เจ้าชายกระจก yaoi

-

เขียนโดย แฟนรอน

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.45 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  11.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559 06.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) chapter1 ในทัพเซียน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ผู้ผ่านการคัดเลือกมารวมตัวกันหน้าทัพ เจ้าหน้าที่คนเดียวกับผู้นำผู้ผ่านคัดเลือกเข้าพิธีมอบเข็มขัดเอ่ยนาม เจ้าของนามขานรับ เจ้าหน้าที่ลดสคริปลง กวาดตามอง      

"มากันครบทุกคน ยินดีต้อนรับพวกคุณสู่ทัพเซียน"      

สิ้นประโยคของจอห์น    ไม่มีเสียงปรบมือ ไม่มีเสียงโห่ร้อง ไม่มีการตัดริบบิ้น    จอห์นโด้นท์แคร์    แอนด์จอห์นโด้นท์วอรี่อเบ้าอิ้ท     

"ผมอาจจะจำชื่อทุกคนไม่ครบ แต่ทุกคนเดินผ่านผมก็ทักผมได้ ผมจอห์น หัวหน้าทีมงานก๊อตฟาเธอร์" จอห์นเว้นจังหวะ ก่อนกล่าวต่อ

"พวกคุณได้เข็มขัดเซียนแล้ว แต่คุณยังอยู่ในฐานะเด็กฝึก 

  ต้องรับการอบรม ซึ่งเป็นการปฐมนิเทศเตรียมความพร้อมก่อนออกปฎิบัติหน้าที่จริง ใครพร้อมรับภารกิจเองหรือต้องกลับไปฝึกใหม่ พ่อมดเลโอนาร์ทจะเป็นคนตัดสิน    ดังนั้น ขอให้ทุกคนใช้ช่วงเวลาดังกล่าวตั้งใจเรียนรู้และฝึกซ้อมกันให้เต็มที่"   

"ทีมงานก๊อตฟาเธอร์มีหน้าที่ควบคุมวินัยเด็กฝึกอย่างทุกคนไปจนถึงเซียนปราบ หน้าที่หลักๆติดตามเซียนปราบที่หนีภารกิจมารับโทษทัณฑ์ตามกฏ กฎของเด็กฝึกทุกคนจะได้เรียนรู้ตั้งแต่ย่างก้าวนี้ ตามผมมา"   

 จอห์น ก๊อตฟาเธอร์เดินนำพาลัดสวนมาถึงทางแยกที่มีป้ายชี้ไปหอเด็กฝึก1และหอเด็กฝึก2    

"นอกทัพ ทุกคนต่างที่มา ต่างบรรดาศักดิ์ บัดนี้ ทุกคนมีเกียรติ์ศักดิ์ศรีเท่ากันคือ เด็กฝึก กินนอนตื่นพร้อมกัน พักในหอแบบเดียวกัน เมื่อได้เลื่อนขั้น หอราชวงศ์หรูหราและหอประชาแสนสะดวกสบายรอพวกคุณอยู่" จอห์นนำผู้ชายแยกไปทางที่ป้ายหอเด็กฝึก1ชี้ ทีมงานก๊อตฟาเธอร์อีกคนนำทางเด็กฝึกหญิงไปทางที่ป้ายหอเด็กฝึก2ชี้   

หอพักเด็กฝึกเป็นอาคารหลายชั้น บอร์ดชั้นแรกแปะกฎบังคับเด็กฝึก จอห์นขานชื่ออีกครั้ง คราวนี้เรียกทีละคู่ออกมารับกุญแจห้อง อัลเบิร์ต ฮาร์วาร์ตได้เป็นรูมเมทกับเจ้าชายวานูบี เบเบดูดูว์ ต่างแยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระในห้องตนแล้วตามจอห์นลงมาสมทบกับผู้หญิงข้างล่าง จอห์นพาคณะเด็กฝึกหน้าใหม่ย่ำมาถึง 'วิหารเซียน'     

 

พ้นจากไอแดดล่วงเท้าเข้าสู่ภายในวิหาร ความมืดสลัวปิดล้อมพวกเราทันที เราพอมองออกใครเป็นใครได้จากแสงคบไฟสว่างวับแวมข้างกำแพงสลับเเสงพรายจากเพดาน ทำให้พอรู้ว่าเรายืนบนพื้นกระเบื้อง ในห้องโถงวงกลมกว้างใหญ่ และนั่นยังไม่อัศจรรย์เท่าบนหลังคาวิหารเซียน เบื้องบน เวิ้งฟ้ายามราตรี สีน้ำเงินหมึก พรายพร่างหมู่ดาวระยิบยับวับวาม ลมแรงซัดโกรกประหนึ่งทุกคนยืนอยู่กลางแจ้ง เสียงชื่นชมดังฮือฮา จอห์นแจกกล้องดูดาวทั่วถึง ใครได้รับก็รีบจรดมันเข้ากับตาแหงนหน้าดูดาว    

"ดาวที่ทุกคนเห็น คือดาวประจำตัว เรียกดาวชีพ เป็นดั่งหัวใจและเกียรติยศของเซียนปราบ ดาวจะดับลงสูญหายก็ต่อเมื่อเจ้าของดาวชีพแพ้พ่ายให้กับปิศาจและถูกมันขโมยลมหายใจไป จงตระหนักว่าตราบที่ดาวของเพื่อนคุณยังสุกสกาว คุณจะได้เห็นเขากลับจากภารกิจแน่นอน" บางคนถึงกับกลั้นหายใจ และกลืนน้ำลายดังเอื๊อก บางคนเจอดาวที่จารึกชื่อตนแล้ว ชี้ชวนให้เพื่อนดู ดาวร๊อกกับดาวเกลนลอยเคียงกัน ดาวอัลเบิร์ต ฮาร์ตวาร์ตห่างใกลออกมา     

"เหนือเซียนปราบยังมีเซียนดาวเดือด ผู้มีพลังจิตกล้าแกร่งกว่าผู้ใดในทัพ ประวัติภารกิจดีเยี่ยม รับโองการตรงจากโอษฐ์มหาเวทย์เลโอนาร์ท พลัง ฝีมือ ความเก่งกาจ ไล่อันดับจากแปดขึ้นมา หากใคร!ประสงค์จะสอยดาวสีแดงมาไว้ในกำมือ เปลี่ยนให้ชื่อตนขึ้นไปสถิตย์ดาวเดือดประกาศให้เซียนทั้งทัพรู้.. ไปชิงดาวพวกเค้าได้ ทุกเมื่อ"   

ภาพเซียนปราบเลียมที่ชายหาดมิราฌลอยเข้ามาใหหัวอัลเบิร์ต มีดาวสี่ดวงประดับตรงหน้าผากเลียม เขาหันเหกล้องไปส่องกลุ่มดาวแดงประจำทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดาวเดือดสี่ดวง จารึกชื่อ เลียม มาร์    

" หมอนี่เก่งที่สุดในทัพสินะ เรส โมบอโร"

เจ้าชายโจนาธานกระซิบลอยๆ อัลเบิร์ตส่องกล้องตามไปที่ดาวแดงเดือดดวงเดียวสถิตย์ทิศเหนือโดดเด่น ดาวเดือดอันดับหนึ่งนาม เรส โมบอโร    

จอห์นแจกตารางฝึกก่อนส่งต่อหน้าที่ให้ ก๊อตฟาเธอร์คนอื่นพาทีมเด็กฝึกหน้าใหม่ออกจากวิหารเซียนไปรู้จัก แนะนำสถานที่ที่ใช้ตามตารางฝึก หอฝึกดาบ หอคาถา โรงธนู แคนทีนอาหาร หอสมุด ก่อนจะปล่อยเด็กฝึกทุกคนใช้วลาที่เหลือของวันพักผ่อนคลายตามอัธยาศัย

      ก๊อตฟาเธอร์ปลุกพวกเขาด้วยเสียงเพลงร๊อคกระหึ่มจนหูอื้อ บางวันเปลี่ยนเป็นเสียงหวีดแหลม ส่วนเวลานั้นแล้วแต่อารมณ์ทีมงานก๊อตฟาเธอร์ ตีสี่ ตีสี่ครึ่ง ตีห้า ผ่านมาหลายวันพอทำให้ร่างกายปรับตัวตาม บางคนจึงตื่นเองมานั่งตาแป๋วรอสัญญาณ หรือไม่ก็ลงไปรอก๊อตฟาเธอร์เอง จัดแถวทำกิจวัตรเดิมๆคือวิ่งรอบทัพ จะมีก๊อตฟาเธอร์ยืนดักอยู่ตามจุดต่างๆ ทัพเซียนทั้งอลังการงานสร้างแลกว้างไกล (แต่ทำม๊ายห้องนอนเด็กฝึกใช้เนื้อที่ประหยัดจัง!)ตบท้ายด้วยท่ากายบริหาร    

ก๊อตฟาเธอร์จะปล่อยเด็กฝึกเจ็ดโมงตรง

มีเวลาเบรคภายในหนึ่งชั่วโมงอาบน้ำ จัดการธุระส่วนตัว กินมื้อเช้าในแคนทีน รวมตัวอีกทีแปดโมงครึ่ง ณ หอฝึก เด็กฝึกสามารถประสานจิตเข้ากับอาวุธคือใจความสำคัญของการปฐมนิเทศ วิชาอาวุธตามตารางฝึกได้แก่วิชาดาบ กระบอง การต่อสู้มือเปล่า  

คาบวิชาคาถาไม่มีเด็กฝึกคนใดได้ผ่านเข้าไปอบรม 

 

อาจารย์นิโคลประจำคาบวิชาคาถาเปิดอบรมคอร์สพิเศษสอนหายตัว เจ้าชายวานูบีเพียงคนเดียวหายตัวสำเร็จ เขาล่องหนจากกลางแถวหายไป ถัดมามีเสียงเคาะประตู เจ้าชายวานูบีเปิดเข้ามาเขินๆ เขาได้รับเสียงปรบมือถล่มทลายชั้นเรียน เจ้าชายวานูบียังเป็นหนึ่งวิชาดาบ กับกระบอง เรียกว่าเป็นบุคคลที่โดดเด่นจริงๆ   

นับแต่มาอยู่ยังไม่มีเด็กฝึกคนใดเคยเห็นดาวเดือด ระหว่างทางเดิน ในแคนทีน รึหอสมุด

"ดาวเดือดมีแคนทีนแยกที่โซนบีจ้ะ" ป้าคนตักอาหารบอก หัวข้อดาวเดือดถูกยกมาสนทนาถึงบ่อย ใครๆก็อยากเห็นคนที่เก่งที่สุด 

"ฉันเคยเห็น คาเทียร์ สจ๊วต แล้ว" โจนาธานเอ่ยภาคภูมินิดๆ  

"หกดาวเดือดอ่ะเหรอ นายเห็นตอนใหน" อัลโดผู้อยู่กับโจนาธานตลอดถาม  

"ผู้หญิงผมม่วงคนที่กำลังรดน้ำดอกไม้ตอนเราวิ่งผ่านเมื่อเช้าไง.." 

"คนนั้นเอง สวยมากเลย นายรู้ได้ไงใช่คาเทียร์ สจ๊วต อัลเบิร์ตบอกพวกเค้ามีดาวที่หน้าผากนะ"  " ฉันเห็นตอนหน้าม้าปลิว เธอมีดาวที่หน้าผาก ก็คงจะหกดวงอ่ะเเหละ เพราะดาวแดงบนเพดานวิหารเซียนมีชื่อผู้หญิงคนเดียว"

 

เช้าวันต่อมา พวกเราวิ่งมาถึงอาคารคฤหาสน์หลังน้อยมีแนวกระถางดอกไม้หน้ารั้ว เราเจอคนสวยผมม่วงคนเดิม เธอยืนเหม่อคล้ายรออะไรซักอย่าง   

"ว้าวววว นางฟ้า" อัลเบิร์ตคราง 

"ตัวเล็กแค่นี้เอง เธอดูบอบบอบบางมาก ไม่น่าเชื่อจะมีพลังมากมายอยู่ในร่างอ้อนแอ้นนั่น จะมีฝีมือซักเท่าไหร่กันนะ"  บิลเลี่ยมกังขา   

"อยากรู้ก็ไปชิงดาวเธอสิ"    

อัลเบิร์ตกระซิบขันๆ ดุนหลังบิลเลี่ยม บิลเลี่ยมผู้ตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอยเลยเสียหลักจากแถว หน้าทิ่มเซออกมาตรงหน้าคาเทียร์ เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ยืนตะกุกตะกัก   

"วะ หวัดดีครับ"  

"หวัดดีค่ะ" คาเทียร์ตอบงงๆ เด็กฝึกบางคนหยุดวิ่ง รอดู บิลเลี่ยมยืนอ้ำอึ้งอึกอักสาวสวยผมม่วงยิ่งจ้องรอ เบนจามินจึงผลักอัลเบิร์ตมาเผชิญหน้า แก้ปัญหาที่ตัวเองก่อ สายตาคาเทียร์เลื่อนมามองอัลเบิร์ตแทน

"เอ้อ อ่า ผม.. ผมชื่ออัลเบิร์ตครับ" อัลเบิร์ตพูด แต่โซเฟียหัวเราะในใจ ใครถามชื่อนายยะ   

"ฝึกไปถึงใหนแล้ว ประสานจิตกันได้รึยัง" คาเทียร์ชวนคุย   

"ยังเลย ฮะฮะ ว่าแต่ทำยังไงเหรอครับ เราทำตามอาจารย์บอกแล้วแท้ๆ"   

"มันไม่ยากหรอกค่ะ จะบอกเคล็ดลับให้ ถ้าเราใช้อาวุธวิเศษของเซียนปราบ พลังมันจะออกง่าย ถ้าเป็นอาวุธพื้นฐานก็ยากหน่อยสำหรับครั้งแรก.. อาจารย์ยังให้ใช้อาวุธธรรมดาฝึกอยู่ใช่ใหม"

"ครับ"   

"ยังงี้ล่ะน้า ท่านคาดหวังมากเกินไป ทั้งที่ออกภารกิจ เราก็ใช้อาวุธวิเศษอยู่ดี" "เฮ้ เลียม เเฟนคาร์ลถูกเด็กฝึกรุมจีบว่ะ" เเม็ค เกาะหน้าต่างมองลงไปพลาง ตะโกนเรียกเพื่อน เลียมเดินเอื่อยๆมาชะโงกหน้าดู เช้าที่ว่างเว้นหรือกลับจากภารกิจมาทัน เลียมมีโอกาสได้เห็นเด็กฝึกวิ่งผ่านตึก เขาจำอัลเบิร์ตได้ทันทีตั้งแต่เห็นครั้งแรกซึ่งเป็นเรื่องเกินคาดสำหรับเลียม ร่างนั้นล่ำหนาขึ้น ผิวคล้ามลงตัดกับผมสีบรอนซ์ขาวของเขาต่างกับผมสีแดงเพลิงวันนั้น ย้อมผมสินะ.. เลียมกับเเม็คหายตัวมาปรากฎข้างๆหกดาวเดือด เด็กฝึกได้เห็นดาวเดือดตัวเป็นๆสมใจทีเดียวสองคน   

"ว่าไง อัลเบิร์ต ไม่คิดว่าจะเจอนายอยู่ในทัพ"   

"หวัดดี คุณเลียม แต่ผมว่าแล้วเชียวจะได้เจอคุณอยู่ในนี้"  

"ก็แหงอยู่แล้ว " เลียมขมวดคิ้ว อัลเบิร์ตหัวเราะเบาๆ

"คุณพักที่นี่เหรอ" อัลเบิร์ตหมายถึงอาคารเบื้องหน้า   

"ใช่ ไว้มาเที่ยวสิ อีกสามวันฉันหยุดล่ะ"   

"พวกเขายังประสานจิตไม่ได้เลย" คนสวยผมม่วงกล่าวปนขำ    

"ยังใช้อาวุธพื้นๆอยู่สินะ" เลียมเดาถูก   

"ใช่ครับ"    

"ไปทดสอบอัญมณีที่หอศาสตราซะ ว่าใครเข้ากับพลอยชนิดใหน เอามาแขวนคออย่าให้อาจารย์เห็น รับรองผ่านฉลุย"

เลียมแนะ ขยี้ปลายจมูกเบา ก่อนจะ จงใจเอ่ยทักอัลเบิร์ตผู้ยืนหน้าระรื่น   

"แต่ฉันว่าพวกนายรีบก่อนไปดีกว่า บทลงโทษก๊อตฟาเธอร์โหดนะ อย่างนี้โดนแทงปลาไหลไม่ต่ำกว่าร้อยแน่" หลายคนทำหน้าเพิ่งนึกขึ้นได้ กล่าวขอบคุณ รีบบอกลา สลายตัววิ่งโกยแน่บ โจนาธาน เบนจามิน วิ่งเริ่ดนำไปก่อนใครพวก    

"ชิ รู้จักเลียม มาร์จริงๆด้วยไม่ได้โม้"

บิลเลี่ยมยิ้ม เบิกทองมาจากโฮโรแกรมนาฬิกาโยนให้เป็นค่าพนัน อัลเบิร์ตหน้าเป็น คว้าไว้ อัลเบิร์ตแบมือใส่อัลโด ทวงพนัน   

"เดี๋ยวค่อยกลับไปเอาที่หอเฟ้ย!" อัลโดวิ่งขึ้นหน้าตามบิลเลี่ยมไป อัลเบิร์ตแบมือใส่โซเฟีย    

"อะไรยะ"   

เออ ใช่ โซเฟียไม่ได้พนันนี่หว่า    

"ดูลายมือให้หน่อยสิ เนื้อคู่ฉันมาจากแบล๊กอาวน์รึเปล่า" ยิ้มแฉ่ง..    

"โอ้ เส้นสมองยุ่งเหยิง.. บอกว่านายต๊องมาแต่กำเนิด"  อัลเบิร์ตเบ้ปาก ไม่เห็นแม่น   

"เส้นหัวใจเลือนลาง บอกว่านายใกล้ชะตาขาด ตอนนี้ฝากชีวิตไว้กับชีพจรเท้า ถ้าขืนยังละโมบอยู่"  ชะอุ๊ยแม่นยังกับตาเห็น อัลเบิร์ตเหลียวกลับไปมอง    

"ฉันรอวานูบีอยู่ วานูบีวิ่งช้าจัง" ป่านนี้นั่งพักหอบอยู่ริมถนนตรงใหน อัลเบิร์ตทำท่าจะวิ่งไปตาม..  

"วานูบีหายตัวป๊อปตั้งแต่สี่ดาวเดือดเตือนแล้ว"   

วานูบี๊...

พวกเขาวิ่งหอบมาถึงตามๆกัน เบนจามิน โจนาธาน บิลเลี่ยม อัลโด โซเฟีย อัลเบิร์ต เด็กฝึกทั้งหมดยืนสงบสเงี่ยมเป็นระเบียบ มีวานูบียืนทำหน้ารู้สึกผิดแบบสุภาพอยู่ในแถว    

"วินัยอ่อนมาก เด็กฝึกทั้งหมดต้องมารอคนหกคน วิดพื้นร้อยยี่สิบทีปฎิบัติ!"

 

~`¤♡¤`~

 

 ตอนค่ำเด็กฝึกที่กลับมาจากฝึกไปมุงออที่บอร์ดกฎ อัลเบิร์ตรอใครมุดสีข้างเพื่อนออกมาจนกลุ่มบางลง ตัวจึงไปเขย่งดูข้ามบ่า เป็นประกาศจากก๊อตฟาเธอร์ เนื้อหาสรุปคร่าวๆ เรื่องให้เด็กฝึกหยุดพัก เพื่อเจ้าชายเจ้าหญิง ได้ไปร่วมงานกระชับสัมพันธไมตรีห้าสิบแว่นแคว้นอันจะเริ่มในสามวันข้างหน้า ให้ทุกคนพักผ่อนเต็มที่เพราะนี่จะเป็นการออกจากทัพครั้งเดียวของเด็กฝึก จนกว่าจะได้ออกภารกิจหรือเลื่อนขั้นเป็นเซียน     

"กลับไปแม่นมคงตกใจล่ะ"เจ้าหญิงโซเฟียเบ่งกล้ามแขนโชว์ อัลเบิร์ตทำหน้าหวาดผวาล้อเลียน พวกเขาเกาะกลุ่มคุยกันตรงตีนบันได    

"จะให้เราฝึกหนักไปถึงเมื่อไหร่กัน" ไวโอเล็ตโอดครวญ    

"นั่นสิ วันๆเอาแต่ตีรันฟันแทง" ทอมสนับสนุน     

"ก็ยังไม่มีใครประสานจิตได้ซักคนนี่ พวกเราต้องพัฒนาตัวเอง" ปีเตอร์เอ่ยเสียงเข้มทำนองปลุกใจ   

"ดาวเดือดบอกให้ใช้อาวุธวิเศษ" บิลเลี่ยมเอ่ยนำร่อง คนที่ได้คุยกับดาวเดือดสบตากันเองอย่างมีความนัย    

"เหมือนตอนเราดึงดาบคัดเลือกไง มันมีแสงใช่ใหมล่ะ เพราะนั่นคือดาบวิเศษ" เบนจามินเอ่ยอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ปัจจุบันทันด่วน มีแสงสว่างวาบ ใบหน้าทุกคนเปล่งปลั่งเรืองรอง   

"เฮ้ย! ใช่" ปีเตอร์อุทาน    

"แต่อาจารย์จะยอมเหรอ เขาให้พวกเราฝึกกับอาวุธธรรมดา" ไวโอเลตท้วง    

"ก็คาเทียร์พูดเป็นเคล็ดลับ..หมายถึงไม่ให้อาจารย์รู้ไงล่ะ เอาเป็นว่าพวกเรารู้เคล็ดดีๆ กลับจากงานเลี้ยงพวกเราเจอกันอีกทีที่หอศาสตรา" โจนาธานสรุป    

"ถ้าฉันสอบเลื่อนขั้นเป็นเซียนไม่ผ่าน ไปเป็นกรรมกรแบกหามก็ได้ แบกกระสอบข้าวไหวอยู่แล้ว" การฝึกก็ทำนองนี้ แบกหินแบกทราย เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ความอดทน ความอึด "นายเป็นได้มากกว่ากรรมกรแบกหาม เพื่อน"

 

อัลเบิร์ตเดินสโลสเลเข้ามาถึงห้อง ทุ่มตัวแผ่หลาบนเตียง   

" เหนื่อยหน่อยนะ" วานูบีทักขึ้น   

"กำลังดีเลย"     

"นายทำได้ดีนี่ ในชั่วโมงธนู"     

"นายก็ทำได้ดีในชั่วโมงดาบฉันสิยังไม่ไปถึงใหน" ทำไมโลกนี้ต้องมีวิชาดาบด้วย ถูกเจมส์เคี่ยวเข็ญนี่ฝีมือกระเตื้องขึ้นคิดว่าดีพอแล้ว มาเจอพวกนี้เป็นคู่ซ้อม กรี๊ดดดดด ผู้ที่ให้กำเนิดดาบจะรู้บ้างใหมว่าได้ทำกรรมกับอัลเบิร์ตขนาดใหน

"ฉันไม่เก่งขนาดนั้นหรอก.. เราไม่เคยโคจรมาเป็นคู่ซ้อมกัน เอาไว้ ฉันซ้อมเพิ่มเติมให้อัลเบิร์ตนอกเวลาดีใหม"    

"นายยังไหววานูบี ชั้นไม่หวาย"

วานูบีหัวเราะ    

"อีกสามวันก็ได้พักแล้ว ฉันสิต้องไปงานเลี้ยง" วานูบีลูบต้นคอ   

"น่าอิจฉา ใครๆไม่ไปงานเลี้ยงก็กลับบ้านกันหมด ฉันคงจะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาในห ขณะที่นายกำลังกินขนมอร่อยๆ"    

"ไปด้วยกันสิ"    

"ไปได้ด้วยเหรอ!" อัลเบิร์ตเด้งจากเตียง    

"ไปได้สิ เรามีเข็มกลัดมงกุฏสำหรับแขกของงาน ไว้ให้พระสหายคนสำคัญของเรา"   

อัลเบิร์ตตาเป็นประกายเหมือนเด็กเห็นลูกอมวานูบีทำตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดีผู้ถือตะกร้าลูกอมคนนั้น กำลังจะหมุนตัวไปอาบน้ำ ชะงัก   

"เอ่อ อัลเบิร์ต นายเลี้ยงแมลงเหรอ"   

" ..เปล่า ทำไมเหรอ"   

"เมื่อคืนมีแมลงร้องในกระเป๋านาย"   

"แมลงมันคงตกลงไป นายเปิดกระเป๋าช่วยมันออกมารึเปล่า"    

"เปล่า.. " วานูบีไปอาบน้ำ

 

อันตราย.. อันตราย.. อัลเบิร์ตรูดซิบกระเป๋าเอากระจกเชยๆออกมาเหน็บขอบกางเกงเดินขึ้นดาดฟ้าหอนอน เขาทรุดนั่งดึงกระจกออกมาวาดสัญลักษณ์บนผิวกระจก ใบหน้าชราของเเม่มดปรากฎ แอนนูร่าดีใจที่เห็นเลอเซล   

"หวัดดีฮะ เลอเซล"  

"สวัสดีเจ้าชาย ทางนั้นเรียบร้อยดีใหม"    

"ไม่มีปัญหา ราบรื่นดีคร้าบ"   

"กระหม่อมมีข่าวดี อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงกระชับสัมพันธไมตรีห้าสิบแว่นแคว้น ราชาบิซซาร์คนปัจจุบันก็ไปร่วมงานด้วย"   

"ถ้าเดาไม่ผิด ราชาคืออดีตปุโรหิตบิซซาร์สินะครับ"   

"ถูกต้อง"   

"หึ มันได้รางวัลจากการทรยศหักหลังเป็นบัลลังค์"    

"และการอารักขาเมืองเข้มงวดส่งตรงจากเลโอนาร์ท ที่ผ่านมา หม่อมชั้นเข้าถึงตัวมันไม่ได้เลย คราวนี้มันออกจากเมืองบิซซาร์ หม่อมชั้นจะอาศัยจังหวะมันเดินทางโจมตีเอาคืน" แอนนูร่ารู้สึกขอบคุณเลอเซลในใจ   

"เลอเซล ผมอยากแก้แค้นด้วยตัวเอง ขอให้ผมได้ลงมือสังหารมันเองกับมือ"

"เจ้าชายอยู่ในทัพคงออกมาไม่สะดวก เพราะพรุ่ง มันจะออกเดินทางแล้ว"   

"ผมจะลงมือในงานกระชับสัมพันธ์"   

"เสี่ยงมาก! งานสำคัญ เลโอนาร์ท ย่อมมีการคุ้มกันแน่นหนา ยิ่งกว่าอาณาจักรบิซซาร์ อีกอย่าง ใช่ว่าใครจะเข้าไปร่วมงานได้"   

 สำหรับเลอเซล เจ้าชายแอนนูร่าทำแต่เรื่องเสี่ยง จดหมายสั่งเสียจากพระบิดามารดา ให้เจ้าชายใช้ชีวิตแบบมนุษย์สามัญชน ไม่ให้ข้องแวะกับโลกปิศาจเวทมนต์ นางวางใจเมื่อเจ้าชายอยู่ดีปลอดภัยที่เซาทสตาร์ ต่อมาเจ้าชายติดต่อนางด้วยกระจกอีกทีจากในทัพเซียน เจ้าชายที่แม่มดส่งขึ้นฝั่งแอบลอบลงมาซ่อนในเรือ เรือเเล่นออกทะเลมาใกลเลอเซลจึงเพิ่งเจอเจ้าชาย นางย้อนไปส่งเจ้าชายกลับฝั่งไม่ได้ เจ้าชายไม่มีฝั่งให้กลับ นางรู้การเป็นเซียนปราบแลกกับหัวใจ แอนนูร่าทุ่มสุดตัวทำไม ถึงกระนั้น เลอเซลเดาความคิดเจ้าชายไม่ออก ถ้าไม่ใช่ในลมหายใจ.. มีแต่การแก้แค้น มีอยู่ทางเดียวเรือลำนี้จึงต้องพาเจ้าชายไปเผชิญมหาสมุทรด้วยกัน   

"ผมมีแบ็ค เลอเซล"   

"มีแบ้ค?"  

"แบ้คของผม มกุฏราชกุมารราชวงศ์เบเบดูดูว์ หึหึ ผมไปในนามพระสหาย"    

"ถ้าเช่นนั้นหม่อมชั้นจะคอยเป็นแบ็คอัพให้อีกที อลันอยากคุยกับท่าน" เลอเซลส่งต่อกระจกให้อลัน เลอเซลรับอลันเป็นลูกศิษย์ เขาอยู่ร่วมกับปิศาจในนิคมคุนทรี ออกมาเรียนวิชากับเลอเซลที่บ้านต้นไม้ชายป่านิคม ไม่มีเด็กหนุ่มนามอลันผู้ขลาดกลัวอำนาจลี้ลับเวทมนตร์ปิศาจอีกต่อไป   

"หวัดดีแอนนูร่า ไม่ได้กะจะอวดเจ๋งนะ" อลันตั้งกระจกพิงคนโท โบกไม้เท้าตะปุ่มตะป่ำที่แอนนูร่าจำได้ว่าเป็นของเลอเซล ร่ายคาถา    

"ไฟเออร์ ไฟเออร์ ไฟเออร์" ไฟพุ่งจากยอดไม้เท้าไปใหม้หุ่นฟาง   

"วอเตอร์ วอเตอร์ วอเตอร์" น้ำพุ่งไปดับไฟที่ใหม้หุ่นฟาง    

"วิ้งค์ วิ้งค์ วิ้งค์" หุ่นฟางลอยขึ้นฟ้า    

"ไสลด์ คิคส์"หุ่นฟางถูกคมมีดที่มองไม่เห็นฟันสามฉับกลางอากาศ ล่วงตกพื้น   

"โอ้" แอนนูร่าปรบมือรัว วิเศษเป็นบ้า    

"ได้ยินว่านายจะลงมือเอง อย่าลืมศาสตราคู่หัตถ์คนนี้เด็ดขาด!" อลันเก๊กขรึม    

"เตรียมชุดงานเลี้ยงสวยๆไว้เลย อลัน" แอนนูร่ามั่นใจ แยกเขี้ยวบอกา 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา