ลูกเวทย์แห่งฟารานีส B.D.C. Blue Dragon College

-

เขียนโดย ซ้อนกลิ่น

วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.03 น.

  3 ตอน
  2 วิจารณ์
  5,540 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๒

เดินทางและการพบกันครั้งแรกของเพื่อนใหม่

              ปัจจุบัน

              “โป๊กๆๆ! ตูมๆๆ!”

              “โอ้ยยยหนวกหู เงียบๆหน่อยได้ไหม” อะไรกันเนี้ยเช้าที่สดใสถูกทำลายลงในพริบตาด้วยเสียงประหลาด ให้ตายเถอะสุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวเลยต้องตื่นขึ้นมาจนได้

               “ไม่เอาหน่าอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะนายท่าน คิๆๆ” เสียงภูติสาวธาตุน้ำนามนาเดียดังขึ้นมาจากห้องครัว พร้อมกับเสียงประหลาดที่เป็นเสียงเดียวกับเสียงที่รบกวนเธอตอนเช้าดังออกมาจากห้องครัวไม่หยุด

                “แล้วนี้ทำอะไรกันนะ?” หญิงสาวถามออกมาเสียงงัวเงีย

                “ฝึกทำอาหารครับ” คราวนี้เป็นเสียงของภูติชายธาตุลมนามเวิร์มดังออกมาบ้าง

                “ฮ๊ะ!! ผีที่ไหนเข้าสิงพวกนายกัน อยู่ๆลุกขึ้นมาทำอาหาร นายก็เป็นไปกับเขาด้วยหรอลีโอ โอ๋พระเจ้าช่วยกล้วยทอด” หญิงสาวอุทานขึ้นเมื่อเห็นภูติธาตุไฟนามลีโอเดินออกมาจากห้องครัวและเดินมานั่งโต๊ะอาหารกับเธอ ก็ปกติกว่าภูติธาตุไฟตนนี้จะลุกขึ้นมาจากเตียงได้ก็โน้นนะตะวันส่องก้นโน้น ดีไม่ดีภูติหนุ่มยังไม่ตื่นขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ วันนี้ผีต้องเข้าสิงพวกเขาแน่ๆ

                “ไม่ต้องมามองพวกเราตาแทบทะหลน อ้างปากค้างอย่างงั้นก็ได้คะ” เสียงของภูติสาวธาตุดินนามดีน่าดังขึ้นมาบ้าง

                “เออ..พวกเธอมีอะไรกันรึเปล่าอ่า” หญิงสาวมองภูติของเธอด้วยสายตาจับผิด

                “ก็ไม่มีอะไรหรอกฮะพวกเราก็แค่อยากลองทำอาหารเลี้ยงส่งนายท่านก่อนไปโรงเรียนยังไงละฮะ เดี๋ยวถ้านายท่านไปอยู่โรงเรียนแล้วเราก็คงไม่ค่อยได้ออกมาเล่นได้บ่อยนักก็เลยต้องลุกขึ้นมาทำอาหารให้แต่เช้าเลยนะ ใช้ไหมเกรซ” เสียงของภูติธาตุแสงสว่างหนุ่มนามเกรนดังขึ้นมาบ้าง พร้อมกับหาตัวช่วยมาสมทบ

                “อืม” คำตอบสั้นๆแต่ได้ใจความของเกรซ ภูติสาวธาตุความมืดตอบออกมาอย่างไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ เพราะที่เธอสนใจในตอนนี้คืออาหารที่วางอยู่บนโต๊ะที่พวกเธอช่วยกันทำ

                แต่เสียงของเกรซไม่ได้เข้าหูของเจ้านายของเธอเลยซักนิด ก็เพราะคำพูดของเกรนทำให้เธอเพิ่งนึกออกว่าวันนี้เป็นวันอายุครบ 15 ปีแล้วนี้ เธออยู่ที่นี้มาสามปีแล้ว ในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาหญิงสาวได้ฝึกฝนด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเวทย์หรือการต่อสู่เธอสามารถฝึกได้อย่างเต็มที่จนตอนนี้เธออยู่ในระดับจอมปราชญ์เวทย์ เธอคิดว่าเธอฝึกฝนมาถึงระดับนี้แล้วเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าโรงเรียนเลยเพราะว่าบางคนต่อให้ฝึกให้ตายยังไงก็ไม่ถึงระดับนี้หรอก

               แต่ว่าความฝันที่เธอฝันมาตลอดสามปี และสิ่งที่พ่อและแม่ของเธอบอกในจดหมายว่าเธอนั้นเป็นความหวังของทุกคน ไม่รู้สินะว่าทำไมเธอถึงอยากที่จะมีความแข็งแกร่งและเก่งมากกว่านี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเธออยากที่จะปกป้องทุกคนก็ได้ เธอจึงตัดสินใจที่จะเข้าโรงเรียนนี้อีกอย่างการเข้าโรงเรียนนี้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย

               “ข้าว่านายท่านน่าจะออกเดินทางวันนี้เลยนะคะ อีกอย่างเราไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ว่านี้สมัคสอบกันเมื่อไหร่เราก็ควรออกเดินทางก่อนนะคะจะได้ไม่เสียเวลาด้วยถ้าเกิดว่าสอบพรุ่นนี้จะได้ไปทัน” เสียงของดีน่าทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์

               “อือนั้นสิ งั้นกินข้าวเช้าเสร็จแล้วเราก็เก็บของแล้วก็ออกเดินทางกันเลยแล้วกันจะได้ไม่เสียงเวลา”

               “คะ/ครับ/ฮะ”

 

               “เอออออ แต่ว่าแน่ใจนะว่ากินได้" เธอถามออกมาโดยไม่ได้คิด ถ้าจะถามว่าน่ากินไหมก็น่ากินดีแต่ว่าเสียงที่ดังออกมาจากห้องครัวไม่หยุดทำให้เธอไม่กล้าที่จะกินมันเข้าไปเสียเลย

               “ทำไมละคะ พวกเราตั้งใจทำกันเลยนะคะ” ดีน่าพูดออกมา พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ให้ตายสิแบบนี้ไม่ให้กินก็คงใจร้ายไปละนะ

               “กินแล้วๆไม่ต้องร้องก็ได้” สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นคนเริ่มชิมคนแรก

               ‘ตายก็ตายคนแรกสินะ’ หญิงสาวค่อยๆหันไปมองหน้าทุกคนช้าๆเธอเห็นสายตาที่มองมาอย่างคาดหวังแล้วก็อดที่จะทำตามไม่ได้ หญิงสาวค่อยๆตักอาหารเข้าปากช้าๆ

               “อืม..ไม่ตาย”

               “ถ้างั้นพวกเรากินกันเลย!”

 

               “โอ้ย อิ่มๆๆๆ” เสียงขอลีน่าดังออกมาหลังจากที่กินข้าวคำสุดท้ายของจานที่สามหมดไป

               “เห็นไหมละ อร่อยจะตาย” เสียงของนาเดียก็ดังออกมาเหมือนกันหลังจากที่กินข้าวจานที่สี่! นี้พวกเขาเอากระเพาะที่ไหนมายัดอาหารกัน?

               “จ้าๆ”

 

               “เก็บเสร็จรึยังเนี้ย ถ้าออกเดินทางสายมันจะร้อนนะ” เสียงของเกรนดังออกมาจากหน้าห้อง 

               “ค่ะๆๆ คุณลุงเสร็จแล้วคะ”หญิงสาวพูดพร้อมกับล้อเลียนคนขี้บ่นอย่างเกรน

               “นี้นายท่านว่าใครว่าลุง” เสียงของเกรนถามออกมาอย่างเอาเรื่อง

               “ใครอยากรับก็รับไปสิ” หญิงสาวก็พูดออกมาอย่ากวนๆ

               “ออกเดินทางกันได้แล้ว” เสียงของเกรซเข้ามาขัดจังหวะสงครามขนาดย้อมของสองนายบ่าว(?)ได้อย่างทันเวลา ไม่อย่างงั้นคงมีการนองเลือกแน่

               “ชิ” แต่ก็ไม่วายมีเสียงไม่สบอารมณ์ของทั้งสองตามมาอยู่ดี แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันเกิดแบบนี้ขึ้นเป็นประจำเลยไม่มีใครสนใจที่จะห้ามอยู่แล้ว ตายก็ตายสิไม่ใช้เรื่องของเรานี้

 

               อยู่ๆร่างของภูติทั้งหกก็หดตัวเล็กลงจนมีขนาดเท่าลูกปิงปองและมีสีที่แตกต่างกันไปตามแต่ละธาตุประจำตัว ก็ค่อยๆเข้าไปในร่างของนายอย่างไม่รีบร้อน

               “เร็วๆหน่อยสิยะ” เสียงของนายสาวบ่นทำให้ลูกปิงปอง(ภูติ)ทั้งหลายพุ่งเข้าไปในร่างของนายอย่างรวดเร็ว

               เมื่อภูติทั้งหมดอยู่ในจิตของเธอแล้วหญิงสาวก็เริ่มร่ายเวทย์ทันที แล้วอยู่ๆก็เกิดประตูมิติขึ้นที่ข้างหน้าของหญิงสาว เธอนำเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่สำคัญแต่รู้สึกว่าที่เธอเอาเข้าไปเก็บในมิตินั้นแทบจะเอาไปทั้งบ้านเลยนะ แต่ก่อนออกเดินทางหญิงสาวไม่ลืมที่จะเอาผ้ามาคลุมหน้า และไม่ลืมที่จะเก็บไอเวทย์ของตัวเองให้มิดชิด

 

               ลึกลงไปกลางป่ารีราส มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินในป่าอย่างอารมณ์ดีไม่ทุกร้อน เธอเดินไปหัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี แต่ถ้าเป็นคนปกติแล้วละก็ ไม่มีทางที่จะมีผู้ใดเดินในป่าลึกลับแบบนี้พร้อมกับหัมเพลงไปด้วยแบบนี้แน่นอน

               ป่ารีราสป่าที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นป่าที่อันตราย มีสิ่งที่ลึกลับและอสูรกายมากมายที่อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ แต่ว่าป่าแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องอันตรายที่สุดในมหาทวีปนี้ไม่ได้มีเพียงแค่อสูรกายเท่านั้น ป่าแห่งนี้ยังเป็นป่าเขาวงกดที่เมื่อคุณเดินไปเดินมาหาทางออกอย่างไรก็ไม่มีทางที่คุณจะออกจากป่าแห่งนี้ได้แน่นอน ดีไม่ดีไปเจออสูรกายระหว่างทางก็ตายอยู่ดี จึงไม่ค่อยมีใครเข้ามาในป่าแห่งนี้นัก

               แต่แน่นอนว่าถึงแม้ว่าป่าแห่งนี้จะอันตรายแค่ไหนก็ไม่เป็นปัญหาหรือเป็นที่น่าเกรงกลัวของเธอเลยซักนิดเดียว สำหรับคนที่อยู่ที่นี้มาจนชินกับป่า รู้จักสัตว์ทุกตัวหรือแม้กระทั้งอสูรกายทุกตัวนั้นเป็นเพื่อนยามเหงาของเธอกันทั้งนั้นทำให้หญิงสาวยังคงยิ้มระรื่นอยู่อย่างนี้

               “แซกๆๆ”  เสียงของใบไม้ที่ถูกทับอย่างผิดธรรมชาติดังขึ้นเบาๆ เบามากจนคนทั่วไปคงไม่ได้ยินแต่สำหรับเธอหูของเธอนั้นซื่อสัตว์ต่อเธอเสมอ

แต่ว่าเสียงนั้นไม่ได้ทำให้หญิงสาวหวั่นใจเลยซักนิด เธอยังคงเดินต่อไปเหมือนไม่ได้มีอะไรเกินขึ้น แต่ว่าถ้าสังเกตดูให้ดีๆแล้วเธอกำลังมองไปรอบๆเพื่อสำรวจ นี้ก็ใกล้ริมป่าแล้ว

 

               “ตึก!” เสียงของของแข็งบางอย่างตกกระทบพื้นดังขึ้นข้างหน้าเธอ ทำให้หญิงสาวจากที่ก้มหน้ามองพื้นกำลังจะข้ามขอนไม้ที่ขวางทางอยู่ก็ต้องหยุดซะงักลง

               “ส่งของมีค่ามาให้หมด ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” นี้หลุดออกมาจากละครเรื่องไหนกันเนี้ย หญิงสาวค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแสร้งทำหน้าเซ็งๆ

               “หนูไม่มีหรอกคะ ถ้ามีก็คงไม่ต้องมาเดินให้เมื่อยแบบนี้หรอก” หญิงสาวทำหน้าเซ็ง แต่นี้เธอคิดไปคิดมาเธอก็เซ็งจริงๆนั้นเหละเมื่อยขาจะแย่

               พวกโจรต่างทำหน้าไม่ถูกไม่รู้ว่าจะตกใจ ไม่เชื่อ เหลือเชื่อหรือว่าอะไรก็แล้วแต่สารพัดที่โจรทั้งหลายรู้สึกบนใบหน้าของโจรทั้งสิบเอ็ดคน

               “ฉ....ฉันไม่เชื่อ ถ...ถ้าอย่าง...ง......งั้นก็ให้พวกร.....เราค้นตัวสิ” พวกโจรยังพยายามต่อรองกับเธอต่อไปซึ้งมันทำให้เธออารมณ์เสียแต่ก็ยังคงเสดงละครได้อย่างดีเยี่ยม

               “ไม่ดีหรอกคะ พวกคุณเป็นผู้ชายจะมาค้นตัวผู้หญิงแบบนี้หนูเสียหายนะคะ” หญิงสาวยังคงพูดต่อไปอย่างไม่รีบร้อน นานๆจะได้แกล้งคนทั้งที แต่แล้วอยู่ๆก็มีมีดสั้นจากที่ไหนไม่มีใครทราบและไม่ทันได้ระวังตัวทำให้มีดเสียบเข้าที่หน้าอกบริเวณหัวใจของโจรคนหนึ่ง

               “อ๊ะ!”หญิงสาวตกใจและไม่ทันได้ตั้งตัวสะดุดไม้ข้างหน้าตัวเองจนเกือบล้น แต่...

 

               “หมับ!” หญิงสาวถูกรับไว้โดยใครซักคน

               “ตุ๊บๆๆ พั้วๆๆ ตาบๆๆ” และก็ตามมาด้วยเสียงกระทบเนื้อที่ดังขึ้น แต่ว่าทุกอย่างก็ไม่ได้อยู่ในการรับรู้ของเธอเลยเพราะตอนนี้เธอกำลังหลับตาปี๋เพราะกลัวเจ็บ

               “ลืมตาได้แล้ว” เสียงทุ้งและเย็นชาที่ดังขึ้นข้างๆหูทำให้เธอต้องค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

 

               ดวงตาสีม่วงเข้ม จมูกที่โด่งได้สัดส่วนปากที่พอดีกับรูปหน้าที่คมสันนั้น มันช่างหล่อเหล่า หน้าที่เรียบนิ่งสะนิดราวกับน้ำเข็งมันยิ่งทำให้หน้าหล่อๆนั้นดูน่าค้นหาเป็นอย่างยิ่ง ผมสีเทาเข้มที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยแล้ว แต่ถึงแม้ว่าจะหล่อขนาดไหนความหลอก็ไม่ได้เข้าตาเธอเลยสักนิด จนทำให้ชายหนุ่มแปลกใจเล็กน้อย เล็กน้อยเท่านั้น

               “ขอบคุณนะ” หญิงสาวค่อยๆออกจาอ้อมแขนของชายหนุ่มช้าๆ เมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังโอบเธออยู่

               ชายหนุ่มปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระแต่โดยดีและไม่คิดที่จะสนใจเขาทำเพียงยืนนิ่งๆเท่านั้น ทำให้หญิงสาวนิ่งไปเล็กน้อย

               “เออ.. ฉันชื่อลีน่า   แอมฟิสบิน่า เรียกว่าลีน่าก็ได้นะ” หญิงสาวยิ้มอย่างเป็นมิตรให้หนุ่มๆทั้งสี่ที่ช่วยเธอ ดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ

 

               “สวัสดีครับ ผมชื่อ นีออน   เวอร์ริเออร์ ครับ”

               เจ้าชายหนุ่มมาจากแดนฟรายรินแดนนักสู้มีตาสีแดงเข้ม และมีสีผมแดงแปรนที่ไปที่ไหนก็ต้องมีแต่คนเหลียวมองแน่

 

                “ผมชื่อ ฟาราเอล   โลโมเนียส ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรียกว่าฟรานซ์ก็ได้”

               เจ้าชายหนุ่มที่มาจากแดนรีดิสดินแดนที่ได้ชื่อว่าดินแดนแห่งนักปราชญ์มีดวงตาสีเขียวอ่อน ผมสีคาราเมลดูแล้วรู้สึกเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีความรู้ไม่ใช้น้อย

 

               “ฉันชื่อ เซเบรอส   คาริบดิส เรียกว่าเบรอสก็ได้ แล้วนี้ ดาร์ค   เซอเบร์อรัส”

               และเจ้าชายหนุ่มคนสุดท้ายจากแดนมาเควสดินแดนแห่งการค้าขายมีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผมสีน้ำตาลเข้มดูเหมือนเป็นคนที่เก่งตัวเลขไม่ใช้น้อยเจ้าชายหนุ่มแนะนำตัวเองโดยไม่ลืมที่จะแนะนำเพื่อนของตัวเองไปด้วยก็ถ้ารอให้เจ้าชายน้ำเข็งคนนี้แนะนำตัวเองละก็รอไปเถอะ ชาติหน้ายังไม่รู้ว่าจะรู้ชื่อหรือเปล่าเลย

 

               “เดียวนะ! นี้พวกนายเป็นเจ้าชายอย่างงั้นหรอ?!” หญิงสาวถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้เจอเจ้าชายที่มีชื่อเสียงด้านความเก่งและหล่อเหลา แต่ก็หล่อจริงๆนั้นเหละ (นี้เพิ่งเห็นหรอ?!)

               “เธอนี้หน่าเป็นผู้หญิงแท้ๆแต่ทำไมมาเดินป่าแบบนี้คนเดียว” นีออนไม่ได้สนใจคำถามของหญิงสาวแต่กลับถามคำถามออกไปแทน

               “ก็ฉันหลงทางนี้ พวกนายกำลังไปที่ไหนกันหรอ” นั้นไงโกหกได้อีกนะเรา

               “พวกเรากำลังไปสมัครเรียนที่โรงเรียนB.D.C.น่ะ แล้วเธอละ” เบรอสถามอย่างสนใสในตัวเด็กสาวคนนี้ไม่ใช้น้อย พวกเขาแอบดูเธอได้ซักพักแล้วและที่ไม่ช่วยก็เพราะขอดูสถานการณ์ก่อน แต่ที่พวกเขาเห็นหญิงสาวร่างเล็กคนนี้น่าที่ปกติทั่วไปแล้วจะต้องมีความแกรงกลัวโจรที่เป็นชายฉกรรจ์พวกนั้นบ้าง แต่กลับเปล่าเลย เธอกลับพูดโต้ตอบกับโจนสิบเอ็ดคนอย่างไม่กลัวเลยซักนิด

             แต่แค่นี้ก็พอแล้วกับคำตอนที่น่าพอใจ หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างดีใจแบบปิดไม่มิด

            “แบบนี้ก็ดีซิ ฉันขอไปด้วยนะ” ใช้วิธีเดิมอีกแล้ว ก็ไอ่วิธีที่ขอติดคนอื่นไปด้วยเนี้ย แต่ว่าใครสนละไปก็ไม่ถูกไม่รู้ว่าโรงเรียนบ้านั้นอยู่ที่ไหนก็ขอติดไปด้วยแล้วกัน อิอิ

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา