลับแทบจะทันควัน ใบหน้าหวานสะบัดพรืดหันออกไปข้างนอกรถทันทีอย่างดื้อรั้น

            เมื่อรู้สึกว่าหญิงสาวข้างกายกำลังยียวนเขา ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะพูดอะไรออกมาอีก ได้แต่เก็บความกรุ่นโกรธเอาไว้ในใจแล้วรอให้ถึงบ้านเพื่อจะจัดการกับเธอด้วยเรื่องสกปรกๆ ที่เธอชอบว่าใส่เขานักหนา

           

            ไม่นานชายหนุ่มก็พาหญิงสาวกลับมาถึงบ้านที่เป็นเรือนหอของเขาและเธอ ทันทีที่รถจอดสนิทหญิงสาวก็รีบเปิดประตูแล้วก้าวลงไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะนึกแปลกใจเมื่อไม่เห็นรถของตัวเอง หญิงสาวเหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีแน่ๆ จึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อถามกับพี่เลี้ยงของเธอ แต่ยังไม่ทันจะก้าวขามือใหญ่ก็คว้าหมับที่ข้อมือของเธอแล้วฉุดรั้งให้เดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับดึงเธอขึ้นไปข้างบนกับเขาทันที

            “มานี่!ยัยตัวแสบ” หมอหนุ่มเข้ามากระชากร่างบางให้เดินตามเขาขึ้นไปบนห้องอย่างทุลักทุเลเพราะเธอทั้งดีดดิ้นทุบตีเขาเป็นการใหญ่

            “รถฉันอยู่ไหน ฉันจะไปถามพี่ชื่น” คนตัวเล็กว่าพลางกระแทกเท้าไปตามแรงฉุดดึงของชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

            เสียงโวยวายของหญิงสาวทำให้สายใจวิ่งออกมาดูแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะสายตาคมดุของชายหนุ่มเจ้าของบ้านจ้องมองเธอราวกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุลหากใครเข้าไปขวาง เธอจึงได้แต่ถอยหลังกลับไปเพื่อจะรีบไปบอกกับพี่เลี้ยงของหญิงสาวให้ออกมาช่วย ซึ่งฝ่ายนั้นกำลังอาบน้ำอยู่

            “เรื่องรถเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้มาคุยกันด้วยเรื่องสกปรกที่คุณว่าก่อน” วิทยาเปิดประตูห้องนอนใหญ่แล้วลากร่างบางในมือให้เข้าไปข้างในกับเขา ก่อนจะหันไปกดล็อกจนแน่นหนา

            “ไม่!... ปล่อยนะ คนบ้า!คุณจะทำอะไร” อรณิชาลนลานดีดดิ้นหนักขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มล็อกประตูและหันมามองเธอด้วยท่าทีคุกคามจนเธอรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาจับใจ

            “ปล่อยฉันนะ ปล่... อื้อ!” น้ำเสียงที่กำลังจะร้องห้ามถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอทันทีเมื่อชายหนุ่มใช้ริมฝีปากหยักสวยประกบปิดทับเรียวปากอ่อนนุ่มนั้นเอาไว้

            หญิงสาวดิ้นรนไม่ยอมหยุด มือใหญ่ข้างหนึ่งดึงรั้งเอวบางเข้ามาเบียดชิดกับร่างหนาของเขามากขึ้น ส่วนมืออีกข้างจับประคองเรียวหน้าสวยของเธอเอาไว้เพื่อบังคับไม่ให้เธอผละออกไปได้ ก่อนที่คนตัวเล็กจะถูกผลักให้หงายลงไปบนเตียงกว้างโดยร่างหนาของเขาตามลงมาทาบทับจนแนบสนิท

            ชายหนุ่มแนบริมฝีปากร้อนผ่าวลงบดเบียดขยี้ขบดึงเพื่อให้ริมฝีปากของเธอเผยอเปิดทางให้เขาซอกซอนเข้าไปได้ และการขัดขืนก็ค่อยๆ อ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อเรียวลิ้นอุ่นชื้นของเขาสอดแทรกดุนดันเข้าไปในโพรงปากนุ่มของเธอจนสำเร็จ ลิ้นอุ่นๆ เกาะเกี่ยวหยอกเย้าลิ้นเล็กๆ ของเธอ และตวัดไล้ควานหาความหวานจนทั่วในโพรงปากนุ่มนั้นอย่างไม่รู้จักอิ่มเอม หญิงสาวร่างบางค่อยๆ อ่อนแรงและตกอยู่ในห้วงแห่งความเคลิบเคลิ้มหลงใหล รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวูบวาบเกิดขึ้นกับตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความวาบหวามแปลกๆ เริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยจนเธอไม่รู้จะจัดการอย่างไร

            ความรุนแรงดุดันในตอนแรกกลับกลายมาเป็นความนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นเมื่อเขาได้ลิ้มรสอันหอมหวานจากเธอ พร้อมกับที่ฝ่ามือร้อนๆ ขยับลูบไล้ไปตามผิวเนียน ก่อนจะหยุดทักทายกับกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวสวยของหญิงสาวใต้ร่าง หัวใจดวงแกร่งเต้นรัวขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสร่างเล็กที่เขาคิดว่าแบบบางนั้นแท้ที่จริงแล้วทั้งนุ่มทั้งอวบอัดเต็มไม้เต็มมือ และยิ่งได้รับการตอบสนองจากเธอเป็นรสจูบที่ไม่ประสาด้วยแล้ว ทำให้อารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มพลุ่งพล่านจนแทบคลั่ง

            ทรวงอกนวลเนียนภายใต้บราเซียร์ตัวสวยสัมผัสกับแผงอกที่เต็มแน่นไปด้วยมัดกล้ามแทบจะหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว ฝ่ามือบางไขว่คว้าสะเปะสะปะไปบนแผ่นหลังกว้างอย่างไม่รู้ตัว เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวของชายหนุ่มเลื่อนจูบซับไปตามพวงแก้มสวยที่เปล่งปลั่งแดงระเรื่อ และซุกไซ้เรื่อยลงไปตามลำคอขาวเนียน ก่อนจะหยุดนิ่งที่เนินเนื้ออ่อนนุ่มพร้อมกับบดริมฝีปากกดจูบดูดดึงจนเกิดรอยตีตราแสดงความเป็นเจ้าของ

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก

            ทุกอย่างชะชักงันเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางพายุอารมณ์ของหนุ่มสาวที่กำลังลุกฮืออยู่ในห้วงแห่งความซาบซ่านรัญจวนใจ วิทยารวบรวมความอดทนอดกลั้นที่มีอยู่ทั้งหมดถอดถอนเรียวปากออกจากผิวเนื้อเนียนบนเนินอกอวบอิ่มของหญิงสาว ก่อนจะผละออกจากร่างนุ่มนิ่มนั้นอย่างแสนเสียดาย มือหนาเลื่อนไปจับสาบเสื้อของเธอที่กระดุมหลุดไปแล้วสองเม็ดด้วยฝีมือของเขาให้ปิดทับกันไว้ด้วยความรู้สึกหวงแหน

            ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะทำแค่จูบสั่งสอนเธอเท่านั้น ชายหนุ่มก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมเขาถึงได้เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าจนเกินการควบคุมของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแบบนี้ และดูเหมือนจะหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่เป็นภรรยาทางนิตินัยคนนี้

            วิทยาขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างพยายามสะกดกลั้น มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นลูบหน้าลูบตาเพื่อเรียกสติ แล้วเสยผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทางจนเป็นปกติที่สุด จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูให้อ้าออกเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คนภายนอกได้เห็นหญิงสาวที่ยังนอนหายใจรวยรินหมดสิ้นเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงกว้างของเขา

            “มีอะไร” หมอหนุ่มยังคงรักษาน้ำเสียงให้นิ่งเป็นปกติ แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับเข้มขรึมในแววตาแฝงไปด้วยความดุดันอย่างไม่รู้ตัว

            “อะ เอ่อ... พี่ชื่นหาคุณหนูไม่เจอน่ะค่ะ ก็เลย...” ชื่นตะกุกตะกักบอกด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ รู้สึกเกรงกลัวชายหนุ่มตรงหน้าขึ้นมาเสียดื้อๆ ตอนที่เธอออกมาจากห้องน้ำสายใจบอกว่าเจ้านายทั้งสองกลับมาถึงก็เอะอะโวยวายฉุดกระชากลากถูกันขึ้นมาบนนี้ เธอเป็นห่วงจึงรีบใส่เสื้อผ้าแล้วขึ้นมาดูแต่เมื่อไม่พบนายสาวที่ห้อง เธอจึงมาถามชายหนุ่ม เพราะใจหนึ่งเธอก็กลัวว่าหญิงสาวที่อยู่ในความดูแลของเธอจะหนีกลับบ้านไปอีก

            “เธอกำลังคุยกับผมอยู่ เดี๋ยวอีกสักครู่ก็ออกไปแล้วหละ กลับไปรอที่ห้องก่อนก็แล้วกัน” วิทยาบอกเรียบๆ ปลายหางตาตวัดไปมองหญิงสาวในห้องเล็กน้อย

            “ค่ะๆ” สาวใช้รับคำแล้วรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีด้วยรู้สึกถึงรัศมีร้อนแรงบางอย่างที่บ่งบอกว่าเธอกำลังอยู่ผิดที่ผิดเวลา

            อรณิชาได้สติหลังจากที่มัวเมาด้วยรสจูบและสัมผัสเคลิบเคลิ้มของชายหนุ่มราวกับจะสูบจิตวิญญานของเธอออกไปจากร่างบางเสียให้ได้ หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วรีบซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนาทันที พร้อมจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองที่หลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยด้วยแรงปรารถนาของเขา

            วิทยาปิดประตูห้องแล้วเดินกลับมานั่งที่ปลายเตียงโดยหันหลังให้หญิงสาวที่กำลังขยับตัวขยุกขยิกจัดการตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อรู้สึกว่าเท้าน้อยๆ ก้าวลงจากเตียงแล้วนั่นแหละเขาถึงหันไปมองพร้อมกับลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่เขาเพิ่งรู้ว่าเธอช่างหวานล้ำและน่ากกกอดแค่ไหน

            “พอใจหรือยังล่ะ กับเรื่องสกปรกของคุณ!” หญิงสาวตะคอกใส่ชายหนุ่มทันทีที่เขาหันมามอง

            “อรณิชา ผม...” หมอหนุ่มเตรียมจะเอ่ยขอโทษที่เขาล่วงเกินเธอจนเลยขอบเขต

            “ไม่ต้องพูดหรอก... ฉันไม่ได้ร้องไห้ และฉันก็ไม่ได้คิดจะหนีกลับบ้านด้วย” เสียงเครือร้องบอกด้วยอาการสะกดกลั้น พยายามเก็บกลืนก้อนสะอื้นที่กำลังตีตื้นขึ้นมาลงไปให้หมด เธอไม่อยากให้ชายหนุ่มตรงหน้าหาว่าเธอเป็นเด็กอีกและครั้งนี้เธอก็มีส่วนผิดที่หลงเคลิบเคลิ้มไปกับเขาเอง

            “แต่ยังไงผมก็อยากขอโทษคุณ... และก็อยากให้คุณเชื่อว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด” เขายังต้องการบอกให้เธอรู้ถึงความรู้สึกจากใจจริง

            “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่ได้คิดอะไร เพราะเราต่างก็พลั้งเผลอด้วยกันทั้งคู่ ส่วนเรื่องนั้นของคุณ... ฉันไม่ขอรับรู้อีก” อรณิชาบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับนึกต่อว่าตัวเองที่ใจอ่อนลุ่มหลงไปกับเขาได้

            “แต่ผมใช้แรงบังคับฝืนใจคุณก่อน” วิทยาว่าพลางเอื้อมมือไปจับที่แขนของหญิงสาว หวังให้เธอเข้าใจว่าเขารู้สึกผิดต่อเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่บอกปัดๆ ไปแบบนี้

            “คุณจะรื้อฟื้นให้มันได้อะไรขึ้นมาอีกคะ คุณวิทยา... แค่นี้ฉันก็รู้สึกแย่พออยู่แล้ว” ร่างบางกระชากแขนเรียวออกจากมือหนาทันทีอย่างตั้งใจ

            ทั้งคำพูดและกิริยาของเธอทำให้ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอรังเกียจสัมผัสจากเขา ดังนั้น ความรู้สึกผิดที่มีในตอนแรกจึงเปลี่ยนเป็นความกรุ่นโกรธที่ค่อยๆ ปะทุขึ้นมาทีละน้อย

            “จริงสินะ เพราะเนื้อตัวคุณมันเป็นของไอ้หน้าหล่อนั่นแล้ว คุณก็เลยรู้สึกไม่สบายใจที่ผมเข้าไปแตะต้องทับรอยเดิมของมันอย่างนั้นสิ” เสียงเข้มเอ่ยประชดประชัน แต่ภายในใจกลับรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพูดถึงแฟนหนุ่มของเธอ

            “นั่นมันเรื่องของฉัน... หลีกไป! ฉันจะกลับห้อง” คนตัวเล็กตวาดพลางทำตาเขียวใส่พร้อมกับเบี่ยงตัวไปข้างๆ เพื่อให้พ้นจากชายหนุ่ม

            “เดี๋ยว... คุณไม่อยากรู้แล้วเหรอว่ารถของคุณหายไปไหน” วิทยาพูดขึ้นขณะที่ร่างบางกำลังจะผ่านหน้าเขาไป

            คำพูดของชายหนุ่มทำให้เท้าบอบบางที่กำลังจะก้าวออกไปต้องหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองเขาด้วยแววตาดุดัน

            “ฝีมือคุณใช่ไหม บอกมานะ คุณเอารถของฉันไปไว้ที่ไหน” อรณิชาแว๊ดใส่ทันทีเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนเอารถของเธอไป

            “ผมโทรไปบอกคุณพ่อตาให้มาเอารถของคุณเก็บเข้าโกดังไปได้เลย เพราะคุณไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนรับส่งคุณด้วยตัวเอง” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงนิ่ง สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งเหมือนกับท่าทางของหญิงสาวที่ทำใส่เขาตอนที่เธอขับรถเกือบจะพุ่งชนท้ายรถของเขาเมื่อเย็น และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาจัดการให้พ่อตายึดรถของเธอซะ

            “นี่คุณ!คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉันนะ” หญิงสาวหันมาค้อนขวับทันที

            “มีสิทธิ์หรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คุณพ่อของคุณท่านก็ยินดีและเต็มใจด้วยซ้ำ”

            น้ำเสียงยียวนกับท่าทางกวนประสาทของเขาทำให้หญิงสาวโกรธจัดจนกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ร่างบางของคนตัวเล็กกระโจนเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้าทันที

            “นี่แน่ะๆ ไอ้หมอบ้า ไอ้หมอลามก คนเลว นิสัยไม่ดี รังแกผู้หญิง...” อรณิชากระฟัดกระเฟียดร้องด่า พร้อมทั้งฟาดฝ่ามือบางทั้งทุบทั้งตีลงไปที่ไหล่กว้างของชายหนุ่มไม่ยั้งด้วยความคับแค้นใจ

            “ขืนด่าผมอีกคำเดียว รับรองคุณโดนมากกว่าเมื่อกี้แน่” วิทยาขู่พร้อมกับคว้ารวบมือน้อยๆ ของเธอเอาไว้ทั้งสองข้างก่อนจะดึงรั้งเข้ามาชิดกับอกแกร่งของเขา

            “ชิ!... ไอ้...” เรียวปากนุ่มกำลังจะขยับเอื้อนเอ่ยคำด่าออกมาอย่างนึกขัดใจที่ไม่สามารถสู้เขาได้

            “หรือจะลอง” หมอหนุ่มย้ำคำขู่พลางก้มลงหมายจะแตะริมฝีปากหยักสวยปิดทับเรียวปากบางอีกครั้ง

            “ไม่!” ใบหน้าหวานเบี่ยงหลบได้ทันทำให้เป้าหมายจุมพิตเปลี่ยนเป็นพวงแก้มนุ่มของเธอแทน ชายหนุ่มจึงกดจมูกหนักๆ สูดดมความหอมกรุ่นนั้นจนเต็มอกสมใจอยาก

            “หมดธุระของคุณแล้วใช่ไหม ฉันจะกลับห้อง” เสียงหวานสั่นน้อยๆ บอกเขาด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นปนเก้อเขิน

            “เชิญ...” คนตัวใหญ่ปล่อยร่างแน่งน้อยในวงแขนให้เป็นอิสระ ก่อนจะขยับตัวออกห่างเล็กน้อยเพื่อเป็นการยืนยันคำพูด

            “อ่อ แล้วพรุ่งนี้ช่วยกรุณาลงไปแต่เช้าด้วยนะ เพราะหากคุณช้า... ผมจะขึ้นมาปลุกแล้วจัดการอาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้คุณ... ด้วยตัวเอง” วิทยาบอกพร้อมกับเน้นย้ำคำว่า ‘ด้วยตัวเอง’ ให้หญิงสาวได้ขนลุกนึกหวาดหวั่นขึ้นมาอีกครั้ง

            “อี๋... ไอ้หมอลามก” อรณิชาหันมาส่งค้อนให้ชายหนุ่ม ก่อนจะรีบคว้าลูกบิดประตูห้องแล้วเปิดออกไปด้วยความรวดเร็ว เพราะกลัวอีกฝ่ายจะจับตัวเธอไว้อีก

            หมอหนุ่มยิ้มน้อยๆ ให้กับท่าทางน่ารักน่าหยิกของเธอ มือหนายกขึ้นลูบไล้ริมฝีปากของตัวเองอย่างต้องการจะจดจำซึมซับความหอมหวานให้มากที่สุด เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาเริ่มหลงใหลกับเรียวปากอ่อนนุ่มของเธอจนยากจะถอนตัวมากขึ้นทุกวัน ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรงๆ สองสามครั้งเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่าน จากนั้นร่างสูงก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไป

           

            อรณิชาเปิดประตูห้องส่วนตัวของตนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้าไป ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพบพี่เลี้ยงสาวนั่งดูทีวีรอเธออยู่ในห้องแล้ว ใบหน้าหวานรีบปรับให้เป็นปกติพยายามเก็บซ่อนร่องรอยพิรุธต่างๆ เอาไว้จนมิด

            “คุณหนูอร...” ชื่นร้องเรียกนายสาวด้วยความดีใจ 

            “พี่ชื่น มารออรนานแล้วเหรอคะ” เจ้าของห้องถามเรียบๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ

            “ก็สักพักแหละค่ะ... เห็นคุณหมอบอกว่ากำลังคุยกับคุณหนูอยู่... พี่ชื่นก็เลยมานั่งรอ” พี่เลี้ยงสาวบอกขณะหันไปกดรีโมทเพื่อปิดทีวี

            “ใช่... อรคุยกับเขาเรื่องรถน่ะ ว่าทำไมเขาต้องให้คุณพ่อมาเอาไปด้วย” หญิงสาวว่าพลางเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียง พร้อมทั้งหลบสายตาเสมองไปทางอื่นเมื่อไม่อาจบอกพี่เลี้ยงได้ว่าเธอกับเขาทำอะไรที่มากกว่าการพูดคุยกัน

            “สงสัยคุณหมอคงโกรธที่คุณหนูจะชนท้ายรถของเขาเมื่อเย็นน่ะค่ะ” ชื่นสันนิษฐาน

            “อรก็แค่ล้อเล่นสนุกๆ เท่านั้นเอง แล้วก็ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรเลยด้วย” เสียงหวานเอ่ยแก้ตัวอย่างดื้อรั้น

            “แหม่... มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นกันนี่คะ เถอะน่า... คงไม่กี่วันหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณหมอก็ไปขอมาคืนให้” คนเป็นพี่เลี้ยงพยายามปลอบใจนายสาวให้คลายกังวล แม้จะไม่รู้ว่าไม่กี่วันของชายหนุ่มนั้นจะนานแค่ไหนกัน

            “แล้วเมื่อกี้ทะเลาะกันหรือเปล่าคะ” พี่เลี้ยงสาวไม่วายเป็นห่วง แม้ตอนที่เธอไปเคาะประตูเรียกจะไม่ได้ยินว่าสองหนุ่มสาวมีปากเสียงกันอย่างที่สายใจบอกกับเธอก็ตาม

            “เอ่อ กะ ก็นิดหน่อยน่ะ แต่อรไม่เป็นอะไรหรอก พอรู้ตัวว่าสู้เขาไม่ได้อรก็รีบเผ่นออกมานี่ไง” อรณิชาตะกุกตะกักบอกอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับเธอแล้วพวงแก้มสวยก็ร้อนผ่าวขึ้นสีระเรื่อจนเข้มจัดอย่างห้ามไม่อยู่

            “เอ... แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะคะคุณหนู หรือว่าเมื่อกี้นี้คุณหมอ...” ชื่นหยอกเย้านายสาวอย่างชอบใจ พลางคิดว่าทั้งสองคนคงเริ่มมีใจให้กันบ้างแล้วแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่แสดงพิรุธออกมาแบบนี้หรอก

            “พี่ชื่นน่ะ ล้ออรเหรอ... งั้นอรไม่คุยด้วยแล้วไปอาบน้ำดีกว่า” อรณิชาทำแก้มป่องเหมือนงอนน้อยๆ ใส่พี่เลี้ยง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายทันที

            ‘ลองได้อายม้วนแบบนี้ล่ะก็ สิ่งที่คุณผู้ชายหวังไว้คงไม่ไกลเกินเอื้อมซะแล้ว’ ชื่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง เธอได้รับการฝากฝังจากประมุขใหญ่ของบ้านเรือนไทยว่าให้คอยดูแลและช่วยประคับประคองให้สองหนุ่มสาวรักกันเหมือนดั่งคู่ชีวิตที่ฟ้าลิขิตมา ที่สำคัญมีลูกไวๆ ได้ยิ่งดี เฮ้อ... นี่แหละเป็นสิ่งที่เธอยังหนักใจ เพราะทั้งสองแยกห้องนอนกันแล้วจะมีลูกกันได้ยังไง เมื่อดูแลความเรียบร้อยในห้องนอนของนายสาวเรียบร้อยแล้ว คนเป็นพี่เลี้ยงก็เดินออกไปจากห้องเพื่อกลับไปพักผ่อนยังห้องนอนของตัวเองซึ่งอยู่ข้างล่างกับสาวใช้รุ่นน้องอีกคน

 

            เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำแล้ว อรณิชาก็จัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ก่อนจะก้มลงมองรอยแดงเป็นวงที่อยู่เหนือเนินอกของเธอ นิ้วเรียวยาวค่อยๆ แตะลูบไล้ลงไปเบาๆ พลางคิดถึงสาเหตุของมันด้วยความเขินอายและหวั่นไหว จู่ๆ หัวใจดวงน้อยก็รู้สึกวูบวาบขึ้นมาอย่างประหลาด

            หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธตัวเองได้เลยว่าเธอก็เผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะไม่ได้เต็มใจแต่แปลกที่เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจเขาอย่างที่ควรจะเป็น ‘นี่เธอบ้าไปแล้วหรือเปล่าอรณิชา ทำไมคิดถึงเขาอยู่ได้ ทั้งๆ ที่เขาล่วงเกินเธอขนาดนี้’ ศีรษะน้อยๆ สะบัดไปมาแรงๆ แล้วต่อว่าตัวเองในใจ จากนั้นก็หันไปเปิดฝักบัวให้สายน้ำรินรดลงมาบนตัว หวังใช้ความเย็นชุ่มฉ่ำช่วยดับความคิดฟุ้งซ่านและลบเลือนสัมผัสของเขาออกไปให้หมด แม้ว่าจริงๆ แล้ว มันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม เพราะทุกๆ สัมผัสของเขามันฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเธอไปแล้ว

 

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

^_^

 

สนใจสั่งซื้อนิยายเรื่องนี้ในแบบรูปเล่ม ติดต่อผู้แต่งโดยตรงได้ที่
E-mail : oilza24@hotmail.com
โทร/ไลน์ : 094-4942566

หรือสนใจในรูปแบบ E-Book สามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่
www.chalawanhunsa.com หรือ
www.nongoil.com

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา