The Revenge ความแค้นที่หอมหวาน

9.2

เขียนโดย MeTang

วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 04.06 น.

  36 ตอน
  10 วิจารณ์
  42.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 15.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

31) ตอนที่ 31

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               รถเก๋งนิรภัยคันสีดำถูกจอดไว้ข้างโกดังร้างแห่งหนึ่งแถวชานเมือง ริวกิลงจากรถด้วยสีหน้ามุ่งมั่น สิ่งที่เขาเตรียมมาด้วยคือปั้นสั้นคู่ใจหนึ่งกระบอกไว้เพื่อป้องกันตัวเอง ในเมื่ออีกฝ่ายแค่ห้ามบอกคนอื่นแต่ไม่ได้ห้ามพกอาวุธ ริวกิก็ถือว่าตัวเองยังทำตามกติกาอยู่

                โกดังนี้เป็นโกดังน้ำตาลเก่าของเจ้าสัวใหญ่ที่หันไปจับธุรกิจอื่นแทน เจ้าสัวไม่คิดจะขายโกดังแห่งนี้จึงปล่อยทิ้งร้างไว้ ดังนั้นที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งมั่วสุมไปโดยทันทีเพราะขาดการดูแล และที่สำคัญละแวกมีบ้านเพียงไม่กี่หลังอยู่ห่างออกไป ทำให้แถวนี้ค่อนข้างลับตาคนไม่ค่อยมีคนเข้ามาข้องเกี่ยว

                ประตูโกทางเข้าโกดังถูกเปิดทิ้งไว้ราวกับรู้ว่าจะต้องมีคนมาอย่างแน่นอน ริวกิไม่มั่นใจกับทางเดินที่มืดมิดข้างหน้า แต่เขาก็ไม่หวั่นที่จะเดินเข้าไป เขาค่อยๆก้าวอย่างช้าๆแต่มั่นคง สายตาพลางสอดส่องไปยังบรรยากาศโดยรอบ เขาสังเกตว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย หรืออาจจะซ่อนตัวอยู่ก็ไม่แน่

                เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทั้งโกดังที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรเก่าที่ใช้งานไม่ได้แล้ว และชั้นวางของที่ทำจากโลหะขึ้นสนิมตั้งอยู่อย่างสะเปะสะปะ ทำให้ทางเดินที่ควรจะกว้างกลับแคบลงด้วยของเกะกะเหล่านี้ ริวกิยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เขากวาดสายตามองหาทางหนีทีไล่โดยรอบ เผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น

                ไฟที่นี่ยังคงเปิดใช้งานได้ปกติ ริวกิไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนจ่ายค่าไฟ แต่เขาก็ต้องขอบคุณเพราะแสงไฟในโกดังนี้ทำให้ที่นี่ไม่มืดทึบจนเกินไป ทำให้เขาเห็นทางเดินไปยังโถงที่ใหญ่โต และภายในห้องนั้นริวกิพบกับเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งถูกมัดติดอยู่กับเสา สภาพดูอิดโรยในชุดนักศึกษาถูกมัดตรึงอยู่กับเสาเหล็กขนาดใหญ่ ริวกิแทบอยากจะถลาตัวเข้าไปโอบกอดร่างที่ยืนก้มหน้านั้นในแทบจะทันที

                “ปอนด์” ริวกิร้องเรียกเด็กหนุ่มคนนั้นที่ก้มหน้าอยู่ ก่อนที่ใบหน้าขาวเนียนนั้นจะค่อยๆเงยขึ้นจนเขาเห็นหน้าได้อย่างชัดเจน “นายเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”

                “ริวกิ” เด็กหนุ่มร้องเรียกอย่างโหยหา “นายไม่น่ามาเลย พวกนั้นจะฆ่านาย”

                “นายเองก็ไม่น่าจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้เพราะฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ริวกิเดินตรงไปยังร่างที่ถูกมัดกับเสาเหล็กตรงหน้า แต่ไม่ทันที่ก้าวยาวของเขาจะเดินไปถึงเป้าหมาย เสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัดเป็นสัญญาณขู่ ริวกิคว้าปืนจากในเสื้อสูทออกมาอย่างรวดเร็ว

                “อุ๊ย! ขอโทษด้วยค่ะท่านผู้มีเกียรติ ปืนมันลั่นน่ะค่ะ” เสียงผู้หญิงดังลอยมาจากที่ไหนสักแห่ง

                “ปอนด์เป็นอะไรมั้ย” ริวกิจับปืนในลักษณะพร้อมยิง เขาพยายามหันตัวเพื่อหาทิศทางของเสียงที่ได้ยิน

                “ฉันไม่เป็นอะไร นายล่ะริวกิ” ปอนด์ตะโกนถาม แม้ระยะห่างจากเขาทั้งคู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าวเดิน แต่มันช่างปวดร้าวที่พวกเขาไม่สามารถโอบกอดกันได้ตามที่ตั้งใจ

                “เลิกพลอดรักกันเสียทีเถอะ ฉันขยะแขยงจะแย่อยู่แล้ว” คำพูดลอยขึ้นมามาพร้อมกับเสียงรองเท้ากระทบกับพื้น ร่างอ้อนแอ้นที่หลบอยู่ในเงามืดหลังกองขยะสูงพะเนินค่อยๆเผยตัวออกมา “ฉันควรจะอิจฉาหรือสมเพชคู่รักจิตไม่ปกติอย่างพวกนายดีนะ เดือนคณะหน้าตาหล่อเหลากับเจ้าของกิจการไนต์คลับของตระกูลใหญ่โต กำลังจะสร้างตำนานรักบทใหม่กันเหรอคะ”

                “ธ… เธอ…” ริวกิอ้าปากค้างเมื่อเห็นใบหน้าเรียวสวยของเสียงนั้น เธอเป็นคนที่ริวกิรู้จักดี

                “สวัสดีค่ะคุณริวกิ ไม่เจอกันนานสบายดีมั้ยคะ” ซินดี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง “แต่ดูสีหน้าท่าทางตอนนี้ดูไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่”

                “นี่เธอเล่นตลกอะไร” ริวกิเล็งปืนไปที่ซินดี้โดยไม่รีรอ

                “อยากฟังเรื่องตลกทำไมไม่ลองวางปืนลงก่อนล่ะคะคุณริวกิ”

“แล้วถ้าฉันจะลองระเบิดกะโหลกเธอดูก่อนล่ะ” ริวกิยิ้มขู่

“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้คงได้มีแค่กะโหลกเดียวจะต้องเป็นรูพรุน เพราะมือปืนที่ซ่อนอยู่รอบตัวนายตอนนี้กำลังรอสัญญาณให้ลงมือจากฉันอยู่”

                “มือปืนอย่างนั้นเหรอ” ริ้วกิยิ้มเยาะ “อย่างเธอจะมีปัญญาจ้างมือปืนชั้นดีมาได้กี่คนเชียว”

                “นายคิดว่าโลกนี้นายมีเงินมากมายแค่คนเดียวเหรอ” ซินดี้มองริวกิอย่างเหยียดหยาม

                “ฉันไม่ได้คิดว่าฉันมีเงินคนเดียวบนโลกใบนี้ แต่ฉันก็พร้อมจะจ่ายได้มากกว่าที่เธอให้”

                “หมายความว่าอะไร?”

                “พวกนายทั้งหมดน่าจะรู้จักฉัน… ริวกิ” เขาตะโกนลั่น “ฉันจะให้เงินค่าจ้างมากกว่าที่พวกนายได้รับสิบเท่า ถ้าพวกนายหันมาเข้าข้างฝ่ายฉันที่พร้อมจะให้ได้มากกว่า หรือถ้าใครอยากได้อะไรเพิ่มอีกให้ก้าวออกมาคุยกับฉันอย่างเปิดเผย แค่เรื่องเงินมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับชีวิตฉัน”

                เสียงที่ดังก้องของริวกิสั่นสะเทือนไปทุกซอกทุกมุมของโกดังนี้ เสียงที่ดุดันทรงพลังของเขาทำให้คนที่ฟังล้วนแต่เกรงขาม ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหวในทันทีที่ริวกิเอ่ยข้อเสนออกไป เหลือเพียงแต่เวลาที่ยังคงเดินต่อไปตามหน้าที่ของมันอย่างไม่ลดละ

                “รีบใช้เงินซื้อชีวิตเลยนะ” ซินดี้หัวเราะอย่างพอใจ “บางอย่างเงินเน่าๆของแกก็ซื้อไม่ได้หรอกนะ เพราะมือปืนที่ฉันจ้างมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นมืออาชีพที่ถูกฝึกมาอย่างดี พวกเขาจะซื่อสัตย์ต่อผู้จ้างวานจนกว่างานจะเสร็จ หรือไม่ก็ตัวเองตายเท่านั้น”

                ริวกิรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของซินดี้ เขารู้สึกว่าตัวเองเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ ซินดี้เป็นผู้หญิงที่ฉลาดและเด็ดขาดมา หรือไม่ก็คงเป็นเพราะซินดี้ทำงานให้กับเขามานานและใกล้ชิดจนสามารถอ่านทิศทางการเดินเกมของริวกิได้

                “มือปืนพวกนี้ฉันเลือกมาให้ทำงานเหมือนเจสัน จงรักภัคดีและจะไม่แว้งกัดเจ้านายเด็ดขาด”

                “ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเธอน่าจะไปฝึกเรื่องความซื่อสัตย์กับมือปืนของเธอบ้างนะ เธอจะได้เรียนรู้เรื่องความภัคดีว่าเป็นอย่างไร”

                “เห่าไปเถอะริวกิ” ซินดี้ยิ้มเยาะ “ฉันไม่สนใจคำพูดของหมาขี้เรื้อนอย่างนายอยู่แล้วริวกิ”

                ใบหน้าที่คมสวยของซินดี้ดูดุร้ายและมุ่งมั่นมากในตอนนี้ ดวงตาของเธอฉายแววอาฆาตทะลุออกมาผ่านเลนซ์แว่นสายตา ซินดี้ยิ้มอย่างคนกำชัยชนะไว้ก่อนจะยกปืนขึ้นมาเล็งไปทางริวกิอย่างเอาจริงเอาจัง

                “วางปืนลงริวกิ” ซินดี้สั่ง

                “แล้วถ้าไม่ล่ะ”

                “นายไม่ควรปฏิเสธสาวสวยอย่างฉันนะ” ซินดี้หันปืนไปทางปอนด์ที่ถูกมัดไว้ข้างหน้าเธอ

                “ย… อย่านะครับคุณซินดี้” ปอนด์ร้องขอเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นจากปลายกระบอกปืนที่ด้านหลังของต้นคอ ความกลัวทำให้หัวใจของเขาแทบจะหล่นไปถึงปลายเท้า นี่มันกี่ครั้งแล้วที่เขาต้องโดนปืนจ่ออยู่ที่ร่างกาย

                “อย่าทำอะไรแบบนั้นนะ” ริวกิร้องห้าม “ถ้าเธอไม่พอใจอะไรก็มาลงที่ฉัน อย่าทำคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย”

                “วางปืนลง ฉันจะสั่งนายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”

                “ก็ได้” ริวกิค่อยๆก้มลงวางปืนที่อยู่ในมือลงกับพื้น สายตายังจับจ้องอยู่ใบหน้าของซินดี้อย่างไม่ลดละ

                “ดีมาก จากนั้นก็ใช้เท้าเขี่ยปืนนั่นมาที่ฉัน”

                ริวกิค่อยๆใช้ปลายเท้าเตะปืนเข้าหาซินดี้ที่ยืนอยู่ตรงข้ามโดยมีปอนด์เป็นตัวประกันอยู่ เธอค่อยๆเคลื่อนตัวลงไปเก็บปืนของริวกิมาไว้ในกำมืออย่างมีชั้นเชิง ซึ่งในวินาทีนั้นเองทำให้ริวกิสังเกตเห็นว่าเธอใส่ถุงมือยางไว้ด้วย บ่งบอกได้ว่าซินดี้วางแผนทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี และเหมือนว่าริวกิจะเจอสถานการณ์ที่ยากจะเอาชนะได้

                “ทีนี้เธอก็ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว ฉันขอร้องปล่อยตัวปอนด์ไปเถอะ จากนั้นเธอจะฆ่าฉันด้วยความโกรธเกลียดอะไรก็ตามใจ แต่ขออย่างเดียว” ริวกิจ้องตาไปยังใบหน้าของปอนด์ที่มองเขากลับมาเช่นกัน แม้จะเป็นเสี้ยวเวลาเล็กๆ แต่ทั้งคู่ก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจที่มีต่อกัน “ขอให้ปล่อยปอนด์ไป”

                “ก็ได้… ถ้านายยอมคุกเข่าก้มหัวให้ฉันแล้วขอโทษสิ่งที่นายเคยทำ ฉันอาจจะคิดทบทวนเรื่องไว้ชีวิตเด็กคนนี้ก็ได้” ซินดี้หัวเราะชอบใจ “ได้ข่าวว่าธรรมเนียมบ้านนายการก้มหัวให้ผู้อื่นถือเป็นการให้เกียรติขั้นสูงสุดเลยนี่ ฉันอยากได้รับความภาคภูมิใจนั้นจากนายบ้าง”

                “แล้วเธอจะให้ฉันขอโทษเธอเรื่องอะไร” ริวกิรู้สึกโกรธเคืองที่ได้ยินคำท้าทายหยามศักดิ์ศรีของตัวเองมาก การจะก้มหัวคำนับใครคนหนึ่งถือเป็นการแสดงความเคารพสูงสุด สำหรับเขามันเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับและเทิดทูนคนผู้นั้นเหนือกว่าสิ่งอื่นใด

                “เรื่องอะไรน่ะเหรอ” ซินดี้ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ฉันก็ลืมไปว่าเจ้าพ่ออย่างนายคงสร้างบัญชีแค้นไว้เยอะ จนจำไม่ได้หรอกว่าติดค้างใครไว้บ้าง”

                “เธอจะพูดเรื่องอะไรกูพูดมาเถอะ อย่ามัวแต่พล่ามให้เสียเวลา”

                “นายนี่ใจร้อนจังเลยนะริวกิ กลัวไม่ได้ตายเหรอ” ซินดี้ยิ้มมุมปาก “ถ้าอย่างนั้นฉันจะค่อยๆฟื้นความทรงจำให้นายเอง”

                ริวกิพยายามคิดถึงเรื่องราวบางอย่างที่อาจจะขาดหายไปจากความทรงจำ เรื่องราวที่ทำให้ซินดี้โกรธแค้นเขาถึงเพียงนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรริวกิก็หาคำตอบของแรงจูงใจครั้งนี้ไม่ได้เสียที ภาพของเขาที่มีต่อซินดี้ก็คือ เขาเจอเธอครั้งแรกที่หน้าไนต์คลับและช่วยเหลือเธอ จากนั้นเขากับเธอก็ทำช่วยเหลือกันด้านหน้าที่การงานอยู่บ่อยครั้ง

“นายน่าจะจำเรื่องเกียรติบัตรเชิดชูคุณธรรมได้นะ ว่านายได้มันมาอย่างไร”

“ฉันจำได้” ริวกิตอบด้วยท่าทีที่สงสัย “ฉันได้รับเพราะฉันส่งตัวพวกค้ายาหน้าไนต์คลับที่พยายามหาเรื่องเธอหน้าไนต์คลับให้ตำรวจ แล้วบังเอิญพวกนั้นเป็นคนที่ตำรวจเพิ่งออกหมายจับอยู่พอดี”

                “ที่นายพูดมันก็ถูก” ซินดี้หัวเราะ “แต่ไม่ทั้งหมด”

                “เธอเป็นใครกันแน่?”

                “ฉันก็คือแฟนของผู้ชายที่แกส่งเข้าคุกไปไงล่ะเจ้าโง่”

                ปอนด์และริวกิต่างตกใจในคำตอบที่ได้รับจากซินดี้เป็นอย่างมาก เมื่อความแค้นที่ถูกเก็บงำมานานหลายปีถูกเปิดเผยออกมา ซินดี้ผู้หญิงที่ทำให้ริวกิเกือบสนิทใจว่าเธอคือมิตรที่ดี แท้จริงแล้วเธอก็คือหนึ่งในอีกหลายคนที่เข้าใกล้ริวกิเพียงเพื่อหวังอะไรจากเขาเท่านั้นเอง

                “เธอว่าอะไรนะ” ริวกิแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง “ก็คืนนั้นเธอร้องเรียกคนให้ช่วยแล้วก็ทำท่าทางขัดขืนไอ้พวกนั้น”

                “ฉันแค่ทะเลาะกับแฟนของฉัน แกต่างหากที่แส่เข้ามาจนเกิดเรื่องราวใหญ่โต”

                ริวกิขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะยุ่งวุ่นวายมากกว่าแค่การทะเลาะวิวาทกันธรรมดา ในคืนที่เขาต่อยหน้าผู้ชายคนนั้นและส่งตัวให้ตำรวจ เขาแค่คิดว่าต้องการปกป้องลูกค้าของตัวเองก็เท่านั้น

                “เราแค่ทะเลาะกันเรื่องที่ซ่อนตัวจากตำรวจ เขาอยากให้ฉันหนีออกนอกประเทศสักพักเพราะฉันยังไม่โดนหมายจับจากทางการ แต่ฉันไม่อยากทิ้งเขาไป เขาก็เลยพยายามพาตัวฉันขึ้นรถ แต่นายก็โผล่มาพร้อมความเข้าใจผิดๆ มาทำลายชีวิตของฉันกับเขา”

                “แล้วทำไมเธอไม่บอกฉันตอนตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ”

                “นายได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นที่ร้องตะโกนว่าอย่าอยู่หลายครั้งมั้ย นั่นเขาไม่ได้ขอร้องให้แกอย่าทำเขา แต่เพราะเขาเห็นฉันพยายามห้ามแก เขาไม่อยากให้ฉันต้องลำบากไงล่ะ คนโง่อย่างนายคงรู้ดีแต่เรื่องของตัวเองสินะ”

                “ถ้าอย่างนั้นเธอก็เห็นแก่ตัวมากที่ปล่อยให้แฟนของเธอไปนอนอยู่ในคุกอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนตัวเองก็ยังคงลอยหน้าลอยตามีความสุขอยู่ทุกวัน”

                “ไม่เลยริวกิ” ซินดี้พูดด้วยดวงตาที่เลื่อนลอย “ฉันทรมานใจมากกว่าเป็นไหนๆที่ต้องยอมก้มหัวรับใช้แก แสร้งทำเป็นดีกับแกทั้งๆที่ในใจฉันอยากจะกระชากหัวใจแกออกมา ฉันต้องยอมศูนย์เสียลูกน้องคนสนิทในแก๊งค์เพื่อซื้อความไว้ใจจากแก นั่นมันทำให้ฉันเจ็บปวด และฉันสาบานกับตัวเองหน้ากระจกทุกวันว่าฉันจะต้องแก้แค้นที่แกทำให้คนที่ฉันรักต้องติดคุกตลอดชีวิต”

                ความจริงของซินดี้ทำให้ริวกิรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาไม่นึกว่าเรื่องที่เขาก่อจะส่งผลกระทบไปยังคนที่เขาห่วงใยได้ถึงเพียงนี้ แค่ความเข้าใจผิดที่เขาไม่รู้ กลับกลายเป็นการก่อไฟแห่งความแค้นที่ไม่มีสิ้นสุด ริวกิอยากให้เรื่องทุกอย่างจบลงที่ตัวเขา และไม่อยากให้ปอนด์ต้องเป็นอะไรไปมากกว่านี้ ริวกิรู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทนกับเส้นทางแห่งการแก่งแย่งชิงดี หักหลังกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเจ็บปวดกับชีวิตของตัวเองที่ต้องเผชิญหน้ากับโลกแห่งความมือมิด ริวกิคิดเพียงว่าหากเขาตายลงไปได้ก็คงดี เขาจะได้พักผ่อนกับชีวิตในชาตินี้เสียที

                “ถ้าอย่างนั้นตอนที่ป้องศักดิ์จับตัวผมไปก็คงเป็นฝีมือคุณด้วยสินะครับคุณซินดี้” ปอนด์เริ่มตั้งสติคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาพบเจอ “ผมได้ยินป้องศักดิ์คุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งตอนผมอยู่ในห้องน้ำ เขาเรียกคนในโทรศัพท์นั่นว่าเธอ แสดงว่าคนๆนั้นต้องเป็นผู้หญิง”

                “ฉลาดเหมือนกันนี่ ไม่เสียแรงที่เป็นคนของริวกิจริงๆ” ซินดี้หันมาส่งยิ้มหวานให้ปอนด์

                “ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณบอกว่าริวกิโดนลอบทำร้ายก็เป็นเรื่องโกหก เรื่องที่คุณโดนแก๊งค์ค้ายาตามล่าก็เป็นเรื่องโกหก เพราะคุณเองก็เป็นคนในแก๊งค์นี้สินะครับ”

                “ใช่จ๊ะปอนด์… ฉันหลอกให้เธอออกมาเพื่อให้ป้องศักดิ์จับตัวเธอได้ง่ายๆ โดยใช้ชื่อของริวกิเป็นตัวล่อ” ซินดี้ยิ้มอย่างภูมิใจ “มันได้ผลดีใช่มั้ยล่ะ แค่อ้างชื่อริวกิเธอก็โง่จนฉันจับตัวเธอได้ถึงสองครั้ง”

                “เธออยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเองหรอกเหรอซินดี้”

                “ใช่ฉันเอง” ซินดี้หยิกไปที่แก้มปอนด์เบาๆ “ฉันแค่เล่านิทานเรื่องแกบาดเจ็บ เหยื่อโง่ๆก็หลงมาติดกับถึงสองครั้ง มันง่ายมากเลยนะที่จะหลอกพวกที่มีความรักให้ขาดสติ”

                “คุณมันเลวมากที่หลอกใช้คนอื่น” ปอนด์ตวาด

                “เธออยากรู้เรื่องเลวๆของฉันอีกมั้ยล่ะ” ซินดี้จูบไปที่แก้มของปอนด์เบาๆ “ฉันหลอกให้เธอเอาแฟลชไดร์ฟเปล่าไปส่งให้ริวกิ เพื่อทดสอบว่าเธอจะเป็นตัวล่อให้กับฉันได้ดีแค่ไหน”

                “แฟลชไดร์ฟเปล่า” ริวกิตะโกนลั่น “เธอจะบอกว่าในแฟลชไดร์ฟนั่นไม่มีข้อมูลอะไรตั้งแต่แรกอย่างนั้นน่ะเหรอ”

                “ถูกต้อง... ฉันแค่อยากทดสอบว่าเจ้าหนูนี่ใกล้ชิดกับนายแค่ไหน ก็เลยแกล้งหาเรื่องให้ไปส่งของนิดหน่อย”

                “เธอนี่มันเลวกว่าที่ฉันคาดไว้เยอะมากนะซินดี้ หลอกฉันคนเดียวยังไม่พอ เธอยังใช้ปอนด์เป็นเครื่องมือแก้แค้นของเธออีก”

                ริวกินึกเสียใจอยู่ภายในที่ไม่ยอมเชื่อใจปอนด์ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งแค้นใจตัวเอง เพราะไม่เพียงแต่ไล่ปอนด์ไปแต่เขากลับทำร้ายร่างกายของปอนด์อีกด้วย

                “ความรักทำให้คนตาบอดและอ่อนแอ นายว่ามั้ยริวกิ” ซินดี้ยิ้มเย้ยหยัน “ฉันหาวิธีเล่นงานนายกับเจสันอยู่ตั้งนานหลายปีจนแทบจะท้อใจก็ยังไม่ได้เรื่อง แต่ดูสิแค่เด็กที่ชื่อปอนด์นี่เข้ามาไม่นาน ทุกอย่างก็เป็นเรื่องง่ายโดยที่ฉันแทบไม่ต้องเหนื่อยแรง”

                “คุณใจร้ายมากเลยนะครับคุณซินดี้” ปอนด์น้ำตาเอ่อ เขาเริ่มรู้สึกเข้าใจริวกิขึ้นมาบ้าง ว่าการที่ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันเป็นอย่างไร ความเจ็บที่บาดลึกลงไปจนหัวใจแทบจะฉีกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งนี้สินะที่ริวกิต้องเผชิญมาตั้งแต่เด็กอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

                “ฉันเกือบลืมขอบคุณเธอไปเลยนะปอนด์ ที่ช่วยทำให้งานของฉันสำเร็จ”

                คำขอบคุณที่เสแสร้งของซินดี้ทำให้ปอนด์รู้สึกเจ็บปวดหนักลงไปกว่าเดิม ที่เขาต้องเจ็บตัวทั้งหมด ที่ริวกิต้องเข้าใจผิด ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะแผนการอันเห็นแก่ตัวของซินดี้ที่ต้องการจะล้างแค้น กลายเป็นว่าตอนนี้ปอนด์ได้แต่โทษตัวเองที่โง่หลงเชื่อคำพูดคนอื่น จนทำให้ชีวิตของเขาและริวกิต้องตกอยู่ในอันตราย

                “ฉันจะไม่ให้อภัยเธอเด็ดขาดซินดี้” ริวกิเปล่งเสียงออกมาจากโทสะทั้งหมดที่เขามี

                “ช่วยทำให้มันน่ากลัวกว่านี้หน่อยได้มั้ยริวกิ เสียงของนายยังไม่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวเลยสักนิด” ซินดี้ใช้ปืนจ่อไปที่หัวของปอนด์อย่างใจเย็น “เอาล่ะฉันเบื่อจะเล่านิทานเก่าๆให้พวกนายฟังแล้ว... ถึงเวลาที่นายจะต้องก้มหัวแสดงความสำนึกผิดต่อฉัน อ้อนวอนให้ฉันยอมใจอ่อนไว้ชีวิตคนที่นายรักดูสิ”

                “เธอกล้ามากที่บีบบังคับให้ฉันทำหมิ่นในเกียรติของตัวเอง” ริวกิตัวสั่นเทิ้มด้วยไฟแห่งความโกรธสุมตัวจนแทบไหม้ เขาจ้องใบหน้าของซินดี้ด้วยความเคียดแค้น

ตระกูลของริวกิสั่งสอนไว้เสมอว่าศีรษะเป็นส่วนที่สูงที่สุดของร่างกาย เหมือนกับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เป็นสิ่งที่ไม่ได้มีไว้ให้ผู้อื่นเล่น ฉะนั้นการต้องก้มหัวให้ใครคนใดคนหนึ่งก็เปรียบเสมือนการที่วงศ์ตระกูลถูกหยามเกียรติ และยิ่งโดยเฉพาะการต้องก้มหัวยอมรับคนอย่างซินดี้แล้ว เป็นสิ่งที่สร้างความอับอายให้ริวกิเป็นอย่างยิ่ง

                “ฉันไม่ได้บังคับนะริวกิ ฉันให้โอกาสนายเลือกแล้วนะ” ซินดี้ปลดล็อคไกปืน

                คนอื่นอาจมองว่าแค่การคุกเข่าก้มหัวให้ใครเป็นเรื่องง่าย แต่สำหรับริวกิที่เติบโตมาพร้อมการสั่งสอนให้เทิดทูลศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลเหนือสิ่งอื่นใด จึงเป็นสิ่งที่ยากลำบากในการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เขาต้องเลือกแบกศักดิ์ศรีไว้ หรือจะยอมทิ้งมันเพื่อปกป้องคนที่เขารักที่สุด

                ริวกินิ่งเงียบใช้เวลารอปาฏิหาริย์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินฝืนทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะต้องทำ เขาหวังแค่ว่าหากเขาต้องตายไป บรรพบุรุษของเขาทุกคนที่ล่วงลับไปแล้ว จะยอมให้อภัยกับสิ่งที่เขาจะทำนี้

                เข่าของริวกิค่อยๆทรุดลงกับพื้นในขณะที่สายตาก้มต่ำลงเพราะไม่อาจสู้หน้าใครได้อีก และเมื่อหัวเขาที่หนักแน่นของเขาแตะลงไปยังพื้นที่เย็นเฉียบ มันกระตุ้นให้เขาเกลียดและโกรธแค้นตัวเองมากขึ้น

                “ก้มหัวลงต่อหน้าฉันด้วยสิ” ซินดี้เดินอย่างมาดมั่นไปตรงหน้าริวกิ โดยที่ยังคงเว้นระยะห่างไว้ประมาณหนึ่ง เธอเผื่อช่องว่างไว้กลัวว่าริวกิจะตุกติก

                ฝ่ามือทั้งสองของริวกิแบทาบไปกับพื้นปูนที่สกปรก ก่อนจะค่อยๆก้มหัวลงไปให้ต่ำจนหน้าผากสัมผัสกับพื้นที่เย็นเฉียบ หัวใจที่ทระนงของเขาหลั่งน้ำตาออกมาจากความเจ็บปวดที่แสนสาหัส แต่สำหรับซินดี้แล้วแค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในใจของเธอ

                ซินดี้จิกรองเท้าส้นสูงลงไปที่หัวของริวกิก่อนจะใช้ส้นรองเท้าที่สูงแหลมเกลี่ยไปตามเส้นผมที่ดำขลับของเขา ความรู้สึกของเธอสะใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพอใจที่ได้ทำให้ริวกิรู้สึกอับอายด้วยรองเท้าส้นสูงสีดำของเธอ

                “สูงส่งนักเหรอ” ซินดี้ขยี้ปลายเท้าไปตรงกลางศีรษะของริวกิเพื่อตอกย้ำความสะใจอีกครั้ง

                “เกินไปแล้วนะ” ปอนด์ร้องตะโกนลั่นเมื่อเห็นริวกิในสภาพที่หมดสิ้นมาดของความเป็นเจ้าพ่อ “คุณทำแบบนี้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกครับ ความแค้นมันไม่อาจล้างด้วยความแค้น ยิ่งทำร้ายกันไปก็มีแต่จะเสียกันทั้งสองฝ่าย แฟนคุณก็ไม่ได้ออกมาจากคุกหรอกครับ เขาก็ต้องมีสิ่งที่เขาต้องชดใช้”

                “ไว้แกมาเป็นฉันแกค่อยมาสั่งสอนฉันนะ แกไม่รู้หรอกว่าอนาคตที่ฉันวาดฝันไว้สวยงามต้องมาพังทลายไป ฉันเสียใจแค่ไหน”

                “แต่แฟนของคุณก็ทำผิดกฎหมายนี่ครับ เขาเองก็ควรจะต้องชดใช้ความผิดในที่ที่สมควร ทุกสิ่งที่อย่างล้วนเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องแล้วนี่ครับ”

                “หุบปาก” ซินดี้เดินถลาเข้าไปตบหน้าของปอนด์จนดังสะเทือนไปทั่วทั้งโกดัง “ฉันไม่ผิดถ้าไม่มีคนแส่เข้ามายุ่งเรื่องของฉันก็ไม่มีใครรู้ แฟนของฉันก็ไม่ต้องถูกจับ”

                รอยตบที่เจ็บแสบยังไม่ได้เท่าครึ่งหนึ่งของหัวใจปอนด์ที่ต้องทนเห็นริวกิคุกเข่าก้มหัวอยู่บนพื้น เขาอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องริวกิบ้าง ไม่ใช่เป็นได้แค่ตัวถ่วงในชีวิตของริวกิ

                “เอาอย่างนี้เพื่อตอบแทนที่เธอช่วยงานฉันมาได้ขนาดนี้นะปอนด์ ฉันจะสอนเธอแบบไม่คิดเงินให้รู้จักความรู้สึกเวลาที่ต้องสูญเสียคนรักแล้วกันนะ” ซินดี้จิกหัวปอนด์ให้เงยขึ้น “เงยหน้าขึ้นมาได้แล้วไอ้ลูกหมา”

                ริวกิค่อยๆใช้ทั้งสองมือดันร่างตัวเองให้เงยขึ้น หยาดน้ำตาซึมจางๆอยู่ทั้งสองดวงตาที่แดง เขาแทบจะกระอักความแค้นและความอับอายออกมาเป็นสายเลือด

                “ดูไว้ให้ดีนะปอนด์” ซินดี้จิกหัวปอนด์ให้หันหน้าไปมองริวกิที่คุกเข่าอยู่

                “จ… จะทำอะไร” ปอนด์ร้องลั่นในขณะที่น้ำตาเริ่มอาบไปทั้งสองแก้ม “ย… อย่านะ”

                ซินดี้เล็งปืนไปที่ริวกิด้วยความมุ่งมั่น เธอจับหัวปอนด์บังคับให้ดูโชว์ที่เธอกำลังจะแสดง ซินดี้รู้สึกดีใจที่ภารกิจของเธอกำลังจะปิดฉากในอีกไม่นาน

                “นายมีอะไรจะสั่งเสียคู่รักของนายในชาตินี้มั้ยริวกิ”

                ริวกิไม่ตอบเขาได้คุกเข่าหลับตาพริ้มเพื่อรอรับการลงโทษ จิตใจที่เหนื่อยล้าเสียขวัญทำให้จิตวิญญาณของเขาโรยแรงลงไป ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับริวกิ แต่มันคือการทำภารกิจในชาตินี้ให้เสร็จสิ้น

                เสียงปืนดังออกมาจากกระบอกปืนของซินดี้ ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องแทบสิ้นสติของปอนด์ผสมกับเสียงหัวเราะของซินดี้ กระสุนที่ซินดี้มอบให้นั้นพุ่งตรงเข้ากลางอกข้างซ้ายของริวกิอย่างแม่นยำ

                ซินดี้หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะส่งกระสุนลูกที่สองเข้าที่กลางอกของริวกิ ส่วนลูกที่สามตรงไปยังช่วงท้อง ร่างของริวกิล้มฟุบลงไปกับพื้นปูนอย่างรวดเร็ว เขานอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงหน้าปอนด์ ความอื้ออึงและมืดมิดครอบคลุมไปทั้งสมองของปอนด์ เขารู้สึกตัวเย็นชาไปในชั่วขณะราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริง ริวกิจะต้องยังไม่ตาย ปอนด์จะไม่เชื่อภาพตรงหน้าที่เห็นอยู่เด็ดขาด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา