ลิขิตรักคำสั่งวิวาห์ NC+ (หวานๆ กุ๊กกิ๊กน่ารัก)
เขียนโดย สุภาวดี
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.22 น.
แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 19.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) ตอนที่ 6 มารร้ายในคราบนางฟ้า 50%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ6
มารร้ายในคราบนางฟ้า
วิทยาเดินลงมาจากข้างบนในตอนเช้าด้วยชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงแสลคสีดำดูเรียบร้อย วันนี้เป็นวันทำงานตามปกติของเขา ซึ่งหมอหนุ่มไม่ได้ลางานเพิ่มหลังวันแต่งงานอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ
เมื่อเดินไปที่โต๊ะอาหารเขาก็พบถ้วยกาแฟร้อนส่งกลิ่นหอมกรุ่นกับขนมปังปิ้งอีกสองแผ่นพร้อมทั้งหนังสือพิมพ์วางรออยู่ก่อนแล้ว เพราะสายใจเคยเป็นเด็กรับใช้ในบ้านของแม่เขามาก่อน เธอจึงรู้เวลาและรู้ว่าเขาต้องการอะไรบ้างในทุกๆ เช้าก่อนไปทำงาน แต่ที่แปลกใจก็คือทำไมมีแต่อาหารเช้าของเขาคนเดียวแล้วของหญิงสาวอีกคนล่ะ ระหว่างที่กำลังคิดสงสัยอยู่นั้น สายใจที่เดินเข้ามาดูเผื่อว่าเจ้านายจะต้องการอะไรเพิ่มอีก ชายหนุ่มจึงเอ่ยถาม
“แล้วคุณอรล่ะ”
“ยังไม่ลงมาค่ะ” สายใจก้มหน้าตอบอย่างนอบน้อม
“อืม... เรียกพี่ชื่นให้ฉันที” ชายหนุ่มพยักหน้าให้เป็นการรับรู้ก่อนจะเรียกหาสาวใช้อีกคนที่เป็นพี่เลี้ยงของหญิงสาวที่ยังอยู่ข้างบน
หมอหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ‘เกือบแปดโมงแล้วทำไมเธอยังไม่ลงมาทานอาหารเช้า แล้วเธอไม่ไปทำงานหรือไง หรือว่าลางาน ที่สำคัญเธอทำงานอะไรเขาเองก็ลืมถามไปเสียสนิท’ วิทยาคิดในใจพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“คุณหมอมีอะไรให้พี่ชื่นทำเหรอคะ” ชื่นร้องถามเมื่อเข้ามาหาเจ้านายหนุ่มตามคำสั่ง เธอใช้สรรพนามแทนตัวเองตามที่ใช้พูดกับเจ้านายสาวของเธออย่างที่เคยชิน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเธอก็อายุมากกว่าเขาอยู่แล้ว
“ผมแค่สงสัยน่ะว่าคุณหนูของพี่ชื่นจะไปทำงานหรือเปล่า ทำไมป่านนี้ยังไม่ลงมาทานอาหารเช้าอีก”
“คุณหนูอรไปทำงานไม่เป็นเวลาหรอกค่ะคุณหมอ เช้าสุดก็เก้าโมง บางครั้งก็เที่ยง บางทีก็ทำงานที่บ้าน ตอนกลับนี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยค่ะ” ชื่นตอบยืดยาวตามความเป็นจริงจากที่ได้รับใช้ใกล้ชิดกับนายสาวมาโดยตลอด แม้จะแปลกใจอยู่นิดๆ ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วยเลยหรือยังไง
“หือ... งานอะไรถึงทำไม่เป็นเวลาแบบนี้” วิทยาขมวดคิ้วมุ่นถามกลับอย่างนึกสงสัย
“คุณหนูเป็นมัณฑนากรของบริษัทรับออกแบบภายใน ที่คุณนนท์ประวิธเพื่อนสนิทของคุณหนูเป็นเจ้าของน่ะค่ะ แล้วคุณก้อยที่เป็นเพื่อนสนิทอีกคนก็ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย”
‘อย่างนี้นี่เอง... บริษัทของแฟน เลยได้สิทธิพิเศษจะเข้าจะออกกี่โมงก็ได้งั้นสิ ถึงได้เอาแต่ใจและไม่รู้จักโตสักที’ หมอหนุ่มคิดในใจพลางต่อว่าหญิงสาวอย่างนึกหมั่นไส้
“งั้นฝากพี่ชื่นบอกเธอด้วยว่าเย็นนี้ผมจะมารับไปทานข้าวที่บ้านคุณแม่ ให้เธอมารอผมที่นี่ไม่เกินหกโมงเย็น” วิทยาสั่งเสียงเข้มเพื่อบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการให้ผิดเวลาหรือมีการคลาดเคลื่อนใดๆ
“ค่ะคุณหมอ”
“แล้วจัดผลไม้ของฝากที่เอามาจากบ้านโน้นไว้ด้วยละกัน” ชายหนุ่มสั่งต่อแล้วขยับตัวลุกขึ้นเมื่อดื่มกาแฟจนหมดแก้วแล้ว ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาจึงเอ่ยกับสาวใช้
“อ่อ ผมขอเบอร์มือถือของเธอดีกว่า เดี๋ยวผมจะโทรไปย้ำกับเธออีกที”
“ค่ะ” ชื่นรับคำพลางเดินไปหยิบปากกากับกระดาษที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆ มาจดเบอร์นายสาวแล้วนำมายื่นให้ชายหนุ่ม
เมื่อได้เบอร์ของอรณิชาจากพี่เลี้ยงของเธอแล้ว วิทยาก็เดินลิ่วออกจากบ้านไปทันทีด้วยความเร่งรีบ เขาไม่อาจช้าไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะกลัวคนไข้คิวแรกที่มาพบตามเวลานัดจะรอนาน และคิวต่อๆ ไปก็จะยิ่งช้ามากขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มเจ้าของบ้านออกไปเพียงไม่นาน หญิงสาวที่เขาพูดถึงก็เดินลงมาจากข้างบนพอดี อรณิชาอยู่ในชุดทำงานสบายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตสีเข้มเข้ารูปตัดกับกางเกงยีนส์สีซีดทันสมัยในสไตล์สาวมัณฑนากรที่ต้องการความคล่องตัวและความทะมัดทะแมงในการทำงานสูง
ร่างบางเดินไปที่ห้องครัวทันทีเพื่อตามหาพี่เลี้ยงของเธอ ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อผ่านโต๊ะอาหารแล้วเห็นถ้วยกาแฟที่มีร่องรอยการดื่มไปแล้ว ‘โห นี่เขาไปทำงานแต่เช้าขนาดนี้เลยหรือนี่’ อรณิชาพึมพำกับตัวเอง แล้วเดินผ่านไปถึงห้องครัว
“อ้าวคุณหนูอร พี่ชื่นว่าจะขึ้นไปถามพอดีเลยค่ะ ว่าจะไปทำงานหรือเปล่า” คนเป็นพี่เลี้ยงเงยหน้าจากหม้อข้าวต้มแล้วหันมาพูดกับนายสาวเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในครัว
“ไปค่ะ นี่ไง แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว” อรณิชาตอบพลางก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองไปด้วย
“งั้นทานข้าวต้มปลาก่อนนะคะ พี่ชื่นจะยกไปให้”
“ค่ะ”
หลังจากรับคำหญิงสาวก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารฝั่งตรงข้ามกับชุดกาแฟที่เป็นอาหารเช้าของชายหนุ่มเจ้าของบ้านทันที
“เขาออกไปแล้วเหรอคะพี่ชื่น” อรณิชาถามขณะพี่เลี้ยงสาววางชามข้าวต้มให้กับเธอ
“ค่ะ... ออกไปก่อนที่คุณหนูจะลงมาสักครู่เอง แล้วก็ฝากบอกคุณหนูด้วยว่าเย็นนี้จะมารับไปทานข้าวบ้านคุณแม่ ให้คุณหนูมารอที่นี่ก่อนหกโมงเย็นด้วยค่ะ” ชื่นบอกในสิ่งที่คนเป็นเจ้าของบ้านฝากเอาไว้ก่อนเขาจะออกไป
“แล้วถ้าอรไม่ว่างล่ะคะ” หญิงสาวบอกปัดอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าของตัวเอง
“โถ่... คุณหนูอร อย่างอแงสิคะ เราเป็นสะใภ้แต่งงานเข้าบ้านเขาแล้วนะคะ จะไม่ไปได้ยังไง” คนที่เป็นทั้งสาวใช้และพี่เลี้ยงพยายามเกลี้ยกล่อมเพราะไม่อยากให้เจ้านายทั้งสองต้องทะเลาะกันอีก
“อรไม่รับปากนะคะพี่ชื่น ขอดูงานก่อนก็แล้วกัน ถ้าเย็นนี้อรกลับมาไม่ทันก็บอกให้เขาไปได้เลยไม่ต้องรอ” ว่าจบ ร่างบางก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเป็นการบ่งบอกว่าเธออิ่มแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปที่ประตูบ้านโดยมีพี่เลี้ยงตามมาส่งจนถึงรถ
“วันนี้พี่ชื่นย้ายของของอรจากห้องเขาไปไว้ที่ห้องฝั่งตรงข้ามด้วยนะคะ” อรณิชาบอกขณะกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ
“อ้าว... ยังไงกันคะ” สาวใช้ร้องถามอย่างงุนงง
“อรแยกห้องกับเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ เขาให้อรย้ายมาอยู่ห้องฝั่งตรงข้าม” หญิงสาวพูดพลางขยับตัวขึ้นไปนั่งบนรถในตำแหน่งคนขับ
“จะดีหรือคะคุณหนู แล้วถ้าเกิดคุณพ่อคุณแม่รู้เข้าล่ะคะ” คนรับหน้าที่ดูแลร้องถามอย่างนึกหวาดหวั่นกับพฤติกรรมของสองหนุ่มสาว
“น่า... พี่ชื่นไม่พูดใครจะรู้... นะคะ อรไปก่อนละ” อรณิชาหันมากำชับก่อนจะขับรถออกไป โดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของคนเป็นพี่เลี้ยงอีก
“เฮ้อ... แล้วอย่างนี้ครอบครัวจะเป็นครอบครัวไหมเนี่ย” ชื่นบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อทำงานของตัวเองที่ยังค้างไว้อีกหลายอย่าง ส่วนเรื่องเจ้านายก็ปล่อยให้ทั้งคู่จัดการกันเอง ดูท่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมให้กันอย่างนี้ คงต้องทะเลาะกันอีกเป็นแน่
วิทยามาถึงโรงพยาบาลที่ทำงานประจำในเวลาปกติคือไม่เกินเก้าโมงเช้า ซึ่งเขามีตำแหน่งเป็นนายแพทย์ใหญ่ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ โดยจะเริ่มตรวจคนไข้รายแรกตามที่นัดไว้ตั้งแต่เวลาเก้าโมงตรงเป็นต้นไป ดังนั้นเขาจึงมาก่อนเวลาพอสมควรเพื่อเตรียมความพร้อมในหน้าที่ของตัวเอง
ขณะที่หมอหนุ่มกำลังหยิบจับและตรวจดูความเรียบร้อยของอุปกรณ์อยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องเบาๆ อย่างมีมารยาทและถูกเปิดเข้ามาเงียบๆ ทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง เพราะคิดว่าเป็นพยาบาลผู้ช่วยประจำตัวของเขา แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับพยาบาลสาวสวยคนหนึ่งที่เขาไม่เคยคุ้นหน้ามาก่อน
“สวัสดีค่ะคุณหมอวิทยา” พยาบาลสาวสวยยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มในดวงใจด้วยรอยยิ้มหวานละมุน
“สวัสดีครับ เอ่อ...” วิทยารับไหว้หญิงสาวด้วยอาการมึนงงเล็กน้อย เพราะกำลังคิดหาคำถามกับเธออยู่
“ดิฉันชื่อขนิษฐา เรียก ขิม ก็ได้ค่ะ” พยาบาลสาวเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะ
“ครับ คุณขิม มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” หมอหนุ่มยิ้มรับคำทักทายพลางมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างนึกชื่นชมในความสวยและอ่อนหวานของเธอ
“ขิมจะมาเป็นพยาบาลผู้ช่วยคุณหมอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ”
“อ้าว แล้วคุณเพ็ญศิริล่ะครับ” ชายหนุ่มถามถึงพยาบาลรุ่นน้องที่เคยเป็นผู้ช่วยประจำของเขา
“เธอย้ายไปประจำที่แผนกสูตินรีเวชแล้วค่ะ”
“อ่อ ครับ เอ่อ... แล้ว... ขอโทษนะครับคุณเป็นพยาบาลใหม่หรือเปล่าทำไมผมถึงไม่คุ้นหน้าคุณเลย” วิทยาถามอย่างนึกลังเล พยายามคิดทบทวนถึงใบหน้าของเธอ แต่ก็มั่นใจว่าเขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อนแน่ๆ
“ใหม่สำหรับคุณหมอ แต่เก่าสำหรับที่นี่ค่ะ” หญิงสาวพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะปลายตาให้หมอหนุ่มอย่างมีจริต
“ยังไงกันครับ” วิทยาถามยิ้มๆ แค่เขาเห็นอาการของเธอเขาก็พอจะรู้แล้วว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร แต่เพราะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ดัง เขาจึงได้แต่ภาวนาขอให้เธอเข้าใจเขาด้วย ที่สำคัญเธอจะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว
“ขิมมาทำงานที่นี่ได้สองปีแล้วค่ะ แต่อยู่แผนกอายุรกรรมที่ตึกนอก เราก็เลยไม่เคยเจอกัน” ขนิษฐาตอบเสียงหวานพยายามส่งสายตาเชิญชวนให้หมอหนุ่มตลอดเวลา
“ครับ คงอย่างนั้น... ขอบคุณนะครับที่มาช่วยผม ต่อไปคงต้องรบกวนคุณขิมแล้วหละ” หมอหนุ่มกล่าวอย่างเกรงใจ แม้จะไม่ชอบสายตาที่เธอใช้มองเขาเลยสักนิด เขารู้สึกว่ามันน่ากลัวมากกว่าน่าหลงใหลด้วยซ้ำ เฮ้อ... นี่เขาเพิ่งจะเข้าใจคำว่า ‘สวยสยอง’ ก็วันนี้เอง
“ด้วยความยินดีค่ะ” ดวงตากลมโตยังคงฉายแววหวานซึ้งถ่ายทอดมาให้หมอหนุ่มอย่างไม่ลดละ
“งั้นเชิญคนไข้รายแรกให้ผมเลยครับ... ผมพร้อมแล้ว” ชายหนุ่มตัดบทอย่างไม่ให้เสียเวลา พลางคิดในใจว่าหญิงสาวคนนี้จะมาเพิ่มความวุ่นวายให้กับชีวิตของเขามากกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พยาบาลสาวรับคำสั่งพร้อมกับยิ้มหวานให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อเรียกหาคนไข้ตามเอกสารใบนัดที่ถือในมือ
หญิงสาวพบหมอหนุ่มที่ลานจอดรถโดยบังเอิญเมื่อเดือนก่อน แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแต่เธอก็รู้สึกถูกใจเขาเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเธอก็พยายามสอบถามและสืบหาประวัติของเขาจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่มาก่อนเธอ จึงได้รู้ว่าเขาเป็นแพทย์มือหนึ่งอีกคนที่ทางโรงพยาบาลส่งไปศึกษาเพิ่มเติมเมื่อสองปีก่อน และตอนนี้เขาก็กลับมาทำหน้าที่ดังเดิมแล้ว
ดังนั้น เธอจึงทำเรื่องขอย้ายตัวเองจากแผนกอายุรกรรมมาเป็นผู้ช่วยของหมอวิทยาในแผนกศัลยกรรม เพราะความชอบจนถึงขั้นรักและหลงใหลในตัวหมอหนุ่มที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็ตรงสเปคผู้ชายในฝันของเธอทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความหล่อเหลาขาวสูงที่เขามีมากกว่าใครที่เธอเคยเจอ อีกทั้งยังเป็นสุภาพบุรุษที่ดูนุ่มนวลอบอุ่นจนเธอเคลิ้มฝันได้ตลอดเวลาที่จ้องมองเขา ที่สำคัญเขายังโสด และนั่นก็เป็นสิ่งดึงดูดให้เธอตั้งใจจะครอบครองเขาให้ได้
ระหว่างที่รอการอนุมัติขอย้ายแผนกนั้น เธอได้แต่แอบมองเขามาตลอดแม้ระยะหลังๆ เธอจะไม่ค่อยได้พบเห็นเขาบ่อยนักก็ตาม จนได้มารู้ข่าวร้ายว่าเขากำลังจะแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ เธอทั้งเจ็บปวดทั้งเสียใจและก็แปลกใจไปพร้อมๆ กัน เพราะเธอสืบประวัติของเขามาเป็นอย่างดีแล้ว ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขายังโสดไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน และเขายังคงฝังใจกับรักครั้งเก่าในอดีตซึ่งหลายๆ คนลือกันว่าเธอคนนั้นเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจไปศึกษาเพิ่มเติมที่ต่างประเทศเพื่อหลบไปรักษาแผลใจ เธอจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นคนเยียวยาให้เขาหากเขายังไม่หายดี
ขณะที่กำลังเสียใจและสิ้นหวังกับข่าวการแต่งงานของเขาอยู่นั้น เธอบังเอิญได้ยินพยาบาลในแผนกที่หมอหนุ่มประจำอยู่พูดกันว่า หมอวิทยาแต่งงานเพราะคำสั่งของผู้ใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และที่สำคัญเขาไม่เคยคบหรือพบเจอกับเจ้าสาวของเขามาก่อนเลยด้วยซ้ำ เธอจึงมั่นใจได้ว่าการแต่งงานของเขาครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความรักและความสมัครใจของชายหนุ่มที่เธอแอบรักอย่างแน่นอน ดังนั้น ความตั้งใจที่จะแย่งชิงเขามาเป็นของเธอจึงเกิดมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้เธอจะต้องทำให้ได้
อรณิชาขับรถมาถึงที่ทำงานของเธอในเวลาเก้าโมงกว่า บริษัทรับออกแบบภายในที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งนี้ เธออยู่ในตำแหน่งที่ไม่จำกัดเรื่องเวลาการเข้าออก ขอแค่รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสมบูรณ์และทันตามกำหนดเวลาก็พอ ซึ่งเธอก็รักษาเวลาของการทำงานได้ดีมาโดยตลอด ดังนั้น การที่เธอจะมาช้ามาเร็วก็ไม่มีผลกระทบต่องานแต่อย่างใด
“สวัสดีจ้ะก้อย” อรณิชาเอ่ยทักเพื่อนสาวที่นั่งโต๊ะข้างๆ ด้วยความคิดถึง
“อ้าวอร คิดว่าจะลางานต่อซะอีก” กรรณิการ์ยิ้มกลับให้เพื่อนสาวด้วยความคิดถึงเช่นเดียวกัน
“ไม่ง่ะ จะลาทำไม งานล้นมือเยอะแยะ” หญิงสาวว่าพลางหยิบจับอุปกรณ์บนโต๊ะเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มงาน
“ก็นึกว่าจะไปฮันนีมูลสวีตหวานอะไรแบบนี้ไงจ๊ะ” คนเป็นเพื่อนล้อเลียนยิ้มๆ
“ไม่มีทางง่ะ แค่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับเขาสองต่อสองอรก็แทบจะกลั้นใจตายอยู่แล้ว ดีนะที่คุณแม่ให้พี่ชื่นมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย ไม่งั้นอรได้ร้องไห้กลับบ้านแน่ๆ” คนพูดถอนหายใจออกมาบางๆ ทำท่าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“อ้าว ก้อยก็คิดว่าอรอยู่บ้านคุณแม่ของเขาซะอีก” กรรณิการ์ว่าพลางขยับตัวมานั่งคุยกับเพื่อนรักใกล้ๆ
“ไม่ใช่หรอก อรไปอยู่บ้านที่เขาเพิ่งซื้อใหม่น่ะ”
“ก้อยว่าก็ดีนะ... อรกับคุณหมอจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น” คนเป็นเพื่อนพยายามปลอบใจ
“อรไม่ได้อยากรู้จักเขาสักหน่อย” อรณิชาบอกเพื่อนรักเสียงเบาแต่ดูปั้นปึงอยู่ในที ก่อนจะนึกถึงเพื่อนชายที่เธอกำลังเป็นห่วงความรู้สึกของเขาอยู่จึงรีบเอ่ยถาม
“เออก้อย นนท์มาหรือยัง”
“มาแล้ว ไปแล้วด้วย เห็นบอกจะรีบไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอกน่ะ” กรรณิการ์ตอบตามตรงเพราะเมื่อเช้าเขาเดินมาหาอรณิชาที่โต๊ะแล้วแต่ไม่เจอ เขาก็เลยคุยกับเธอสองสามคำแล้วก็ไป
“ก้อยว่า... นนท์เขาหลบหน้าอรหรือเปล่า” อรณิชาถามเพื่อนรักด้วยความกังวล
“ไม่หรอก คงยุ่งเรื่องงานนั่นแหละ ไว้เย็นนี้เราชวนนนท์ไปกินข้าวด้วยกันดีไหม” กรรณิการ์เสนอความคิด
“อืม... ดีสิ อรก็คิดอยู่เหมือนกัน” คนขี้กังวลเห็นด้วยอย่างไม่ต้องคิดนาน โดยลืมคำสั่งของคนที่บ้านไปเสียสนิท ก่อนจะหันไปย้ำกับเพื่อนสาวอีกครั้งด้วยสีหน้าจืดเจือน
“งั้นตอนเที่ยงๆ ก้อยโทรบอกนนท์ด้วยนะ อร... ไม่กล้าโทรน่ะ”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวก้อยโทรเอง” กรรณิการ์ยิ้มรับด้วยความเต็มใจ อะไรที่เกี่ยวข้องกับนนท์ประวิธเธอยินดีทำให้ทุกอย่างนั่นแหละ
หลังจากพูดคุยกันสักพัก สองสาวต่างก็ตั้งหน้าตั้งตากับงานในความรับผิดชอบของตัวเองโดยไม่ได้สนใจถามไถ่ถึงเรื่องอื่นๆ กันอีก เพราะงานตรงหน้าของแต่ละคนนั้นต้องใช้สมาธิและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบถูกใจลูกค้าที่สุด ซึ่งแน่นอนว่ามัณฑนากรมือหนึ่งอย่างอรณิชาไม่เคยทำให้ลูกค้าผิดหวังเลยสักครั้ง
เวลาใกล้เที่ยง นายแพทย์ใหญ่ของแผนกศัลยกรรมที่เพิ่งตรวจคนไข้รายสุดท้ายของช่วงเช้าเสร็จ และกำลังนั่งเคลียร์เอกสารเพื่อเตรียมจะไปทานอาหารกลางวันกับเพื่อนรักที่โทรมาจองตัวเขาไว้ตั้งแต่เช้า
เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้เจ้าของห้องที่กำลังลุกจากเก้าอี้เพื่อถอดเสื้อกาวน์หันไปมองด้วยความสนใจ เพราะหากเป็นก้องเกียรติ รายนั้นไม่มีมารยาทขนาดนี้ และข้อสันนิษฐานของเขาก็ไม่ผิด
“คุณหมอไปทานข้าวที่โรงอาหารด้วยกันไหมคะ” พยาบาลสาวเปิดประตูเข้ามาอย่างเบามือพร้อมกับเอ่ยชวนชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มละไม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจืดจางลงเมื่อเจอคำปฏิเสธที่สุภาพนุ่มนวลของเขา
“วันนี้ต้องขอโทษด้วย พอดีผมนัดกับเพื่อนไว้แล้ว ขอบคุณมากนะครับ” วิทยาบอกพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้หญิงสาวเป็นการขอบคุณ แต่ยังไม่ทันที่พยาบาลสาวสวยจะหันหลังออกไป ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรงจนเกือบชนกับร่างบางของเธอ
“อุ๊ย!” ขนิษฐาอุทานด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อคนที่ผลักประตูเข้ามาเป็นชายหนุ่มที่เธอไม่อยากเจอที่สุด เพราะเขามักจะยียวนกวนประสาทเธอทุกครั้งที่พบหน้ากัน
“อ้าว น้องขิมที่รัก มาทำอะไรที่นี่จ้ะ” ก้องเกียรติร้องทักทันทีเมื่อพบหญิงสาวที่เขากำลังคิดถึง วันนี้เขาตามหาเธอจนทั่วตึกนอกที่เธอประจำอยู่ก็ไม่เห็น ที่แท้ก็มาอยู่กับนายแพทย์หนุ่มหล่อเบอร์หนึ่งของโรงพยาบาลนี่เอง
“ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ กรุณาอย่าสร้างกระแส” ขนิษฐาตอกกลับเสียงเขียวสะบัดหน้าพรืดอย่างนึกขัดใจที่เขาเรียกเธอแบบนั้นต่อหน้าชายหนุ่มที่เธอหมายปอง
“เดี๋ยวๆ นี่มันอะไรกันนายก้อง คุณขิม ผมงงไปหมดแล้ว” วิทยาขัดขึ้นมาด้วยความมึนงงเมื่อสองหนุ่มสาวตรงหน้ากำลังทักทายกันอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทำไมน้องขิมถึงมาอยู่ที่นี่” ก้องเกียรติถามเพื่อนพลางส่งสายตายียวนไปให้หญิงสาวที่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ข้างๆ
“เขาเป็นผู้ช่วยฉัน เพิ่งย้ายมาวันนี้น่ะ” เจ้าของห้องตอบเรียบๆ
“อ่อ ที่แท้ก็หลงเสน่ห์คุณหมอรูปหล่อแผนกศัลยกรรมนี่เอง” คนยียวนว่าพลางหรี่ตามองหญิงสาวอย่างนึกหมั่นไส้ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเมื่อหลายวันก่อนเขาได้ยินสาวๆ พยาบาลตึกนอกคุยกันว่าเธอมาสืบเสาะสอบถามประวัติของหมอวิทยาจากคนเก่าๆ และเธอก็แสดงออกชัดเจนว่าชอบพอในตัวหมอหนุ่มเพื่อนรักของเขาอยู่ไม่น้อย
“ฉันมาทำงานตามหน้าที่ของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ขนิษฐาเชิดหน้าตอบกลับอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายมาตามราวีเธอถึงที่นี่
“นี่แม่คุณ... น้องขิมคนสวยพี่ก้องจะบอกอะไรให้นะจ๊ะ ไอ้หมอหล่อๆ คนนี้น่ะ มันมีเมียแล้ว และมันก็เพิ่งแต่งงานไปเมื่อวันก่อนนี่เอง อยากดูหลักฐานไหมล่ะ ในมือถือพี่น่ะมีเพียบเลย” ก้องเกียรติบอกกล่าวอย่างเย้ยหยันพลางยื่นหน้าเข้าไปหาหญิงสาวเพื่อตอกย้ำให้เธอได้ยินใกล้ๆ
“น้อยๆ หน่อยนายก้อง พูดอะไรไม่เข้าเรื่องน่า... ไปเหอะ แกชวนฉันไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ” อีกครั้งที่เจ้าของห้องเอ่ยขัด เพราะไม่อยากให้คนทั้งสองต้องทะเลาะกันมากไปกว่านี้ เขาไม่อยากเป็นพยานรู้เห็นอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เขาก็หิวจนแสบท้องไปหมดแล้วด้วย
“ฉันไม่ไปกับแกแล้ว” คนถูกขัดคอตวัดเสียงใส่ เริ่มไม่พอใจไอ้หมอหน้าหล่อขึ้นมาตงิดๆ
“อ้าว ไอ้นี่...” วิทยาสบถอย่างหัวเสีย เมื่อคนเป็นเพื่อนปฏิเสธขึ้นมาหน้าตาเฉยแถมยังหลอกให้เขาหิ้วท้องรอเก้อจนเที่ยงกว่า
คำพูดของก้องเกียรติทำให้หญิงสาวคนเดียวในห้องรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เพราะนั่นแสดงว่าคุณหมอวิทยาไม่มีนัดแล้ว และเขาก็ต้องไปกินข้าวกลางวันกับเธอได้ ดังนั้น หญิงสาวจึงแสร้งทำเป็นยืนจัดเอกสารอยู่ตรงโต๊ะข้างๆ อย่างใจเย็น
“ฉันจะมายืมรถแกหน่อยน่ะ” คนยกเลิกนัดพูดโพร่งออกมาอย่างคนเอาแต่ใจ
“แล้วรถแกไปไหน” เจ้าของรถถามกลับทันทีเหมือนไม่อยากเชื่อ
“เอาไปเข้าศูนย์ กว่าจะเสร็จก็คงเย็น”
“แล้วแกจะไปไหน... ทำไมไม่รอตอนเย็นล่ะ”
“รับสาว... พอดีเธอเพิ่งโทรมาชวนไปกินข้าวน่ะ” ก้องเกียรติตอบพลางเหลือบตาไปมองหญิงสาวที่ก้มหน้าจัดเอกสารอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ อย่างนึกหมั่นไส้กับท่าทีเมินเฉยของเธอ
“กินข้าวอย่างเดียวหรือเปล่า” วิทยาหรี่ตามองเพื่อนรักอย่างไม่ไว้ใจ เพราะรู้ดีในความกะล่อนและเจ้าชู้ของอีกฝ่าย
“เรื่องของฉันน่า... ถามอย่างกับแกเป็นเมียฉันแน่ะ... เอามาเร็วๆ เข้า กุญแจรถน่ะ” คนถูกจับผิดรีบบอกปัดก่อนจะยื่นมือขอสิ่งที่ต้องการทันที
“ฉันก็กลัวแกจะเอารถฉันพาสาวไปเข้าโรงแรมน่ะสิ เดี๋ยวใครเห็นก็เข้าใจฉันผิดหมด” หมอหนุ่มว่าพลางเปิดลิ้นชักข้างตัวเพื่อหยิบกุญแจรถให้อีกฝ่าย
“เออน่า... ไม่เข้าหรอกโรงแรมน่ะ ในรถแกออกจะกว้างขวาง เบาะก็หนานุ่มซะด้วย” ก้องเกียรติพูดทีเล่นทีจริงแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้หญิงสาวที่หันมาสบตาเขาพอดี
“ไอ้ทะลึ่ง! พูดออกมาได้ยังไง ไม่รู้จักเกรงใจคุณขิมเธอบ้าง” วิทยาขึงตาใส่เพื่อนรักที่พูดจาชวนให้คิดลึกโดยไม่คำนึงถึงบุคคลที่สาม
“ว่าไงจ๊ะน้องขิม สนใจจะมีประสบการณ์ในรถกับพี่ไหมจ๊ะ” คนถูกหาว่าทะลึ่งหันไปเอ่ยชวนหญิงสาวที่มองเขาอย่างกับพบเห็นตัวประหลาดที่น่าขยะแขยง
“บ้า!” ขนิษฐาสวนกลับทันควัน พลางนึกด่าทอคนตรงหน้าในใจ ‘คนบ้าอะไรพูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้ไม่อายปาก’
“ขอบใจนะ ฉันไปละ” ก้องเกียรติหันไปบอกเพื่อนรักพร้อมกับหัวเราะชอบใจกับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของหญิงสาวที่เขาอยากแกล้งให้เธอโมโหเล่น ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มเต็มวงหน้า
“งั้นคุณหมอไปทานข้าวกับขิมนะคะ” ขนิษฐาพูดขึ้นมาทันทีที่ประตูห้องปิดลง
“อ่อ ได้ครับ... ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันคนไข้ตอนบ่าย” หมอหนุ่มตอบรับคำชวนของเธออย่างเสียไม่ได้ แล้วรีบขยับตัวลุกขึ้นเดินนำหญิงสาวออกไปจากห้องทันที เพราะไม่อยากเสียเวลาให้มากกว่านี้ เขาต้องทำเวลาตรวจคนไข้ในตอนบ่ายไม่ให้ตกค้างไปถึงเย็น เพื่อจะได้ไปทานข้าวบ้านคุณแม่ของเขาตามที่ได้นัดเอาไว้แล้ว
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
^_^
สนใจสั่งซื้อนิยายเรื่องนี้ในแบบรูปเล่ม ติดต่อผู้แต่งโดยตรงได้ที่
E-mail : oilza24@hotmail.com
โทร/ไลน์ : 094-4942566
หรือสนใจในรูปแบบ E-Book สามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่
www.chalawanhunsa.com หรือ
www.nongoil.com
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ