เมย่า เจ้าสาวจำเป็นกับนายจอมโหด

-

เขียนโดย ealfamoon

วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.07 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  10.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557 00.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) เจอหน้าครั้งแรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

ทางด้านเมย่าเมื่อมาถึงโลกเมอร์ริซ่าก็งง งวยกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่เต็มไปด้วยป่าแล้วก็ป่าอย่างไม่เข้าใจ…

ก็ในเมื่อเธอตั้งใจเคลื่อนย้ายมาตรงจุดที่คิดว่าเป็นเมืองเมรินเวอร์  แล้วทำไมเมืองเมรินเวอร์ของเธอถึงได้กลายเป็นป่ารกทึบไปแทนละเนี่ย...

 

“อะไรกัน...ที่นี้ไม่ใช่เมืองเมรินเวอร์หรอ...ทำไมมีแต่ป่าอะ  ก็เมื่อห้าพะ...เห้ย...O,o” 

คำว่า ‘ก็เมื่อห้าพันปีก่อนมันมีเมืองที่ชื่อว่าเมรินเวอร์อยู่ตรงนี้นี่หว่า  แล้วตอนนี้หายไปไหน’ ไม่ทันหลุดออกมาจากปาก  ฉันก็ต้องร้องเสียงดังอย่างตกใจ  ToT

 

โอ้ย...เวรกรรม  ก็มันตั้ง  5,000  ปีแล้วนี่นา  มันจะยังอยู่ที่เดิมได้ยังไงละเว้ยยยย...

 

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นละนะ  แต่ที่แน่ๆ  ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้รู้เรื่องของโลกเมอร์ริซ่า  ก็ตอนดูจากจอภาพเวทย์มนต์ที่เมราสร้างขึ้นเมื่อ  3,000  ปีก่อนนู้น  ตอนนั้นรู้สึกว่าพวกมนุษย์จะมีสงครามกันอยู่นะ  อืมๆๆ 

 

แล้วก็... (- -”)

 

แล้วก็...อะไรหว่า?   YoY   

 

“จะไปรู้ได้ยังไงกันฟระ...ก็เราไม่ได้ลงมาดูโลกเมอร์ริซ่าตั้ง  5,000  ปีที่แล้วนี่”

 

ฉันพึมพำคนเดียวอย่างรู้สึกเซ็งโครตๆ  เพราะรู้ดีว่า  ไอนิสัยส่วนตัวที่เป็นอยู่มาทั้งชีวิตเนี่ย  มันจะทำให้ฉันได้ไปพบกับ เรดิช ช้าลงไปอีกหลายปีเลย  (ค่อยไปแต่งกับลูกของหมอนั่นแทนได้ไหมวะ...>*<)

 

ทำไมถึงหลายปีหรอ?

 

ก็เพราะฉันติดนิสัยชอบท่องเที่ยวไปในโลกที่ไม่รู้จักนะสิ  ToT  

 

แล้วโลกเมอร์ริซ่าในตอนนี้ก็ดันกลายมาเป็นโลกที่ฉันไม่รู้จักไปซะแล้ว  แง...

 

‘ฮืออ...รอเค้าก่อนนะตัวเอง  ไว้เที่ยวรอบโลกเสร็จจะรีบไปแต่งด้วยเลย  นะจ้ะเราเค้านะ’  ฉันได้แต่หวังว่าเรดิช  ชายหนุ่มที่ฉันจะต้องไปแต่งงานด้วยนั้น  จะไม่ชิ้งแต่งงานกับหญิงอื่นตัดหน้าฉันไปซะก่อน 

 

“แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ...เราจะได้มีเวลาคิดหาแผนการจีบเจ้าหนุ่มหล่อนั่นให้อยู่หมัดซะเลย”  ถ้าไปเจอเรดิชตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี  ยังไงเราก็ต้องวางแผนก่อนละ 

 

 

“เฮ้อ”  ฉันถอนหายใจออกมาดังๆ  อย่างปลงกับชีวิต

เอ๊ะ...หรือว่าเราจะไปจับตัวพ่อหนุ่มคนนั้นมา  แล้วก็ให้มาเที่ยวรอบโลกกับเราซะเลย...”  แต่ความคิดของฉันมันก็เป็นไปไม่ได้

 

 

“แหงะ  เรายังไม่รู้เลยว่าทีนี้คือที่ไหน  แล้วเราจะไปจับเรดิชมาเที่ยวด้วยกันได้ยังไงกันละ  ฮืออ....คงต้องยอมทำใจสินะ” YuY 

 

แปะ!  แปะ!

 

ฉันตบหน้าตัวเองเรียกสติกลับมา...หึ...ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้ว!!  ว่า...

 

“หนุ่มหล่อมันไม่สำคัญเท่าการผจญภัยหรอกฟะ...เฟ้ยยย...แว๊กกกกกกกกก!!!”   ตัวอะไรว๊ะ นั้น...  O,o  ฉันตะโกนร้องออกไปอย่างตกใจเมื่อเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่มหึมาอยู่ด้านหลัง   

 

 

‘มาอยู่บนโลกนี้ได้ไม่ทันถึง  10  นาที  ก็มีตัวประหลาดโผล่ออกมาต้อนรับซะแล้ว  ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ โลกแห่งนี้นะ ทั้งทีเมื่อก่อนที่นี้สงบมากแท้ๆ  ถึงแม้จะเป็นในป่ารกทึบเช่นนี้ก็ตาม  สัตว์ทุกตัวที่อยู่ในป่าจะไม่มาทำร้ายมนุษย์ก่อนไม่ว่าจะกรณีใดๆ  ก็ตาม’

 

 

“คิก...น่าสนุกดีนี่...”   ฉันส่งรอยยิ้มเย็นชาพร้อมกับสายตาเลือดเย็นไปให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ก่อนจะตั้งสติและรวบรวมสมาธิปล่อยจิตสังหารเบาบางออกไปเพื่อเป็นการข่มขู่มัน

 

ต้นไม้สูงใหญ่ขนาดนี้  ไม่น่าแปลกใจเลยที่แสงของดวงจันทร์ทั้งสามดวงของโลกเมอร์ริซ่าจะส่งมาไม่ถึง

 

เหอะ...ถึงมนุษย์ธรรมดาจะไม่มีทางมองเห็นในที่มืดได้...แต่สำหรับฉันเรื่องนี้น่ะมันไม่เคยเป็นปัญหากวนใจอยู่แล้ว

 

เพราะฉันมันไม่ใช่มนุษย์นะสิ  ความมืดหรอ  ฉันมองมันได้ชัดเจนเลยละ   หุหุ  เป็นเทพมันก็ดีอย่างนี้แหละเจ้าค๊า... ^o^ 

 

 

เมื่อความมืดไม่ใช่ปัญหา... 

มันก็ทำให้ฉันเห็นสัตว์ตัวใหญ่ยักษ์กว่า  10  เมตรตรงหน้า  ที่มีหน้าตาคล้ายสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อว่า วัว  ที่อาศัยอยู่ในโลกสีดำ  ทุกส่วนของร่างกายที่เหมือนกันนั้น  ทำให้ฉันมองเจ้าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าอย่างประหลาดใจ  ว่าทำไมสิ่งมีชีวิตบนโลกเมอร์ริซ่าถึงได้มีหน้าตาคล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกกัน  แต่ฉันก็ไม่มีเวลาให้คิดหรือสงสัยมากกว่านั้นแล้ว 

เพราะต้องหลบเขาแท่งใหญ่ยาวของมัน!!  ที่พุ่งเข้ามาหมายจะทิ่มแทงฉัน

 

 

“เหอะ...ไม่ได้แอ้มฉันหรอก  เจ้าวัว!”   ฉันกระโดดหลบเขาของเจ้าวัวยักษ์ได้อย่างสบายๆ 

ทำให้เขาของมันทิ่มลงไปในพื้นดิน  แทนที่จะเป็นร่างกายอันบอบบางของฉัน  แล้วก็ปักคาอยู่อย่างนั้น  ดูท่าจะเอาออกยากซะด้วยสิ     

สงสัยมันกะจะฆ่าฉันให้ตายในเขาเดียวเลยละมั่ง  ถึงได้พุ่งเข้ามาแรงซะปานนั้น 

 

“แต่ว่า...บอกตามตรง  สภาพแกตอนนี้อุบาทมากเลย  เจ้าวัว  อุบ...คิก...”  ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ  จะกลั่นไม่ไหวแล้วนะ!    

 

“ก๊ากกก  ฮาๆ   วัวยักษ์เขาทิ่มดินวะ  ตูดลอยเลยอะ  ฮาๆ ^o^ ลั้น  ละ ลัน ลา   วัวยักษ์เขาทิ่มดิน  โอ้เย่”  ฉันปล่อยขำ  อย่างห้ามใจไม่อยู่  พร้อมกับแต่งเพลงสดให้มันซะเลย  แกควรดีใจนะเจ้าวัว  ที่เทพสาวผู้น่ารักคนนี้อุตส่าห์  แต่งเพลงให้แกน่ะ  ฮาๆๆ 

 

กรรจ์!!  

 

เสียงวัวยักษ์ร้องคำรามด้วยความโกรธดังลั่นป่า  ดวงตาสีแดงเลือดของมันดูดุร้ายขึ้นราวกับสะท้อนแรงโทสะในใจออกมา  มันดึงเขายาวแหลมคมของตัวเองออกมาได้แล้ว  และมันก็พร้อมที่จะกระโจนเข้ามาฆ่าเด็กสาวที่ยังไม่หยุดหัวเราะมันแล้วด้วย!!!

 

เปรี้ยง!!!

 

วัวยักษ์ปล่อยพลังสายฟ้าจากเขาของมันไปยังเด็กสาว

 

“เห้ย...วัวที่โลกนี้ปล่อยสายฟ้าได้ด้วยหรอ  เจ๋งเป็นบ้า  ความรู้ใหม่เลย  เดี๋ยวนะเจ้าวัวขอฉันจดบันทึกแปบ” 

เมย่ากระโดดหลบสายฟ้าขึ้นไปอยู่บนยอดต้นไม้สูงที่อยู่ไกลจากเจ้าวัวยักษ์ได้ในพริบตา

เด็กสาวดูตื่นเต้นมากกว่าตกใจกับความรู้ใหม่ที่พึ่งค้นพบ

จึงรีบเรียกสมุดจดบันทึกการผจญภัยเล่มหนาออกมาจากมิติเก็บของ  ก่อนจะสเก็ตภาพเจ้าวัวยักษ์ลงไปอย่ารวดเร็ว  เธอบันทึกทุกสิ่งที่เห็น  ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวหรือพลังที่สัตว์ในภาพมี

 

พึบ! 

เสียงปิดสมุดเล่มหนาดังขึ้น  เด็กสาวโยนสมุดเล่มนั้นไปข้างหลังโดยไม่หันไปมอง 

มิติเก็บของปรากฏขึ้นทันทีอย่างรู้ใจ  สมุดเล่มหนาถูกดูดกลืนหายไปกับวงกลมสีดำที่โผล่ออกมารองรับมันอย่างพอดิบพอดี

 

“หึ...ทีนี้ก็มาดูกันต่อดีกว่า  ว่าแกจะมีพลังอะไรให้ฉันได้แปลกใจอีกหรือเปล่า  เจ้าวัว!!” 

ฉันทำท่าจะกระโดดเข้าไปหาเจ้าวัวยักษ์ที่อยู่เบื้องล่างอีกครั้ง  ซึ่งดูเหมือนว่ามันก็กำลังตามหาฉันอยู่เช่นกัน  แกคงอยากตายเต็มแก่แล้วซินะ 

 

แต่ด้วยความสูงของต้นไม้ใหญ่  ทำให้ฉันเห็นกลุ่มควันขนาดเล็กที่อยู่ไกลออกไปซะก่อน...

สิ่งนั้นส่งผลให้ฉันต้องละความสนใจจากเจ้าสัตว์ยักษ์ตแล้วเพ่งสายตามองไปยังกลุ่มควันสีขาวเทาตรงหน้า

 

“ควันนั่น...หรือว่า  จะมีคนอื่นนอกจากเราอยู่ในป่านี้ด้วย!!!”  ฉันไม่รอช้า  รีบใช้เวทย์เสริมความเร็วมุ่งหน้าไปทิศทางที่มีกลุ่มควันอยู่ทันที 

 

วัวยักษ์เมื่อเห็นร่างของเด็กสาวที่ตนกำลังหาอยู่กระโดดลอยผ่านหัวไป  ก็รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว...

 

แต่ยิ่งวิ่งตามไปเท่าไหร่  ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ยิ่งมากขึ้น  เพราะเด็กสาวกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงจนมองแทบไม่ทัน   ไม่นานร่างเล็กก็หายไปจากสายตาของเจ้าวัวยักษ์...

 

ฉันไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังวิ่งเร็วแค่ไหน 

เพียงแต่รู้สึกได้ว่ามันจะต้องเร็วมากแน่ๆ

เพราะที่โลกแห่งนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังธรรมชาติ  ยิ่งพลังธรรมชาติมีมากเท่าไหร่  เทพก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น 

ฉันกระโดดจากยอดของต้นไม้ต้นนี้  ไปยังต้นไม้อีกต้นและอีกต้นอย่างรวดเร็วโดยไม่สนสิ่งอื่นนอกจากกลุ่มควันเล็กๆ  ตรงหน้า 

 

เมื่อความห่างระหว่างฉันกับกลุ่มควันเริ่มน้อยลง  กลุ่มควันเล็กๆ  ที่เคยเห็นก็แปลเปลี่ยนเป็นกลุ่มควันที่ใหญ่ขึ้นทันตา

 

ฉันหยุดอยู่บนยอดไม้ใหญ่ต้นหนึ่งใกล้กับกลุ่มควันนั้น  ก่อนจะมองไปข้างล่าง

 

ฉันเห็นซากสัตว์ขนาดยักษ์ที่ใหญ่กว่าเจ้าวัวที่เคยเจอก่อนนี้กำลังถูกย่างด้วยกองไฟขนาดใหญ่เท่าร่างของมัน 

 

ตรงนั้น...มันมีสัมภาระและข้าวของที่ใช้สำหรับเดินทางไกลอยู่อีกหลายอย่าง  วางกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่บริเวณด้านล่าง  และหนึ่งในของเหล่านั้นก็คือ  หมอนและผ้าห่มสำหรับคนหนึ่งคน...

 

เท่าที่ดู... 

ซากสัตว์ที่เพิ่งถูกย่างนั้นยังไม่สุกดีเลย  งั้นก็แสดงว่า...

 

 

“เธอ...เป็นใคร”  เสียงทุ้มเย็นชาดังมาจากข้างหลังฉันพร้อมกับความรู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ...

 

‘คิก...มีคนอยู่ที่นี่จริงๆ  ด้วย’ 

 

ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ  ความรู้สึกเย็นๆ นี่คงจะเป็นคมดาบสินะ  หึ...

 

 

“ฉันชื่อเมย่า  เป็นคนหลงป่า แล้วนายละ...เป็นใคร” 

ฉันถามกลับไปเสียงเรียบอย่างไม่เกรงกลัวว่าสิ่งที่อยู่ตรงลำคอจะตัดผ่านเนื้อขาวของตนเข้ามาสักนิด

 

 

“ฉันชื่อเรดิช  เดรอมเมอรัน  เป็นราชาของโลกนี้  แล้วก็...” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นอีกรอบ

 

“กำลังหลงป่าเหมือนกับเธอ...” 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา