The Vampire Powers.

9.1

เขียนโดย katzee

วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 14.24 น.

  37 chapter
  168 วิจารณ์
  48.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 17.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

37) ภายใต้ของคำว่า 'หน้าที่'

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   ณ ใจกลางป่าแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนนึงกำลังเดินทอดน่องโดยเพียงลำพัง เขามีใบหน้าที่ขาวซีคไร้ผู้ใดที่จะมาติดตามเพราะเขามีท่าทางคล้ายหนุ่มเจ้าสำราญที่ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากพระราชวังที่ไหนสักแห่งแต่สิ่งที่ตัดภาพลักษณ์ไปโดยสิ้นเชิงก็คือ ชุดผ้าคลุมสีดำที่โบกสบัดทุกครั้งเวลาก้าวเดิน

 

เอ็ดเลือกจะไม่สุงสิงกับแวมไพร์หรือพวกหมาป่าที่เขาไม่สามารถไว้ใจได้อีกแล้ว อยู่นานไปก็อาจจะถูกลอบกัดก็เป็นได้ในที่นี้ก็คือการถูกหักหลัง แต่การกระทำที่แปรพักไปอยู่กับลูเซียสก็เป็นการหักหลังไม่ใช่หรือ เอ็ดฉุกใจคิดอยู่ครู่ก่อนจะเดินหน้าต่ออย่างไม่ลังเล

เขามาไกลเกินไปแล้ว ยังไงซะก็ควรยุติเรื่องบ้าบอที่ดูเหมือนจะมีศัตรูรอบด้านไปซะหมด เอ็ดทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลังไม่ได้

 

ตุบ เสียงกระแทกลงพื้นอย่างแรงให้ความสนใจแก่เขา บรรยากาศเย็นยะเยือกปกคลุม ทันทีที่เขาหันไปก็ถูกใครบางคนใช้สมุนไพรพิษโปรยเข้าใส่หน้าซึ่งทำให้เขาสูญเสียการทรงตัวพลางทรุดตัวลงพยายามปัดเจ้าสิ่งนั้นออกไปให้พ้นหน้า ใบหน้าเริ่มพองออกมาสีเขียวคล้ำ เขารู้สึกได้ถึงมันที่กำลังแทรกซึมลงไปภายในตัวของเขา

 

 มีมือปริศนากระชากตัวเขาขึ้นแต่เขาใช้พลังที่เหลืออยู่น้อยนิดใช้ธาตุลมกระแทกตัวเองให้ลอยขึ้น โดยพยายามลืมตามองให้เห็นคนที่ลอยติดเขามาแต่ภาพดังกล่าวมันพร่าเบลอ  แต่เขาใช้พลังลมดันอีกฝ่ายให้ตกลงไปขณะที่ตนเองลอยขึ้นถึงหน้าผาบางแห่งเมื่อเขาขึ้นมายังจุดสูงสุดได้พื้นดินได้ทรุดลงตามแรงกระแทกที่เขาลงพื้นพลางพยายามเดินโซซัดโซเซก่อนจะนอนระนาบลงกับพื้นพร้อมดึงทุกส่วนร่างกายของเขาฟื้นฟูพลัง

 

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ ใช้พลังธาตุดินให้ผุดขึ้นมาเพื่อปกคลุมตัวเองไว้ทั้งร่างกายและอำพรางกลิ่นตัวเองไว้ทันท่วงทีกับใครบางคนที่เขาไม่สามารถมองเห็นได้  ซึ่งบุคคลปริศนาตามขึ้นมาพร้อมกับใช้อุปกรณ์สุดไฮเทคชื้นหนึ่งสแกนไปรอบบริเวณเพื่อหาร่องรอย

 

เอ็ดหลับตาแน่นขึง ดินที่กลบเข้าไว้ยังคงแนบเนียนพอที่จะหนีคนพวกนี้ได้ เป็นไปได้หรืออเปล่าว่านี่อาจจะเป็นคนของมาร์คัสแต่ที่แน่ๆดูเหมือนคลินท์ไม่ได้บอกใครว่าพวกเขาทั้งสองมาโผล่ทำภารกิจอยู่ที่นี่

 

ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่คนเดียวที่ออกตามล่าเขา  พวกนี้มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ค่อนข้างจะสัมผัสได้  ทำไมเขาได้กลิ่นเลือดสัตว์ตลบอบอวลในตัวพวกนี้  บางทีพวกนี้อาจจะถือศีลเลือกการดื่มเลือดสัตว์หลีกเลี่ยงการดื่มเลือดมนุษย์  แสดงว่าพวกแวมไพร์ไม่ได้มีอยู่แค่สามพวกสินะ

 

เขาพ่นลมหายใจเพื่อตั้งสติเมื่อบาดแผลของเขากลับมารักษาตัวเองได้อีกครั้ง เขาหลับตาลงพลางใช้พื้นดินเป็นที่ยึดพลังเขาไว้ ดินเริ่มก่อตัวเป็นรูปเกลียวเลื้อยขึ้นมาจากพื้นพันธนาการพวกนั้นไว้ ทันทีที่เขาโผล่พ้นขึ้นมาทางข้างหลังของพวกมันอย่างไม่ได้ตั้งตัว

 

เขาอัดกระแทกพลังเข้าใส่พวกมันดินเหล่านั่นยังคงทำงานของมันได้ดีโดยการห่อหุ้มตัวพวกมันไว้ราวกับรังดักแด้จำเป็น ดวงตาเขากลายเป็นสีแดงเพลิงโดยที่เขาไม่รู้ตัว

 

“บอกฉันว่า ว่าใครส่งแกมา” เขาถามพร้อมกับยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย ลุกไฟขนาดเล็กปรากฏขึ้นอยู่บนฝ่ามือเขา

 

“แวมไพร์ไม่มีทางทำอย่างนั้นได้” หนึ่งในพวกนั้นพูดออกมาผ่านอาการสำลักเล็กน้อย

 

“เห็นๆกันอยู่นี่”  คนเหล่านี้แต่งตัวราวกับพวกอนุรักษ์ธรรมชาติยังไงยังงั้น ชุดสูทสีขาวสะอาด แถมกลิ่นของเลือดสัตว์อยู่ภายในตัวพวกมัน

 

“ลูคัสจะสร้างคนอย่างนายขึ้นมาอีกมาก ถ้านายมากับเรา”

 

“จะชวนกันเข้าร่วมกลุ่ม เขาทำการชักชวนโดยการพ่นไอ้สิ่งนั่นใส่หน้าฉันเนี่ยนะ” เขาว่าพลางหักข้อมือเล็กน้อยเสียงกระดูกคอหักดังขึ้นพร้อมกัน  ใช้ธาตุดินเป็นพลังรูปร่างทำให้หมดสติไปสักพัก

 

“บ้าเอ้ย”  เอ็ดสบถเล็กน้อยขณะสะบัดมือพลางรีบค้นตัวสองคนนั้นเผื่อมีอะไรช่วยบอกเขาก่อนจะพบบัตรประจำตัวและของแปลกๆอย่างพวกแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วพวกมันมาคนหนึ่งก่อนจะรีบออกตัววิ่งเพื่อกลับไปในสิ่งที่เขาต้องทำ คือการตามหาเพื่อนรักของเขา

 

โรงเรียนมัธยมจอห์นพีท

 

“เรเนส อาการเป็นไงบ้าง” โรสถามขณะที่เห็นหนุ่มๆสองคนเพิ่งเดินออกมาจากห้องเรียน ขณะที่สองสาวกำลังเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนนักเรียนที่ต่างพากันไปพักเที่ยง บ้างก็จับกลุ่มคุยเมาท์สัพเพเหระตรงแถวล็อกเกอร์

 

“อยู่ในห้องนอนและไม่ได้สติอีกตามเคยตอนที่ฉันออกมาเมื่อเช้า ฉันคิดว่าข้ออ้างของฉันที่บอกกับพ่อแม่คงใช้ได้ไม่นาน” นิโคลตอบพลางถอนหายใจ โรสอดเป็นห่วงไม่ได้พลางแตะไหล่เป็นการปลอบใจเบาๆ

 

ดูเหมือนชีวิตที่กำลังสนุกของพวกเธอได้จบลงไปตั้งแต่ที่ได้หันหน้าเข้าหาสิ่งเหนือธรรมชาติ  สองหนุ่มเเวมไพร์เห็นสองสาวกำลังนั่งเสียใจกับเรื่องที่เกิดกับเพื่อนรักของตน ไรอันมองเเอลด้วยความสงสัย

 

"มีอะไรงั้นเหรอ สาวๆพวกนั้นต้องการเรานะ" ไรอันมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังใช้สายตาครุ่นคิด เขาโบกมือไปมา "เฮ้ ฉันยังอยู่ในโลกของนายอยู่หรือเปล่า เรามีเรื่องที่ต้องสะสางนะ"

 

"เดี๋ยวสิ" ไรอันยกไหล่พลางทำหน้าว่ามีอะไรกับอาการเเปลกๆของเเอล ขณะที่เเอลดูเหมือนมีบางอย่างที่ต้องการจะพูดกับเขา

 

"ฉันว่าเราไม่ควรให้มนุษย์มาเกี่ยวข้อง" ไรอันทำหน้าเเตกตื่นขณะมองมาที่เเอลอย่างสับสน "นายรักเธอไม่ใช่เหรอ"  คำถามนั้นทำให้แอลละสายตาไปมองที่ผู้หญิงคนที่ทำให้เขาได้รู้จักความรักคนนั้น

 

ที่กำลังนั่งปลอบให้กำลังใจโรส เพื่อนสาวที่เเทบจะเเบกรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ไหว

 

"ยังไงซะ มันต้องเกิดขึ้นสักวัน ฉันไม่อยากให้พวกเธอมาเสี่ยงกับเรา" แอลว่าขณะยืนพิงล็อคเกอร์ "เเล้วเเม่สาวเเบนชีนั่นล่ะ นายจะทำยังไงกับเธอ ถึงเเม้เราจะกั้นพวกเธอออกยังไงซะเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็จะต้องเกิดขึ้น" ไรอันว่า เขารู้ล่วงหน้าเเล้วมันจะต้องเกิดขึ้นสักวัน แอลเเละเอ็ด ยากที่จะควบคุมตั้งเเต่ลููคัสส่งพวกเขามา

 

"เราจะต้องทำให้พวกเธอลืม"

 

"ว่าไงนะ" ไรอันโผงผางขึ้นมาโดยทันที

 

“นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ” ไรอันผลักแอลชนล็อคเกอร์ดังโครมพลางเดินหนีออกไปยังที่ที่นิโคลกำลังให้กำลังใจโรสอยู่

 

จู่ๆไรอันก็ถูกกระชากออกไปด้วยความเร็วสูงไปโผล่อีกสะท้านที่หนึ่ง ลมระแทกเข้ากับใบหน้าอย่างแรง เขาพบว่ากำลังยืนอยู่บนพื้นที่ชั้นบนดาดฟ้าของสถานที่หนึ่งเขาหันไปอีกด้านก็พบเห็นโรงเรียนที่ไกลออกไปหลายช่วงตึก

 

“เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” แอลพูดขึ้น ไรอันหันหลังมาพบเขาที่กำลังนั่งแกว่งขาตรงขอบตึก สายตาจ้องลงไปด้านล่างที่พบเห็นทุกสิ่งทุกอย่างย่อส่วนเล็กจนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าถึงแม้พวกเขาจะอมตะก็ไม่อาจรู้ได้ว่าถ้าตกลงไปจะยังรอดหรือเปล่า

 

“นี่นายเพิ่งเทเลพอร์ตเรามาถึงตรงนี้เลยเหรอ เจ๋ง!” ไรอันดูตื่นเต้นมากกว่าปกติเมื่อเห็นพลังของแอลที่เริ่มจะปรากฏอย่างไม่มีขีดจำกัด

 

หลายชั่วโมงต่อมา…..

สายลมที่โหมกระหน่ำพัดนั้นไม่ได้ส่งผลให้สองหนุ่มแวมไพร์สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ไรอันจากหนุ่มที่ร่าเริงได้กลายเป็นคนเคร่งขรึมไปทันทีทันใด นัยน์ตาของเขาเริ่มเปลี่ยนสี สีเหล่านั้นที่ปรากฏขึ้นชวนงงงวยแอลเหลือบมองเขา

 

“นับวันพลังของต่างก็เพิ่มขึ้น เราถูกโปรแกรมใส่สมอง ยัดภารกิจงี่เง่า แต่อยู่มาเพียงไม่นานฉันก็รู้ได้ว่านั่นไม่ใช่หน้าที่ของเราอีกต่อไป”

 

มือไรอันค่อยๆกลายสภาพเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ เกร็ดสีแดงค่อยๆผุดขึ้นตามผิวของเขาโดยเริ่มจากปลายนิ้วของเขา ไรอันหน้าตาแตกตื่นพลางจับตรงที่ข้อศอกตัวเองที่มันเริ่มแปรสภาพไปเรื่อยเพื่อหยุดยั้งมัน

 

“พลังของนาย ฉันสัมผัสถึงมันได้ นายเป็นนักแปลงกาย ไม่แปลกที่เบียงก้าเคยบอกว่านายกลมกลืนกับธรรมชาติ ร่างกายต้องถูกปรับเพื่อเตรียมพร้อมในการแปรสภาพ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพลังของนายถึงปรากฏขึ้นช้านัก”

 

ไรอันได้ยินอย่างนั้นผิวของเขาเริ่มแปรสภาพกลับไปเป็นเหมือนอย่างเคย นัยน์ตาของเขายังคงสลับสีกันไปมาก่อนที่จะเพ่งสมาธิให้คงความเป็นตัวเองไว้

 

“นายรู้อะไรอีก” ไรอันเอ่ยปากถามขณะเดินไปทรุดตัวนั่งลงอยู่ข้างๆแอล “ฉันรู้มากเกินไป ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันดึงดูดพลังของคนอื่นได้แบบไม่น่าเชื่อ ซูซานที่หายตัวไป เธอเป็นตัวแหล่งพลังงานทำให้ฉันมองเห็นนิมิตได้”

 

“งั้นนายก็สามารถดูดพลังฉันได้ยังงั้นสิ” ไรอันว่าพลางจับแขนแอล รอยยิ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าของเขาเมื่อแอลเริ่มแปรสภาพเป็นมือผู้หญิงเรียวเล็ก “หยุดน่า” แอลโวยขณะสะบัดแขนของเขาออกด้วยท่าทีแปลกๆ ไรอันหัวเราะ

 

“พลังของฉันมันเพิ่มมากขึ้น แสดงว่าไม่ได้มีแค่เราเท่านั้น เพราะฉันสามารถทำให้นายเทเลพอร์ตมาถึงที่นี่ งั้นก็แปลว่ายังพวกนักแฝงตัวที่ยังแฝงตัวอยู่ในหมู่ของพวกเรา นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกใจไม่ดีที่ต้องเอาพวกนิโคลเข้ามาเกี่ยว” แอลอธิบายเหตุผลของความคิดที่อยากจะกั้นพวกเธอเหล่านั้นออกไปเพราะเรื่องมันชักจะซับซ้อนขึ้นมากเกินไป

 

“ฉันเข้าใจนายเพื่อน” ไรอันว่าขณะแตะบ่าเขาเบาๆ “แล้วเอ็ด นายสามารถสัมผัสถึงหมอนั่นหรือเปล่า” แอลส่ายหน้าช้าๆขณะทอดสายตามองไปยังเมืองขนาดกลางที่เรื่องต่างๆเริ่มปรากฏสาเหตุของเมืองที่เต็มไปด้วยพวกเหนือธรรมชาติซะแล้ว

 

สภาพร่างกายของหญิงสาวนั้นซูบลงทันตา เหล่าสาวๆต่างมานั่งเฝ้ามองอยู่ข้างเตียงด้วยความเป็นห่วง โรสจับมือเรเนสพลางบีบมันเบาๆ

 

“เธอทำได้ยังไง” โรสเอ่ยปากถามนิโคล

 

“ทำอะไรเหรอ” นิโคลเห็นโรสส่ายหน้า แววตายังมีบางอย่างข้องใจเธออยู่

 

“แฟนเธอและเพื่อนของเขา เป็นแวมไพร์ ไหนจะไซม่อนที่ฉันเข้าใจว่าเขาคือเพื่อนของเรามาโดยตลอด”

 

“เราจะบอกใครเรื่องนี้ไม่ได้นะ พวกเขาได้ช่วยเราไว้ ”

 

“คือฉัน ฉันแค่ทึ่ง ที่เธอเก็บความลับพวกนี้ไว้” ใบหน้าของโรสเจื่อนลงทันตา ขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดพลางเลื่อนดูภาพของผองเพื่อนที่ปรากฏอยู่หน้าจอไปเรื่อยๆ

 

“พวกเขาเป็นพวกเรา เพื่อนของเราก็อยู่ในช่วง…ลำบาก” คิ้วรูปสวยขมวดทันที หลังจากเริ่มเห็นเพื่อนของเธอจิตใจไม่อยู่กับตัว

 

นิโคลหันไปเห็นสองหนุ่มที่จู่ๆก็โผล่มาจากหลังโรงเรียนที่ข้างหลังจะเป็นป่าสนรกร้าง “อยู่นี่นะ ฉันจะไปตกลงกับพวกเขา”

 

‘นี่’ นิโคลเดินเข้าไปทักพวกเขาทั้งสอง “โรส กำลังจะประสาทเสียอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป พวกนายได้เผนอะไรบ้าง” แววตาที่ซื่อตรงของหญิงสาว ทำให้แอลรู้สึกสงสารเธอขึ้นมาทันตา ผู้หญิงตัวเล็กๆพร้อมกับภาระที่หนักอึ้งที่เธอไม่สมควรที่จะแบกรับมันไว้ ทำให้แผนการที่กำลังจะทำต่อไปแทบจะพังครืนลงทันที

 

“พวกเราจะออกนอกเมืองไปสักพัก” ไรอันตอบแทนแอล ขณะที่เห็นแอลหลบสายตาหญิงสาวตรงหน้า

 

“นี่มันอะไรกัน เรเนส โรส และทุกคนอยู่ในเมืองนี้กำลังตกเป็นอันตรายอยู่นะ” เธอขึ้นเสียง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชวนหลงไหลหันมาสบตาเขา

 

“เราต้องไปตามคนที่เหลือ รวบรวมกำลังเตรียมพร้อม และยังมีคนที่เหมือนพวกเราปะปนอยู่ที่นี่ พวกฉันต้องตามหาคนเหล่านั้น” แอลกล่าว “ให้ฉันช่วยไหม ถ้าเกิด…”ประโยคถูกตัดออกไปเมื่อจู่ๆเขาพูดขัดขึ้นมา “เธอต้องดูแลเพื่อนของเธอ ส่วนพวกฉันก็จะจัดการเรื่องของพวกฉันเอง” แม้เป็นเพียงคำพูด ร่างบางก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ได้รับจากเขา

 

 หญิงสาวพยักหน้าพยายามที่จะเข้าใจ ก่อนจะละเดินจากไปให้พ้นจากจุดนี้ ในใจเธอรู้ว่าพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความลับยากที่จะคาดเดา รวบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เลวร้าย เธอคิดขณะที่เดินออกมาไปพาโรสที่มีหน้าตาสลึมสะลือ

 

“นายแน่ใจหรอ ที่จะทำแบบนี้”

 

“ยิ่งพวกเธอไม่รู้อะไร ยิ่งจะทำให้เธอปลอดภัยจากเรื่องพวกนี้….จากฉันด้วย” แอลว่า ขณะที่เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่างโดยรอบ

 

“มีอะไร” ไรอันถามขณะมองตามสายตาของแอลที่สอดส่องพื้นที่โดยรอบ “เราถูกจับตามอง” แอลตอบขณะพยักเพยิดให้ไรอันโดยนัยว่าควรออกไปจากตรงจุดนี้

 

รองเท้าบู้ทสีดำกับการแต่งตัวที่แลดูดิบเถื่อนสำหรับชาวพังก์ สีผมที่ได้ย้อมเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับไฮไลท์สีดำเป็นปอยๆ แววตาที่ถูกทาทับด้วยอายแชโดว์สีดำสนิท มือบางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ขณะที่สายตามองไปยังชายหนุ่มสองคนที่แยกตัวออกจากหญิงสาวที่ดูเหมือนวัยรุ่นก๋ากั๋นทั่วไป ริมฝีปากที่ถูกทาทาบด้วยลิปสติกสีน้ำตาลเข้มพ่นควันออกมาอย่างสบายใจเฉิบ

 

“ฮึ” เธอแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนที่ตัวของเธอจะค่อยๆหายไป ราวกับไม่ได้อยู่ตรงนั้น

 

ร้านอาหารxxx

สาวสวยที่มีใบหน้าคมสไตล์สาวลาตินถอดแว่นกันแดดออก สอดเข้าไว้กับเสื้อยืดคอวีที่เผยให้เห็นเนินอกที่น่าดึงดูดใจ รองเท้าบู้ทสีดำกระทบพื้นกระเบื้องเบาๆเป็นจังหวะ เธอได้ถูกเชิญให้มาพิจารณาการตกลงเรื่องของหน่วยงานวีที่ยังคงจองล้างจองผลาญเธอ สายตาเฉี่ยวคมที่แลดูเชื้อเชิญตลอดเวลาทุกครั้งที่สบตาทำให้ผู้คนหลงกลเธอได้ง่ายๆ ถ้าเป็นชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับเธอคงรู้ดีว่า สิ่งยั่วยวนเหล่านั้นเป็นเปลือกนอกที่เคลือบด้วยยาพิษดีๆนี่เอง

 

“ฉลาดดีนะ ที่เลือกพื้นที่ที่คนพุ่งพล่าน” เค้าโครงใบหน้าของหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ได้ถอดแบบมาจากคนที่เธอคอยทำงานให้อยู่ตลอดเวลามานับศตวรรษ และเธอได้นั่งอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายสำคัญของงานเธอ เขาพูดขณะจิบไวน์ที่มีสารเจือปนของเลือดปะปนอยู่ในแก้วนั้น

 

“ท่านไม่ควรเดินเตร่เที่ยวไปไหนมาไหนแบบนี้นะคะ พ่อของท่านยังต้องการท่านอยู่ นักล่าของเมืองนี้เลยดูจะเยอะไม่ใช่น้อยเลย คงลำบากแย่ที่ต้องคอยเก็บกวาดหลักฐานตัวเองอยู่เรื่อย”

 

“เธอไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยจริงๆ…เบียงก้า” เขาว่าขณะใช้สายตามองเธอให้ถี่ถ้วน

 

“ลูน่าน้องสาวท่าน หายไปไหนล่ะ ท่านตัดหางปล่อยนางไปแล้วอย่างนั้นเหรอ” เบียงก้าพูดกระทบกระทั่งใส่

 

“เธอมันเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่น้อยเลยนะ เกเบียลยังพยายามที่จะเอาชนะใจเธออยู่หรือเปล่า” โลแกนพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแหบพร่าเพื่อคอยย้ำเตือนถึงอดีตของเขากับเธอ และแวมไพร์ตนหนึ่งที่จงรักภักดีต่อพ่อของเขา

 

“มันไม่ใช่ประเด็นที่ท่านจะเอายกมาพูดตราบใดที่ทั้งเมืองยังวุ่นวายกับพวกเหนือธรรมชาติที่กำลังตั้งท่าที่จะฆ่าฝันกันตลอดเวลา” เธอกล่าว พลางเอนตัวมาข้างหน้าพร้อมพูดว่า ”ท่านยังเยาว์วัยเกินกว่าที่จะรู้เรื่องสงครามระหว่างสายพันธุ์น้อยนัก” คำพูดคำจาที่แลดูถากถางเขานั้นในเรื่องของความอ่อนประสบการณ์ไม่ได้กระทบต่อเขามากเท่าไหร่นัก

 

“เด็กหนุ่มสามคนนั้น เธอไม่ควรให้พวกเขามาอยู่ที่นี่ ตอนนี้อาของฉันก็แทบจะก่อสงครามอยู่แล้ว”

 

 “พวกเขามีชะตากรรมที่กำหนดไว้อยู่แล้ว แวมไพร์หนุ่มกับพลังพิเศษของพวกเขาทำให้งานของเราสำเร็จไปได้เปราะหนึ่ง” เบียงก้ากล่าวขณะที่เธอนั้นก็หยิบแก้วไวน์มาจิบบ้าง

 

“บอกให้เขาหยุดทำซะ เด็กหนุ่มพวกนั้นจะเป็นยังไงหากเธอคิดที่จะทรยศความหวังของพวกเขา”

 

“ท่านลูคัสให้ชีวิตพวกเขา งานของพวกเขาคือค่าตอบแทน” เบียงก้ากล่าวอย่างไม่ไยดี

 

“ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนอย่างนั้นนะเบียงก้า ฉันรู้ว่าเธอแยกอะไรออกได้บ้าง” โลแกนห้ามปรามความคิดของเธอ  “พวกเขาคือคำตอบของท่านลูคัส” เบียงก้ายังยืนยันในความเชื่อมั่นในตัวของนายเธอ

 

“พวกแม่มดกำลังต่อต้าน พวกไลแคนกำลังระบาด เมืองนี้เป็นเมืองฉัน บ้านของฉันที่ต้องคอยดูแลคนที่นี่ให้อยู่รอด” โลแกนกล่าว ยังไงซะเขาเองก็ยังห่วงใยของคนภายในเมืองนี้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยพวกเหนือธรรมชาติ  “หยุดหาคำตอบบ้าๆพวกนั้นได้แล้ว ถ้าเกิดเด็กเหล่านั้นต่อต้านขึ้นมา เธอก็น่าจะรู้ว่าพลังงานพวกเขายังฟื้นฟูไม่เต็มที่ พวกเขาเป็นตัวอันตราย”

 

“ข้อตกลงของท่านคืออะไรกันแน่” เบียงก้าบ่ายเบี่ยงเมื่อโลแกนกำลังพยายามที่จะพูดจี้ในดำเธอ

 

“เธอก็น่าจะรู้นะ ว่าฉันต้องการอะไร” เขาบอกขณะเสมองไปทางอื่น  โดยเบียงก้ายังจดจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยความสงสัยไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหนก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้ก็ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นไปจากพ่อของเขาเลยสักนิด

 

“ฮึ แผนสงบศึกไม่ได้ผลหรอก ” เบียงก้าว่าพลางลุกขึ้นยืน ปลีกตัวออกไป ร่างบางของเธอเริ่มสั่นระริกแต่ริมฝีปากบางยังเม้มเก็บอาการเหล่านั้นไว้

 

หมับ ข้อมือเธอถูกกระชากเข้าหาตัวโลแกน ก่อนที่เขาจะดึงเธอเดินเข้าไปคุยบริเวณตรอกข้างๆร้านอาหาร

 

“พลังของท่านใช้กับฉันไม่ได้หรอก” เบียงก้าว่าขณะพยายามยื้อแขนตัวเองไว้

 

“เธอจะฝืนมันไปเพื่ออะไรเบียงก้า” แววตาของเขาเป็นประกายก่อนมันจะหายไป พลังจิตของเขาไม่ได้ผลเลยสักนิดเมื่อเทียบกับแวมไพร์ที่อยู่มานานอย่างเบียงก้า

 

“ฉัน ไม่ได้” ก่อนที่เธอจะพูดจบ ริมฝีปากก็ถูกทาบทับอย่างอ่อนโยน เขาจูบเธอโดยไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากบางตอบสนองจูบของเขาแผ่วเบา ฝ่ามือหนาไล้มือเรื่อยลงบริเวณสะโพกของเธอพลางรั้งเธอให้เข้ามาใกล้อีก เธอโอบรั้งเขาเข้าใกล้บริเวณลำคอ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรแต่ที่แน่ๆเธอคิดถึงสัมผัสของเขาเหลือเกิน

 

“ฉันยังรักเธอนะเบียงก้า” เสียงแหบพร่าของเขากระซิบอยู่ข้างหูก่อนที่เธอจะดึงใบหน้าของเขาลงมาจูบอีกครั้งเพื่อไม่ต้องการให้เขาได้พูดอะไรทั้งนั้น

 

เธอละจูบของเขาอย่างแผ่วเบา เขายื้อยุดพลางถอนจูบเธออย่างอ้อยอิ่ง แววตาที่เธอคิดถึงจ้องมองตอบกลับเธอมา เธอโผเข้ากอดเขาด้วยความดีใจอย่างท่วมท้น โลแกนยิ้มกริ่มพลางดันตัวเธอออกและจูบเธออีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ให้เธอรู้ว่าเขาเองก็คิดถึงไม่ต่างกัน มันทรมานที่ต้องอยู่ห่างจากคนที่เขาเคยรักเมื่อมานานแสนนาน  ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดแต่ความรักก็ทำให้เขาพังทลายกำแพงเหล่านั้นลงไป และในครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยเธอให้หลุดมือเขาไปอีกครั้งแน่…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา