ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  132.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

85)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

       เคร้ง!!

 

     ' ไม่ดีแน่! '  ไกรที่เวลานี้ต้องใช้เท้าเขี่ยดาบอาทมาทที่สินวางทิ้งไว้ขึ้นมาเพื่อให้มีดาบอยู่ในมือครบทั้งสองข้างคิดในใจอย่างรวดเร็วกับสถานการณ์ที่กำลังเข้าขั้นวิกฤตที่เกิดขึ้น...เพราะในเวลานี้เขากำลังตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบในทุกๆทาง...หากไม่นับว่าเวลานี้เขาเหลือตัวคนเดียว ที่กำลังเผชิญหน้ากับ ผี และฝูงซอมบี้นางรำและสนมนางในทั้งฝูง เพราะท่านเรืองอยู่ในภสวะบาดเจ็บสาหัสและลงไปนอนแน่นิ่งไปแล้ว และสินก็ถูกพลังบางอย่างบังคับให้แปรพักตร์ไปอยู่กับอีกฝ่ายแล้ว...เวลานี้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงที่สำคัญที่สุดทั้ง ๓ พระองค์ก็กำลังจะถูกคร่ากุมตัวด้ายเหล่าสัมภเวสีผีตายซากอันน่าเกลียดน่ากลัวทั้งหลายแหล่ในสภาพที่ไม่สามารถป้องกันพระองค์ได้โดยสิ้นเชิง...แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาหันไปเป็นห่วง หรือแตกตื่น...ไกรรู้ดีว่าถ้าหากเขาเกิดเสียสมาธิเพียงเสี้ยววินาทีเดียว...ทั้งสินที่โดนควบคุมอยู่และเจ้าจอมแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์ทั้งสองที่คอยท่าอยู่จัดการได้ในทันที!

 

     ' ...เวลานี้เราต้องรู้ว่าเราเหลือหมากอะไรอยู่ในมือบ้าง...หลังจากโดนกินเรียบไปแทบทั้งกระดานแบบนี้...เอาล่ะ... '  ไกรเหลือบสายตาอันคมกริบมองไปรอบๆราวกับเหยี่ยวที่กำลังกวาดสายตาเพื่อหาเหยื่อ ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ดาบสดายุของเขาที่เวลานี้ยังคงอยู่ในมือของสินอยู่...เขามองดาบสีเงินวาวก่อนจะหันกลับมามองดาบสัมพาทีที่ถูกหลอมตีขึ้นจากโลหะมีอันดับอย่างสัตตโลหะ...พร้อมกับที่เขาจะกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อยทันที

 

     " ไม่ชอบใจเลย "  หลังจากที่มองเห็นท่าทีของเจ้าพระยาหนุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ขั้นวิกฤตนี้อย่างแปลกประหลาดที่สุด...ในที่สุด...เจ้าจอมมารดาเพ็งที่ยังยืนกอดอกในมาดนางพญาอยู่นั้นก็พูดออกมาเรียบๆทันที ทำให้จอมจอมแมนผู้น้องหันมามองพร้อมกับเลิกคิ้วอย่างงงวยทันที

 

     " พี่? "

 

     " เจ้าดูสิ...ดูลึกเข้าไปในสายตาของเจ้าหนุ่มนั่นสิ...แล้วเจ้าจะรู้เองว่าทำไมข้าถึงพูดไปเช่นนั้น... "

 

     " ... "

 

     " เห็นแล้วสินะ...สายตาของเขา...มันไม่ใช่สายตาของคนที่ทอดอาลัยต่อโชคชะตา และกำลังคิดจะยอมแพ้...แต่เป็นสายตาของคนที่ดิ้นทุกทาง...ดิ้นทุกทางเพื่อที่จะพลิกกระดานกลับมาสู้กับเราได้อย่างสูสีอีกครั้งหนึ่ง...ทั้งๆที่บนมือแทบไม่เหลือหมากใดๆอยู่อีกแล้วแท้ๆ...นี่แหละ ที่ข้าไม่ชอบใจเอาเสียเลย... "

 

       สิ้นคำพูดที่เป็นเหมือนคำระบายออกมาอย่างไม่ชอบใจนักพร้อมกับตวัดมือเป็นเชิงสั่งการให้สินพุ่งเข้าใส่ไกรในทันที

 

       เคร้ง!

 

       แต่ไกรที่รอท่าอยู่แล้วไม่มีท่าทีแตกตื่นลนลานใดๆเลยแม้แต่น้อย...ชายหนุ่มย่อตัวก่อนจะใช้ดาบสัมพาทีในมือซ้ายรับคมดาบสดายุที่ฟาดลงมาจนกระทั่งเกิดแรงสั่นสะเทือนและเสียงดังกังวานก้องไปทั่ว ก่อนที่เสี้ยววินาทีนั้นเอง ดาบอาทมาทในมือขวาของไกรก็พลิกและฟาดวูบหมายจะใช้สันดาบฟาดเข้าให้ถูกเต็มๆร่างของหลวงยกกระบัตรหนุ่มตรงหน้า เพื่อคิดจะดับสติสัมปชัญญะของอีกฝ่าย...แต่เจ้าจอมเพ็งสายตาไวและรู้ทันมุกตื้นๆนี้...ก่อนที่สันดาบนั้นจะถึงตัวของสิน เธอก็กำมือหมับและดึงสินกลับมาในท่าที่ไม่ควรจะหลบเลี่่ยงได้ ราวกับร่างกายของสินเป็นหุ่นกระบอกที่ถูกเส้นเอ็นที่มองไม่เห็นจากมือของเจ้าจอมเพ็งชักใยอยู่อย่างนั้น

 

     " ชิ! มีสติซะทีสิฟะ สิน!...คนที่เจ้าควรจะหันคมดาบใส่ไม่ใช่ตูนะเฟ้ย! "  

 

     " ... "

 

       ไกรพยายามตะโกนพร้อมกับปล่อยจิตบางอย่างออกไปทุกครั้งที่คมดาบเข้าปะทะกัน แต่ผลที่ได้ก็คือความเงียบกับใบหน้าของสินที่เวลานี้นิ่งสนิท ตาลอยอย่างไร้จุดหมายอันบ่งบอกให้เขารู้ว่าไร้ซึ่งการรับรู้โดยสิ้นเชิง ในขณะที่เวลานี้นอกจากไกรจะต้องหลบหลีกคมดาบในมือของสิน (หรืออย่างน้อยก็ร่างของสินในเวลานี้) ที่ฉวัดเฉวียนเฉี่ยวหัวของเขาไปมาแล้ว เขายังต้องคอยหลบเหล่า สนมนางในและเหล่านางรำที่เวลานี้อยู่สภาพคล้ายกับ ซอมบี้ ที่พยายามจะพุ่งเข้าใส่และใช้ทุกวิถีทางเพื่อลิดรอนอิสรภาพในการป้องกันตัวเองของเขา หรือดีไม่ดีอาจจะพยายามหักคอเขาเลยด้วยซ้ำ...แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ชายหนุ่มกลับสามารถรวบรวมข้อมูลบางอย่างที่อาจจะเป็นข้อมูลที่ล้ำค่าในเวลานี้ได้

 

     ' ...สภาพของสินต่างจากสภาพที่เชื่องช้าและมีการเคลื่อนไหวเป็นมิติเดียวที่เดาทางง่ายของเหล่านางสนมนับสิบนางเหล่านี้...ในขณะที่สินมีการเคลื่อนไหวที่หลายมิติมากกว่า ซ้ำยังเร็วกว่า...ดีไม่ดีอาจจะเร็วกว่าปรกติด้วยซ้ำ...แปลว่าเจ้าจอมทั้งสองก็ไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมวิญญาณเถื่อนทั้งหลายอย่างไม่มีขีดจำกัด แต่ควบคุมได้เป็นคนๆ ...ทั้งยังต้องใช้สมาธิอย่างสูง...แบบเดียวกับท่านเรือง...เจ้าจอมทั้งสองเป็นสายซัมมอน---เอ้ย...สายควบคุมเหล่าวิญญาณคล้ายกับที่ท่านเรืองควบคุมลูกแก้วลูกขวัญหรือควายธนูอย่างทรพา...ถ้าตามที่ท่านเรืองบอกเป็นความจริง ยิ่งจำนวนวิญญาณมากก็ต้องยิ่งใช้สมาธิในการควบคุมมาก...และจุดอ่อนคือ...ถ้าตัวผู้ควบคุมสิ้นสติ...เหล่าวิญญาณภายใต้การควบคุมจะสิ้นฤทธิ์และทุกอย่างก็จะจบลงทันที! '

 

      เคร้ง! 

 

      แต่สินที่ถูกควบคุมตัวอยู่ไม่ยอมปล่อยให้ไกรได้มีเวลาคิดนาน เพริบตาที่ถูกดึงถอยกลับไปและตั้งหลักได้ สินก็พุ่งสวนเข้ามาพร้อมกับตวัดดาบสดายุหมายปลิดชีวิตไกรโดยทันที

 

    " เวรเอ้ย! ถึงจะคิดยังไงแต่พลังของพวกท่านนี่มันขี้โกงชะมัดเลยนะ! "  หลังจากปัดดาบทิ้ง ชายหนุ่มก็อดครางออกมาเบาๆไม่ได้ ในขณะที่เจ้าจอมเพ็งผู้กำลังกวัดแกว่งมือราวกับร่ายรำหัวเราะออกมาเบาๆทันที

 

    " ถ้าอย่างนั้นก็ยอมแพ้ซะสิ...ท่านไกร...แล้วเราสาบาน...ว่าท่านจะไปอย่างสบายที่สุดโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆเลย "

 

    " เอ่อ...ทำไมข้าไม่ค่อยชอบข้อเสนอของท่านซักเท่าไหร่เลยนะ "

 

      เคร้ง!

 

    " อ้อ...รู้ล่ะ...เพราะต่อให้เลือกข้อเสนอทางไหนข้าก็ตายอยู่ดีน่ะสิเฟ้ย!! "

 

    " ต่อให้ท่านไม่ชอบ แต่ท่านก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี...จัดการเลย ท่านหลวงยกกระบัตร! "

 

      วูบ! 

 

      เสียงตวาดสั่งการของท่านหญิงระดับสูงแห่งกลุ่มบรรลัยกัลป์เป็นเหมือนตัวสั่งการที่ทำให้พลังของสินระเบิดขึ้น เขาตวาดก้องพร้อมกับระเบิดจิตสังหารออกมาในชั่วพริบตา พร้อมกับที่ดาบสดายุส่องประกายวูบและเปลี่ยนจิตสังหารนั้นจนกลายเป็นไอเย็นอันแหลมคมจนน่าขนลุกห่อหุ้มตัวดาบและแทงพรวดเข้าใส่ไกรโดยทันที

 

      เคร้ง! 

 

      แต่ไกรกลับโต้ตอบจิตสังหารอันเย็นเยือกและแหลมคมนั้นด้วยการปัดด้วยดาบสัมพาทีในมืออย่างง่ายๆ และพยายามประหยัดพลังมากที่สุด เคลื่อนไหวร่างกายน้อยที่สุด ราวกับพยายามจะยื้อเวลาไปให้นานที่สุด...ซึ่งถึงแม้ว่าการกระทำของไกรจะอยู่ในสายตาอันแหลมคมที่จ้องจับผิดของทั้งสองเจ้าจอม...แต่เพราะทั้งสองเป็นผู้ฝึกฝนในสายไสยเวทย์มนต์ดำ จึงมิอาจจะเข้าใจแผนการเล็กๆของไกรที่กำลังดำเนินอยู่เลยแม้แต่น้อย

 

    " ท่านจะทำอะไร?...ท่านไกร...ท่านจะทำอะไร... "  สิ่งที่เจ้าจอมเพ็งทำได้เป็นเพียงการครางออกมาเบาๆอย่างเคลือบแคลงสงสัยในการตอบรับการจู่โจมอย่างบ้าคลั่งด้วยการปัดป้องแบบสงวนท่าทีเช่นนี้ และแน่นอนว่าเธอไม่ได้รับคำตอบอะไร นอกจากดวงตาสีสนิมเหล็กที่ยังไม่คิดจะยอมแพ้อยู่เช่นเดิม...จนกระทั่งในที่สุด...

 

      วูบ!

 

    " อ...อะไรกัน?! "  

 

      ร่างที่กระตุกวูบของหลวงยกกระบัตรหนุ่มที่เวลานี้ทรุดลงไปกับพื้นทำให้เจ้าจอมทั้งสองร้องออกมาอย่างคาดไม่ถึงทันที  แต่ไกรที่รอให้จังหวะนี้มาถึงอยู่แล้วกระตุกยิ้มวูบทันที

 

   ...ดาบสดายุ และดาบสัมพาที...ที่ถูกตีขึ้นจากโลหะศักดิ์สิทธิ์แถมยังเป็นโลหะระดับสูงไม่ใช่ม้าแคระหรือล่อที่ถูกสนตะพายและบังคับไปมาได้อย่างง่ายๆ แต่เป็นเหมือนกับม้าป่าที่มีกำลังมากและไม่เชื่องเลยแม้แต่น้อย...ดาบทั้งสองในความคิดของไกรผู้เป็นเจ้าของดาบก็ไม่ต่างอะไรจากรถซุปเปอร์คาร์ ที่เร็ว สร้างแรงกดดันและรีดพลังออกมาได้อย่างมหาศาลก็จริง แต่ก็สูบน้ำมัน...ซึ่งในที่นี้หมายถึงพลังกายจากผู้ถือดาบไปด้วย อย่างมหาศาลไม่แพ้กัน...ขนาดไกรเองที่ดาบถูกสร้างมาให้เหมาะมือที่สุดและดูดกลืนพลังน้อยที่สุด ในวันแรกๆที่ใช้ดาบยังถึงกับวูบไปหลายรอบ...อย่าว่าแต่คนที่ไม่เคยจับดาบเล่มนี้เลยอย่างสิน ที่คงถูกดูดพลังไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่งแน่ๆ ...ซึ่งถ้าเป็นสินในสภาพปรกติก็่าจะรู้เรื่องนี้ดีและเลือกที่จะทิ้งดาบสดายุและใช้ดาบอาทมาทของเขาแทนไปแล้ว...แต่เพราะสินถูกควบคุม...ถูกเข้าสิง...และผู้ที่ควบคุมก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องดาบเลย มันทำให้แผนเล็กๆของไกรนี้ถูกดำเนินไปอย่างราบรื่นที่สุดทันที

 

   ...ผลลัพธ์ของแผนนี้จะนำไปสู่โอกาส...โอกาสที่จะทำให้ไกรพลิกกระดานในเวลาเพียงเสี้ยววินาที...ด้วยความเร็วเท่ากับความคิด เพียงเสี้ยววินาทีที่สินหมดสิ้นพลังจนทรุดลง ดาบอาทมาทอันเป็นดาบที่เคยเป็นของสินซึ่งเวลานี้อยู่ในมือด้านขวาของไกรก็ถูกปาพรวดเข้าใส่เจ้าจอมเพ็งที่ยืนเด่นอยู่และกำลังเพ่งสมาธิในการควบคุมสิน และกำลังตกตะลึงจนเสี้ยววินาทีนั้นนางไม่อาจจะโต้ตอบเขาได้ในทันที

 

     " ก...กำแพงร้อยวิญญาณ! "  เจ้าจอมแมน น้องสาวของเจ้าจอมเพ็ง ผู้ทำหน้าที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังได้สติก่อนพร้อมกับร้องออกมาเบาๆ และตวัดมือขึ้นเพื่อใช้ท่าที่เคยใช้เพื่อป้องกันตนมาแล้ว ...แต่ด้วยสภาวะที่บีบคั้นและกะทันหันที่สุดเช่นนี้...ทำให้เธอลืมเลือนข้อเท็จจริงบางอย่าง...ข้อเท็จจริงที่กลายเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุด!

 

       ดาบที่ถูกปาเข้ามา...ไม่ใช่ดาบที่ถูกตีขึ้นด้วยโลหะมีอันดับ!...

 

       วูบ! 

 

       ดาบอาทมาทที่มีด้ามดาบยาวกว่าปรกติเล่มนั้นพุ่งผ่านกำแพงที่ถูกถักทอจากสัมภเวสีวิญญาณอาถรรพ์นับสิบตนอย่างหนาแน่นไปราวกับทะลุผ่านหมอกควันอันไม่สามารถจับต้องได้ ก่อนที่แรงส่งของดาบนั้นกำลังจะส่งดาบให้พุ่งเข้าใส่เป้าหมายที่ไกรหวังไว้ในทันที!

 

     " พี่! หลบ! "

 

       ในชั่วเสี้ยวววินาทีนั้นเจ้าจอมแมนไม่มีทางเลือกอื่น เจ้าจอมผู้น้องพุ่งตัวเข้าใส่จอมจอมเพ็งจนล้มกลิ้งลงไปทั้งคู่เพื่อหลบการจู่โจมอันไม่คาดฝันนี้ แต่ก็ยังไม่เร็วพอจะจบการจู่โจมนี้ได้อย่างไรรอยขีดข่วน

 

       วูบ!

 

       ดาบอาทมาทอันเคยเป็นดาบประจำมือของหลวงยกกระบัตรเมืองตากหรือสินอาจจะเป็นดาบที่ถูกตีขึ้นจากเหล็กธรรมดาก็จริง แต่ก็เป็นดาบของนักดาบผู้มีพรสวรรค์และวินัยเป็นเลิศ ทำให้ดาบได้รับการดูแลรักษาและถกลับจนคมกริบราวกับมีดโกน...พริบตาที่เจ้าจอมเพ็งล้มตัวลง ดาบเล่มนี้ก็พุ่งผ่านและตัดผ่านมวยผมที่เกล้าสูงไว้อย่างงดงามนั้น จนกระทั่งเส้นผมที่เกล้ามวยอยู่นั้นหลุดออกลงมาคลุมประหลังและบางส่วนขาดกระเด็นปลิวไปพร้อมกับดาบเล่มนั้น...ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆให้กับเจ้าจอมผู้เลี้ยงวิญญาณผู้นี้ได้ แต่เธอก็ต้องตกอยู่ในสภาพช๊อคจนสติหลุดลอยไปชั่วเสี้ยววินาทีในทันที

 

       พรึ่บ!

 

       ทันทีที่หญิงสาวล้มลง เหล่าสัมภเวสีที่พยายามล้อมกรอบเพื่อควบคุมตัวพระบรมฯทั้งสามก็สลายวูบกลายเป็นอากาศธาตุในทันที

 

     " สมเด็จท่าน! "

 

       โดยที่ไกรไม่จำเป็นต้องตวาดเพื่อเตือน...สมเด็จเจ้าฟ้าพระพี่นางพินทวดีที่เวลานี้คุมพระสติได้อย่างดีที่สุด คว้าข้อหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรผู้เป็นพระอนุชา และสมเด็จพระอัครมเหสี ก่อนจะกระชากด้วยแรงทั้งหมดที่มี เหวี่ยงทั้งสองพระองค์ให้พุ่งออกไปด้วยความเร็วชนิดที่ทำให้พระเจ้าอุทุมพรถึงกับต้องร้องออกมาเสียงหลง พุ่งผ่านหน้าต่างพระที่นั่งด้านที่ใหญ่ที่สุดและใกล้ที่สุดไปโดยทันที!

 

       ตูม!

 

       ร่างเล็กบางของสมเด็จพระอัครมเหสีและสมเด็จพระอนุชาพุ่งผ่านหน้าต่างพระที่นั่ง ก่อนจะพุ่งลงสู่ สระแก้ว อันเป็นสระน้ำใสสะอาดที่ถูกขุดล้อมและแต่งแต้มรอบพระที่นั่งท้ายสระแห่งนี้ไว้และเต็มไปด้วยปลาเงินปลาทองอันงดงาม แต่สำหรับทั้งสองพระองค์แล้ว ในเวลาเช่นนี้ทั้งสองไม่รู้สึกว่าสระแห่งนี้น่าดูเลยแม้แต่น้อย

 

     " ม...ไม่อยากเชื่อเลย! พระพี่นางเหวี่ยงเราลงสระแก้วจริงๆ!"

 

     " แค่กๆ ช---ช่วย---ช่วยด้วย! "

 

     " กรมขุนวิมลพัตร?! "

 

     " ม...หม่อมฉัน---หม่อมฉันว่ายน้ำไม่เป็น! "

 

     " บ้าเอ้ย! "

 

        สมเด็จพระเจ้าอุทุมพรรู้ดีถึงบรรดากฎมณเฑียรบาลต่างๆ ที่ถูกร่ายยาวว่าห้ามบุรุษแตะต้องพระวรกายของพระอัครมเหสี แม้แต่กับพระองค์ผู้เป็นอนุชาของพระเจ้าแผ่นดินก็ตามที...แต่เวลานี้พระองค์ไม่อาจจะสนกฎเช่นนั้นได้อีกต่อไป  พระเจ้าอุทุมพรว่ายเข้าไปใกล้พร้อมกับพยายามปลดเครื่องประดับทองอันงดงามที่กำลังถ่วงให้พระอัครมเหสีให้จมลงไปออกทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนจะจับอังสะบางของผู้เป็นพี่สะใภ้และว่ายเข้าสู่ฝั่งทันที

 

     " สมเด็จพระอัครมเหสี...เป็นอะไรไหมพุทธเจ้าข้า ไม่เจ็บไม่ปวดที่ใดนะ? "

 

     " พระ...พระพี่นางพินทวดี!...พระองค์ช่วยหม่อมฉัน พ...พระองค์ยังติดอยู่ในพระที่นั่งนั้น!! "

 

     " เวลานี้พระองค์ควรจะห่วงพระองค์เองก่อน! พระองค์ทรงได้รับภยันอันตรายอันใดไหม?! "  เสียงตรัสตวาดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกร้าวขึ้นของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ทำให้พระอัครมเหสี กรมขุนวิมลพัตรได้แต่พยักพระพักตร์เบาๆ ก่อนที่พระเจ้าอุทุมพรจะผินพักตร์กลับขึ้นไปมองด้านบนอันเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ในทันที

 

     " ...ไกร...เจ้าสร้างปาฏิหาริย์ให้กับพวกเรามาตลอด...เจ้าเป็นคนที่เวลานี้จ้าหวังพึ่งมากที่สุด...เพราะฉะนั้น...ช่วยสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดี...เชษฐภคินีของเราด้วยนะ...ขอร้องล่ะ! "

 

 

 

 

.................................................

 

 

 

 

    ...บนพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ (พระที่นั่งท้ายสระ) ...

 

     " พระองค์ควรจะกระโดดลงไปด้วยนะ...สมเด็จพระพี่นาง "

 

     " เจ้าควรจะต้องมีผู้ที่ระวังหลังให้นะ เจ้าพระยา "

 

     " หากพ่ออยู่หัวทรงทราบว่าข้าพุทธเจ้าให้ท่านมาเป็นกำลังเสริม หัวกระผมคงไม่แคล้วไปปักเด่นอยู่บนประตูผีแน่ๆ "

 

     " อย่าหมิ่นข้านัก เด็กน้อย...ท่านผู้เฒ่าของเจ้า ท่านออกญาฯของข้าน่าจะบอกเจ้าแล้วว่าท่านเคยฝึกหัดข้าจับดาบรำทวนตั้งแต่ครั้งยังน้อย...และข้าไม่อยากจะถ่อมตัวว่าข้าเองก็เก่งกาจใช่ย่อยเลยนะ "

 

     " พุทธเจ้าข้า...รอยแผลบนหน้าของท่านผู้เฒ่าเมื่อคืนนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีเลย "

 

     " อ้อ...ประเดี๋ยวนี้มีฟ้องร้องขอความเห็นใจรึนี่? "

 

     " ...เฮ้อ...ด้วยความเคารพนะพุทธเจ้าข้า...ข้าพุทธเจ้าจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองได้ "

 

     " ข้าเห็นแล้ว...จากเรื่องนี้ที่เจ้ากับ ท่านผู้เฒ่า ของเจ้าจัดการเองทั้งหมดโดยไมยอมบอกกล่าวให้ข้ารับรู้ซักครึ่งคำ...เห็นได้ชัดเลยว่าแผนการของเจ้ามันมาไกลเกินกว่าคำว่า จัดการด้วยตัวเองได้ แค่ไหน... "

 

     " ถ้าหากข้าพุทธเจ้าไม่ทำเช่นนี้ พวกข้าฯก็ไม่อาจจะรู้เช่นเห็นชาติกันเสียทีว่าพวกมันเป็นใคร...การตั้งรับไม่ใช่แนวของข้าพุทธเจ้าน่ะ "

 

     " เฮ้อ...เอาเถอะ...ข้าก็ไม่ได้ตำหนิอะไร รู้เช่นเห็นชาติอย่างเจ้าว่าไปเลยก็ดีเหมือนกัน...แต่คราวหน้าคราวหลังช่วยเตือนข้าเรืองแผนลับของเจ้านี้เสียหน่อยก็ดีนะ...อย่างน้อยข้าก็จะช่วย เกลา แผนหยาบๆนี่ของเจ้าเสียใหม่... "

 

     ' ถ้าหากป่าวประกาศให้คนรู้มากๆ แล้วจะเรียกว่า แผนการลับ ไหมล่ะขอรับกระผม... '  ไกรคิดในใจเล็กน้อยพร้อมกับโคลงหัวไปมา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับทูลขึ้นเบาๆอีกครั้งว่า

 

     " ...อย่างไรเสียข้าพุทธเจ้าก็ยังขอยืนยันคำเดิม...พระองค์ควรจะกระโดดลงไปพร้อมกับทั้ง ๒ พระองค์... "

 

     " ขอบน้ำใจเจ้าสำหรับความหวังดีนะ...ไกร...แต่คงจะไม่ทันแล้วล่ะ "  สมเด็จพระพี่นางพินทวดีตรัสเรียบๆพร้อมกับค่อยๆเอื้อหัตถ์ถอดทับทรวง รัดพระกร และกำไลข้อพระกร รวมไปถึงพระธำมรงค์อันถูกสร้างจากทองคำประดับเพชรนิลจินดาอันงดงามไร้ที่ติออกลงกองกับพื้น...เพราะในเวลานี้พระองค์ไม่ได้ต้องการความสวยงาม แต่เป็นความคล่องตัว...ทำให้เครื่องทรงเหล่านั้นเป็นได้แค่เพียงสิ่งเกะกะและถ่วงพระองค์เท่านั้น

 

     " จริงแท้พุทธเจ้าข้า...คงไม่ทันแล้ว... "

 

        เพราะเวลานี้ทั้งไกร สมเด็จพระพี่นางพินทวดี...รวมไปถึงเหล่าจ่าโขลนแก่ๆที่เหลืออยู่เพียง ๒-๓ ท่านกำลังถูกล้อมรอบด้วยเหล่าสัภเวสีนับได้เกือบร้อยตนเช่นเดิม...เพิ่มเติมคือความบ้าคลั่งของพวกมัน ที่เหมือนกับเชื่อมต่อโดยตรงกับสภาพจิตใจของเจ้าจอมเพ็ง ที่แม้ว่าจะอยู่ไกลถึงเพียงนี้เขาก็ยังรับรู้ได้เลยว่าคงจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีๆแน่ๆ

 

     " พ...พี่ "

 

        แม้แต่เจ้าจอมแมนผู้เป็นน้องสาวแท้ๆของเธอที่ทีแรกพยายามจะประคองเธอขึ้นมายังถึงกับต้องชะงักไปพร้อมกับเรียกผู้เป็นพี่เบาๆด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก ในขณะที่เจ้าจอมเพ็งที่เวลานี้เกล้ามวยผมที่ถูกเกล้าสูงไว้อย่างงดงามหลุดออกจนผมยาวสลวยของเธอลงมาคลุมปิดบังหน้ายังคงอยู่ในสภาพนิ่งสนิทราวกับรูปปั้นอันไร้ซึ่งชีวิต...แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากรอบกายเล็กบางของเธอกลับทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับท้องทะเลที่ราบเรียบไร้คลื่น ในชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่จะเกิดคลื่นลมและพายุใหญ่ไม่มีผิดเพี้ยน!

 

     " แย่หน่อยนะขอรับ...ท่านเจ้าจอม...เพราะข้าพึ่งทำให้อำนาจการต่อรองของท่านลดลงไปจนแทบไม่เหลือแล้ว! "

 

 

    ...ถึงไกรพยายามจะพูดยั่วเพื่อให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ แต่ภายในหัวของเจ้าจอมมารดาเพ็งในเวลานี้ไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เธอแทบจะไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าไกรพูดยั่วอะไร...เพราะห้วงคำนึงของเธอกำลังพาเธอย้อนกลับไปในวันหนึ่งในห้วงอดีต เมื่อไม่ช้าไม่นานเท่าไหร่นี้เอง...

 

    ...คำพูดของผู้เป็นรองหัวหน้าแห่งกลุ่มมือสังหารบรรลัยกัลป์...ที่เจตนาจะพูดกับเธอและเจ้าจอมแมนผู้เป็นน้องสาว อย่างเป็นการลับ และโดยเฉพาะเจาะจงว่า

 

     ' ...ฟังข้าให้ดีเถอะนะ ท่านหญิงทั้งสอง...ข้ารู้ดีว่าพวกท่านหวังสิ่งใด...แต่ท่านได้ยินที่ท่านผู้เฒ่าของเราพูดถึงเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า ไกร คนนั้นแล้วสินะ '

 

     ' เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกข้า และก็ไม่เกี่ยวกับท่าน... '

 

     ' เย็นไว้...ข้าไม่ได้มาหาเรื่องพวกท่าน แค่อยากให้เราพักเรื่องกินแหนงแคลงใจระหว่างกันไว้ก่อน...ข้าแค่อยากพูดกับท่านทั้งสองเกี่ยวกับไกรผู้นั้น '

 

      ' ...ท่านผู้เฒ่าออกปากพูดด้วยตัวท่านเองว่าไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลใดๆกับเด็กนั่น...และแค่นี้งานของพวกข้ากับท่านปิ่น ท่านจิม (นามของเจ้าพระยาราชมนตรีบริรักษ์และจมื่นศรีสรรักษ์ผู้เป็นพี่ชายของเจ้าจอมทั้งสอง) ที่ต้องเตรียมการณ์ก็ล้นมือมากพออยู่แล้ว...เด็กนั่นไม่ไม่วันทำลายแผนการอันรัดกุมของเราได้หรอก...ท่านอย่ากังวลไปเลย '

 

     ' เปล่าๆ ข้าไม่ได้เป็นกังวลเลย ...แต่พวกท่านต่างหากที่น่าจะกังวลนะ '

 

     ' หมายความว่าอย่างไร? '

 

     ' ...ก็ถ้าความต้องการสูงสุดของท่านทั้งสองคือการให้ลูกชายของท่านทั้งสองได้ครอบครองราไชยไอสูรย์แห่งราชอาณาจักรอโยธยา...สืบต่อจากท่านผู้เฒ่า หลังจากแผนการสำเร็จ  ...น้ำเสียงของท่านผู้เฒ่าในวันนี้เมื่อพูดถึงไกรนั่น...ทำให้ข้าอดกังวลใจเล็กๆแทนท่านทั้งสองไม่ได้ '

 

     ' ท่าน...หมายความว่าอย่างไร ! '

 

     ' คิกๆ...ระวังหน่อยก็ดีน้า...การปรากฏตัวของไกรนั่นสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างต่อกลุ่มบรรลัยกัลป์ของพวกเรา...และต่อท่านผู้เฒ่า...ในเวลานี้พวกท่านยังพอวางใจได้อยู่ เพราะไกรผู้นั้นยังคงตั้งป้อมเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มบรรลัยกัลป์ของพวกเรา...แต่ถ้าในทางกลับกัน... '

 

     ' ... '

 

     ' ถ้าหากสิ่งที่ท่านผู้เฒ่าพูดกลายเป็นความจริงขึ้นมา...จะมีอะไรที่สามารถรับประกันได้หรือเปล่าล่ะ...ว่าผู้ที่ท่านผู้เฒ่าหวังจะให้สืบทอดอำนาจต่อจากตัวท่าน...จะยังคงเป็นลูกชายทั้งสองของพวกท่านตามที่ท่านผู้เฒ่าได้เคยให้สัตย์สัญญาไว้...ไม่ใช่ชายหนุ่มนามว่าไกรนั่น '

 

       คำพูดของหญิงสาวปริศนาผู้มีศักดิ์ฐานะเป็นถึงรองหัวหน้าแห่งกลุ่มมือสังหารบรรลัยกัลป์ราวกับดังก้องไปมาในโสตประสาทและในห้วงคำนึงของเจ้าจอมมารดาเพ็ง...จนกระทั่งเธอลืมเลือนความไม่ไว้วางใจและความคลางแคลงในท่าทีของหญิงสาวผู้นี้ไปชั่วขณะ พร้อมกับที่เธอถึงกับยอมเดินเข้ามาใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างพยายามเก็บอารมณ์ที่คุกรุ่นในจิตใจทันที

 

     ' ท่านคิดจะให้ข้าทำอะไร...ท่านรองหัวหน้า... '

 

       ภายใต้ ความมืดสนิท...รอยยิ้มที่เผยขึ้นมาจนเห็นเขี้ยวขาวของหญิงสาวผู้เป็นรองหัวหน้าช่างฉลาดล้ำ เจ้าเล่ห์และน่าเคลือบแคลงจนไม่อาจจะปิดบังได้ ...พร้อมกับที่หญิงสาวผู้นั้นจะพูดเรียบๆทันที...

 

     ' ท่านผู้เฒ่าเป็นผู้พูดเองใช่ไหม ว่าไกรจะไม่เป็นภัยใดๆกับแผนของพวกเรา '

 

     ' ... '

 

     ' สำหรับตัวข้า...ข้าเชื่อว่าคนประเภทเดียวที่ไม่มีพิษเป็นภัย และไม่เป็นอันตรายใดๆ...มีเพียงคนตายไปแล้วเท่านั้น !! '

 

       

     " หึ...หึๆ "

 

     " พ...พี่? "

 

     " ในคราแรก...ข้าคิดว่าสิ่งที่รองหัวหน้าพูดถึงเจ้าในวันนั้นเป็นเพียงเรื่องตลก...เป็นเพียงการพยายามปั่นหัวให้ข้าไขว้เขวเท่านั้น...แต่เวลานี้ข้าเห็นแจ้งแล้ว... "

 

       ครืนนนน! 

 

     " ด้วยพลังและความสามารถของท่าน...ข้าไม่อาจจะปล่อยให้ท่านดำรงอยู่เป็นเสี้ยนหนามยอกอกข้าและลูกของข้าได้อีกต่อไป!...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านต้องตาย! ไกร!! "

 

       วูบ!! 

 

       สิ้นเสียงตวาดของเจ้าจอมเพ็งผู้เวลานี้ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเกรี้ยวกราดจนแทบไม่มีเค้าความงดงามใดๆหลงเหลืออยู่อีกต่อไป เหล่าวิญญาณสัมภเวสีอันน่าหวาดกลัวก็แตกสลายกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังงานสีหม่นพร้อมกับม้วนตัวและพ่งเข้าใส่ไกรราวกับห่าอุกกาบาตขนาดเล็กนับสิบๆลูก...สุดปัญญาที่ไกรจะสามารถป้องกันได้ทันที!

 

       โครม! 

 

       แม้ว่าจะมีทั้งดาบสดายุและดาบสัมพาทีพร้อมอยู่ในมือแล้ว แต่ไกรก็ทำได้เพียงประคองตัวเองไม่ให้ถึงแก่ความตายจากการจู่โจมอันไม่คาดคิดนี้ไปได้เท่านั้น...แต่ชายหนุ่มก็ไม่พ้นบาดเจ็บสาหัสชนิดกระอักเลือดสีคล้ำออกจากปาก และหายใจติดขัดจากภาวะกรดูกซี่โครงหักและทิ่มเข้าปอดทันที

 

     " ไกร?! "

 

       ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาพลาดไปเหยียบจุดที่ไม่ควรเหยียบเข้าให้แล้ว ในขณะที่สมเด็จพระพี่นางรีบเข้ามาดูอาการ ชายหนุ่มก็ฝืนใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการประกอบดาบสัมพาทีเข้ากับดาบสดายุจนกลายเป็นดาบเล่มเดียวและยื่นส่งถวายให้แก่พระพี่นางพร้อมกับฝืนพูดผ่านลิ่มเลือดที่เต็มปากอย่างยากเย็นว่า

 

     " สม---เด็จท่าน...หนีไป--- "

 

     " จ...เจ้า! "

 

     " ข้า...พุทธเจ้า...คงไม่รอดแล้ว---โปรดเห็นแก่---พระชนม์ชีพพระองค์เป็น สำคัญ...หนี---ไป! "

 

       ในขณะที่เจ้าจอมมารดาแมนผู้เป็นน้องสาวของเจ้าจอมมารดาเพ็งในเวลานี้ก็ตกอยู่ในสภาพตื่นตะลึงไม่แพ้กัน กับการที่เจ้าจอมผู้เป็นพี่สาวของเธอควักเอาไม้ตายก้นหีบอันเป็นดาบสองคมนี้ขึ้นมาใช้ ทั้งๆที่สามารถคุมสถานการณ์ได้อย่างแทบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วแท้ๆ...จนเธอต้องคว้าตัวผู้เป็พี่สาวที่เวลานี้กำลังลอยขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆพร้อมกับตะโกนเรียกสติเสียงดังลั่นทันที

 

    ...เพราะไม่มีพลังอันมหาศาลใดได้มาอย่างเปล่าๆ...และคราวนี้สิ่งที่เจ้าจอมเพ็งต้องแลกเพื่อให้ได้พลังอันมหาศาลจนเข้าขั้นไร้เทียมทานเช่นนี้...ก็คืออายุขัยของนางนั่นเอง!...

 

     " พี่เพ็ง! ได้โปรดหยุดเถอะ! พี่กำลังจะทำในสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขไม่ได้! วิชานี้เป็นวิชาต้องห้ามแม้แต่กับพวกเรา การผลาญดวงวิญญาณพื่อแปรเป็นพลังจู่โจมอันไร้เทียมทานจะต้องแลกด้วยอายุขัยของท่าน! และการผลาญดวงวิญญาณเช่นนี้จะทำให้วิญญาณสัมภเวสีใต้อาณัติเราแตกสลายจนไม่อาจฟื้นฟูได้! พี่กำลังฝ่าฝืนกฎแห่งวัฏสงสารอันเป็นสัจธรรมแห่งโลกอยู่นะ! "

 

     " ข้าไม่สน! ...การเสียสละของข้าจะเป็นเส้นทางที่ปูให้เจ้าชายประเวศ ลูกของข้าขึ้นเป็นกษัตริย์! ...ตอให้ข้าต้องใช้อายุขัยของตนไปจนหมดสิ้น ต่อให้วิญญาณใต้อาณัติของเราต้องแตกสลายไป และผลของการณ์นี้จะทำให้ข้าต้องตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิดอีก ข้าก็ยินดีและพร้อมจะแลก! เจ้าถอยไป!! "  เจ้าจอมเพ็งที่เวลานี้ถูกโมหจริตและพลังในวิชาต้องห้ามของเธอเองครอบงำจนไม่อาจจะถอนตัวได้ตวาดเสียงดังลั่นจนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งพระที่นั่ง ด้วยพลังราวกับจะทำให้พระที่นั่งอันแข็งแรงและใหญ่โตแห่งนี้ถล่มลงมาได้ด้วยเสียงตวาดเท่านั้น! ...เธอใช้มือที่เวลานี้เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำที่ปูดโปนปัดเจ้าจอมแมนผู้เข้ามาขวางทางอยู่จนล้มกลิ้งไป ก่อนจะใช้ดวงตาที่เวลานี้แดงก่ำจนเป็นสีเลือดเบิกโพลงจ้องเขม็งมาที่ไกรที่เวลานี้นอนสิ้นสภาพไม่สามารถป้องกันตัวใดๆได้พร้อมกับจะค่อยๆลอยเข้ามาอย่างเชื่องช้า ทว่าเต็มไปด้วยแรงกดดัน...และแรงกดดันที่ว่านั้นก็มีเป้าหมายเดียวเท่านั้น...

 

     " ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร...เจ้าก็ไม่อาจจะรอดไปได้อีกแล้ว...ไกร! " 

 

       เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของเหล่าดวงวิญญาณสัมภเวสีใต้อาณัติของเจ้าจอม ที่กำลังค่อยๆแตกสลายไปทีละดวงๆ เพื่อเสริมพลังอันน่าขนลุกให้แก่เจ้าจอมเพ็ง เมื่อรวมกับเสียงของเจ้าจอมเพ็งผู้เวลานี้ร่างทั้งร่างค่อยๆกลายสภาพจนเหลือความเป็นมนุษย์น้อยลงทุกขณะ และปากก็พร่ำแต่บทสวดคาถาอะไรบางอย่างอันน่าขนลุก พร้อมกับที่บางครั้งจะหลุดเรียกนามของไกรมาเป็นระยะๆทำให้ท้องพระที่นั่งในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับขุมนรกอเวจีไม่มีผิด ทำให้แม้แต่ผู้ที่มีพระทัยแข็งอย่างสมเด็จพระพี่นางพินทวดี ที่แรกเริ่มเดิมทีพระองค์ดำริจะใช้ดาบสดายุในหัตถ์ที่ไกรมอบให้เพื่อขู่ให้เจ้าจอมผู้นั้นเกรงกลัว...แต่เวลานี้พระองค์ทรงทราบแล้วว่า...ผู้ที่ต้องเกรงกลัวคือพระองค์เองนี่แหละ!

 

    ...และเป็นความกลัวที่ไม่มีผู้ใดสามารถดูแคลนได้เลย...เพราะมันเป็นความกลัวที่ถูกดึงออกมาจากห้วงลึกภายในจิตใจของพระองค์เอง...ด้วยผลของวิชาต้องห้ามของเจ้าจอมผู้นั้น!...

 

     " ย...อย่า...เข้ามา! "

 

       โครม! 

 

       แม้ว่าจะยังคงมีดาบสดายุช่วยป้องกัน แต่พระองค์ก็ไม่แคล้วถูกพลังบางอย่างปัดจนกระเด็นไปอย่างไม่อาจจะต้านทานใดๆได้เลยแม้แต่น้อย...ด้วยพลังระดับนี้ หากเจ้าจอมคิดจะปลงพระชนม์ก็คงจะง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ...แต่หลังจากกระแทกกับพื้น พระองค์ก็รู้ว่าพระองค์เพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น...เพราะในเวลานี้พระชนม์ชีพของพระองค์ไม่ได้อยู่ในสายตาของเจ้าจอมผู้นี้ด้วยซ้ำ ดวงตาและจิตมุ่งร้ายของเธอในเวลานี้มีไว้เพียงคนเดียวเท่านั้น...คือไกร!

 

     " ไกร... "

 

       เสียงอันวังเวงและน่าขนลุกของเจ้าจอมผู้เวลานี้ถูกครอบงำด้วยพลังจากเหล่าวิญญาณที่แตกสลาย พร้อมกับเหล่าวิญญาณสัมพเวสีอีกเกือบครึ่งร้อยที่วนอยู่รอบกายของเธอทำให้ไกรที่เวลานี้บาดเจ็บจนแทบจะขยับตัวไม่ได้อยู่แล้วเงยหน้าขึ้นและหัวเราะออกมาเบาๆทันที

 

    ...ด้วยอาการบาดเจ็บและพลังที่ต่างกันจนเกินไปเช่นนี้...มันเปล่าประโยชน์แล้วที่จะต่อต้านหรือขัดขืนอีกต่อไป...

 

     " ขอเวลา...ทำใจ ซักเดี๋ยวสิ "

 

     " ... "

 

     " ค...แค่ก!...ม...แหม ไม่รับมุกเลย "

 

       มือที่ยกขึ้นพร้อมกับเหล่าวิญญาณที่ม้วนเป็นเกลียวเพื่อเตรียมจู่โจมครั้งสุดท้าย ทำให้ไกรที่นอนแอ้งแม้งอยู่โดยไม่อาจจะทำอะไรได้ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อยอย่างปลงตกทันที

 

     " ท่านไกร...ต่อจากนี้ไปท่านจะไม่สามารถสร้างความเดือดร้อนให้แก่พวกเราได้อีกต่อไปแล้ว... "

 

     " จบแค่นี้...สินะ "

 

     " อย่าผูกเวรกันเลยนะ...อโหสิกรรมให้ด้วย และไปสู่สุคติเถอะ! "

 

       วูบ!

 

     ' ขอโทษด้วยนะ...พ่อ...เพียงออ...แต่ผมคงไม่รอดแล้ว...ถ้าชาติหน้ามีจริง...ผม--- '

 

     ' อย่าพึ่งรีบสั่งเสียสิ...ไกร... '

 

     " ส...เสียงนี้มัน ! ท่านอรัญญิกา? "

 

       ราวกับเวลาที่กำลังดำเนินไปถูกชลอให้ช้าลงจนเกือบจะหยุดนิ่ง...ซึ่งไกรเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าเขากำลังเพ้อเพราะอาการบาดเจ็บ...ดวงตาที่พร่าเลือนของเขากลับเห็นร่างอันเปล่งประกายเรืองรองของหญิงสาวอันงดงามผู้ที่เขารู้ทันทีว่าคือเทพีผู้สิงสถิตอยู่ในแหวนที่เขามอบไว้ให้แก่อนาสตาเซีย...เทพีสาวค่อยๆลอยลงมายืนตรงหน้าไกรพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยด้วยแววเป็นห่วงและอารีย์ ในขณะที่ไกรที่ปลงตกไปแล้วได้แต่ยิ้มบางๆอย่างเหนื่อยอ่อนทันที

 

     ' นี่สินะครับ...เสี้ยววินาทีก่อนที่วิญญาณจะออกจากร่าง...อย่าบอกนะว่าท่านมาทำหน้าที่แทนพระยามัจจุราช ในการนำวิญญาณผมไป '

 

     ' คิกๆ ก็พึ่งบอกอยู่นี่ไงว่าอย่าพึ่งรีบสั่งเสีย...ชิงตายก่อนอายุขัยน่ะเขาเรียกว่าตายโหงนะ... '

 

     ' คนเขาอุตส่าห์เตรียมใจมาแล้ว อย่าพูดให้ฝ่อสิครับ โธ่... '

 

     ' คิกๆ '

 

       ภายใต้สติอันเลือนรางของไกร เขาเหมือนกับเห็นรอยยิ้มของอรัญญิกาเทวีค่อยๆชัดขึ้นๆ พร้อมๆกับที่อรัญญิกาเทวีค่อยๆโน้มตัวลงมาจนมาหยุดอยู่แทบจะหายใจรดกันอยู่แล้ว

 

     ' ท...ท่านอรัญญิกา? '

 

       ก่อนที่ไกรจะได้ทันว่าอะไรต่อไป เทพีสาวก็ค่อยๆใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะที่ริมฝีปากอิ่มสีกลีบกุหลาบของเธอ ก่อนจะใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางนั้นแตะลงที่หน้าผากของไกร พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงบางเบาทันที

 

      ' คราวหน้า...อย่าบังคับให้ฉันต้องเล่นขี้โกงแบบนี้อีกนะ...ไกร '

 

 

      " ตายซะเถอะ ไกร! "

 

        ราวกับรอยจุมพิตที่เทพีผู้นั้นฝากไว้แฝงมาด้วยพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างความอบอุ่นให้กับทั่วทั้งร่างอันเย็นเฉียบและชาดิกของไกร  พร้อมๆกับที่สติสัมปชัญญะอันเลือนรางของเขาถูกกระชากกลับมาจนสมบูรณ์เต็มอีกครั้ง...ดวงตาที่กลับมาเฉียบคมของเขามองไปที่เหล่าดวงวิญญาณอาถรรพ์ที่ม้วนตัวลงมาหมายจะปลิดชีวิตเขาพร้อมกับที่ปากของเขาจะท่องอรรถคาถาอะไรบางอย่างสวนออกมาอย่างแทบไม่รู้ตัวทันที

 

                 "     ...ชะยาสะนากะตา พุทธา       เชตวา มารัง สะวาหะนัง 
                   จะตุสัจจาสะภัง ระสัง                  เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

                          ตัณหังกะราทะโย พุทธา      อัฏฐะวีสะติ นายะกา 
                   สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง              มัตถะเกเต มุนิสสะรา... "

 

                        ( ข้าฯขอเชิญเสด็จ พระสรรเพชญ พุทธองค์ 
                  นราสภาทรง พิชิตมารและเสนา 
                  ยี่สิบแปดพระองค์ นายกสงฆ์ทรงสมญา 
                  ตัณหังกรเป็นต้นมา ทรงดื่มแล้วซึ่งรสธรรม

                           จตุสัจอันประเสริฐ ทรงคุณเลิศดิลกล้ำ 
                  ยอดบุญพระคุณนำ ยิ่งเทพไทไตรวิชชา 
                  โปรดรับประทับทรง ณ ที่ตรงกระหม่อมข้า 
                  พระพุทธเจ้าสา- ธุประฌมบังคมเชิญ---  )

 

 

 

 

 ...............................................

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา