ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  127.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

64)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

================================================

 

 

 

     ...ณ ลานหน้าจักรวรรดิ...ไม่ไกลจากกำแพงพระบรมมหาราชวังเท่าไหร่นัก...

 

     ...ไกรและพรรคพวกหน่วยคเณศร์เสียงา ซึ่งรวมกับอนาสตาเซียซึ่งเป็นคนใหม่ล่าสุดเป็น ๔ คนมายืนหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่ดีที่สุด ที่จะเห็นการจัดกระบวนทัพได้อย่างชัดเจนที่สุด...ถึงแม้ว่าเวลานี้พวกเขาจะต้องแทรกเบียดเสียดกับเหล่าชาวบ้านร้านตลาดที่พากันมามุงดูการจัดกระบวนทัพนี้อย่างเนืองแน่นก็ตามที...

 

      ' อืม...ตกลงไอ้ไทยมุงนี่มันก็มีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วสินะ '  หลังจากเห็นสภาพผู้คนที่แออัดยัดเยียดปานรุมซื้อสินค้าลดราคา ทำให้ไกรที่เวลานี้ตาสว่างค้างด้วยฤทธิ์กาแฟดำอันเข้มข้นอดคิดในใจไม่ได้ ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นกลุ่มของเหล่านายสำเภาและพวกจับกังชาวจีน ...กลุ่มชาวบ้านที่น่าจะมาจากหมู่บ้านญี่ปุ่น...และกลุ่มพ่อค้าวาณิชย์ชาวตะวันตกที่ไปออกันอยู่อีกฟากนึงไม่ไกลเท่าไรนัก จึงทำให้เขาได้แต่ส่ายหน้าพร้อกับหัวเราะเบาๆออกมาทันที

 

      ' ฮ่ะๆ จะว่าไทยมุงก็ไม่ใช่แฮะ เพราะงานนี้มีทั้งจีน ญี่ปุ่น แม้กระทั่งฝรั่งมามุงด้วย...แปลว่างานนี้เป็นงานรวมตัวของเหล่าขุนนางคนดังระดับสุดยอด...ในหลายๆความหมายเลยงั้นสิ '

      

      " อยู่ๆ ก็ทำหน้าเคร่งลง...อยู่ๆ ก็หัวเราะหึๆ แล้วอยู่ๆก็ทำหน้าเคร่งลงอีกครั้ง...นี่ตกลงเจ้าเป็นบ้าใบ้ไปแล้วรึเปล่าเนี่ย ไกร? "  ท่าทีคิดอะไรเงียบๆคนเดียวของไกรทำให้มือสังหารสาวที่เดินมาข้างๆกันอดถามขึ้นอย่างสงสัยไม่ได้...มือสังหาร...ที่ไม่รู้ว่าใช้เล่ห์กลวิธีใดถึงได้รับโองการแต่ตั้งจากสมเด็จพระพี่นางฯให้มาเป็นหนึ่งในหน่วยของเขาได้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้

 

        ไกรเหลือบมองหญิงสาว และหันหลังกลับไปถลึงตาใส่หลวงยกกระบัตรเมืองตากและอดีตพระยาเพชรบุรีที่หัวเราะคิกคักให้กับคำแซวประหลาดๆของหญิงสาวอีกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจเฮือกและเอามือนวดสันจมูกอย่างเหนื่อยล้า ในขณะที่ปากก็พูดออกไปเบาๆว่า

 

      " นี่...อนาส---นาสตี้...เวลานี้ข้าก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าไปขู่เข็ญสมเด็จพระที่นางฯอีท่าไหน ถึงได้ตำแหน่งจ่าโขลนพิเศษ รวมถึงตำแหน่งหนึ่งในหน่วยของข้ามาได้น่ะ ...แต่ถ้าหากเจ้าเป็นหนึ่งในหน่วยคเณศร์เสียงาของข้าจริงตามพระบัญชา  ก่อนอื่นเจ้าก็ควรจะรู้ไว้เลยนะว่าที่นี่ข้าเป็นหัวหน้าของเจ้า ...แม้แต่สินที่ยังเขม่นๆข้าอยู่ กับท่านเรืองที่อาวุโสกว่ายังต้องเรียกข้าว่า ท่านไกร  เพราะฉะนั้นเจ้าก็น่าจะหัดเรียกข้าอย่างนอบน้อมเช่นนั้นบ้างนะ "

 

      " ห...หา?! "

 

      " ...ลองดูตั้งแต่เนิ่นๆสิ จะได้คุ้นชินเสีย...ลองพูดตามณัชชา---เอ้ย! พูดตามข้านะ...ท่านไกร เจ้าคะ "

 

      " ก...กรอด! "

 

      " เอ้า เร็วสิ...ข้ารอฟังอยู่...ท่านไกรเจ้าขา "

 

      " ฝ...ฝันไปเถอะ! "

 

      " เออ...ก็กะแล้วว่าต้องพูดคำนี้ "  ไกรครางออกมาเบาๆทันทีที่อีกฝ่ายตอบกลับมา...เพราะอันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างอยู่แล้ว เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรในเรื่องลำดับชั้นนี้นัก...อีกทั้งถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว เบื้องหลังของหญิงสาวก็เป็นถึงมือสังหารอันดับหนึ่งและเป็นบุตรีบุญธรรมของท่านผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านยุคันตวาต ทำให้ไกรก็เดาออกแต่แรกแล้วว่าอีกฝ่ายต้องปฏิเสธกลับมาแบบไม่มีเยื่อใยและไม่ต้องคิดแบบนี้...ที่เขาพูดไปก็เป็นเพียงแค่การหยอกหญิงสาวเล่นเล็กๆน้อยๆ เพื่อดูปฏิกริยาเท่านั้น...แต่อดีตพระยาเพชรบุรี เรืองที่เดินตามมาด้านหลังกลับไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องล้อเล่น เพราะเขาเอ่ยขึ้นเรียบๆทันทีว่า

 

      " ข้ากลับเห็นว่าท่านไกรพูดถูกแล้วนะ...ถึงแม้ว่าเจ้าจะเข้ามาอยู่ในหน่วยด้วยเส้นสายของสมเด็จเจ้าฟ้า...แต่เจ้าก็ยังต้องพึงระลึกถึงสถานะของตนเอง ว่าเจ้าก็ยังคงเป็นผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านเจ้าพระยาฯอยู่ดี...ต่อให้เจ้าไม่เคารพนับถือ หรือสนิทสนมกับท่านไกรเพียงใดก็ตาม "

 

      " เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอก เรือง...นางเป็นสหายสนิทของข้าเอง และพวกเราก็เรียกชื่อ หรือหยอกล้อเล่นกันเช่นนี้มาแต่แรกอยู่แล้ว "  ไกรพยายามไกล่เกลี่ย แต่ผู้อาวุโสวัยกว่าอย่างท่านเรืองหันกลับมามองพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆทันที

 

      " ท่านไกรขอรับ...จริงอยู่ที่ข้านิยมชมชอบความอ่อนน้อมและความเป็นกันเอง ไม่ถือยศถือศักดิ์ของท่าน...แต่ท่านสมควรจะแยกให้ออกระหว่างความไม่ถือตน กับความเหมาะสมนะขอรับ...ถ้าหากผู้อื่นมาเห็นว่านางพูดกับท่านอย่างไร้ความเคารพเช่นนี้ มันจะเสียถึงชื่อเสียงและตำแหน่งของท่าน และจะเสียมาถึงพวกข้าที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาท่านด้วย "

 

      " เวรกรรม...หมาเลยกู "  ไกรได้แต่ครางออกมาเบาๆ พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ เพราะโดนหางเลขไปด้วย ก่อนจะเหลือบมองมาที่หญิงสาวเล็กน้อย แต่อนาสตาเซียก็ทำให้เขาแปลกใจ เพราะหญิงสาวก้มหน้าลงและรับคำเบาๆ ดูท่าทางจะน้อมรับคำสั่งสอนของเรืองอย่างง่ายๆ โดยแทบไม่มีท่าทีต่อต้านตามที่ไกรคาดไว้เลยซะอย่างนั้น

 

      " เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านเรือง...ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ...ท่าน...ไกร! "

 

      " อ...เอ่อ "

 

        ควับ!

 

        ก่อนที่ไกรจะได้ทันว่าอะไร หญิงสาวก็ใช้แขนเรียวงามคว้าคอของเขาหมับพร้อมกับกระชากเข้าไปใกล้ด้วยแรงผิดมนุษย์และกัดฟันกระซิบข้างหูชายหนุ่มเบาๆทันที

 

      " รอให้กลับไปที่หมู่บ้านก่อนเถอะ...ข้าจะจัดการเจ้าแบบทบต้นทบดอกเลย! "

 

      " ห...เฮ้ยๆ! นี่ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ ก็เจ้าผิดเองนี่ที่มาเป็นคนในหน่วยข้าแบบนี้...แถมยังไม่บอกกันเลยซักคำเดียว ผับผ่าสิ! "  ไกรเถียงกลับไปอย่างขำๆ โดยไม่ได้เกรงกลัวคำขู่อะไรของหญิงสาวทันที ในขณะที่อนาสตาเซียได้แต่สงเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอพร้อมกับกระซิบตอบกลับมาเบาๆว่า

 

      " เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลังก็แล้วกันน่า เอาเป็นว่าข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องแฝงกายมาอยู่ใกล้ๆกับเจ้าจริงๆ "

 

      " เห? "  ไกรครางออกมาเบาๆพร้อมกับยิ้มอยางนึกหยอกอีกฝ่ายเล่นทันที  " ...อย่าบอกนะว่าเจ้าเกิดนึกปฏิพัทธิ์ชอบพอในตัวข้าเอาซะแล้ว...ม...ไม่ได้นะ...เห็นอย่างนี้ข้าก็เป็นพวกรักนวลสงวนตัวมากๆเชียวนะเอ้อ "

 

      " บ้า! "  หญิงสาวหน้าร้อนวูบ ก่อนจะร้องออกมาเบาๆอย่างกระดากอายพร้อมกับผลักหัวชายหนุ่มออกไป ในขณะที่ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆทันที...ท่าทีหยอกล้อกันอย่างสนิทและไม่ถือเนื้อถือตัวของทั้งสองทำให้ทั้งสินและเรืองที่เดินตามมาด้านหลังได้แต่หันไปมองหน้ากันอย่างงงงวยทันที

 

      ' ...ตอให้เป็นสหายกันก็เถอะ...แต่บุรุษสตรีแบบไหนกันที่สามารถหยอกล้อเล่นหัวกันได้อย่างสนิทใจเช่นนี้กัน '

 

      " ตกลง...นางไม่ใช่ภรรยาของท่านแน่นะขอรับ? ทานไกร "

 

      " ไม่ใช่เฟ้ย !! "

 

      " แน่ใจนะขอรับ...ไม่ใช่ว่าทำตัวเป็นสมภารที่แอบกินไก่วัดอย่างเงียบๆอยู่หรอกนะ "

 

      " โห สิน...ถ้าจะพูดถึงขนาดนี้ไม่ต้องลงท้ายว่า ขอรับ ก็ได้นะ...แล้วอีกอย่าง ยัยนี่มันไม่ใช่ไก่วัด...แต่เป็นไก่ชนระดับเหลืองหางขาวชัดๆ โอ๊ยๆๆๆๆ! "  พูดจบเจ้าพระยาหนุ่มถึงกับดิ้นพราดทันทีเพราะฤทธิเล็บสวยๆของยัยไก่ชนที่เขาว่าข่วนแคว่กเข้ากลางหลังทันที...ในขณะที่สินได้แต่หันไปมองเรืองเล็กน้อยอย่างปรึกษาในฐานะผู้ที่ผ่านโลกมาก่อนเขาทันที แต่อดีตพระยาผู้อาวุโสกว่ายิ้มบางๆพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ

 

      " ...เท่าที่ข้าดู...มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่...ช่างเถอะน่า ท่านหลวงยกกระบัตร "

 

      " แต่ว่า "

 

      " เฮ้อ...ข้ารู้ตัวว่าข้าพูดอะไรไปเจ้าก็ไม่ค่อยฟังข้าอยู่ดี ค่าที่เจ้าเขม่นหน้าข้า...แต่ข้าอยากให้เจ้าฟังคำข้าในฐานะผู้ที่อาวุโสกว่าเสียห่อยเถอะนะ...ท่านไกรน่ะ ต่อให้ท่านไม่ถือตัวถือยศอะไรกับพวกเรา แต่ถึงอย่างไรท่านก็ยังเป็นเจ้านาย...เป็นเจ้าพระยาที่อยู่ในระดับพระยาพานทองที่มีศักดิ์สูงกว่าเราสองในทุกๆทาง ...การที่เจ้าได้นายที่ดีเช่นนี้ก็ถือเป็นบุญของเจ้า ที่มีบุญวาสนามากกว่าข้าในอดีต หรือขุนนางอีกหลายๆคนไม่รู้กี่เท่าแล้วนะ...อย่าหาเรื่องใส่ตัวด้วยการไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่เป็นผลดีอะไรต่อชีวิตเจ้าเลย "  

 

        หลวงยกกระบัตรหนุ่มหันสายตาสีเข้มไปมองที่อดีตเจ้าพระยาผู้เคยต้องโทษฉกรรจ์ช้าๆ อย่างพินิจ...เพราะน้อยครั้งที่อดีตพระยาเพชรบุรีผู้นี้จะแนะนำและสั่งสอนเขาอย่างเป็นการเป็นงาน จากที่ผ่านมาจะแค่ยั่วโมโหเขาอย่างเดียวเท่านั้น...ซึ่งชายหนุ่มก็ใจกว้างมากพอจะยอมรับฟังคำพูดที่เป็นเหมือนคำสอนของอีกฝ่ายอย่างปลอดอคติ และยอมรับว่าเป็นเช่นที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ  ก่อนที่เขาจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจเฮือก

 

      " ...เหอะ...อย่างกับถูกผีคนดีเข้าสิงเลยนะวันนี้...รู้ไหม...เรือง...ถ้าท่านสามารถพูดอย่างเป็นการเป็นงานและเลิกกวนโทสะไปได้ตลอด...ข้าคิดว่าซักวันข้าคงต้องเลิกเขม่นขี้หน้าท่านได้แน่ๆ "

 

      " เฮ้อ...เป็นคำพูดที่ชวนเสียน้ำตาให้เสียจริ๊ง!...ส่วนเรื่องที่ว่านางสนิทกับท่านไกรจนผิดสังเกต ท่านไกรก็เป็นคนบอกเองว่านางเป็นสหายของท่าน...ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ที่ยึดศีลมุสาเป็นเรื่องเด็ดขาดอย่างข้าก็เถอะ แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนที่จะโกหกพวกเราในเรื่องพรรค์นี้...เจ้าก็รู้เช่นเห็นชาติอย่างข้าใช่ไหมล่ะ "

 

       " อืม...ก็อาจจะเป็นจริงอย่างเช่นที่ท่านว่า "

 

       " เพราะฉะนั้น หากเจ้าคิดจะเกี้ยวนาง ข้าก็เชื่อว่าท่านไกรคงไม่ขัดหรอก "

 

         คำพูดหน้าตายของอีกฝ่ายทำให้สินหันขวับไปมองพร้อมกับแยกเขี้ยววับทันที เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มที่จะแกล้งหยอกยั่วโมโหเขาอีกแล้ว...แต่ในฐานะผู้ชายคนนึง ทำให้เขาอดเหลือบไปมองหญิงสาวชาวฝรั่งแขนลายผู้มีรูปโฉมงดงามบาดใจชายที่ยังคงคุยเล่นอยู่กับเจ้าพระยาหนุ่มเล็กน้อยไม่ได้  ก่อนที่เขาจะหลับตาลง ถอนหายใจเฮือกและส่ายหน้าช้าๆทันที

 

       " ก็รู้อยู่หรอกนะว่าท่านแค่แกล้งหยอกข้า...แต่...นอกจากข้าจะมีภรรยาและลูกแล้ว...ข้าก็ไม่นิยมชมชอบสตรีต่างชาติต่างภาษาด้วย...เพราะฉะนั้นคงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของท่านแล้วล่ะ "

 

       " ข้าก็อาจจะเหมือนๆกับเจ้านั่นแหละ...ข้าไม่นิยมชมชอบสตรี "

 

       " !!! "

 

       " เฮ้ยๆ...ประเดี๋ยวๆ ข้าพูดไม่ครบ "  เรืองรีบแก้ตัวทันทีที่เห็นท่าทีของสินที่เดินแยกห่างออกไปพร้อมทำแววตาแปลกๆใส่ทันที ก่อนจะพูดต่อเรียบๆว่า   " ...เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าเป็นพวกคนเล่นของ...จึงไม่ค่อยถูกกับของแสลงอย่างสตรีที่สามารถทำให้ไสยเวทย์มนต์ดำของข้าเสื่อมได้เท่าไหร่...โดยเฉพาะสตรีที่ยังคงเป็นสตรีบริสุทธิ์พรหมจรรย์อย่างนางยิ่งแล้วใหญ่...ขืนเผลอไผลมีหวังวิชาอาคมของข้าบินกลับคืนครูบาอาจารย์หมดแน่ๆ "

 

       " ถ้าอย่างนั้นก็รีบพูดให้มันชัดๆสิเฟ้ย! "

 

 

 

     ...ในที่สุด พวกเขาทั้งสี่คนก็เห็นชอบกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าสมควรจะย้ายที่ยืนชมการปล่อยกระบวนทัพใหม่ ซึ่งเหตุผลหลักๆก็มาจากจำนวนของผู้คนทั้งไทยมุง จีนมุง ฝรั่งมุง ฯลฯ ที่เยอะจนกระทั่งไกรที่มึนๆเพราะอดนอนอยู่แล้วรู้สึกเวียนหัว ในขณะที่เรืองและสินเองก็ไม่ได้ชื่นชอบสถานที่คนเยอะๆอยู่แล้ว เลยตกลงกันย้ายที่กัน แต่พอออกจากกลุ่มผู้คนเท่านั้น พวกเขาก็พบกับแถวทหารล้อมวังของพระเพชรพิไชยที่ยืนกันผู้คนเพื่อเตรียมรับเสด็จพ่ออยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ที่จะโดยเสด็จมาเป็นประธานเพื่อปล่อยแถวกองทัพอย่างกระชั้นชิด ชนิดที่ไกรไม่สามารถหลบได้ทันเสียแล้ว

 

      " อ๊ะ...นั่นท่านพ่อนี่ "  อนาสตาเซียที่เดินอยู่ข้างๆชายหนุ่ม และตาดีพอจะสังเกตเห็นท่านผู้เฒ่าที่เวลานี้เดินหน้าบอกบุญไม่รับตามเสด็จสิวิกากาญจน์ของราชนิกูลชั้นสูงพระองค์ใดพระองค์หนึ่งมา ซึ่งเป็นเวลาพอดีกับที่ท่านผู้เฒ่าก็สังเกตเห็นพวกขาพอดี เขาจึงโบกมือเป็นเชิงว่าให้เข้าไปหา...ถึงจะน่าแปลกนิดหน่อยตรงที่ท่านผู้เฒ่าเจาะจงเรียกเฉพาะไกรเข้าไปหาเพียงคนเดียวก็ตามทีเถอะ

 

      " เจ้าไม่ต้องตามมาหรอก นาสตี้ ท่านผู้เฒ่าคงจะแค่สั่งอะไรเล็กๆน้อยๆเท่านั้นแหละ "  ไกรหันมาพูกดับหญิงสาวเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปตามคำเรียกของท่านผู้เฒ่าผู้เป็นบิดาบุญธรรมของหญิงสาว ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับน้อยๆอย่างว่าง่ายทันที เพราะเธอเองก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปยุ่งอะไรด้วยอยู่แล้ว 

 

      ' โธ่...ยัยเด็กน้อยเอ้ย...ไม่ได้เรื่องเอาซะเล้ย! '  ทันทีที่ไกรเดินออกไป เสียงของเทพีสาว (หรือไม่ก็สัมภเวสีที่มีฤทธิ์จนหลอกว่าเป็นเทพได้) ก็ดังขึ้นในหัวของเธอทันทีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่หญิงสาวก็ดูเหมือนกับคุ้นชินกับเรื่องเหนือธรรมชาตินี้มากพอจะไม่แสดงท่าทีตกใจอะไร...เธอเพียงแค่กลอกตาพร้อมกับถอนหายใจเฮือก ก่อนที่จะตอบกลับเสียงในหัวไปเบาๆว่า

 

      " อืม...ข้าขออภัยที่หาเวลาให้ท่านสนทนากับเขาตามลำพังไม่ได้...เพราะสองคนนั่นเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน "

 

      ' เปล่า...ไม่ใช่เรื่องนั้นซะหน่อย...เรื่องของข้าน่ะจะพูดเร็วพูดช้าผลมันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นักหรอก...ข้าพูดถึงเจ้าต่างหากล่ะ '

 

      " หืม? "

 

      ' ยัยเด็กน้อยเอ้ย...สมแล้วที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยบุรุษ แถมถูกเลี้ยงมาให้เป็นมือสังหารเต็มขั้น...มารยาสาไถยให้สมเป็นอิสตรีไม่มีเอาเสียเล้ยยย...แบบนี้หนุ่มที่ไหนมันจะรู้ตัว... '

 

        คำพูดของอรัญญิกาเทวีทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกอีกครั้งเมื่อเธอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่อถึงอะไร...อนาสตาเซียส่ายหน้าช้าๆก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไปเบาๆอีกครั้งว่า

 

      " พูดอะไรของท่าน...อย่าว่าแต่ตัวเขาเลย...แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าคิดอย่างไรกับเขา...เพราะฉะนั้นเป็นเช่นนี้ไปก็ดีแล้วนี่ "

 

      ' เห...ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกตนเอง และเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วอย่างนั้นหรือ? '  เสียงที่อยู่ในหัวของเธอหัวเราะเบาๆอย่างนึกแกล้ง ก่อนจะพูดต่ออีกครั้งว่า  ' ...ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองมองไปที่ไกร แล้วพูดในสิ่งที่เจ้าพึ่งพูดไปอีกซักครั้งซิ '

 

        คำพูดของอรัญญิกาเทวีทำให้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองตามที่อีกฝายบอก แต่สิ่งที่อยู่ในคลองสายตาของเธอกลับกลายเป็นภาพของไกรที่พูดคุยกับท่านผู้เฒ่าผู้เปนบิดาบุญธรรมของเธอเสร็จสิ้น และกำลังคุกเข่าถวายบังคมทำความเคารพสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงสิริจันทรที่แหวกม่านสิวิกาออกมาเพื่อทักทายพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อยอย่างอบอุ่น ในขณะที่องค์หญิงเองก็ทอดพระเนตรไปที่ไหล่ขวาของชายหนุ่มที่เวลานีถูกพันไว้ด้วยแถบผ้าขาวพร้อมกับมีพระพักตร์เป็นห่วงเป็นใยทันที แต่ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงโดยที่ทั้งคู่ต่างไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันเลย...ราวกับว่าทั้งสองสามารถสื่อสารถึงกันและกันได้เพียงแค่สบสายตากันเท่านั้น...

 

     ...อาการที่บ่งบอกให้ทราบอย่างชัดเจนว่าทั้งคู่ไม่ได้มีสถานะเป็นเพียงแค่องค์หญิงเจ้าฟ้า...และขุนนางเจ้าพระยาแน่ๆ...

 

     ...มือสังหารสาวเบือนหน้าออกจากภาพที่เห็นตรงหน้าพร้อมดวงตาที่หรุบต่ำลงเล็กน้อย หัวใจเจ้ากรรมที่เคยเต้นอย่างราบเรียบสม่ำเสมอกลับสะดุดวูบราวกับร่วงหล่นลง แต่ด้วยทิฐิบางอย่างทำให้เธอฝืนยิ้มและส่ายหน้าเบาๆพร้อมกับเถียงกลับไปเรียบๆว่า

 

      " เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ท่านอรัญญิกา... "

 

      ' เห? '

 

        อนาสตาเซียถอนหายใจเล็กน้อยก่อนทำท่าจะเดินออกไป...แต่เพราะความไม่ระมัดระวังของเธอ หรือเพราะอะไรก็ไม่อาจจะรู้ได้ ทำให้เธอหันไปชนกับกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเข้าจนเธอต้องร้องออกมาเบาๆทันที

 

      " อ๊ะ! ขอ--- "

 

      " ห...หือ? โอ้ว...เฮ้ย! ฝรั่งว่ะ! "  แต่ผู้ที่ถูกชนซึ่งดูเหมือนกับจะเป็นหัวโจกหรือหัวหน้าของกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่นี้...สังเกตจากผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่งอย่างลูกขุนน้ำขุนนางและเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะมีราคาพูดขึ้นเสียงดังลั่นราวกับเด็กที่เห็นของเล่นทันที นั่นทำให้อนาสตาเซียขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างรู้ตัวแล้วว่าเธอคงจะกำลังเจอกับกลุ่มอันธพาลเข้าเสียแล้ว

 

        หญิงสาวลอบถอนหายใจเฮือกและพยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะของเทพีสาวที่ดังขึ้นภายในหัวของเธอ...อันที่จริงแล้วเหตุการณ์เช่นนี้ ใช่ว่าเธอจะพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและสะดุดตาของเธอ ทำให้ระหว่างแฝงตัวทำภารกิจต่างๆที่ผ่านมา เธอเจอกับพวกที่มาก้อร้อก้อติก หรือไม่ก็เป็นพวกที่มาทำท่าเช่นนี้ใส่นับไม่ถ้วน แต่เธอก็รอดมาแบบไม่มีเรื่องมีราวด้วยวิธีง่ายๆ 

 

      " Je suis désolée. "  

 

      " ห...หา? "

 

      " Je suis vraiment désolée. "  หญิงสาวค้อมหัวลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดขอโทษย้ำในภาษาอันไร้ที่ติอีกครั้งด้วยลิ้นที่ชำนิชำนาญราวกับว่าเธอพึ่งลงมาจากเรือสำเภาเดินสมุทรที่มาจากฝรั่งเศสไม่มีผิดเพี้ยนนั้นเพียงพอที่จะทำให้เธอหนีออกจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ได้โดยอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายอึ้งอยู่นี่แหละถอยห่างออกมา

 

      " เฮ้ยๆ ประเดี๋ยวเซ่...คิดจะไปกันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ? อยู่คุยกับพวกพี่ก่อนสิ "

 

     ...แต่คราวนี้เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่เธอคิดไว้ เพราะอีกฝ่ายกลับไม่ยอมเลิกราง่ายๆ นั่นทำให้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที แต่ก็พยายามพูดใส่อีกฝ่ายด้วยภาษาฝรั่งเศสยากๆอีกครั้ง...ถึงอย่างนั้นอีกฝ่านกลับยังคงตอแยเธอพร้อมกับพูดจาอย่างไม่ให้เกียรติกันเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะเข้าใจว่าเธอฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง คำพูดที่ออกมาจึงฟังดูหยาบคายมากๆ ...แต่ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้น กลับไม่มีชาวบ้านที่อยู่รายรอบคนใดกล้าเข้าาช่วยหญิงสาวเลย นั่นก็เท่ากับทำให้เธอรู้ว่าชายหนุ่มและกลุ่มลูกน้องที่เฮฮาอย่างไม่เกรงใจใครอย่นี่คงจะมีขุนนางคนใหญ่คนโตหนุนหลังอยู่ไม่มากก็น้อยแน่ๆ

 

      " แย่ล่ะสิ...ไอ้พวกนั้น "  หลวงยกกระบัตรสินที่อยู่ห่างออกไปออกไปร้องออกมาเล็กน้อยก่อนจะขยับทำท่าจะเข้าไปช่วยหญิงสาว แต่อดีตพระยาเพชรบุรีผู้บัดนี้กลายมาเป็นหนึ่งในหน่วยคเณศร์เสียงาเช่นเดียวกับเขากลับจับบ่าพร้อมกับรั้งเขาไว้เป็นเชิงห้าม...เมท่อเขาหนไปมองด้วยความสงสัย อีกฝ่ายกลับพยักหน้าเบาๆโดยที่ดวงตายังคงจับจ้องไปที่หญิงสาว ก่อนจะเอ่ยเบาๆว่า

 

      " รอก่อน สิน "

 

      " ??? "

 

      " เจ้าไม่อยากเห็นหรือ? ข้าก็อยากจะเห็นเป็นบุญตาสักหน่อย ว่าสตรีผู้เข้ามาอยู่หน่วยเดียวกับเรา...สตรี...ผู้ซึ่งได้รับโองการแต่งตั้งเป็นพิเศษจากโอษฐ์ของสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดี...จะมีดีสักแค่ไหนกันเชียว! "

 

        จะได้ยินหรือไม่ก็ตาม หญิงสาวชาวตะวันตกผู้เวลานี้เป็นหนึ่งในหน่วยคเณศร์เสียงาอีกคนชักเริ่มจะหมดความอดทนลงเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อประกอบกับเสียงหัวเราะอันน่าปวดหัวของเทพีสาวอย่างอรัญญิกาเทวีที่ดังก้องอยู่ภายในกะโหลกของเธอยิ่งทำให้ขีดความอดทนของเธอต่ำกว่าทุกครั้งอีกต่างหาก...อนาสตาเซียขมวดคิ้วอย่างชักเริ่มไม่มีอารมณ์สนุกด้วยพร้อมกับใช้ดวงตาสีฟ้าจรัสจ้องเขม็งใส่อีกฝ่ายพร้อมกับเริ่มแผ่จิตคุกคามที่ปกปิดไว้ ก่อนที่เธอจะให้โอกาสอีกฝ่ายด้วยการพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า

 

      " Lâchez-moi ! "

 

      " หา? อะไรนะจ๊ะ น้องสาว...บอกชอบพี่อย่างนั้นเหรอ? "

 

        ความอดทนของหญิงสาวสิ้นสุดลงทันทีพร้อมกับที่จิตคุกคามแปรเปลี่ยน หรือพูดให้ถูกคืออัพเกรดขึ้นกลายเป็นจิตสังหารอันน่าขนลุกจนชาวบ้านที่เริ่มมามุงดูถึงกับแตกฮือออกไปอย่างขวัญเสีย มือเรียวยาวข้างที่ไม่ได้ถูกมือของอีกฝ่ายกุมไว้สะบัดวูบ พริบตาเดียวแส้หนังที่ขดม้วนเหน็บอยู่ข้างเอวก็ปลิวติดมือมาพร้อมกับตวัดฟาดฟันอากาศจนเกิดเสียงระเบิดดังลั่น!

 

        เพี๊ยะ!

 

        หมับ!! 

 

        แต่ก่อนที่แส้หนังในมือของเธอจะฟาดใส่จุดสำคัญของชายหนุ่มผู้ไม่รู้กาลเทศะชนิดกะเอาให้พิกลพิการไปตลอดชีวิต...ฝ่ามืออันหนากว้างของชายหนุ่มนามว่าไกรที่มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของหญิงสาวเพื่อหยุดการออกแส้ของเธอไว้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย  ในขณะที่มือกว้างอีกข้างหนึ่งของชายหนุ่มก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของไอ้คนที่ยังกุมแขนบางของอนาสตาเซียอยู่พร้อมกับบิดวูบจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลงและปล่อยมือออกจากหญิงสาวทันที

 

      " ไกร?! "

 

      " เฮ้อ...ขอเถอะ นาสตี้...อย่าพยายามหาเรื่องได้ไหมเนี่ย "  ไกรที่เวลานี้ตาชักปรือลงเรื่อยๆอันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าฤทธิ์กาแฟดำอย่างเข้มเริ่มหมดลงแล้วครางออกมาเบาๆพร้อมกับปล่อยมือเธออย่างช้าๆและสุภาพ ผิดกับมืออีกข้างที่ยังบิดข้อมือของไอ้นักเลงหนุ่มที่เกือบจะชะตาขาดไว้แน่นจนอีกฝ่ายร้องสบถคำหยาบคายออกมาลั่นอย่างเจ็บปวดทันที

 

      " ข้าดูแลตัวเองได้...ไม่จำเป็นต้องให้เจ้า--ท่านมาช่วย "

 

      " อืม...ข้ารู้...จิตสังหารเมื่อครู่มันบอกชัดเลยว่าเจ้าคิดแต่ดูแลตัวเองโดยไม่สนชีวิตของไอ้พวกนี้เลย...ไอ้จิตสังหารนั่นมันระดับคิดฆ่าอีกฝ่ายเลยไม่ใช่รึอย่างไร? ...เผื่อเจ้าจะยังไม่รู้นะนาสตี้ ข้าโดนไอ้พวกกรมพระตำรวจเขม่นขี้หน้าอยู่นะเฟ้ย...อย่าหาเรื่องให้กันแบบนี้สิ "

 

      " อ...อึ่ก! "

 

      " โอ้ยๆๆๆ เจ็บนะโว้ยไอ้เวรนี่! มึงรู้รึเปล่าว่ามึงรู้รึเปล่าวว่ากูเป็นลูกใคร!! "

 

      ' อือหือ...นี่ไอ้มุกอวดเบ่งแบบโคตรคลาสสิคนี่มันมีมาตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาเลยเหรอวะเนี่ย? โคตรคลาสสิคเลย '  ไกรโคลงหัวดิกๆพร้อมกับคิดในใจเล็กน้อยโดยไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของอีกฝ่ายเลย...อาจจะเป็นเพราะยศศักดิ์อันใหญ่โตที่เขาถือครองอยู่ทำให้เขาออกจะขำๆไปด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะก้มลงพูดกับอีกฝ่ายเบาๆโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยแขนที่เริ่มบิดผิดรูปผิดร่างแล้วว่า

 

      " ...ข้าไม่ค่อยสนหรอกนะว่าพ่อเจ้าเป็นใคร ที่จริงเจ้าควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำ ข้าพึ่งช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ "

 

      " พูดห่าอะไรไม่เห็นรู้ความ!  อ...โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย ไอ้เวร!! พวกมึง...รออะไรอยู่วะ!! "  เด็กหนุ่ม(ที่เวลานี้ก็ยะงไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร) ตวาดใส่เหล่าลิ่วล้อกล้ามโตที่ยังคงยืนงงอยู่เหมือนกับจะสั่งให้อีกมารุมยำไอ้คนที่บิดแขนเขาอยู่ทันที แต่เหล่าลิ่วล้อกล้ามโตทั้งหลายกลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม อีกทั้งยังทำหน้าเหม่อลอยราวกับกำลังหลับฝันอยู่อย่างนั้นจนทั้งไกรและอนาสตาเซียต้องหันไปมองหน้ากันอย่างงงวย ก่อนที่ไกรจะเลิกคิ้วพร้อมกับร้อง อ้อ! เบาๆทันที

 

      " ถ้าพวกท่านอยู่ในเหตุการณ์ท่านก็น่าจะเข้ามาช่วยตั้งแต่แรกแล้วนะ เรือง สิน "

 

        อดีตพระยาเพชรบุรีนามว่าเรืองที่เวลานี้ยื่นมือขวาออกมาด้านหน้าเพื่อปลดปล่อยพลังอะไรบางอย่างราวกับเด็กๆที่เล่นกัน เหลือบมามองไกรพร้อมกับยิ้มเล็กให้เล็กน้อย ในขณะที่สินโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา...ชายหนุ่มมองมาที่ไกรและอนาสตาเซียสลับกันไปมาเล็กน้อยก่อนจะอดพูดเบาๆกับไกรออกมาอีกครั้งไม่ได้ว่า

 

      " ตกลง...ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆนะขอรับ? "

 

      " ทีแรกก็คิดว่าเจ้าถามจริงๆหรอกนะ แต่เวลานี้ชักคิดว่าเจ้าถามเพราะเจตนากวนโมโหข้าแล้วนะเนี่ย "  ไกรตอบกลับมาเบาๆอย่างเหนื่อยหน่ายพร้อมกับปล่อย หรือในอีกความหมายนึงคือผลักอีกฝ่ายทิ้งไปจนหัวซุกหัวซุน เพราะคิดว่าคุมสถานการณ์ได้แล้ว ในขณะที่เด็กหนุ่มคนนั้นมองเลิ่กลั่กอย่างไม่เข้าใจเหตุการณืที่เกิดขึ้นทันที

 

      " อ...อะไรวะเนี่ย?!! "

 

      " นะจังงัง น่ะ อย่าห่วงเลย...ข้าใช้คาถาที่อ่อนที่สุดแล้ว อีกสักพักก็หาย "  เรืองพูดออกมาเบาๆเหมือนกับตอบข้อสงสัยของอีกฝ่าย ทำเอาเด็กหนุ่มคนนั้นหันขวับมาเตรียมจะเอาเรื่องทันที

 

      " ม...มึง! "

 

        แต่เมื่อสบสายตาของจอมขมังเวทย์นามว่าเรือง เด็กหนุ่มผู้ที่น่าจะไม่มีของดีอะไรคุ้มหัวเลยนอกจากบารมีของบิดาก็โดนพลังบางอย่างกดดันจนรีบคลานสี่ขาถอยหลังไปทันที

 

      " ...ถ้าข้ามีลูกสาว...ลูกสาวข้าก็แก่พอจะเป็นแม่ของเจ้าได้...ระวังคำพูดหน่อย ไอ้หนู...เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้ากำลังหาเรื่องอยู่กับใคร "  เรืองพูดสำทับพร้อมกับปลดปล่อยจิตอาถรรพ์อันน่าขนลุกแผ่ออกไปทั่ว จนอีกฝ่ายถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ รีบลนลานถอยออกไปทันที ไกรถึงกับต้องเงยหน้ากลอกตาไปมาพร้อมกับครางออกมาเบาๆทันที

 

      " เฮ้อ...ตกลงพวกเรานี่จะไปไหนมาไหนโดยไม่ให้เป็นจุดสังเกตไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย "

 

        ก่อนที่เขาจะหันมาหาหญิงสาวผู้เป็นมือสังหารแห่งหมู่บ้านยุคันตวาตเช่นเดียวกับเขาพร้อมกับระบายลมหายใจออกมาทางจมูกเล็กน้อย และพูดขึ้นเบาๆว่า

 

      " นี่ นาสตี้ คราวหน้าถ้าจะลงไม้ลงมืออะไร อย่างน้อยๆเธอก็น่าจะบอกพวกมันก่อนว่าเธออยู่ในหน่วยคเณศร์เสียงา ...ชื่อหน่วยน่าจะเป็นยันต์กันผีได้ในระดับนึงล่ะนะ อ้อ...แล้วถ้าจะลงมือ เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ อย่าให้ถึงเลือดถึงชีวิตเลย...เพราะข้าคงจะมาช่วยเจ้าไม่ได้ตลอดหรอกนะ "

 

        ประโยคเรียบๆของไกรทำให้หญิงสาวอึ้งไปเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาสีฟ้าจรัสนั้นจะหรุบต่ำลง ระหว่างที่ไกรกำลังหันหลังกลับไปเพื่อพูดกับสินและเรืองอยู่นั้น มือเรียวบางทว่าหยาบและแกร่งอย่างคนที่จับดาบมาชั่วชีวิตของเธอก็ค่อยๆยื่นไปดึงชายเสื้อของชายหนุ่มช้าๆ 

 

      " ถ้าหาก... "

 

      " หืม? "

 

      " ถ้าหากข้าตกอยู่ในภาวะคับขัน อยู่ในอันตราย...เจ้าจะไม่มาช่วยข้าจริงๆหรือ? "

 

        ไกรกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับตบเข้าที่ไหล่บางของอนาสตาเซียเบาๆ ทันที 

 

      " ...ข้าก็อยกรู้เหมือนกันนะ ว่าจะมีวันที่คนที่เก่งกล้าสามารถอย่างเจ้าจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆรึเปล่า...แต่เอาเถอะ...ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ ถ้ามันเหลือบ่ากว่าแรงเข้าจริงๆ... "

 

      " ??? "

 

      " ...ลองมาขอร้องข้าดูสิ...ต่อให้ต้องฝ่าเขาดาบทะเลเพลง ข้าก็จะมาช่วยเจ้าเอง "

 

        โดยที่ไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็น...คำพูดแบบทีเล่นทีจริงของไกร แถมยังเรียบเรียงราวกับคำพูดหวานหูของพวกชายเจ้าชู้ประตูดินกลับทำให้หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมกับลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับเดินนำหน้าชายหนุ่มทั้งสามออกไปทันที

 

      " คิกๆ มาเถอะ...ท่านไกร...จุดประสงค์แรกของท่านคือมาดูกระบวนทัพไม่ใช่เหรอ? พวกเรารีบไปดูกันเถอะ "

 

      " อ...อืม "

 

      ' นี่...ท่านอรัญญิกาเทวี...จำที่ท่านกล่าวเมื่อครู่ได้หรือไม่...ที่ท่านบอกว่าให้ข้าพูดในสิ่งที่ข้าพูดไปแล้วอีกครั้ง...เวลานี้ข้ายินดีพูดให้ท่านฟังอีกกี่สิบครั้งก็ได้นะ... '

 

      ' หืม? '

 

      ' ระหว่างเรา...ระหว่างข้า กับไกร...เป็นต่อไปอย่างนี้แหละ...ดีแล้ว '

 

     

 

 

 

 

 ................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา