ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  127.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) ...ตอนที่ ๓...บททดสอบ...(๔)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

 

================================================

 

 

 

 

 

           ไกรทะลึ่งลุกพรวดขึ้นอย่างกะทันหันจนเก้าอี้ล้มลง ชั่วเสี้ยววินาทีนึงสมองของเขาหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เขากำลังจะบอกความจริงของเขากับสิงห์...แค่ช่วงเวลาที่เขาคิดจะบอกเขายังทรมานจากพลังบางอย่างที่ลงโทษเขาจนแทบตาย...

 

         " ว...เหวอ?!! "  เท่าความคิด ไกรล้มตัวลงพื้นพร้อมกับกัดฟันกรอดพร้อมกับหลับตาปี๋เพื่อเตรียมรับกับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น!

 

        ...จากเสี้ยววินาที ไหลผ่านไปเป็นนาที และกลายเป็นห้านาที...

 

         " เอ้า! เจ้าพอจะเลิกนอนเล่นกับพื้นแล้วลุกขึ้นมสนทนากันต่อได้รึยัง? "  ในที่สุด ท่านผู้เฒ่าก็เอ่ยขึ้นเบาๆอย่างอดทน ในขณะที่ไกรก็ได้แต่เบิกตากว้างพร้อมกับลุกขึ้นอย่างงงๆ

 

         " ท...ทุกทีมันไม่น่าจะเป็นยังงี้นี่นา? "  เขาได้แต่ครางออกมาเบาๆอย่างฉงนสงสัย

 

         " ทุกที? "

 

         " อ...อ๋อๆ เปล่าๆ...ฮ เฮ้ย! ว่าแต่ ค...คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมาจาก...อ...อนาคต! ไม่สิ! คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?! "

 

         " เรื่องรู้เมื่อไหร่...เมื่อแรกมันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาแบบสุดโต่งเท่านั้น แต่กริยาของเจ้าในเวลานี้มันบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าสิ่งที่ข้าคาดเดาไว้เป็นความจริง...ส่วนเรื่องที่ว่าข้ารู้ตอนไหนนั้น ข้าว่ามันแปลกๆตั้งแต่สำเนียงคำพูดของเจ้าแล้ว...ข้าว่าข้าพบเจอกับคนมาแทบทุกแว่นแคว้น แต่ก็ยังไม่เคยเจอใครพูดสำเนียงแบบเจ้าเลย...เมื่อรวมกับสถานที่แปลกๆที่เจ้าเผลอหลุดปากออกมาอย่าง พระนารายณ์ราชนิเวศ  ซึ่งข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน กับความรู้ในด้านวิทยาการเกี่ยวกับไอ้...เอ่อ...กล้องเก็บเสียง ที่เจ้าสามารถบอกได้ทันทีที่เห็น...นี่ยังไม่รวมกระบวนดาบของหมู่บ้านข้าที่เจ้าใช้ ซึ่งหากข้าดูไม่ผิดมันต้องใช้เวลาในการปรับปรุงข้อบกพร่องเป็นร้อยปีกว่าจะไปถึงระดับที่เจ้าใช้อยู่ได้...ต้องให้ข้าพูดต่อไหม? "

 

         " พอ! "  ไกรได้แต่ยกมือห้ามพร้อมกับคอตก...ท่านผู้เฒ่าเจียระไนความผิดพลาดของเขาออกมาได้อย่างหมดจดจนเขารู้สึกว่าตัวเองโง่ไปเลย...เขาเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวาอย่าระแวงเผื่อว่าไอ้ความเจ็บปวดที่ว่ามันอาจจะดีเลย์ก็ได้...แต่เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาจึงหยิบเก้าอี้ตั้งขึ้นแต่กลับไม่นั่ง...เขายืนโดยทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับท่านผู้เฒ่าเล็กน้อยอย่างหวาดระแวงจนท่านผู้เฒ่าถึงกับถอนหายใจเฮือก

 

         " อย่าได้กังวลไปเลยน่า...ถ้าหากเจ้านับว่าเรื่องนี้เป็นความลับ ข้าก็ไม่คิดจะบอกใครหรอก "

 

         " จะให้ผมเชื่อคนที่เจอกันไม่กี่ชั่วโมง แถมยังแทบจะบีบกระดูกไหปลาร้าผมหักเมื่อเจอกันครั้งแรกได้งั้นเหรอ? "

 

         " ถ้าหากข้าคิดจะเปิดโปงเจ้า ข้าจะไล่ลูกข้ากับศกุนตลาออกไปทำไม...เรื่องนี้ควรจะคิดได้โดยสามัญสำนึกโดยไม่จำเป็นต้องให้ข้าบอกไม่ใช่รึไง?...เอาเถอะน่า...นั่งลงแล้วค่อยๆเจรจาความกันก่อน "  สงสัยต้องให้โดนด่าแบบผู้ดีจนหน้าชาดิกแบบนี้เสียก่อน เขาจึงจะยอมนั่ง

 

        ...ไกรเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งพร้อมกับรับชาถ้วยใหม่มาจากท่านผู้เฒ่า แต่เขาก็ยังไม่วายเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวงไม่เลิก...         

 

         " ทั้งๆที่ควรจะเกิดความเจ็บปวดแท้ๆ ...อย่าบอกนะว่า...คุณก็เป็น--- "  ไกรยังพูดสิ่งที่เขาสงสัยไม่ทันจบ ท่านผู้เฒ่าก็โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธเสียก่อนทันที

 

         " เปล่าๆ ข้าไม่ได้มาจากโลกอนาคตอะไรแบบเจ้าหรอกนะ...เพียงแต่ว่า...เรื่องที่เจ้าว่า...คงเป็นเพราะ... "  ชั่วแวบนึงดวงตาสีเข้มของท่านผู้เฒ่าหม่นแสงลง ก่อนจะสลายไปเมื่อกระพริบตาอีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับพูดต่อให้จบประโยค   " ช้า...กับเจ้า ต่างก็เป็นคนพิเศษเหมือนกันล่ะกระมัง "

 

         ' พูดอย่างกับประโยคบอกรักเลยแฮะ...น่าขนลุกชะมัด...ไม่สิๆ เราจะเอารูปแบบประโยคในยุคปัจจุบันมาตัดสินไม่ได้ซะด้วย '  

 

          ไกรสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เป็นเรื่องของตัวเองทิ้งก่อนจะพูดต่อเรียบๆ

 

         " คนพิเศษงั้นเหรอ?...ผมนึกไม่ออกหรอกนะว่าจะมีใครพิเศษกว่าไอ้คนที่หลุดมาจากอนาคตอย่างกับหนังแฟนตาซีแบบผม แต่เอาเถอะ...ถ้ามองในแง่ดี งานนี้ก็แปลว่าผมสามารถคุยกับคุณได้ทุกเรื่องสินะ? "

 

         " ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าทุกเรื่องของเจ้ามันรวมถึงเรื่องอะไรบ้าง...แต่ก็ลองถามมาดูก็แล้วกัน...อย่างไรเสียถ้าหากคำถามมันล้ำเส้น คนที่เจ็บก็ไม่ใช่ข้าอยู่แล้ว "  คำตอบแบบง่ายๆของท่านผู้เฒ่าทำเอาไกรถึงกับขมวดคิ้ว เขาได้แต่ยักไหล่พร้อมกับเริ่มตั้งคำถามเบาๆ

 

         " ผมย้อนกลับมาอยู่ในอดีตแบบนี้ได้ยังไง? "

 

         " อ้าว? ยุคเจ้ายังไม่มีการสร้างเครื่องกลสำหรับย้อนเวลาหรอกรึ? "  คำย้อนถามของอีกฝ่ายทำเอาไกรอดหัวเราะเบาๆไม่ได้

 

         " ยังครับ...และคิดว่าคงไม่มีใครสร้างได้ในอนาคตไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม...หรือจนกว่าจะมีทฤษฎีอื่นมาล้มล้างทฤษฎีสัมพันธภาพของไอส---ช่างเถอะ...ตามหลักการแล้ว เราไม่สามารถสร้างเรื่องย้อนเวลาได้...ถึงจะฟังดูเหมือนบ้า แต่ผมไม่ได้ถูกย้อนเวลากลับมาด้วยฝีมือของมนุษย์แน่ "

 

           ชายหนุ่มฉายาท่านผู้เฒ่าลูบคางอย่างครุ่นคิดกับประโยคคำถามที่ฟังดูง่ายๆแต่หาคำตอบได้โคตรยากของไกร เขาส่งเสียงอืออาเล็กน้อยอย่างพยายามเรียบเรียงคำพูด ก่อนที่ในที่สุดจะตอบกลับมาเรียบๆ

 

         " เจ้า...เชื่อเรื่องสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติไหมล่ะ? "

 

           ไกรยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

 

         " ก็เคยเชื่อตึ่งไม่เชื่อครึ่งมาตลอด...จนกระทั่งมาเชื่ออย่างสนิทใจหลังได้เจอกับสิงห์นั่นแหละ "

 

         " สิงห์? อ้อ...เข้าใจล่ะ เจ้าได้เห็นสิงห์ตอนใช้วิชา หัวใจราชันย์เดรัจฉาน  แล้วสินะ?"

 

         " ใช่...ขอคอมเม้นท์เป็นพิเศษเลยนะว่าสภาพไอ้...หัวใจอสรพิษ ของสิงห์มันน่าสยดสยองเกินรับได้จริงๆ พูดตรงๆภาพยังติดตาอยู่เลยเนี่ย "

 

         " ...Comment? "  ท่านผู้เเฒ่าทวนคำพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก   " ในยุคสมัยของเจ้า พวกเราพูดคุยกันแบบภาษาไทคำ ต่างชาติคำงั้นรึ? "

 

           ไกรชะงักกึก รู้สึกละอายใจจนเขาต้องครางออกมาเบาๆ

 

         " มันเป็นภาษาปากน่ะ...ปกติแล้วเราจะใช้ภาษาไทยเป็นทั้งภาษาพูดและภาษาราชการ แต่เพราะการแพร่ทางวัฒนธรรมและโลกทั้งโลกมีการติดต่อสื่อสารกันที่ง่ายขึ้นกว่าสมัยนี้ มันทำให้บางครั้งเราจะเผลอพูดคำต่างประเทศที่เคยชินออกมา...ต้องขอโทษด้วยครับ "

 

         " เอาเถอะ...เรื่องของเรื่องก็คือถ้าเจ้าเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ ข้าก็ขอบอกเลยว่าคงจะมีสิ่งเหนือธรรมชาติบางอย่างที่มีอำนาจมหาศาลส่งเจ้ากลับมายังยุคสมัยนี้...ไกร...ข้ามีหลักการอยู่ข้อนึงที่ข้ายึดถือไว้ตลอด... "

 

         " ??? "

 

          ท่านผู้เฒ่าซดชาเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก

 

         " ...ข้าเชื่ออย่างสนิทใจเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาตินะไกร...แต่ข้าไม่เคยเชื่อในเรื่อง ปาฏิหาริย์ เลย...ไม่ว่ามันจะเหลือเชื่อสักแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างมันต้องมีเหตุ...และผลรองรับเสมอ... "

 

         " หมายความว่า? "

 

         " ใช่แล้วล่ะ...ข้าเชื่อว่าสิ่งเหนือธรรมชาติที่ส่งเจ้ามาคงจะมี เหตุ บางอย่างที่ส่งเจ้ามาแบบนี้... "

 

         " เหตุ? ...ให้ตายสิ! แล้วไอ้เหตุที่ว่ามันคืออะไรกันล่ะ?! "  ไกรโพล่งออกมาอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ

 

         " สำหรับคำถามของเจ้า...ไกร...นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องใช้ความสามารถค้นหาคำตอบเอาเองยังไงล่ะ... "

 

 

 

 

.............................................

 

 

 

 

 

        ...หน้าห้องทำงานของท่านผู้เฒ่า...

 

           ศกุนตลาเหลือบปรายสายตาไปมองหญิงสาวผู้เป็นทั้งนายทั้งสหายของเธออย่างอนาสตาเซียที่กำลังด้อมๆมองๆ แถมบางครั้งถึงกับก้มเอาหูแนบประตูไม้อย่างหนาตรงหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วและทำเสียงจิ๊กจั๊กอย่างขัดใจ...จนในที่สุดหญิงสาวก็คิดว่าตัวเองหมดความอดทนที่จะมองเฉยๆแล้ว...ศกุนตลาถอนหายใจเฮือกพร้อมกับนวดสันจมูกตัวเองและพูดขึ้นเบาๆ

 

         " ท่านอนาสตาเซีย...ด้วยความเคารพนะคะ...ท่านจะโกรธข้าไหมถ้าข้าบอกว่าการเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นของท่านมันทำข้าเวียนหัวน่ะ "

 

           พรึ่บ!!

 

         " ก็แปลว่าโกรธ "  เธอรู้คำตอบทันทีที่เห็นสายตากินเลือดกินเนื้อของอีกฝ่าย

 

           อนาสตาเซียส่งเสียงจิ๊กจั๊กอย่างขัดใจอีกครั้ง

 

        " ดูเธอ...ไม่เป็นกังวลเอาซะเลยนะ! "

 

         " แล้วข้าจะกังวลอะไรล่ะคะ? ถึงจะบอกว่าเราปล่อยให้ท่านผู้เฒ่าอยู่กับไกรตามลำพัง แต่ไกรก็มือเปล่านะ...ท่านผู้เฒ่าเคยเป็นถึงมือสังหารอันดับหนึ่งของหมู่บ้านเรานะ และข้าว่าถึงบัดนี้ท่านก็ยังเป็นอยู่ด้วยซ้ำ...ต่อให้ไม่นับอาวุธที่ซ่อนอยู่ในผ้าคลุมของท่าน ข้าก็ยังเชื่อว่าในดินแดนสุวรรณภูมินี้ ไม่มีใครทำร้ายท่านผู้เฒ่าด้วยมือเปล่าได้แน่ "

 

         " เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงหวีดร้องของไกร...เจ้าเองก็ได้ยินใช่ไหม?! "

 

         " เจ้าค่าๆ ข้าเป็นผู้ใช้สัตว์สมิง ถึงจะเป็นรูปแบบของ นก แต่ข้าก็ได้ยินเสียงที่ท่านว่า "  หลังจากตอบคำถามแบบถามคำตอบคำ เธอก็เงียบไปซะเฉยๆ จนอนาสตาเซียอยากจะกระชากผมมาตบให้คว่ำเหลือเกิน 

 

        " แค่เนี๊ยะ!!! "

 

           เสียงที่สูงปรี๊ดของอนาสตาเซียทำให้ศกุนตลาต้องถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง

 

        " ท่านอนาสตาเซีย ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าเหตุใดท่านถึงได้เป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องนี้นัก...จริงอยู่ว่านี่เป็นหนแรกที่ท่านผู้เฒ่าออกปากเองว่าจะให้คนนอกมาเป็นมือสังหาร แต่ถ้ามองในภาพรวมมันก็เป็นผลดีไม่ใช่เหรอ?  ถึงข้าจะไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองตอนไกรสังหารมังจากะเล แต่กระบวนดาบของเขาตอนที่สู้กับท่านผู้เฒ่าก็เป็นระดับเอกอุ...พูดอย่างไม่เกรงใจระดับของกระบวนดาบของเขาอาจจะเทียบเท่าท่านเลยก็ได้ด้วยซ้ำ "

 

         " เจ้าไว้เนื้อเชื่อใจเขาขนาดนั้นเลยรึ?! "

 

         " ถ้าท่านผู้เฒ่าเชื่อใจเขา ข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ ท่านก็ควรจะคิดเช่นข้านะ "

 

           หลังจากที่ศกุนตลาพูดจบ ประตูห้องทำงานของเปิดออก พร้อมกับที่ท่านผู้เฒ่าและไกรเดินออกมาพอดี

 

         " ท่านผู้เฒ่า... "  ศกุนตลาก้มหัวคำนับท่านผู้เฒ่าอีกครั้ง ในขณะที่อนาสตาเซียหันสายตาคมปลาบไปหาไกร พร้อมกับถามขึ้นเรียบๆทันที

 

        " ตกลงว่าอย่างไร ไกร? "

 

          ไกรเหลือบไปสบตากับท่านผู้เฒ่าชั่วเสี้ยววินาทีนึง ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเฮือก

 

        " ผม--- "

 

        " อะแฮ่ม! "  เสียงกระแอมไอเบาๆของท่านผู้เฒ่าทำให้ชายหนุ่มชะงักกึก ก่อนจะตั้งต้นพูดใหม่โดยเปลี่ยนสรรพนามของตัวเอง และสำเนียงการพูดใหม่ทั้งหมด

 

        " ข...ข้าได้เจรจากับท่านผู้เฒ่าแล้ว เราทั้งคู่ได้ความเห็นเฉกเช่นเดียวกันว่าข้าจะรับตำแหน่งมือสัง---กึ๊ด! "

 

        ' กัดลิ้นสินะ... '  ศกุนตลาที่เห็นไกรทรุดลงเอามือปิดปากพร้อมกับน้ำตาไหลพรากได้แต่คิดในใจพร้อมกับกระพริบตาปริบๆอย่างไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี  ' คงเป็นเพราะพูดในสำนวนและสำเนียงที่ไม่คุ้น ลิ้นกับฟันเลยไม่เข้ากัน '

 

          ท่านผู้เฒ่าที่เห็นอาการของไกรเช่นเดียวกันก็ถึงกับถอนหายใจเฮือก

 

        " เจ้าจำต้องหัดเจรจาความให้เหมือนกับชาวอโยธยา รึอย่างน้อยก็เอาให้ใกล้เคียงกับที่พวกเราพูดกัน หากเจ้ายังไม่อยากให้ผู้อื่นสงสัยในตัวเจ้ามากไปกว่านี้ "

 

        " สงสัยในตัวเขา? "  อนาสตาเซียทวนคำอย่างไม่ค่อยเข้าใจ 

 

        " ไกรเป็นผู้ที่เติบโตมาจากประเทศเล็กๆจากชาติตะวันตกน่ะ...การพูดประโยคแต่ละประโยคของเขาจะเป็นการแปลงจากภาษาของเขามาเป็นภาษาไท...ทำให้การเรียบเรียงประโยค และคำบางคำมันค่อนข้างประหลาดสำหรับหูของพวกเรา...ข้าก็แค่สอนไม่ให้เขาทำตัวแปลกแยกจากเราเท่านั้นเอง "  คำแก้ตัวแทนของท่านผู้เฒ่าสามารถแก้ข้อสงสัยทั้งหมดได้อย่างหมดจดและมีเหตุผลที่สุด แม้ว่ามันจะฟังดูแถๆตามความคิดของหญิงสาวทั้งสองก็ตาม  แต่พวกเธอก็พูดได้แต่ภาษาโปรตุเกส(๑) กับภาษาท้องถิ่นแถวๆนี้เท่านั้น จึงไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้

 

        " ท่านกล่าวราวกับว่าท่านรู้จักกับเขามาก่อนเช่นนั้น "  ศกุนตลาติงขึ้นเบาๆ จนท่านผู้เฒ่าถึงกับยิ้มบางๆกับความฉลาดหลักแหลมของอีกฝ่าย

 

        " จะว่าโลกกลมก็ได้กระมัง...ไกรเป็นลูกชายของผู้ที่เป็นสหายเก่าแก่ของข้าเอง ตั้งแต่สมัยที่ข้ายังรับราชการอยู่เลยด้วยซ้ำ...กระบวนดาบที่ไกรใช้ตอนประลองกับข้าก็เป็นกระบวนดาบที่ข้าสอนให้กับบิดาของเขาเอง และเขาคงเอาไปปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้นอย่างที่เห็นนั่นแหละ "

 

        " โลกกลมเกินไปแล้วค่ะ! จะให้ข้าเชื่อคำที่ท่านว่าจริงๆงั้นรึคะ ท่านพ่อ!  หลักฐานใดๆก็ไม่มีเลยแม้แต่น้อย! "

 

        " แหวนนี่ไงล่ะ หลักฐาน... "  ท่านผู้เฒ่าพูดพร้อมกับชูแหวนทองคำขาวที่มีหัวแหวนเป็นมรกตสลักตราที่เป็นสัญลักษณ์ประจำหมู่บ้านอันเป็นแหวนของไกรให้ทุกคนดูพร้อมกับขยายความต่อ  " เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าสัญลักษณ์ประจำหมู่บ้านที่เป็นความลับพอๆกับตำแหน่งที่ตั้งของหมู่บ้านนี่ไปตกอยู่ในมือคนที่เป็นเหมือนคนนอกได้อย่างไร "

 

          อนาสตาเซียกับศกุนตลาหันไปมองหน้ากัน

 

        " ก็ถ้าพวกเข้าไม่สงสัยในเรื่องนี้ข้าคงไม่พาเขามาถึงที่นี่หรอกค่ะ "

 

        " ก็ยังถือเป็นบุญของไกรที่พวกเจ้าไม่ด่วนใจเร็วสังหารเขาเสีย...แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ข้ามอบไว้เป็นของกำนัลแก่สหายของข้า...แต่บัดนี้สหายของข้าผู้เป็ยบิดาของไกรต้องราชทัณฑ์ที่ประเทศนั้นถึงขั้นประหาร ๗ ชั่วโคตร...ครอบครัวของเขามีเขาคนเดียวที่รอดชีวิต ไกรหนีขึ้นเรือสำเภามาตายเอาดาบหน้าที่นี่โดยมีสมบัติติดตัวอยู่เพียงชิ้นเดียวนั่นคือแหวนวงนี้นี่แหละ "

 

        ' น...เน่า...เน่าโคตรๆ!! '  ตลอดเวลาที่ท่านผู้เฒ่าเล่า ไกรได้แต่เบิกตากว้างมองอีกฝ่ายพร้อมกับคิดในใจ  ' ถึงจะบอกว่าต้องคิดยกเมฆอย่างกะทันหันก็เถอะ แต่นี่มันเน่าชนิดละครน้ำเน่าช่องฟรีทีวียังอายเลยนะเนี่ย ...แบบนี้ใครจะไปเชื่อลงฟะ?! '

 

        " ...เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง "

 

          คำตอบของสองสาวทำเอาไกรถึงกับหันขวับไปมองพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

 

        ' ทางนี้ก็ดันเชื่อกันง่ายๆอย่างงี้เนี่ยนะ?! '  

 

          จะว่าไปแล้วหากจะคิดกันจริงๆไกรพอจะเข้าใจว่าทำไมทั้งสองสาวเชื่อกันง่ายๆแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะยุคสมัยนี้คงยังไม่มีคนที่ตอแหลไฟแล่บเหมือนท่านผู้เฒ่ามากนัก ไม่เหมือนในสมัยของเขาที่คนประเภทนี้เจอได้ทั่วไปจนดาษดื่น...อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะท่านผู้เฒ่านี่เป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านที่เป็นป้อมปราการนี้ ฐานะที่สูงที่สุดในหมู่บ้านทำให้น้ำหนักของคำพูดของเขาหนักแน่นเกินกว่าจะมีใครกล้าคิดว่าเป็นคำหลอกลวงแน่ๆ

 

        " เฮ้อ...ถ้าเข้าใจกันแล้วก็ญาติดีกันเอาไว้เถอะนะ...เรื่องนี้ข้าพูดกับเจ้าเป็นกรณีพิเศษ อนาสตาเซีย...เลิกมองไกรในแง่ร้ายได้แล้ว เขาก็เป็นผู้ที่สูญเสียไม่ต่างจากเราหรอก "

 

          อนาสตาเซียปรายสายตามามองไกรเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจเฮือก

 

        " เข้าใจแล้วค่ะ...ท่านพ่อ "

 

        " อืม...ส่วนเรื่องสถานะความเป็นมือสังหารของเขาไว้ข้าจะประกาศอย่างเป็นทางการอีกที...อ้อ!...อีกเรื่องนึง ข้าวานเจ้าเก็บแหวนวงนี้ไว้ให้ทีก็แล้วกัน "  ท่านผู้เฒ่าส่งแหวนวงนั้นให้กับอนาสตาเซีย ทำเอาไกรผู้เป็นเจ้าของแหวนถึงกับร้องลั่นทันที

 

        " ฮ...เฮ้ย! นั่นมันแหวนของผ--- แหวนของข้านะ!! "  

 

          พูดจบเขาก็ถูกท่านผู้เฒ่าคว้าคอไว้ทันที ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะกระซิบข้างหูเขาเบาๆ

 

        " หลังจากที่ได้ฟังจากสิงห์ว่าเจ้าคลุ้มคลั่งตอนสวมแหวนนี่ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าสวมแหวนนี่ในหมู่บ้านของข้า "  

 

        " แต่นี่มันแหวนผมนะ...แหวนของพ่อผมนะ! "

 

        " ถือเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้อาหารกับที่พักเจ้าแบบเปล่าๆก็แล้วกัน คิดแบบนั้นก็สบายใจเจ้าดี "

 

         " พ...พูดง่ายดีจริงๆ! "

 

           ท่านผู้เฒ่าตบไหล่เขาพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ พร้อมกับตั้งต้นพูดต่อ

 

         " เฮ้อ...ก็ในเมื่อจบเรื่องนี้แล้ว พวกเจ้าก็ไปพักเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปหาห้องให้ไกร...อย่างไรเสียงานนี้พวกเจ้าก็มีความดีความชอบมาก...เฮ้อ...พูดก็พูดเถอะนะ...ถึงจะบอกว่าพวกเราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่งานนี้การลอบสังหารมังจากะเลคงทำให้การเดินทัพของพระเจ้าอลองพญาที่กำลังจะผ่านด่านเจดีย์สามองค์ล่าช้าไปอีกเป็นแรมเดือนแน่ๆ "  คำเปรยของท่านผู้เฒ่าทำเอาสองสาวหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ไกรกลับเอียงคอขมวดคิ้ว ถึงกับร้อง เอ๋? ออกมาเบาๆ เรียกความสนใจของทั้งสาวคนให้หันไปมองทันที

 

         " มีอะไรรึ ไกร? "  ศกุนตลาถามขึ้นเบาๆ ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าที่ตอนนี้เป็นผู้เดียวที่รู้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าเขาเป็นใครรีบถามขึ้นมาทันที

 

         " เจ้ารู้อะไรก็เร่งบอกพวกเรามาเถอะ...อย่าได้ปิดบังอำพรางเลย "

 

           ไกรลูบคางอย่างครุ่นคิด เขาสะกิดใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าก่อนจะเริ่มต้นพูดช้าๆ

 

         " คือ...เท่าที่ผม---ข้า เท่าที่ข้ารู้...ทัพหลวงของพระเจ้าอลองพญาไม่ได้เดินทัพเข้าขอบขัณฑสีมาอโยธยาผ่านด่านเจดีย์สามองค์นะ "

 

         " หมายความว่าอย่างไร? แล้วถ้าหากทัพพม่าไม่ได้เข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์อย่างที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าชนะสิบทิศบุเรงนอง พวกมันจะมาจากทางไหนกันล่ะ? "  ศกุนตลาตั้งคำถามเรียบๆ

 

         " ทางด้านด่านสิงขร "

 

         " ด่านสิงขร?...เมืองนารัง(จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)น่ะหรือ? "  อนาสตาเซียขมวดคิ้ว เธอยังพูดไม่ทันจบ ท่านผู้เฒ่าก็ตวาดเสียงดังลั่นทันที!

 

        " พวกเจ้าทั้งสองคน เรียกประชุมรวมพลมือสังหารที่ยังว่างอยู่ทั้งหมดทันที!...ไกร เจ้าเข้าไปในห้องทำงานของข้าอีกครั้ง เรื่องนี้เราต้องคุยกัน!!  "

 

        

  

 

 

 .....................................................

 

 

 

 

 

        (๑) มีบันทึกของชาวฝรั่งเศสระบุว่าขุนนางไทยสามารถพูดภาษาโปรตุเกสได้ทุกคน  สะท้อนให้เห็นว่าโปรตุเกสเป็นภาษาหลักที่ใช้ติดต่อกับชาวตะวันตก แม้ว่าตอนหลังโปรตุเกสจะเสื่อมอิทธิพลในแถบนี้ไปแล้ว แต่อยุธยาก็ยังใช้เป็นภาษาหลักอยู่เพราะเป็นชาติตะวันตกที่เข้ามาเป็นชาติแรก(รัชสมัยพระชัยราชา) และนานกว่าชาติอื่นมาก จนมาถึงสมัยต้นรัตนโกสินทร์ก็ยังใช้อยู่จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยภาษาอังกฤษในภายหลัง

 

 

                                                                               LanzaDeLuz

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา