สงครามวัยมันส์ พันธุ์อสูร

-

เขียนโดย รีบอร์น

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.45 น.

  2 บท
  1 วิจารณ์
  5,128 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) กำเนิดข้ารับใช้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หน้าร้อนของผมคือการฝึกฝนเพื่อความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องคนที่อีกไม่นานจะมาเป็นเจ้านายของผม ฝึกเท่านั้นที่จะทำให้ผมแข็งแกร่งเหนือใคร และจะต้องไม่ด้อยกว่าใคร จะต้องไม่แพ้ใคร ต้องเป็นที่ยอมรับเท่านั้น ถึงจะทำให้ผมพอใจ ไม่มีใครหยุดความคิดและการทำของผมได้ ไม่ว่าใครก็หยุดผมไม่ได้...

หน้าร้อนปีนี้ก็เช่นเคย ผมยังคงเอาแต่ฝึกฝน ลมร้อนค่อยๆพัดผ่านร่างผมไปอย่างช้าๆราวกับว่ามันมาทักทายผมที่ได้สัมผัสกันอีกครั้งก่อนพัดอย่างช้าๆจากไปยอดต้นหญ้าที่ขึ้นสูงจนถึงระดับเข่าถูกสายลมร้อนทักทายก่อนค่อยๆปลิวไสวช้าๆไปตายแรงลม ผมมองแวดล้อมรอบกายอย่างคุ้นเคย แดดที่ถูกเมฆบดบังจึงทำให้บรรยากาศไม่ร้อนมากโลกที่ผมเกิดและอาศัยอยู่เป็นโลกปิศาจ ขึ้นชื่อว่าปิศาจทุกคนคงคิดว่ามันต้องน่าเกลียดน่ากลัวและชั่วร้ายมากแน่ๆ แต่ถ้าได้ลองพินิจพิจารณาดีๆพวกเรากลับเป็นฝ่ายที่เคียงข้างมนุษย์มากที่สุด แต่ก็น้อยคนที่จะเคียงข้างไปกลับปีศาจอย่างพวกเรา หน้าร้อนปีนี้ผมก็ยังคงรอคอยเจ้านายที่ใครต่อใครก็พูดกัน ว่าถ้ามีเจ้านายที่จิตใจเข้มแข็งพวกเราที่เป็นข้ารับใช้ก็จะเข้มแข็งไปด้วย สรุปๆง่ายก็คือพวกเราจะเข้มแข็งขึ้นอีกเมื่อจิตใจเจ้านายเข้มแข็งขึ้น แต่ผมกลับไม่เจอเลย คนที่จะยอมรับและยอมเดินเข้ามาทำพันธะสัญญาด้วย ไม่มีเลยซักคน...

'ร้อนกว่าปีก่อนๆอีกนะ หน้าร้อนเนี่ยก็ร้อนได้ใจจริงๆเลย'

ผมนั่งบ่นในใจเกี่ยวกับสภาพอากาศที่เริ่มร้อนอบอ้าวในช่วงสาย ลมร้อนที่พัดผ่านร่างไปก็ทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อย ขณะที่กำลังโบกพัดใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อด้วยมือคู่นี้อยู่ใต้ต้นไม้นั้นเงาของใครบางคนก็บดบังแสแดดแสนร้อนระอุให้ ผมค่อยๆปรือตามอง เจ้าของเงานั้นเป็นเด็กสาวร่างเล็ก ดวงตาสีดำกลมโตที่กำลังจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาสงสัย เธอสวมเสื้อฮู๊ดแขนสั้นสีเทาแถบดำแนวนอน กางเกงรัดรูปสีดำดูน่าอึดอัด ในอ้อมแขนมีดอกหญ้าหลากหลาย ผมมองสายตาที่กำลังส่งคำถามอย่างเงียบๆด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ กลิ่นกายที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของดินและทุ่งหญ้าทำให้ผมเผลอหลุดปากออกมาอย่างลืมตัว

"กลิ่นของฤดูร้อน"

"คิกๆ...ดูท่าคุณคงเหนื่อยและหิวน้ำมาก เลยเพ้อไปแล้วสินะค่ะ"

เธอหัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนยืมขวดน้ำสีใสให้ ก่อนเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วนั่งลงเงียบๆ

"เธอเป็นใคร"

"ก็คนแถวนี้นั้นแหละค่ะ เพียงแต่ฉันกับคุณแตกต่างกัน"

เธอเอ่ยราวกับว่าเธอรู้ฐานะของผมกับเธอดี

"แสดงว่าเธอก็รู้สินะว่าฉันเป็นใคร"

"นั้นสินะ พี่ชายเป็นใครเหรอค่ะ"

"..."!!!

ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่หลงคิดว่าเธอไม่ฉลาดเหมือนคำพูดที่เธอเอ่ยออกมาเลย ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนกระดกน้ำในขวดเกือบขึ้น น้ำที่ผมกินเข้าไปทำเอาผมสดชื่นทันตาเห็นแต่ก็ทำเอาอยากจะกินให้หมดในทีเดียวหากแต่เจ้าของน้ำขวดนี้ก็ดูจะเหนื่อยล้าน่าดู แต่...ที่นี้มัน

"เธอ"

"ก็บอกแล้วว่าเราแตกต่างกัน..."

เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนสวนมงกุฎดอกไม้ที่เธอทำขึ้นมาจากดอกไม้ในมือของเธอบนหัวของผม เธอขยับเข้าใกล้ก่อนจะเอ่ยกับผมด้วยน้ำเสียงเป็นเลศนัย

"พี่ชายนะ อ่อนแอเกินไปนะ เพราะฉะนั้นจนกว่าพี่ชายจะเข้มแข็ง หนูจะไม่ทำพันธะสัญญา..พี่ชายควรจะศึกษาเรื่องพันธะสัญญาอีกครั้ง จนกว่าจะเข้มแข็งหนูจะไม่ทำสัญญา"

"ฉันอ่อนแอตรงไหนกัน"

"ตรงที่ ไม่หัดใช้สมองสร้างรอยหยักยังไงล่ะ"

เธอชี้ไปที่ส่วนหัวของตัวเองแต่สายตาของเธอกำลังด่าว่าผมมันโง่เกินเยียวยา อะไรกันนอกจากไม่เป็นมิตรแล้วยังปากดีอีกเหรอ...เป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแท้ๆแต่กลับทำตัวอวดเก่งมาสอนคนอื่น แบบนี้ต้องทำให้รู้บ้างแล้ว ผมไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นดิ่งเข้าไปซัดร่างที่เหลียวหลังจากไป อีกไม่กี่เซนหมัดของผมก็จะซัดตูมเข้าที่ท้ายทอยของหล่อนอย่างหลบไม่ทัน แต่หมัดของผมกับโดนใครสักคนหยุดไว้ ชายร่างสูงไม่น้อยกว่าผมกำหมัดของผมแน่นก่อนจิกสายตามอง ผมสีส้มแดงดุจเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกสิ่งให้มอดไหม้ ประดับด้วยพู่ขนนกและลูกปัดสีส้มที่มัดไว้กับผมด้านข้างของผม การแต่งกายของเขาเปลือยท่อนบนจนถึงช่วงเอวมีผ้าที่ขาดเป็นลิ่วๆมัดทับกับกางเกงสามส่วนที่เขาสวมใส่อยู่ เขาเท้าเปล่าแต่ที่ข้อเท้ามีกระพรวนและข้อเท้าสีเงินและทองสวมอยู่ ต้นแขนขวามีปลอกแขนสีดำเงาสวมอยู่ ทั้งการแต่งกายและพละกำลังของเขาบ่งบอกว่าเขาคือปิศาจที่แข็งแกร่งน่าดู

"ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าปิศาจอมมืออย่างเจ้าจะมีพละกำลังขนาดนี้ น่าชื่นชม"

"แต่การกระทำของคุณสื่อถึงการหมายทำร้ายนายท่านของเรา...จะใครก็ไม่ละเว้นครับ"

เสียงราบเรียบที่อยู่ๆก็ขนานข้างผมมานั้นซัดหมัดเข้ามาที่ท้องอย่างแรงจนร่างของผมปลิวไปกระแทกกับต้นไม้ที่ผมเคยนั่งหลบร้อนอย่างแรง เขาส่วนเสื้อผ้าแบบเดียวกันกับชายผมสีเปลวเพลิงเพียงแต่สีผมของเขาคือสีเงินบริสุทธิ์ไม่มีพู่ที่ผูกไว้กับผมแต่เป็นสร้อยเชือกสีดำที่ห้อยสัญลักษณ์ของเผ่าเคี้ยวทมิฬ เคี้ยวทมิฬ...หมาป่าแห่งเหมันต์ไงเหรอ ถ้าอย่างนั้นชายผมส้มก็วิหคสีเพลิงนะสิ ผมปรือตามองเด็กสาวที่เหลียวหลังกลับมามองผมด้วยสายตาเย้ยหยัน

"ก็บอกแล้ว ว่าฉัน แตกต่าง"

"!!!"

เธอมีข้ารับใช้ระดับSSอยู่ในครอบครอง ก็เท่ากับว่าเธอคือคนที่ผมตามหามาเนินนาน เธอหันหลังเดินจากไปจนเกือบไกลสายตาก่อนตามด้วยข้ารับใช้ที่ผมไม่ควรเข้าไปปะมือด้วย ขณะที่จ้องมองการจากไปของเธอ ผมก็ต้องเบิกตากว้าง

"ปีกของวิญญาณหลงทาง...ดวงวิญญาณสีดำ...ไอเย็นของเหมันต์"

เธอจากไปจนสายตาของผมมองไม่เห็น ถ้าได้พบอีกครั้งมันต้องดีแน่ๆต้องดีอยากที่เคยหวังมาแน่ๆ ผมไม่รอช้าที่จะทำให้ตัวเองเก่งกว่าที่เป็น ณ ตลาดยามสนธยาเวลานี้คือที่สรรจรไปมาของเหล่าปิศาจที่มีชีวิตเลียนแบบมนุษย์เผื่อพวกเขาจะมีเจ้านายซักที ผมมองการสรรจรของพวกเขาอย่างนั้นก่อนวิ่งเข้าไปในซอกบ้านเรือนผ่านไปอีกทางที่มีเหล่าปิศาจเดินสวนทางกันบางตา ตรงหน้าของผมคือหอหนังสือปิศาจที่เปิดตลอดเวลา ผมมองหอหนังสืออย่างลังเล ผมด้อยหนังสือ ผมไม่เคยเรียนหนังสือ ใช้แต่พละกำลัง แต่หากผมไม่ศึกษาเด็กคนนั้นอาจจะไม่ทำพันธะสัญญากับผมแน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมก็ตัดความลังเลของความโง่เขลาทิ้งไปแล้ววิ่งตรงดิ่งเข้าไป ภายในนั้นเงียบสงัดราวกับว่ามันรกร้างห่างไกลผู้คนมานานนับปี บรรณารักษ์หอหนังสือปิศาจมองผมก่อนทักทายด้วยน้ำเสียคุ้นเคยและไม่เชื่อสายตา

"ว่าไง...คาริว...วันนี้เธอจะมาก่อกวนอะไรหอหนังสือแห่งนี้อีกล่ะ"

"ผมอยากรู้ ผมอยากรู้เกี่ยวกับพันธะสัญญาและวิญญาณหลงทาง"

"หืม...เธอมาแปลกนะ...ได้สิ มิมิว นินิวพาเขาไปหาสิ่งที่เขาอยากรู้ที แล้วก็สอนเขาด้วยล่ะ"

ผมควรโกรธเวลาที่เขาด่าผมอ้อมๆแต่ครั้งนี้ไม่เด็ดขาด ผมก้มหัวให้มิมิวและนินิวอย่างนอมน้อม

"ขอความกรุณาด้วยครับ"

มิมิวและนินิวพาผมไปยังชั้นหนังสือที่อยู่บนชั้นสิบของหอหนังสือ ที่นี้เงียบสงัดยิ่งกว่าที่ชั้นใดๆ ชั้นหนังสือที่สูงทั่วหัวตั้งตระหง่านสุดลูกหูลูกตา

"จะช่วยค้นหา"

"ค้นหาความจริง"

"มันมีเยอะเกินไปที่จะหาได้ทัน"

"พันธะสัญญา ดวงวิญญาณที่หลงทาง จะช่วยค้นหา"

"ค้นหาสิ่งที่จะค้นหา"

มิมิวและนินิวคือฝาแฝดแห่งชั้นหนังสือปีศาจ เธอทั้งสองคนมองเผินๆช่างคล้ายคลึงกันแต่คำพูดของมิมิวจะยาวกว่านินิวที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา ผมมองสันหนังสือเล่มหนาที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนชั้นหนังสืออย่างพินิจพิจารณา เพราะความที่ไม่เคยอ่านเขียนมาก่อนจึงต้องค่อยๆไล่สะกดที่ละตัวอักษร ส่วนมิมิวและนินิวที่คุ้นเคยกับชั้นหนังสือเหล่านี้ ต่างใช้พลังแห่งหนังสือควบคุมหนังสือแต่ละเล่มที่เกี่ยวข้องออกมาอย่างชำนาญการ จนไม่นานผมก็ได้นั่งมองกองหนังสือที่สูงท่วมหัวไม่แพ้ชั้นหนังสือที่ผมไปค้นหามา

"ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความปรารถนา"

"เกี่ยวข้อง"

"เอ่อ...ขอบคุณนะ แต่ก็คงต้องรบกวนให้ช่วยอ่านด้วย"

"โง่เขลา"

"ด้อยปัญญา"

มันก็ไม่น่าอภิรมย์เท่าไรหรอกว่าไม กับการที่ให้คนอื่นมาสอนทั้งที่อายุก็ปาเข้าไปจะร้อยปีแล้วแท้ๆมิมิวและนินิวเปิดหนังสือด้วยพลังของตนอย่างชำนาญก่อนอ่านบทความที่เกี่ยวข้องให้ผมฟังแต่มันกลับทำให้ผมงุนงงเกินกว่าจะเข้าใจ มันล้มไม่เป็นท่า แห่งหอหนังสือปิศาจทักขึ้นก่อนจะมองผมด้วยสายตาเข้าใจกับความพ่ายแพ้ของผม เขากวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหาซึ่งผมก็ยินยอมเดินเข้าไป

"เจอไมล่ะ"

"เจอครับ แต่มันแตกต่างกันสิงที่ผมเจอมา"

"อืม..ลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ"

ผมไม่รอช้าที่จะเล่าสิ่งที่ตาตัวเองเจอมา มันยังติดตาของผมมาจนเวลานี้มันอัศจรรย์จนไม่อย่างจะเชื่อสายตาตัวเอง ผมเล่าทุกสิ่งที่เจอให้เฒ่าบรรณารักษ์จนจบก่อนมองปฏิกิริยาของเขาที่เอาแต่พยักหน้าอย่างเดียว

"ที่คุณพยักหน้าเนี่ยหมายความว่า"

"ฉันไม่มั่นใจเท่าไร"

"ผมควรยินดีสินะที่การเล่าสิ่งที่เห็นให้กับคนไม่เคยมองโลกภายนอกอย่างคุณฟัง"

"ที่ฉันไม่แน่ใจคือ...ข้ารับใช้สองคนกับนายเพียงคนเดียว มันไม่เคยมีกรณีนี้มาก่อน"

"กษัตริย์"

"เชื้อพระวงศ์"

"นั้นแหละๆ ใช่ๆมีเพียงกรณีของชนชั้นสู.เท่านั้นที่จะมีข้ารับใช้ในครอบครองสองตนขึ้นไปแต่ต้องเป็นปิศาจเหมือนกันถึงจะครอบครองได้ แต่กรณีที่เจ้าเล่ามานั้นมันเกินคาด"

"ผิดเพี้ยน"

"แปลกประหลาด"

มิมิวและนินิวเอ่ยเสริมขึ้นมาทั้งคู่ก็เปรียบเสมือนดวงวิญญาณของเฒ่าบรรณารักษ์ความคิดความอ่านจึงไม่ต่างกันแต่ทั้งคู่จะแตกต่างกับเฒ่าบรรณารักษ์ก็ตรงที่ความจำและความรอบรู้ ผมครุ่นคิดก่อนนึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"เด็กคนนั้นเป็นวิญญาณหลงทางที่ผิดเพี้ยนจากวิญญาณดวงอื่นๆที่เคยหลงทาง เธอมีปีกและดวงวิญญาณของเธอก็เป็นสีดำด้วย"

"ดวงวิญญาณสีดำ"!!!

เฒ่าบรรณารักษ์อุทานเสียงดังลั่นก่อนมองซ้ายมองขวาแล้วคว้าผมเข้าไปใกล้ระยะประชิด

"เจ้าช่างโชคดีจริงๆที่ได้เจอดวงวิญญาณสีดำ"

"ทำไมล่ะ"

"หายาก"

"แตกต่างเกินเอื้อม"

"นั้นก็หมายถึงดวงวิญญาณดวงนั้นหลุดพ้นจากทั้งการเป็นมนุษย์และวิญญาณที่เร่ร่อนไปในความมืดระหว่างมิติยังไงล่ะ"

"ผมไม่เข้าใจ"

ผมขมวดคิ้วเป็นปมหนาก่อนมองเฒ่าบรรณารักษ์อย่างสงสัย

"นั้นก็หมายถึง...เด็กที่เธอพูดถึงมีความใกล้เคียงกับราชาสีดำยังไงล่ะ"

"!!!"

"ทัดเทียม"

"เข้าใกล้ราชา"

ผมยังคงนั่งอึ้งเกี่ยวกับคำตอบที่ได้ฟังมา มันเกินคาดของใครหลายคนไม่มีวิญญาณหลงทางดวงไหนหลุดพ้นความต้องการที่จะมีชีวิตทั้งในทางการเป็นมนุษย์รึปีศาจ ผมนั่งเหม่อมองท้องฟ้ายามดึก หน้าร้อนในเวลากลางคืนก็ร้อนเกินเยียวยาแต่สายลมก็ช่วยทำให้ร่างกายของผมแทบไม่มีเหงื่อ

"เข้าใจถึงความแตกต่างหรือยังล่ะ พี่ชาย"

"...ก็ยังไม่เข้าใจซักเท่าไร"

ผมตอบกลับไปอย่างตกใจ เธอโผล่มานั่งพิงต้นไม้อีกด้านของผม เสียงหัวเราะคิกคักของเธอทำให้ผมหงุดหงิดไม่น้อย

"เธอไม่มีความปรารถนารึไง ถึงได้กลายเป็นวิญญาณสีดำ"

"ที่เป็นอยู่ก็เกินความปรารถนาแล้ว"

"แล้วทำไมถึงได้แตกต่าง"

"ก็เพราะ...ความปรารถนาของฉันแตกต่าง"

!!!

เธอปรากฏตัวตรงหน้าของผมก่อนก้มลงมองหน้าผมระยะประชิดดวงตาของเธอค่อยๆเรืองแสงเป็นประกายสีแดง

"จนกว่าจะเข้มแข็ง เมื่อนั้นฉันจะหยิบเอาความปรารถนาของคุณทำให้เป็นจริง"

"ถ้าอย่างนั้นฉันต้องทำยังไง"

"ทดสอบ ว่าเหมาะสม"

เมื่อประโยคนั้นจบลงดวงตาที่เปล่งประกายเป็นสีแดงถูกความมืดมิดของสีดำกลืนกินจนน่าสะพรึงกลัว เหล่าข้ารับใช้ค่อยๆปรากฏกายแต่ที่น่าตกใจไม่ใช่เพียงแค่ปิศาจที่ผมได้ปะมือด้วยแต่เป็นกองทัพของเหล่าปิศาจรับใช้นับสิบที่มีดวงตาเปล่งประกายเป็นสีแดง

"ถ้าพี่ชายสามารถเข้าถึงตัวของฉันที่ถือสัญลักษณ์แห่งภูผาได้ ก็เท่ากับผ่านการทดสอบ"

เธอเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบแฝงเลศนัย การจะไปถึงตัวเธอนั้นมันดูไม่ง่ายและยากเกินไปที่จะทำได้ ในมือเรียวเล็กที่ดูจะเปราะบางของเธอมีต่างหูที่มีสัญลักษณ์ของภูผาที่หมายถึงความแข็งแกร่งของพละกำลัง ถ้าได้เด็กคนนี้มาเป็นเจ้านายล่ะก็

"จะต้องเจ็บตัวเท่าไรก็ไม่นึกเสียใจเหรอ"

"ก่อนอื่น ข้าก็คงต้องทำให้เจ้าสำเนียนเจียมกะลาหัวซะบ้างว่าคนที่เจ้าพุ่งเข้าหาเป็นใคร"

หญิงสาวผมเงินแกนน้ำเงินทะเลลึกแบกมือกั้นไว้ก่อนรากฎน้ำจำนวนมากหมุนเป็นเกลียวคลื่นซัดเข้าใส่ตัวของผมไม่มีอ้อมมือ เทพวารีงั้นเหรอ ผมมองผ่านกองทัพของเหล่าปีศาจรับใช้ไปยังเด็กสาวที่มองดูผมด้วยสายตามมีเลศนัย ถ้าได้เธอมาเป็นนายล่ะก็...

"ย้าก"!!

"ฮ่ะ.."!!

"น้ำแค่เนี่ยล้มภูเขาอย่างฉันไม่ได้หรอก"!!!

ผมซัดหมัดเข้าไปที่ท้องน้อยของเทพวารีหนึ่งหมัดเต็มแรงก่อนจะหอบเอาลมหายใจเข้าไปอย่างถี่รัว

"ถึกเสียจริงนะ"

"ก็หมอนั้นมันลูกไลแครนนี้นะ"

"จะถึกก็ไม่แปลกนักหรอกครับ"

"เธอเตรียมตัวแล้วสินะ"

"ถ้าเขาผ่านพวกนายมาได้ ฉันก็จะเล่นกับหมาป่าไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเอง"

"แฮ่ก แฮ่ก"

"เหนื่อยแล้วเหรอ ไอ้หมาน้อย"

"หมาป่าต่างหากละว้อย"!!

ผมดิ่งเข้าไปซัดกับวิหคสีเพลิงอย่างไม่ลังเล ผมยอมรับว่ากว่าจะผ่านเข้ามาได้ขนาดนี้มันช่างยากเย็นจนแทบจะล้มลงไปทั้งๆที่ใจยังสู้เหลือเกิน แต่เพราะแรงปรารถนาของผมมันมีมากเกินกว่าจะทิ้งไปถ้าแพ้ละก็ ถ้าแพ้ให้กับความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าเพื่อเป้าหมายล่ะก็...

"ยอมโดนอัดให้ตายไปซะจะดีกว่า"

!!

"เลลู เลลู เกรชเชลน่า"!!

เสียงของเธอเปล่งออกมาก่อนปรากฏเป็นโซ่ตรวนพันธนาการร่างกายของผมให้ล้มลงไปกองกับพื้น อะไรกัน!?!

"พอได้แล้วล่ะ"

"!!!"

"ฉันคิดว่าคุณในตอนนี้ไม้เหมาะ"

"..."

คำพูดนั้นของเธอทำเอาผมจุกทันที

"แต่...ถ้าได้เรียนรู้ที่จะควบคุมพลังไปด้วย ไม่นานพี่ชายก็จะเก่งเองเพราะฉะนั้น"

เธอยื่นต่างหูสีเงินเงาวับที่มีสัญลักษณ์ของภูผาสวมเข้าที่หูของผมก่อนท่องมนต์คลายโซ่ตรวนให้ผม

"ความปรารถนาของเจ้าคืออะไร"

"แข็งแกร่งเหนือผู้ใด"

"เจ้าแน่ใจ"

"ข้าแน่ใจและไม่มีเปลี่ยนแปร"

"ข้าในนามของนายแห่งเจ้า นับจากนี้เจ้าคือข้ารับใช้รองเท้าไปชั่วชีวิต ไม่มีวัน หยุดพ้น"

เธอกลายคำปฎิญาณจบก่อนที่แสงจากต่างหูที่ผมสวมใส่เมื่อคู่จะค่อยๆสว่างวาบจนตาพล่ามัว เมื่อแสงนั้นหมดลงไปผมจึงไม่รอช้าที่จะคุกเข่าคำนับนายคนแรกและคนสุดท้ายไปชั่วชีวิต

"ในนามของภูผา ข้าคือของๆท่านไปชั่วชีวิต ไร้การหยุดพ้น"

"จากนี้ไป คาริวได้ตายจากไปแล้ว เหลือเพียงแต่ปิศาจแห่งภูผาเท่านั้น"

นายน้อยของผมได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้าใกล้รุ่งสาง เหนือกว่าใครเพื่อใครที่เราอยากจะปกป้อง มันไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่ผมเฝ้าตามหาแต่มันอยู่ตรงหน้าและได้ผูกมัดรอบคอของผมแล้ว นายท่านกับข้ารับใช้ เจ้านายกับหมา ราชินีและผู้พิทักษ์ ข้าจะรองเท้าแสนเปราะบางคู่นั้นด้วยกำลังทั้งหมดของข้าไปชั่วชีวิต ไร้ซึ่งการ หลุดพ้น...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา