หงส์ปีกหัก
เขียนโดย กันตพงศ์
วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.01 น.
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
5)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ห้า
การจราจรอันคับคั่งในชั่วโมงที่เร่งด่วนเห็นจนชินตาของทุกวันทำงาน บ้างก็ไปส่งลูกที่โรงเรียนบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองเดินทางไปส่งลูกหลาน หลายคนไปส่งด้วยรถส่วนตัว เป็นเรื่องธรรมดาที่รถจะติดแออัดแต่เช้าโดยเฉพาะช่องทางผ่านหน้าโรงเรียนเอกชนใจกลางเมืองยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นของจำนวนรถไปอีกเป็นเท่าตัว การที่ส่งลูกหลานของตนที่หน้าโรงเรียนก็น่าแปลกอยู่ที่เหล่าบรรดาพ่อแม่เมื่อทำธุระส่วนนี้เสร็จจะรีบเดินทางออกไปจากบริเวณดังกล่าวในเวลาอันรวดเร็วหากเขาเหล่านี้เข้าใจสักนิดหรือคิดถึงส่วนรวมสักหน่อยว่ามีถนนที่ต้องใช้ร่วมกับคนอื่นๆ ด้วยแล้วคงไม่จอดรถกินเลนถนนหน้าโรงเรียนอันส่งผลกระทบตามมากับผู้ที่สัญจรและจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนร่วมกัน หลายชีวิตที่ต้องทนทุกข์ติดแหง็กอยู่ตั้งนานแล้วไปไหนไม่ได้สักที ไปทำงานก็ไปสาย ไปโรงเรียนก็ไม่แน่เหมือนว่าจะไปเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธงทัน รถนับร้อยจอดแช่สนิทกลางสี่แยก
รถตู้ที่ติดฟิล์มกระจกทึบไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก หากมองทะลุเห็นข้างในได้ก็จะเห็นหญิงสาวแรกรุ่นเริ่มกระสับกระส่ายชะเง้อมองออกนอกรถบ้าง ดูนาฬิกาข้อมือบ้างจนออกอาการชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจ
“มันจะจอดอะไรของมันนักหนา...ฉันจะไปโรงเรียนไม่ทันแล้ว” หญิงสาวพูดกระแทกน้ำเสียงอย่างมีอารมณ์พาลเอาให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างต้องเอ่ยปาก
“แม่ต้องขอโทษเราด้วย แม่เป็นลมเลยทำให้เราสองคนต้องไปเรียนสาย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่ เรื่องเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องธรรมดาครับอย่าซีเรียสไปเลย”
ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามแบบที่เฉิดโฉมวาดหวังที่จะให้เป็นตั้งแต่วัยเด็ก
“หนูไม่ได้โทษคุณแม่นี่คะ...หนูบอกแค่ว่ารถติด” สาหรีร้อนตัว ในใจของสาหรีอยากจะพูดออกไปดังๆ ให้คุณแม่ใหญ่ว่า “ก็จริง รู้ตัวนิว่าเป็นตนเหตุที่ทำให้ออกจากบ้านสาย”
“อีกแยกข้างหน้าก็ถึงแล้วครับ” นายพุฒคนขับรถอยากให้ทุกคนสบายใจจึงบอกไปเช่นนั้นเพราะเห็นว่าคุณหนูของเขาเริ่มจะมีอากัปกิริยาที่ไม่หน้าชมสักเท่าไรในตอนนี้ ความเป็นจริงการที่อยู่อีกแค่สี่แยกเดียวจะไม่ได้หมายความว่าจะถึงที่หมายเลยเพราะกว่าจะถึงที่หมายแค่ชั่วไม่กี่นาทีในเวลาปกติจะต้องคูณสองเข้าไปในช่วงการจราจรคับคั่งเช่นที่เห็นทุกวันนี้
รถค่อยๆ เลื่อนไปอย่างช้าผ่านแยกไปแดงหนึ่งไปยังอีกแยกไฟแดงหนึ่ง ข้างทางริมถนนที่ผ่านมาเป็นหน้าปากซอยแคบ ซึ่งมีทางเข้าซอยเช่นนี้อยู่หลายทางรถจะวิ่งเข้าออกกันอย่างขวักไขว้นี่ก็ส่วนหนึ่งที่ทำให้รถเคลื่อตัวไปอย่างช้าๆ ต้องชะลอกัน ยามเช้าแบบนี้ข้างทางมีร้านขายอาหารทั้งร้านทั่วไปที่ขายอาหารทานง่ายในช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างโจ๊ก ปาท่องโก๋ ที่ขายอยู่บนรถเข็นสามล้อ หรือแซนวิสชิ้นเล็กๆ พอดีคำสามารถพกพาได้ง่ายทานได้ทุกที่ น้ำเต้าหู้ นมสด น้ำผลไม้คั่นตั้งขวดพลาสติกเรียงรายแน่นเต็มหน้าร้านมีทั้งขวดเล็ก ขวดใหญ่ มีผู้คนไม่ว่าเด็กเล็กที่กำลังไปเรียนหรือวัยผู้ใหญ่ที่กำลังไปทำงานต่างก็เร่งรีบรักษาเวลาในยามเช้าควบคู่ไปกับการรักสุขภาพที่จำเป็น ซึ่งมื้ออาหารมื้อสำคัญนี้จะพลาดไม่ได้
ทุกอย่างดูปกติในความปกตินั้นกับมีบ้างอย่างที่กำลังวิ่งตรงออกมาจากปากซอยข้างทางหนึ่งด้วยความเร็วสูงมุ่งตรงออกมาบนถนนใหญ่ เสียงเบรครถตู้คันหรูดังไกลจนผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันแตกตื่นวิ่งมาดูกันเป็นแถว
“โอ้ย...เจ็บ” หญิงสาววัยละอ่อนที่ขับรถจักรยานเก่าๆ พุ่งออกมาจากซอยร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด
“นายพุฒลงไปดูสิเด็กคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง” ขณะที่ทุกคนบนรถตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เฉิดโฉมเป็นคนแรกที่ได้สติหลังจากที่ตกใจให้นายพุฒรุดรีบลงไปดูเด็กน้อยที่นอนร้องด้วยความเจ็บปวด “ครับ” พุฒรับคำรีบลงไปโดยไว
เหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้ามันสร้างความสุดทนต่อสาหรีที่ในใจกระวนกระวายว่าตนไปเรียนไม่ทัน เธอบอกทุกคนว่าเป็นแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอต้องการที่จะออกไปพบเพื่อนเพื่อที่จะอวดโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ที่เธอพึ่งสั่งจองไปเมื่อเดือนที่แล้วจากต่างประเทศ ความอยากอวดของเธอมันชั่งทำให้เธอมีแรงที่จะรุกขึ้นจากที่นอนยามเช้าอย่างรวดเร็วกว่าทุกวันที่จะต้องมีนังอึ่งอ่างมาคอยปลุกทุกเช้า มาตอนนี้เหลือทนแล้วจริงๆ มียัยเพิ้งที่ไหนก็ไม่รู้มาขี่จักรยานตัดหน้ารถอันเป็นว่าต้องเห็นดีกัน หญิงสาวลงจากรถเปิดฉากคารมใส่สาวน้อยที่กำลังผุดนั่งมองข้อศอกตัวเองที่ลงไปถลอกกับพื้นเมื่อครู่ สาหรีปรีไปขว้าแขนหญิงสาวสุดแรงต่อว่าเป็นการใหญ่
“แกขี่จักรยานภาษาอะไร ทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือ” หญิงสาวคู่กรณียังงงๆ กับหญิงสาวอีกคนที่ต่อว่าเธออย่างเอาจริงจัง ดุดัน “ขอโทษค่ะ” ยังไม่ทันจะพูดจบสาหรีแทรก “มันไม่หายหรอก อย่ามาขอโทษซะให้ยาก”
“มันชดเชยเวลาที่หายไปได้ไหม ฉันไปเรียนไม่ทันแล้ว” สาหรีพลางมองไปที่นาฬิกาข้อมือแสนเก๋
“ฉันเสียเวลาไปห้านาทีไปกับคนข้างถนนอย่างแก แกเรียกคืนมาให้ฉันได้ไหม” ต่อให้หญิงสาวคิดดีพูดดีเช่นไร แต่มันก็เกินไปที่เธอจะว่าใครว่าเป็นคนข้างถนนดูถูกกันอย่างงี้มันไม่ได้
“ถ้าฉันเดินไปขอโทษคุณทุกอย่างก็จบ” สาหรีได้ยินเข้าจะเถียงต่อแต่หญิงสาวคนนั้นหล่อนก็ไม่ยอม “แต่การที่คุณว่าฉันเป็นคนข้างถนนมันเกินมีอะไรดีถึงไปว่าคนอื่นแบบนั้น เสียเวลาไปสิบนาทีแล้วรู้บ้างหรือเปล่า” หญิงสาวมีทีท่าไม่ลดละ สาหรีมองไปที่นาฬิกาข้อมือเรือนเดิมมีสีหน้าเดือดปุดๆ กับพูดของเด็กสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
“รีบไม่ใช่หรอคะ” หญิงสาวที่มีแผลที่ศอกตอบกลับไปเมื่อเห็นสีหน้าของสาหรี ขณะที่ทั้งคู่ปะทะคารมกันคนอย่างธุชธราที่ไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้งจำเป็นที่จะต้องลงมาดูสถานการณ์และคอยปลอบเตือนสาหรี
“พอได้แล้วสาหรี” พี่ชายพูดขึ้น
น้องสาวหันกลับไป หน้าเหวี่ยงใส่ “ไม่ได้ยินที่มันพูดหรือไง”
“ได้ยินแต่เธอไม่ควรพูดกับเขาอย่างงั้นเลยนะ” ธุชธราจริงจังขึ้น
เห็นแบบนี้แล้วสาหรีที่เกรงพี่ชายและกลัวว่าจะโมโหเธอเพราะเธอเองก็ใช่ว่าอยากจะมีเรื่องกับคนอื่นไม่ว่าใครก็ตามแต่ แต่ครั้งนี้มันน่าโมโหจริงๆ มันเป็นเหตุการณ์เล็กน้อยเท่านั้นหากสาหรีคิดได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยที่จะโกรธด้วยเพียงเรื่องเท่านี้ สาหรีกลับขึ้นรถไปแบบไปใคร่เต็มใจนัก ก่อนที่ธุชธราจะเอ่ยปากขอโทษหญิงสาว
“ฉันต้องขอโทษเธอด้วย เจ็บบ้างก็อย่าว่ากันนะ” ชายหนุ่งหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เขาหยิบออกมายื่นส่งให้หญิงสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ เล็กน้อย” หญิงสาวส่ายหน้ากล่าวแต่พองามเล็กน้อย
ชายหนึ่งรีบขึ้นรถไปทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่ง หญิงสาวรีบเอาจักรยานเก่าๆ และร่างของเธอไปยืนอยู่ข้างทางแบบเหนื่อยๆ ด้วยความหมดแรง
“คนรวยนิสัยเป็นอย่างยัยคุรหนูคนเมื่อกี้นี้หรือเปล่า”
“ไม่เอาไม่คิดเสียเวลา รีบไปโรงเรียนก่อนดีกว่า”
หญิงสาวคนเดิมรีบประคองจักรยานคันน้อยวิ่งตรงไปยังโรงเรียนทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ