ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)
เขียนโดย PingJa
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
99)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
" ท่านหญิง " เสียงของชายชราผผู้หนึ่งที่แอบอยู่ภายใต้เงามืด ทำให้หญิงสาวผู้นั่งหลับตาราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์สมาธิอย่างลึกขยับไหวตัวเล็กน้อยจากที่เธอนั่งนิ่งสนิทราวกับรูปสลักมาเป็นเวลานาน...แต่เธอก็ยังคงนั่งนิ่งจนกระทั่งได้ยินเสียงร้องเรียกของชายชราคนเดิมอีกครั้ง
" ท่านหญิงดาราขอรับ "
" อืม...ข้าได้ยินแล้ว พ่อเฒ่า "
" จวนเจียนจะถึงเวลานัดหมายของท่านแล้วนะขอรับ ท่านหญิง "
" หืม ถึงเวลาแล้วหรือนี่? " หญิงสาวผู้มีนามว่าดาราค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และยิ้มออกมาบางๆ...ในขณะที่ชายชราผู้มาปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ถอนหายใจเฮือกเล๋กน้อย แสดงให้เห็นว่าเขายังไม่อยากจะยอมรับการตัดสินใจของท่านหญืงของเขานัก ก่อนจะพูดเบาๆว่า
" ท่านดารา...ได้โปรด ตรองให้ดีเสียใหม่เถอะขอรับ...มันน่าจะมีวิธีอื่นที่เราจะสามารถกระทำได้--- "
" ไม่มีทางเลือกแล้ว พ่อเฒ่า...ยิ่งปล่อยไว้ช้านาน ทัพพม่าก็จะร่นระยะเข้ามาอีกโดยไม่หยุดรอเรา...ก็อย่างว่าแหละนะ เมื่อถึงจุดหนึ่ง เวลา ก็เป็นศัตรูอันน่าเกรงขามที่สุดของเราเช่นกัน "
" ต...แต่ว่า...ท่านไม่ใช่ผู้ที่ควรต้องมาเสี่ยง "
" คิกๆ ข้าเป็นเหยื่อตัวอ้วนที่น่ากินดีใช่ไหมล่ะ? " หญิงสาวลุกขึ้นบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นเกรียว และพูดพลางกลั้วหัวเราะอย่างสบายใจราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้ชายชราในเงามืดถอนหายใจเฮือกออกมาอีกครั้งทันที
" ท่านหญิง--- "
แกร๊ก!
ก่อนที่ชายชราผู้นั้นจะได้ทันพูดว่าอะไร หญิงสาวนามว่าดาราก็วางสร้อยสีทองอร่ามที่ฉลุลวดลายและประดับด้วยโกเมนสีแดงก่ำน้ำงามบริสุทธิ์ที่อยู่ในมือลงบนพื้น...ไม่ว่าจะมองประเมินให้ราคาต่ำยังไง สร้อยเส้นนี้ก็มีค่ามากเกินกว่าจะเป็นเครื่องประดับที่ถูกครอบครองได้โดยคนธรรมดาๆแน่ๆ ...ก่อนที่หญิงสาวนามว่าดาราจะชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงบางเบา ราวกับรำพึงกับตัวเองว่า
" พ่อเฒ่า...ถ้าหากมีเหตุอันไม่คาดคิดเกิดขึ้น จนกระทั่งข้าหมดบุญ...ไม่มีวาสนาที่จะกลับไปที่กลุ่มบรรลัยกัลป์ได้อีกครั้ง ข้าขอฝากให้ท่านนำสร้อยเส้นนี้กลับไปให้แก่ท่านผู้เฒ่าด้วยเถอะนะ "
" ท่านหญิง! เหตุใดท่านพูดราวกับจะลาไปตายเช่นนี้ล่ะ!! "
" เฮ้อ...ข้าแค่พูดเผื่อไว้ เพราะมองความเป็นไปได้ทุกทางแล้วต่างหากล่ะ...และที่พูดมานี่เพราะข้าเองก็คิดว่าโอกาสที่หมู่บ้านยุคันตวาตจะเล่นไม่ซื่อและเก็บข้าเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปมันใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ "
" ถ...ถ้าอย่างนั้น ข้าว่าท่านหญิงถอยกลับไป--- "
" เอ้...ท่านนี่พูดไม่รู้ฟังแฮะ... " หญิงสาวครางออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายพลางสะบัดตัวไปมาอีกครั้ง แต่คราวนี้หลังจากหยุดสะบัดตัว หญิงสาวก็เปลี่ยนรูปร่างลักษณะ จากหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาๆ กลายเป็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวผู้งดงามที่ต่างจากเดิมชนิดเปลี่ยนเป็นคนละคนทั้งรูปลักษณ์และกลิ่นอาย ...ในขณะที่ชายชราผู้นั้นไม่มีท่าทีประหลาดใจในการเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาได้แต่ครางออกมาเบาๆว่า
" โธ่...ท่านหญิง... "
" ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะ ว่าตอนนี้ เวลา เป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา...และข้าสามารถพูดได้เลยว่า...ตอนนี้ พวกเราไม่มี เวลา จะเสียอีกต่อไปแล้ว "
...............................................
...ล่วงเลยมาถึงเวลาดวงอาทิตย์ตกดิน ณ ศาลาริมน้ำ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจวนหลังใหญ่ประจำตำแหน่งของเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี จางวางหัวหน้าเหล่าทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ทั้งมวล...
" เฮ้อ... " ไกรที่เวลานี้เปลี่ยนจากชุดหัวหน้าทหารราชองครักษ์และหัวหน้าหน่วยคเณศร์เสียงาสีดำสนิทเต็มยศ กลายมาเป็นชุดลำลองสบายๆที่มีเนื้อผ้าแน่นเล็กน้อยเพื่อต่อสู้กับอากาศหนาว เวลานี้ถอนหายใจเฮือกพร้อมกับจิบชาร้อนๆที่ให้พวกคนรับใช้ชงมาให้ พร้อมกับนั่งเหม่อมองสายน้ำใสๆที่ไหลอย่างเอื่อยๆในลำธารตรงหน้า ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง
" เฮ้อ... "
" เอ็งรู้ไหมว่าหมู่นี้เอ็งมันมืดมนจนใจขึ้นจมเลยนะ ไกร " ในที่สุด ชายหนุ่มนามว่าสิงห์ผู้เป็นหนึ่งในหน่วยคเณศร์เสียงาของไกรที่นั่งเอกเขนกอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของศาลาครางออกมาเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวมาคว้าแก้วชาในมือของไกรไปเพื่อซดแก้กระหายบ้าง
" ...บ่นเหมือนคนแก่ๆไม่มีผิดเลย " แต่พอชาสีเข้มเข้าปากเท่านั้น สิงห์ก็สำลักเฮือกก่อนจะรีบถุยทิ้งลงคลองด้านหน้าทันที
" พรูด! "
" เจ้าเองก็สกปรกขึ้นจมหูเลยนะ สิงห์ " ไกรที่นั่งตาปรือๆอยู่ครางออกมาเบาๆ ในขณะที่สิงห์ที่หันซ้ายหันขวาเพื่อหยิบกระบอกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มล้างปากอั่กๆทำตาขวางพร้อมกับแยกเขี้ยววับทันที
" อ...เอ็งเอาอะไรให้ตูซดฟะ! ชากระบองเพชรรึ?! "
" ก็ชาธรรมดาๆนั่นแหละ แต่ข้าสั่งให้พวกเด็กๆชงมาอย่างเข้มที่สุดน่ะ...แหม่ เจ้าเด็กนั่นมันเถรตรงดีจริงๆ ...กาชาเล็กๆนี่มันคงจะล่อใบชาทั้งกระบะมาชงเลยมั้ง...ซดทีเดียวตาสว่างยันอาทิตย์หน้าได้เลยนะเนี่ย "
" พ...เพื่ออะไรล่ะฟะ?! "
" เฮ้อ... " ไกรตอบกลับคำถามของอีกฝ่ายด้วยการถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะรินกาชาใส่ถ้วยใบใหม่เพื่อยกดื่มอย่างช้าๆ และครางออกมาเบาๆอีกครั้ง
" ...เออๆ ข้าผิดเอง แต่วันนี้มันหนักเกิ้น! ข้าเลยจำเป็นต้องหาอะไรแรงๆถ่างตาไว้น่ะ "
" ฟังแล้วเศร้าเหลือจะกล่าว ตกลงในเขตราชฐานชั้นใน เจ้าไปก่อวีรเวร-วีรกรรมอะไรไว้อีกฟะ? "
" วีรกรรมมะเหงกน่ะสิ! ตูต่างหากเฟ้ยที่เป็นผู้เสียหายน่ะ ...โดนผีหลอกจนเกือบจะทำพระธำมรงค์พระราชทานหาย ดีนะที่อเทตยาเอะใจค้นหาและนำกลับมาคืนได้ ไม่งั้นมีหวังได้โดนโบยหลังลายข้อหาทำของพระราชทานหายไปแล้ว...ส่วนอเทตยาก็มาเจ็บอีก ทำยังกับว่าทุกครั้งที่ข้าเข้าเขตราชฐานชั้นในต้องเกิดเรื่องซวยๆขึ้นทุกทีเลย...นี่ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ยังไม่จบแค่นี้ ป่านนี้ข้าชวนเจ้าดวดเหล้าไปแล้ว "
" เด็กๆเฟ้ย ไปเอาเหล้ามา! "
" เอ็งจะบ้าเรอะ! ก็บอกแล้วไงว่าคืนนี้ยังไม่จบน่ะ "
" เฮ้อ...อย่าหวังไว้มากจะดีกว่านะ ไกร...พูดตรงๆ เป็นตูๆก็ไม่มาให้โง่หรอก "
" ชื่อสิงห์แท้ๆ แต่ปากหมานะเอ็งเนี่ย "
" โห พูดอย่างนี้ลุกขึ้นมาต่อยกันดีกว่าเฟ้ย!! "
" ก็ดูเอ็งพูดเข้าสิ...ถ้าหากยัยนั่นไม่มาจริงๆงานนี้ตูก็ถูกฝังทั้งเป็นสิฟะ! " ไกรลุกขึ้นมาโวยบ้าง ก่อนจะครางออกมาเบาๆพร้อมกับทรุดลงนั่งอีกครั้งอย่างไม่อยากจะมีเรื่องด้วยให้เปลืองแรง ในขณะที่สิงห์เกาหัวแกรกๆพร้อมกับพูดต่อเรียบๆว่า
" เฮ้อ...ที่พูดมาน่ะข้าไม่ได้ตั้งใจจะกวนโทสะเอ็ง แต่ข้าพูดจริงๆ...ไอ้สิ่งที่ยัยดารงดารานั่นทำน่ะ เด็กอมมือที่ไหนเขาก็ดูออกเฟ้ยว่ามาสืบข่าว...เป็นแผนง่ายๆที่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างอยู่ในกำมือของเราเพื่อดูสายการบัญชาการและอำนาจการสั่งการ และเจ้าก็เล่นเฉลยไปซะหมดเปลือกเลยว่าเจ้าในเวลานี้เป็นผู้กุมอำนาจสั่งการหลักไว้ ที่ดีไม่ดีอาจจะมีอำนาจสั่งการเท่ากับท่านผู้เฒ่าในบางเวลาเลยด้วยซ้ำ...แปลว่าหลังจากนี้ถ้ามีใครส่งคนย่องตอดมาเชือดคอหอยเจ้า ข้าจะไม่เปลกใจเลย "
" ฮ่ะๆ แหม แกนี่มันมองโลกในแง่ร้ายจริงๆนะ "
" ตูมองโลกตามความจริงสุดๆแล้วเฟ้ย! มีแต่เอ็งนั่นแหละที่มองโลกตื้นเกินไปแล้ว...มีอย่างเรอะ ปล่อยไปเพราะเชื่อใจว่านางจะมาตามนัดหมายแน่...เหตุผลที่ปล่อยตัวนางไปก็ห่วยแตกสิ้นดี ...และข้าบอกได้เลยนะว่าข้าไม่ใจดีกับเอ็งแน่...ถ้าเลยกำหนดเส้นตาย ๒ ทุ่มไปแม้แต่วินาทีเดียว ข้านำเรื่องทั้งหมดไปบอกท่านผู้เฒ่าแน่ "
" ชิ! ไอ้ขี้ฟ้องเอ้ย! "
" เอ...ดูท่าคงจะไม่แคล้วเจี๊ยะส้นเท้าแกล้มชาจริงๆสินะเอ็งเนี่ย " สิงห์บีบหมัดจนเสียงดังกร๊อบๆ พร้อมกับครางออกมาเบาๆและปลดปล่อยจิตคุกคามอันไม่น่าไว้วางใจออกมา จนกระทั่งไกรรีบส่ายหน้าหวือๆ อย่างยอมแพ้และไม่คิดจะมีเรื่องด้วย...ก่อนที่เขาจะซดชาสีแก่สุดขมอีกครั้ง พร้อมกับถอนหายใจเฮือก
" งั้นเอางี้ไหม สิงห์...เรามาพนันกันซักหน่อยไหมล่ะ? "
" หา? "
" ก็เพราะข้าคิดว่าดาราคนนั้นต้องมาตามที่เธอสัญญาเอาไว้แน่...ส่วนนายเองก็คิดว่าเธอเบี้ยวแน่ๆใช่ไหมล่ะ งั้นงานนี้มาพนันกันเถอะ "
" โฮ่ น่าสนุกดีนี่หว่า...คิดได้แหวกแนวสมเป็นเจ้าดีจริงๆ " สิงห์กอดอกพร้อมกับเอนตัวลงพิงหมอนทรงสามเหลี่ยมที่อยู่ด้านหลังช้าๆ พร้อมกับพูดต่อว่า " ...ถ้าอย่างนั้นแกจะเอาอะไรมาลงพนันล่ะ...เบี้ยอัฐ หรือว่าเหล้าดีๆซักไหดี? "
" พูดอะไรอย่างงั้น ฐานเงินเดือน...หมายถึงเบี้ยหวัดของข้าและท่านผู้เฒ่าในตอนนี้มันมากพอจะเลี้ยงทั้งหมู่บ้านได้อย่างสบายๆ แถมจะซื้อเหล้าเท่าไหร่ก็ได้ จะเอาเรื่องที่ไม่สลักสำคัญนั่นมาพนันทำไมกันล่ะ " ไกรครางออกมาเบาๆ แต่เหตุผลของเขาก็ทำให้สิงห์โวยลั่นทันที
" ไอ้โง่! ถ้าไม่มีทั้งเหล้าทั้งเงิน แล้วชีวิตข้าจะอยู่ได้อย่างไร! คิดอะไรตื้นๆสิ้นดี!! "
" ข้าว่าชีวิตเอ็งที่อยู่ได้ด้วยปัจจัยสองอย่างนี่แหละที่มีปัญหาสิ้นดีน่ะ "
" แหม...สมเป็นท่านไกรจริงๆนะเจ้าคะ รับอารมณ์ขันของนายท่านสิงห์ได้อย่างหมดจดจริงๆ มายาคนนี้ขอนับถือจากใจเลยเจ้าค่ะ " เสือสมิงสาวอันเป็นพี่ใหญ่ของหมู่เสือสมิงใต้อาณัติของสิงห์ทั้งหมดอย่างมายาที่ยืนทำหน้าที่เป็นเวรยามอยู่ที่ด้านนอกศาลาอดหันกลับมาและพูดขึ้นเบาๆอย่างชื่นชมไกรไม่ได้ แต่คำชื่นชมนั้นกลับทำให้ไกรได้แต่เอามือกุมขมับทันที
' แย่ล่ะสิ คงเป็นเพราะไม่ได้เจอสิงห์มานาน พอมาอยู่กันแบบนี้เลยสนิทกันมากเกินไป เลยเผลอตบมุกไปแบบห้ามปากตัวเองไม่ได้ ...แบบนี้ตูได้กลายเป็นตัวตลกคาเฟ่ตามที่ไอ้สิงห์มันหวังไว้แน่ๆ ' ชายหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะหันไปหาชีวา มายา และราตรี ที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่โดยรอบศาลาริมน้ำแห่งนี้พร้อมกับพูดเบาๆว่า
" ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่พวกเธอก็อยู่กับไอ้หมอนี่มานาน น่าจะรับมุก...หมายถึงรับอารมณ์ขันของมันได้บ้างนี่ "
" เอ๋? " เสือสมิงสาวทั้ง ๓ หันไปมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะพร้อมใจกันส่ายหน้าทันที
" ไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ...คนที่ทำให้นายท่านสิงห์อารมณ์ดีได้ถึงขนาดนี้ ในรอบ ๕-๖ ปีมีแต่ท่านไกรผู้เดียวเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นพวกเรา ๓ ตนยกขอหน้าที่นี้ให้แก่ท่านเลยเจ้าค่ะ "
" หน้าที่นี้ตูไม่ยินดีรับตำแหน่งเฟ้ย! "
" เนี่ย เห็นไหมล่ะเจ้าคะ รับเส้นอารมณ์ขันได้อย่างไร้เทียมทานจริงๆ ดีไม่ดีอาจจะเก่งกว่าวิชาดาบด้วยซ้ำไปนะเอ้อ "
" แย่แฮะ ถ้าไม่รีบปรับนิสัย สงสัยได้รับบทเป็นตัวตบมุกไปตลอดจริงๆแน่ " ชายหนุ่มที่พลาดเผลอไปตบมุกของมายายกมือกุมขมับอีกครั้ง ในขณะที่สิงห์ที่ยังสงสัยเรื่องเดิมพันของไกรอยู่ก็ร้องขัดขึ้นทันที
" นี่ อย่ามันแต่ไปอี๋อ๋อกับยัยพวกสามสาวของข้าแล้วตอบมาซะทีสิเฟ้ย ว่าตกลงจะเอาอะไรเป็นเดิมพันกันแน่ "
ไกรพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่หลุดปากตัดมุกไปว่า ไม่ได้อี๋อ๋อเฟ้ย! หันไปมองสิงห์เล็กน้อยพร้อมกับลูบคางอย่างครุ่นคิด ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาพร้อมกับดีดนิ้วเป๊าะอย่างนึกขึ้นได้
" เอาอย่างนี้สิ ถ้าหากใครเกิดแพ้พนันขึ้นมา ฝ่ายที่ชนะสามารถสั่งให้ฝ่ายที่แพ้ทำอะไรก็ได้ ๑ อย่างโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น " ไกรพูดข้อเสนอที่ตนคิดออกมา และข้อเสนอนี้ก็ทำให้สิงห์ถึงกับกอดอกพร้อมกับทำหน้าคิดหนักทันที จนไกรต้องพูดเสริมเบาๆว่า
" เฮ่ยๆ แค่พนันเล่นๆ ไม่เห็นต้องทำหน้าคิดหนักขนาดนั้นเลยก็ได้นี่หว่า แล้วเจ้าก็พูดเองว่าเจ้ามั่นใจว่าดาราคงไม่มาแน่ๆไม่ใช่รึไง "
" ก็เพราะข้อเสนอที่มาจากปากเจ้านี่แหละที่ทำให้ข้าคิดหนัก เพราะคนอย่างเจ้ามันลับลมคมในเยอะเหลือเกิน มันทำให้ข้าอดคิดไม่ได้ว่า--- "
" ป๊อด...หมายถึงใจไม่ถึงนี่หว่า " ไกรแกล้งพูดยั่วอย่างรู้เส้นศักดิ์ศรีมันค้ำคอของสิงห์ดี ซึ่งก็ได้ผลเต็มๆ เพราะสิงห์ทำตาลุกวาวพร้อมกับตบปากรับคำท้าพนันของไกรในบัดดล
" ตกลง! "
" โธ่! นายท่านสิงห์ " มายาที่ยืนกอดอกฟังอยู่วงนอกถึงกับครางออกมาเบาๆอย่างไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมเพชผู้เป็นเจ้านายของเธอดี
แต่ก่อนที่ทั้งสองหนุ่มจะได้ทันตกลงเงื่อนไขสำหรับการพนันขันต่อครั้งนี้ พวกเขาและเสือสมิงสาวทั้ง ๓ ก็หันไปมองที่ทิศทางที่เป็นถนนที่ทอดยาวมาจากด้านพระบรมมหาราชวัง ที่เวลานี้ปรากฏร่างเล็กบางของหญิงสาว ๓ นางที่เป็นหนึ่งในหน่วยคเณศร์เสียงาของไกรเช่นเดียวกับสิงห์ อย่างสามสาวคุณท้าวจ่าโขลน อนาสตาเซีย ศกุนตลา และอเทตยา ที่เดินมาด้วยกันตรงตรงตามเวลานัดหมายของไกรพอดิบพอดี
" ไกร สิงห์ / ท่านไกร " ทั้งสามสาวต่างพากันทักทายชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งรอท่าอยู่ ซึ่งไกรก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบไปมองอเทตยาที่เวลานี้แขนและขาหลายส่วนถูกพันไว้ด้วยแถบผ้าสีขาวเพื่อรักษาอาการฟกช้ำดำเขียวจากการร่วงหล่นลงมาจากยอดคาคบไม้ ชายหนุ่มจึงรีบลุกขึ้นพร้อมกับพูดเบาๆทันที
" อเทตยา ข้าสั่งเจ้าไปแล้วนี่ว่าให้เจ้านอนพักรักษาตัวและไม่ต้องมา อาการของเจ้ายัง--- "
" เฮ้อ...เป็นห่วงเป็นใยออกหน้าออกตาเหลือเกินนะ ท่านเจ้าพระยา ...ไม่ต้องกังวลใจอะไรขนาดนั้นหรอก เพราะนอกจากส่วนข้อเท้าที่แพลงไป ร่างกายส่วนอื่นๆของอเทตยาก็ยังไม่บุบไม่สลายจนถึงกับต้องนอนพัก ทั้งไข้ที่ขึ้นสูงในตอนนั้นเวลานี้ก็ลดลงจนแทบจะเป็นปรกติแล้ว...ตัวข้าที่เป็นผู้รักษาพยาบาลนางเองเป็นผู้รับประกันได้ " อนาสตาเซียที่เดินมาพร้อมกันถอนหายใจพร้อมกับพูดเบาๆด้วยประโยคจิกกัดพอสมควร แต่น้ำเสียงที่ไม่ได้จริงใจอะไรนักของเธอบ่งบอกว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดที่เธอพูดออกไปมากนักและเจตนาให้ไกรเลิกวิตกกังวลเท่านั้น ในขณะที่อเทตยาที่เวลานี้ยังคงมีรอยจ้ำเล็กๆประดับที่แก้มอยู่ยิ้มพรายออกมาอย่างน่ารักพร้อมกับหลับตาลงและก้มหัวลงให้กับไกรอย่างงดงาม ก่อนที่หญิงสาวจะพูดเบาๆว่า
" ขอบพระคุณท่านไกรมานะเจ้าคะ ข้าสัญญาว่าข้าจะพยายามรักษาตัว ไม่ให้ท่านเป็นห่วงอีก "
" จ้าๆ ...ทั้งๆที่คนที่นั่งหน้าเตาปรุงยาฝรั่งจนหัวฟูเพื่อนำมาประคบข้อเท้าให้เจ้ากลับมาเดินเหินได้คือข้าแท้ๆ แต่กลับไพล่ไปซาบซึ้งบุญคุณท่านไกรเจ้าคะท่านไกรเจ้าขาซะอย่างนั้น น่ารักเสียจริงๆยัยมอญคนนี้นี่ "
" คิกๆ โธ่ อนาสตาเซีย "
" เฮ้อ...ไร้สาระแท้ๆ " ในที่สุดศกุนตลาที่สงบปากสงบคำอย่างอดทนมานานก็ครางออกมาเบาๆอย่างเริ่มอารมณ์ไม่ดี ก่อนจะเตรียมก้าวขึ้นไปนั่งบนศาลาที่ไกรและสิงห์นั่งอยู่ แต่พวกเสือสมิง ๓ สาวใต้อาณัติของสิงห์อย่างมายา ชีวา และราตรีเข้ามาขวางไว้เสียก่อนจนเธอต้องขมวดคิ้วน้อยๆ พร้อมกับหันไปจ้องสิงห์เพื่อถามหาคำตอบทันที
" สิงห์ "
" มีเหตุผลที่ทำให้ข้าและไกรเชื่อว่า เจ้าไกรกำลังถูกหมายหัวโดยมือสังหารที่สามารถปลอมแปลงรูปร่างและใบหน้า ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายได้อย่างแนบเนียนจนแม้แต่ยัยพวกนี้ยังแยกไม่ออก แปลว่ามือสังหารอาจจะเก็บพวกเจ้าคนใดคนหนึ่ง และสวมรอยมาเพื่อเจี๋ยนไอ้ไกรได้ " สิงห์พูดเรียบๆอย่างเป็นการเป็นงานที่สุดจนทำให้จ่าโขลนสามสาวขยับเล็กน้อยอย่างตกใจทันที ซึ่งไกรก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่ายเท่าไหร่ แต่เขาก็เห็นแก่ที่นานๆทีอีกฝ่ายจะพูดจาแบบเป็นการเป็นงาน จึงไม่ได้คิดจะขัดอะไรออกมา
" เรื่องจริงหรือ ไกร? " ศกุนตลาหันมาถามไกรที่นั่งอยู่เพื่อยืนยัน ซึ่งไกรก็ลอบถอนหายใจเฮือกพร้อมกับได้แต่พยักหน้าตามน้ำไปเบาๆ นั่นทำให้สิงห์ที่ได้รับแรงสนับสนุนรีบปั้นหน้าขึงขังพร้อมกับพูดต่อทันที
" เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าไกรเอง ข้าคงต้องให้ยัย ๓ สาวนี่ตรวจสอบพวกเจ้าก่อน...แล้วก็อย่าได้คิดขัดขืนเชียว เพราะข้าสั่งยัยมายาไว้แล้ว ว่าถ้าเกิดใครขัดขืนหรือทำตัวผิดสังเกตขึ้นมาให้จัดการก่อนถามเหตุผลได้เลย " สิงห์พูดด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจจนไกรต้องหันกลับไปมองอย่างทึ่งๆ ในขณะที่ทั้งอนาสตาเซีย ศกุนตลา และอเทตยาหันไปมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ายอมรับการตรวจสอบอย่างเข้าใจทันที
" ถ้าอย่างนั้นขอเสียมารยาทนะเจ้าคะ " เมื่อเห็นสัญญาณว่ายอมให้ตรวจสอบโดยดี เสือสมิงสาวทั้งสามก็เข้ามาเพื่อตรวจสอบทันทีโดยที่ทั้งชีวาและราตรีทำหน้าที่ยืนตั้งท่าคุมเชิงอยู่ ปล่อยให้มายาซึ่งเป็นพี่ใหญ่และมีพลังมากที่สุดเป็นผู้ตรวจสอบทีละคนๆ โดยเริ่มจากอนาสตาเซียก่อน
...การตรวจสอบเริ่มจากที่มายาจะทำจมูกฟุดฟิดๆ เพื่อตรวจสอบกลิ่นอายอันเป็นลักษณะเฉพาะประจำตัวของแต่ละคน และดมหากลิ่นโลหะอันอาจจะเป็นอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้ร่มผ้า ก่อนจะค่อยๆใช้มือที่มีเล็บยาวตรวจตามรอบลำคอ บริเวณไรผม ไล่ไปจนถึงหลังหูเพื่อตรวจโครงสร้างกระดูกและดูว่าหน้านี้เป็นหน้าจริง ไม่ได้สวมหน้ากากปลอมแปลงเข้ามา...ซึ่งทั้งอนาสตาเซียและอเทตยาที่ถูกตรวจสอบเป็นคนที่สองต่างก็ผ่านการตรวจสอบนี้มาได้อย่างสบายๆ
...จนกระทั่งมาถึงตาของศกุนตลาที่เป็นคนสุดท้าย...ที่มายาทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่นปุ๊ป เธอก็ทำจมูกย่นพร้อมกับถอยห่างออกมาโดยทันที
" กลิ่นโลหะและดินปืนซ่อนอยู่เต็มตัวเลยนะเจ้าคะ ท่านศกุนตลา "
ศกุนตลาโคลงหัวและไม่พูดอะไร แต่ตอบข้อสงสัยของอีกฝ่ายด้วยการแหวกผ้าคลุมสีเข้มที่เธอใช้ห่มคลุมกายออก เผยให้เห็นมีดสั้นและปืนสับนกที่เธอซ่อนไว้ภายใต้ร่มผ้า ชนิดที่ไกรที่เห็นผ่านๆยังรู้เลยว่าปืนนั่นมีจำนวนเกิน ๑๐ กระบอกแน่ๆ ทำให้เขาที่นั่งเท้าคางมองอยู่ถึงกับฝืนยิ้มแห้งๆทันที
' ก็พอจะเข้าใจความลำบากของศกุนตลาอยู่หรอก ที่พอมาเป็นจ่าโขลนประจำพระองค์ของสมเด็จพระพี่นาง เลยไม่อาจจะใช้ ศรพลายวาต อันเป็นอาวุธประจำกายที่เตะตาโคตรๆได้...แต่ถึงกับซ่อนปืนสับนกเล็กๆไว้ตั้งสิบกระบอกแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอฟะ...และที่น่ากลัวที่สุดคือทั้งๆที่แบกน้ำหนักของปืนและมีดสั้นที่น่าจะหนักรวมกันหลายสิบกิโลไว้กับตัวแท้ๆ แต่ยังเดินเหินได้ด้วยท่าทางที่ไม่ต่างกับอนาสตาเซียหรืออเทตยาเลย...ยัยนี่เป็นปิศาจจริงๆรึไงฟะเนี่ย! '
เมื่อเห็นว่าศกุนตลาเผยอาวุธประจำตัวโดยไม่ปิดบัง มายาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนมาตรวจสอบบริเวณลำคอของมือฉมังปืนสาวแทนเพื่อตรวจหาหน้ากาก ซึ่งศกุนตลาก็ได้แต่หลับตาลงอย่างเหนื่อยหน่าย แต่เธอก็เข้าใจเหตุผลที่ต้องทำอย่างนี้ดี เลยไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่อยู่ๆ มายาก็เลื่อนมือลงมาจากคอของหญิงสาว ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่หน้าอกหน้าใจของศกุนตลาเต็มๆมือโดยที่เจ้าตัวที่ยังคงหลับตาอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว จนศกุนตลาต้องหลุดร้องเสียงแปลกๆออกมาอย่างตกใจทันที
" อ...อ๊ายยย! "
ในขณะที่มายาเบิกตากว้างจนแทบถลนพร้อมกับมองดูฝ่ามือตัวเองที่พึ่งจับในที่ๆไม่ควรจับของศกุนตลาไปหยกๆ และอ้าปากน้อยๆอย่างตะลึงงัน ก่อนจะเงยหน้ากลับมามองศกุนตลาพร้อมกับพูดออกมาเบาๆว่า
" ส...สิบแต้มเจ้าค่ะ! "
ผัวะ!
ศกุนตลาที่หน้าขึ้นสีจนแดงแป้ดเป็นลูกตำลึงสุกอย่างกะทันหันไม่แม้แต่จะถามด้วยซ้ำว่าไอ้คะแนนสิบแต้มที่ว่านั่นมันหมายถึงอะไร เพราะพอเธอล้วงหยิบปืนสับนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เธอพกมาออกมาได้เท่านั้น เธอก็ใช้ด้ามปืนอันเป็นไม้ผสมโลหะหนาๆทุบพรวดเข้าเต็มๆหัวเหม่งของเสือสมิงสาวตรงหน้าด้วยความแรงชนิดถ้าเป็นคนธรรมดาๆโดนเข้าคงได้หามไปวัดแน่ ส่งผลให้เสือสมิงสาวล้มคว่ำลงไปนอนสลบเหมือดจูบพื้นทันที ในขณะที่จิตสังหารและไอโทสะที่พุ่งปะทุพรวดขึ้นอย่างรุนแรงทำเอาเสือสมิงสาวอีก ๒ ตัวที่ยืนคุมเชิงอยู่ต่างก็แตกกระเจิงไปคนละทิศละทางตามสัญชาตญาณสัตว์ป่าโดยไม่มีตนไหนกล้าเข้าไปดูอาการพี่ใหญ่คนสวยที่นอนชักกระตุกอยู่เลยแม้แต่ตนเดียว ส่วนไกรฉลาดพอจะที่เดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกไม่กี่วินาทีล่วงหน้าได้แล้วก็กระโดดผลุงราวกับลูกแมว เผ่นพรวดออกจากศาลาไปอีกฝั่งทันที
...ทำให้เหลือเพียงเป้าหมายเดียวที่ศกุนตลาจะปลดปล่อยจิตสังหารใส่ได้ นั่นคือเจ้านายโดยตรงของมายาอย่างสิงห์ที่นั่งสั่นเป็นเจ้าเข้าโดยไม่อาจจะมีเรี่ยวแรงลุกหนีไปไหนได้นั่นเอง...
" อ...ไอ้สิงห์! หนีสิฟะ!! " ไกรที่หมอบอยู่ตรงเนินดินท่าน้ำราวกับกำลังเตรียมหลบระเบิดขนาดใหญ่อยู่รีบร้องบอกสิงห์ที่ยังนั่งนิ่งและเบิกตาค้างจนแทบถลนอยู่อย่างเป็นห่วงสวัสดิภาพชีวิตของอีกฝ่าย แต่สิงห์ที่ยังคงนั่งค้างอยู่ค่อยๆหันมามองเขาอย่างช้าๆด้วยท่าทีราวกับหุ่นกระบอกที่เชือกกำลังจะขาดอยู่รอมร่อ ก่อนจะมีเลือดกำเดาสีสดไหลออกมาจากรูจมูกข้างหนึ่ง พร้อมกับที่สิงห์ที่ทำตาลอยราวกับกำลังทบทวนภาพเมื่อครู่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว และครางออกมาเบาๆว่า
" ม...ไม่ไหวว่ะ ต...ตูลุกไม่ขึ้นเลย! "
" ไอ้บ้า! งานนี้หนักกว่าตอนที่เอ็งโดนตอนกำลังพาข้ากลับหมู่บ้านครั้งแรกอีกนะเฟ้ย! ตั้งสติให้ได้สิฟะ!! " ไกรหันไปมองร่างที่แน่นิ่งไปแล้วของมายาที่เริ่มมีเลือดนองจากแผลแตกที่หน้าผากพร้อมกับขนลุกซู่...ขนาดเสือสมิงที่มีวิชาคงกระพันชาตรีระดับสูงเหนือมนุษย์ยังล่อซะแตกหมอไม่รับเย็บ งานนี้ไม่จบแค่หยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ
" ก...ก็อยากตั้งสติอยู่หรอก ต...แต่ทั้งภาพทั้งเสียงตะกี๊ทำอวัยวะอย่างอื่นมันตั้งแทนสติแล้วง่ะ!! " สิงห์ครางออกมาลั่นอย่างน่าสงสาร ในขณะที่ไกรที่ได้ยินได้แต่ยกมือตบหน้าผากตัวเอง...เพราะชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขาควรจะหาทางช่วยสหายผู้นี้ดีหรือถีบหัวส่งไปลงนรกให้พ้นๆเลยดี
" ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลย...เรื่องระยำตำบอนนี่ คงจะออกมาจากหัวของเจ้าสินะ สิงห์ " ศกุตตลาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์เช่นเดิมจนราวกับว่าเธอชาชินกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้วและไม่ได้โมโหอะไร ทำให้สิงห์ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยอย่างมีความหวัง แต่ไกรที่สังเกตเห็นว่ามือขวาของศกุนตลาที่กุมปลายปืนสับนกเปื้อนเลือดอยู่กำลังสั่นน้อยๆอย่างเริ่มควบคุมไม่อยู่ นั่นทำให้เขานึกได้ถึงช่วงเวลาท้องทะเลที่ราบเรียบไร้คลื่นลมก่อนจะเกิดสึนามืไม่มีผิดเลย
" พนัน ๕๐ ตำลึง ข้าว่างานนี้สิงห์ไม่รอด... " อนาสตาเซียที่ยืนกอดอกดูอยู่เอ่ยเบาๆกับศกุนตลาที่ยืนอยู่ข้างๆ ในขณะที่ศกุนตลากระพริบตาปริบๆพร้อมกับยิ้มแหยๆทันที
" พนันเริ่องที่แน่นอนอยู่แล้วอย่างนั้นข้าก็ได้เสียอัฐเปล่าๆน่ะสิ...เอาเป็นว่าพนันว่าตายด้วยปืนหรือมีดยังน่าสนุกซะกว่าอีก " ศกุนตลาทำตาแป๋วพร้อมกับเสนอทางเลือกที่ไม่เข้ากับหน้าตาบ้องแบ๊วนั่นเลย
" อืม เข้าท่า ถ้าอย่างนั้นข้าลงปืน ๕๐ ตำลึง "
" พลาดแล้วล่ะอนาสตาเซีย ทำกันถึงขนาดนี้ศกุนตลาไม่ยอมให้เขาไปอย่างสบายๆแน่ อย่างไรก็ต้องเป็นมีดแน่อยู่แล้ว "
" นี่! พวกเธอน่ะ ถ้าไม่ช่วยก็อย่าเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟสิฟะ! " ไกรหันไปตบมุกของจ่าโขลนสาวทั้งสองคนลั่นอย่างลืมตัวอีกครั้ง ในขณะที่สิงห์ที่กำลังตกอยู่ในสภาพหนูติดจั่นหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางรอดให้ตัวเองในขณะที่ศกุนตลาเวลานี้ไม่ได้สั่นแค่มือ แต่สั่นไปทั้งตัวจนมีสภาพราวกับระเบิดที่กำลังถูกจุดชนวนนับถอยหลังไม่มีผิดเพี้ยนเลย
...แต่ก่อนที่ชนวนของระเบิดจะไหม้หมดลง เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นเพื่อยืดชีวิตของสิงห์ต่อไปได้...เสียงที่ดังออกมาจากปากของมายา...เสือสมิงสาวต้นเรื่องที่นอนจมกองเลือดอยู่เงยหน้าโชกเลือดขึ้นมาพร้อมกับครางออกมาเบาๆราวกับยังละเมออยู่ว่า
" ท...ท่านศกุนตลา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายท่านสิงห์นะเจ้าคะ! "
" หืม? " ศกุนตลาหันกลับมาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจจะยอมฟังคำแก้ตัว ซึ่งไกรก็ลอบถอนหายใจเฮือกอย่างคิดในแง่ดีว่าเรื่องอาจจะไม่ร้ายแรงเท่าที่คิด แต่เสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่อีกครั้งทันที
" ท...ท่านสิงห์แค่เคยพูดเปรยๆว่า หมู่นี้หน้าอกท่านศกุนตลาใหญ่ขึ้นๆแบบแปลกๆ เลยอยากจะลองขยำดูว่าเป็นของจริงไหมน้อ ...ที่ข้าทำไปข้าก็แค่หวังดีช่วยไขข้อสงสัยให้ท่านสิงห์เท่านั้นนะเจ้าคะ! "
ไกรที่ได้ยินก็แทบเอาหัวโขกคันดินตาย...เพราะแบบนี้มันยิ่งกว่าราดน้ำมันเข้ากองไฟอีก...อย่างนี้มันยัดไดนาไมต์ลงกองไฟชัดๆ!
" ม...ไม่ใช่นะเฟ้ย! ย...ยัยมายาฟังผิดไปมากโขเลย! ข้าไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยนะศกุนตลา " สิงห์ที่เริ่มตาสว่างแล้วว่าถ้าขืนยังนั่งอยู่เฉยๆงานนี้มีหวังได้ไปสวรรค์ก่อนวัยอันควรแน่ จึงเริ่มโวยวายแก้ต่างให้กับตัวเองบ้าง ซึ่งศกุนตลาก็ยังใจเย็นพอจะหันกลับมาฟังคำแก้ต่างอีกครั้ง ถึงหน้าตาเธอตอนนี้จะบอกว่าความอดทนของเธอเหลือน้อยลงไปทุกวินาทีแล้วก็ตาม
" ส...สิงห์? "
" ข้าพูดกับยัยพวกนั้นว่า หน้าอกหน้าใจของเธอหมู่นี้ใหญ่ขึ้นแฮะ อยากลองขยำจริงๆเฟ้ย! ต่างหากล่ะ!! "
" ไอ้สิงห์เอ้ยยย! " ไกรได้แต่ครางออกมาดังๆ ...ล้มเลิกความคิดที่จะช่วยชีวิตชายหนุ่มที่พึ่งจะเซ็นต์ใบยินยอมในการถูกฆ่าผู้นั้นทันที
...ส่วนศกุนตลานั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะใบหน้าที่แดงอยู่แล้วของเธอเวลานี้ยิ่งแดงขึ้นไปอีกอย่างทั้งโกรธทั้งอายผสมกัน พร้อมกับที่เธอชูปืนที่ด้ามเปื้อนเลือดในมือขึ้นสูงสุดเหยียดทันที
" ตายยย!!! "
..................................................
...ก่อนจะถึงเวลานัดหมาย คือเวลาสองทุ่มตรงไม่กี่นาที...
ดารา...รองหัวหน้ามือสังหารสาวแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์หันที่เวลานี้หลบอยู่ตรงมุมถนนที่ทอดยาวไปสู่เรือนประจำตำแหน่งของไกรที่เป็นที่นัดหมาย หันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงและระวังภัย ก่อนที่เธอจะหลบผลุบเข้าไปในมุมมืดพร้อมกับหมุนตัววูบเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนเองให้กลายเป็นรูปลักษณ์เดียวกับที่เธอใช้ในการพบกับไกรในครั้งแรกอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการปรับความเข้าใจกันอีกรอบ ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้กับหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ภายในหน้าอกของตนเองแบบที่เธอแทบไม่เคยเป็นมาก่อน
' อ...อารมณ์แบบนี้สินะที่เรียกว่าตื่นเต้น...ทั้งๆที่เราก็คิดทางออกไว้ครบทุกทางแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังต้องใจเต้นระส่ำอยู่ดี...เจ้าไกรผู้นี้สร้างแรงกดดันแปลกๆให้กับเราได้จริงๆ ต่างจากภารกิจที่แล้วๆมาลิบลับเลย ' หญิงสาวคิดในใจพร้อมกับรอยยิ้มที่สยายกว้างขึ้นทั้งๆที่ยังอยู่ในอารมณ์กล้าๆกลัวอยู่แท้ๆ ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจลึกพลางพยายามข่มใจให้สงบลงอีกครั้ง และก้าวเท้าออกไปเพื่อไปพบกับชายหนุ่มผู้ที่เธอกำลังเล่นเกมเฉือนคมกันอยู่อย่างช้าๆ
" อ้ะ...อยู่ตรงนี้เอง " ในที่สุด เธอก็พบกับไกรที่กำลังยืนรอเธออยู่ตรงใกล้ๆกับศาลาท่าน้ำที่ตั้งอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับร้องทักเจ้าพระยาหนุ่มผู้นั้นโดยทันที
" ท่านไกร...ข้ามาแล้ว "
" อ้อ...ดารา " ไกรที่ยังคงยืนกอดอกอยู่หันกลับมามองเธออย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงราวกับครางออกมาอย่างเหนื่อยกายเหนื่อยใจที่สุด จนดาราถึงกับไปไม่เป็น เพราะนี่อยู่เหนือการคาดการณ์ของเธออย่างที่สุด ชนิดที่เธอต้องเอียงคออย่างงงงวยจนคอแทบหักทันที
" อ...เอ่อ ข้ามาสายอย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าต้องขอโทษด้วยนะ "
" อ้อ เปล่าหรอก ตรงเวลาพอดีเลย แต่ว่า คงจะต้องเป็นฝ่ายข้าเองนี่แหละที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ เพราะข้าจะเป็นฝ่ายสายเสียเองแล้ว "
" อ...เอ๋? ก็ท่านก็อยู่หน้าจวนท่านแล้วนี่ " ดาราเอียงคออย่างไม่เข้าใจอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเดินมายืนข้างๆไกร แต่พอเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงลานท่าน้ำตรงหน้าเท่านั้น เธอก็แทบอ้าปากค้างอย่างควบคุมไม่อยู่ทันที
...ภาพของจ่าโขลนสาวระดับสูงสองคนที่เป็นคนมอญหนึ่งและชาวตะวันตกหนึ่ง กำลังพยายามเข้าไปล๊อคตัวนางจ่าโขลนสาวอีกคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในสภาพหัวกระเซิงและทำหน้าราวกับอสูรกายที่หลุดมาจากนรกภูมิ และลากตัวหญิงสาวผู้คลุ้มคลั่งคนนั้นให้ออกมาจากซากของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จมกองเลือดในสภาพที่เดาไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่ายังมีชีวิตอยู่หรือล่องจุ๊นไปภพหน้าแล้ว ในขณะที่หญิงรับใช้คนหนึ่งกำลังเข้าไปดูอาการของศพชายไม่ทราบชื่อผู้นั้น ในขณะที่หญิงรับใช้อีกคนหนึ่งกำลังตบหน้านางรับใช้ทรงโตอีกคนที่มีคราบเลือดแห้งติดเต็มใบหน้าอยู่ไปมาราวกับกำลังเรียกสติเธออยู่ยังไงยังงั้น
" ก...กรี๊ด! ท่านสิงห์! ท่านสิงห์!! อย่างพึ่งสลบเจ้าค่า!! "
" ต...ตื่นซะทีเซ่ มายา ร...เราต้องปกป้องท่านสิงห์นะ ไม่อย่างนั้นท่านสิงห์ได้ไปสวรรค์จริงๆแน่! "
" จ...ใจเย็นๆก่อนศกุนตลา! ข...ข้าเข้าใจแะเห็นใจเจ้านะ แต่เอาแค่หอมปากหอมคอพอเถอะ!! ---กรี๊ด! อเทตยา! รีบแย่งปืนที่ขึ้นนกแล้วออกมาจากมือยัยนี่ก่อนเร้ว!! "
" ปล่อยข้า! ท่านอนาสตาเซีย อเทตยา! ...ง...แง!! ข...ข้าจะฆ่ามันแล้วฆ่าตัวตายตาม!! "
...ภาพและเสียงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของดาราทำให้เธอต้องรีบหันกลับมามองหน้าไกรที่ยืนทำตัวไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เข้าขั้นกลียุคตรงหน้าพร้อมกับรีบถามออกมาจนลิ้นพันกันทันที
" น...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย! ท่านไกร!! "
" เฮ้อ...ขอร้องล่ะ ดารา...ได้โปรด อย่าถามข้าเลย "
........................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ