Guardian Angels
เขียนโดย Pao44445
วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.18 น.
แก้ไขเมื่อ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557 06.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
Guardian Angels : New Era
Escaria Centenary 127th
ปีศักราชเอสคาเรียที่หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ด สิ้นสุดสงครามระหว่างอาณาจักรไพร์ทแลนด์ ( Plightland ) และแฟลกไลน์ ( Flagline ) มาเป็นเวลาห้าปีได้แล้ว หลายหมู่บ้านในอาณาจักรไพร์ทแลนด์ที่ถูกทำลายก็ได้รับการบำรุงแล้วตั้งชื่อหรือจัดตั้งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทางเเมืองหลวง "เซนทิแนล" ( Sentinel ) ส่งเหล่าบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถหลายร้อยคนไปทั่วเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงครามเพื่อเร่งการพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งด้านอุปโภคบริโภค ได้วางแผนขุดคลองแยกจากแม่น้ำหลายสาย ด้านการศึกษา ก็ได้จัดตั้งศูนย์ให้การศึกษาบุคคลทุกฐานะ ด้านเศรษฐกิจ มีประชากรมากมายเลือกอพยพจากแฟลกไลน์เข้ามาอยู่ในไพร์ทแลนด์กันอย่างมากทำให้มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ส่วนด้านความมั่นคงทางทหารก็คงไว้อย่างเดิม ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไม่ยากลำบากและมีอิสระในการดำเนินชีวิตตั้งแต่พ่อค้าเกษตรกรรมจนถึงรับราชการ เหล่าทหารที่ถูกเกณฑ์ออกไปรบสมัยสงครามลาออกและพากันกลับบ้านถิ่นกำเนิดของตัวเอง และมีคนรุ่นใหม่อีกมากมายเข้ามาแทนที่ด้วยความเต็มใจ ทั้งหมดนี้เป็นการตัดสินใจของ เดลลอนด์ โรมาเนล ( Dellon Romanell ) ราชาแห่งอาณาจักรไพร์ทแลนด์
อาณาจักรไพร์ทแลนคือหนึ่งในอาณาจักรใหญ่ของทวีปแกรนดิออส ( Grand Dios ) รองจากแฟลกไลน์ เมืองหลวงคือ เซนทิแนล เป็นที่ตั้งของราชวังและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆมากมาย ทั่วอาณาจักรมีประชากรที่แตกต่างกันทั้งฐานะ เผ่าพันธุ์ และวัฒนธรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นสังคมเมืองและสังคมชนบท โดยสังคมเมืองค่อยๆกระจายความเจริญมายังสังคมชนบทที่ละน้อยๆ ไพร์ทแลนเป็นอาณาจักรสีเขียวหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและทรัพยากรเอื้อล้น พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นทุ่งหญ้าและป่าไม้ มีแม่น้ำหลายสายผ่านจากทางเหนือนอร์ทเวย์ลงมา มีภูเขาทางตะวันตกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงใต้ มีระบบการปกครองโดยการรวมศูนย์กลางไว้ที่ราชาเพียงผู้เดียวแต่ถึงกระนั้น เดลลอนกลับให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีได้ตามใจชอบแต่ต้องอยู่ภายใต้กฏหมายบ้านเมือง ทำให้ประชาชนมีอิสระด้านความคิดการกระทำอย่างแท้จริง ไม่มีการแต่งตั้งขุนนางหรือเจ้าเมืองแต่จะให้ประชาชนเลือกตั้งเองว่าใครจะเป็นผู้ปกครองพวกเขา แตกต่างจากอาณาจักรรอบข้างที่มีการแบ่งชนชั้นสังคมอย่างชัดเจนทำให้มีประชากรจากต่างอาณาจักรเดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานภายในอาณาจักรไพร์ทแลนมากมาย อาชีพของประชากรส่วนใหญ่ยังคงเป็นเกษตรกรรมรองลงมาคือพ่อค้าแม่ค้า เมืองที่สำคัญและมีชื่อเสียงมีอยู่ทั้งหมด 5 เมืองได้แก่ เซนทิแนล ( Sentinel ) เทรดมาร์ค ( Trandmark Town ) วอเทอร์เวนนิส (Water Vennis ) พีสฟิลด์ ( Peacefield ) และ เมาท์เทนเบิร์ก ( Mountainburg )
ความสัมพันธ์ของแต่ละอาณาจักรในปัจจุบันนี้เป็นไปได้ด้วยดีอย่างมาก หลังจากผ่านพ้นสงครามมาแล้วเพียงห้าปีก็ตาม และที่สำคัญการสถาปนาอาณาจักร "แอลลี่" (Alley ) ยิ่งกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นไปอีกเพราะเป็นอาณาจักรที่เชื่อมอาณาเขตระหว่าง อาณาจักรไพร์ทแลน์ อาณาจักรเอมพีเรี่ยน ( Empyrean ) และอาณาจักรแฟลกไลน์ ถึงแม้จะเป็นอาณาจักรเล็กที่สุดแต่ก็มีประชากรที่หนาแน่นมากกว่าไพร์ทแลน เดิมทีแอลลี่เป็นเมืองชื่อดังของแฟลกไลน์เพราะศาลแห่งเรดิแอนส์ ( Court Of Radiance ) ที่เก่าแก่ เป็นสถานที่ใช้ตัดสินปัญหาหรือข้อขัดแย้งระหว่างอาณาจักรมายาวนานนับห้าร้อยกว่าปี เมื่อสิ้นสุดสงคราม เดลลอนก็เสนอให้ร่วมกันสถาปนาแอลลี่ขึ้นมาแล้วให้ประชาชนเลือกว่าใครจะเป็นผู้ปกครองพวกเขาเอง ทั้งทีโอเนียผู้ปกครองอาณาจักรเอมพีเรี่ยนชั่วคราว และไทอนด์ ราชาแห่งอาณาจักรนอทร์เวย์ทางเหนือของแฟลกไลน์ ร่วมทั้งริชาร์ด ราชาแห่งอาณาจักรแฟลกไลน์ก็ต่างเห็นด้วยกับความคิดของเดลลอน แอลลี่จึงเกิดขึ้นมาพร้อมกับเมืองหลวงนาม "เรดิแอนส์" ตามชื่อของศาลนั่นเอง โดยมีราชินีมาเรี่ยนเป็นผู้ปกครองอาณาจักรแอลลี่แห่งนี้
อีกทั้งมีการก่อตั้งกลุ่ม/องค์กร/สมาคมต่างๆขึ้นมากมาย เช่น แม้ว่าจะมีการสถาปนาอาณาจักรขึ้นมามากมายหลายร้อยปีที่ผ่านมา พื้นที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ ทุ้งหญ้า แม่น้ำ คลอง และอีกมากมายก็ยังคงรอการสำรวจอยู่ด้วยพื้นที่หลายตารางไมล์ นักสำรวจจากอาณาจักรต่างๆก็ได้ร่วมกันคิดวิเคราะห์และสร้างแผนที่โดยรวมขึ้นมาแต่มีเงื่อนไขว่าจะปิดบังเฉพาะข้อมูลทางการทหารและการคลังเท่านั้นที่จะไม่ปรากฏในแผนที่ ทำให้พวกเขาจัดตั้งสมาคมนักสำรวจ ( Explorers Guild ) ระหว่างอาณาจักรไพร์ทแลนและอาณาจักรแฟลกไลน์ขึ้นเสียเองโดยจะรับอาสาสมัครสำรวจตามพื้นที่ต่างๆของอาณาจักรสองอาณาจักร แต่หลังจากสื้นสุดสงครามไทอนด์เล็งเห็นความสำคัญของพวกเขาจึงแนะนำให้เดลลอนจัดตั้งกลุ่มนักสำรวจขึ้มาจริงๆจังๆเสียที ดังนั้นเดลลอนจึงได้เข้าเจรจากับเหล่าผู้ก่อตั้งสมาคมนักสำรวจโดยตรง ทำให้เปลี่ยนจากองค์กรเอกชนนักสำรวจกลายเป็น องค์กรแอตลาสทราเวิส ( Atlas-Traverse ) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระไม่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรใดๆ ทำให้เหล่านักสำรวจมีอิสระที่จะไปไหนก็ได้นั่นเอง ทำให้นักสำรวจเป็นอาชีที่เด็กๆฝันถึงเพราะพวกเขาจะสามารถผจญภัยไปทั่วทวีปแกรนไดออสได้อย่างอิสระ
ความลึกลับของเวทมนต์มากมายนับไม่ถ้วน อาณาจักรไพร์นแลนซึ่งมีประชากรที่เชี่ยวชาญเวทมนต์มากที่สุดรวมกลุ่มกับต่างแดนก่อตั้งสภาวาร์ตเดน ( Warden Assembly ) ณ ใจกลางเมืองหลวงของไพร์ทแลน เป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลทางเวทย์มากมายทุกสาขาทุกแขนง อีกทั้งพวกเขารเรียกร้องให้จัดตั้งโรงเรียนสอนเวทมนต์ทั่วอาณาจักรอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้เดลลอนก็ตกลงอนุญาติให้สร้างทันทีคาดว่าจะเสร็ตสิ้นทั้งหมดในปีเอสคาเรียที่ 128
เมื่อเมฆสีดำของสงครามและความมืดมนผ่านพ้นไปแล้ว สายลมจึงพัดมาพร้อมกับแสงสว่างของยุคสมัยใหม่ และต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มทั้งสาม ที่โชคชะตาได้มอบการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเขา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ