หงส์ปีกหัก
เขียนโดย กันตพงศ์
วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.01 น.
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่สอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่สอง
เช้าวันรุ่งขึ้นบ้านกิตติวาทินทุกคนในบ้านจะเริ่มตื่นนอนปฏิบัติกิจวัตรประจำวันกันแต่เช้าตรู่ คุณชมนาถกับบรรดาสาวใช้กำลังเตรียมข้าวอาหารในครัวเพื่อให้เฉิดโฉมไปใส่บาตรที่หน้าบ้านทุกเช้าเป็นประจำ
“วันนี้มีเครื่องสังฆภัณฑ์ด้วย” ธุชธราเอ่ยขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“วันนี้ครบรอบวันตายของคุณผู้ชายนะค่ะ” เขียดที่กำลังยุ่งอยู๋กับการเตรียมของไปจัดโต๊ะที่หน้าบ้าน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชายหนุ่มจะไปทราบเพราะเขามาอยู่ในบ้านหลังนี้หลังจากการตายของท่านผ็เป็เจ้าของบ้านแล้วสักระยะหนึ่ง ธุชธราช่วยเขียดยกเครื่องสังฆทานไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าบ้าน
“มากันแล้ว” เฉิดโฉมยิ้มรับบุตรชายที่ช่วยสาวใช้ยกข้าวของออกมาจากครัว เฉิดโฉมคิดไว้ไม่ผิดที่เลือกหรือเป็นเพราะเบื้องหรือสามีผู้ล่วงลับกันแน่ที่ส่งเด็กชายที่แสนดีมาให้เฉิดโฉมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามถือว่าการที่มีธุชธราย่อมเป็นสิ่งดีแล้วและนี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะสืบทอดธุรกิจมูลค่าหลายร้อนของกิตติวาทินให้อยู่ต่อไปได้
สาวใช้ต่างขมักเขม้นตระเตรียมอาหารเช้าให้พร้อมสำหรับคุณๆ อาหารที่นี้ไม่นิยมรับอาหารเช้าข้าวต้ม ขนมปังทาเนยแบบตะวันตก จะทานอาหารที่กินหนักท้องอยู่ท้องจำพวกผัก ต้มจืด คุณเฉิดโฉมให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้าเป็นอย่างมากเธอถือว่ามื้อเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดทุกคนต้องรับประทานอาหารและต้องทานอย่างพร้อมเพรียงกัน คุณผู้หญิงยังให้จัดสำรับแต่เช้าตั้งแต่เวลาหกโมงกว่าๆ เครื่องเคราอาหารก็ต้องเตรียมพร้อมแล้วพร้อมที่จะรับประทานได้ทันทีทั้งนี้ที่ต้องจัดให้เสร็จแต่เช้าเพื่อจะได้มีเวลารีผประทานอาหารให้มากหน่อยทานได้อย่างไม่เร่งรีบโดยคำนึงถึงเด็กสองคนที่เป็นทายาทกิตติวาทินอย่าง สาหรีและธุชธรา เมื่อถึงเวลาก็พร้อมที่จะไปทำงาน
“ไปให้นายพุฒเตรียมรถไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ” ชมนาถเดินมานั่งอยู่ข้างๆ เฉิดโฉมใกล้ๆ
คุณผู้หญิงพยักหน้ารับเป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน
“เด็กเตรียมตัวนะจ้ะ” เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองทานอาหารจนเสร็จสับ ทั้งสามเดินออกมาที่ลานหน้าบ้านซึ่งที่รับส่งรถเวลาที่เข้ามารับมาส่งประจำ
เฉิดโฉมทำงานภาระนี้กลายเป็นกิจวัตรส่วนหนึ่งของเธอไปเสียแล้วนับตั้งแต่สามีจากไปคือการไปดูแลกิจการอันเป็นมรดกที่สามีและเธอสร้างมันขึ้นมา คุณผู้หญิงของกิตติวาทินไปทำงานได้เพียงครั้งวันก้จะเดินทางกลับมาบ้าน และก็ตลอดสิบสามปีที่ทำกิจวัตรแบบนี้แลดูว่าสุขภาพของเธอเริ่มเสื่อมแย่ลงยังน่าประหลาด คนใกล้ชิดอย่างชมนาถเองก็เห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับนายหญิง
“ฉันว่าคุณดูซูบๆ ลงไปเยอะเลยนะคะ” ชมนาถพินิจดูรูปร่างอันแบบบางของนายหญิงที่ดูเปลี่ยน
เฉิดโฉมยิ้มรับและยินดีที่ชมนาถเป็นห่วง “ก็ยังงี้นะและทำงานด้วยทั้งงานบ้านงานที่โรงงานจะไม่ซูบได้ยังไงจริงไหมชม”
ชมนาถก็ไม่คลายสงสัย “มันก็จริงอย่างที่คุณพูดนั้นและค่ะ...แต่มันก็ยังไงๆ อยู่” ประโยคหลังนี้ได้แต่นึกในใจ ชมนาถเกรงว่าสิ่งที่ตนคิดมันจะเป็นการมองโลกในแง่ร้ายเกินไป “หรือคุญจะป่วยเป็นโรคอะไร”
“ฉันว่าคุณควรไปหามาตรวจเช็คร่างกายบ้างนะคะ...ฉันเป็นห่วง” มิวายที่ชมนาถจะคลายกังวลไม่ได้คิดไปเองแต่รู้สึกได้จริง
“ฉันก็ไปตรวจประจำปีอยู่แล้วนะจ้ะ...ชมจะเป็นห่วงฉันเกินไปเสีแล้วสิเนี่ย” เฉิดโฉมก็ยังคงเป็นเฉิดโฉมที่ยิ้มรับและให้กำลังใจอัธยาศัยแก่ทุกคนที่หวังดีกับเธอ
“แต่...หลายปีมานี้คุณไม่ได้ไปตรวจประจำปีเลยนะคะ ฉันว่าคุณควรหาเวลาไปตรวจแล้วนะคะ”
ชมนาถเดินออกไปส่งเฉิดโฉมและเด็กๆ ที่หน้าบ้านด้วยความเป็นห่วงเฉิดโฉมที่บ่อยครั้งที่เฉิดโฉมเป็นลมลงหมดสติไป คนใกล้ชิดอย่างชมนาถที่มีพระคุณกับชมนาถทั่งคุณพ่อของโฉมเองก็เป็นผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูชมนาถมาตั้งแต่แบเบาะจำความได้ชมนาถก็ได้เห็นความเมตตาของคุณพ่อและคุณแม่ชองเฉิดโฉมที่ท่านมีพระคุณล้นเหลือให้กับพ่อและแม่ของชมนาถให้การศึกษาเรียนโรงเรียนดีๆ เช่นเดียวกับลูกสาวของท่านเลี้ยงชมนาถเสมือนเป็นลูกของท่านเองฉะนั้นชมนาถจำเป็นที่จะตอบแทนพระคุณท่านทั้งสามอย่างสุดความสามารถถึงแม้ว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
“รถตู้มาแล้วค่ะ” ชมนาถชะเง้อมองดูรถตู้คันหรูที่ดำมันคลิบที่กำลังขับเข้ามาเทียบท่า
เฉิดโฉมให้เด็กเข้าไปนั่งด้านในรถก่อนที่เธอจะนั่งปิดประตูเป็นคนสุดท้าย
“ไปก่อนนะครับป้าชม” ธุชกล่าวอำลาป้าผู้ใหญ่อย่างเคารพนอบน้อม
“ค่ะ” ชมนาถรับทัก
“โชคดีนะคะทั้งสองคนตั้งใจเรียนนะคะ” ชมนาถอวยพรอย่างที่อวยพรทุกเช้าก่อนทั้งสองไปโรงเรียน ยังไม่ทันพูดจบสาหรีก็เมินหน้าขึ้นไปนั่งสลอนเป็นคนแรก ทั้งสามยืนมองกิริยาอันไม่งามของสาหรี เฉิดโฉมได้แต่ส่ายหัว ธุ๙ราก็ไม่ต่างกัน
“โชคดีนะคะ” ชมนาถบอกเพียงธุชธรา
รถตู้หรูยังไม่ทันปิดประตู
ยังไม่ทันที่ชมนาถจะเดินกลับเข้าในบ้านเสียงของหญิงสาวก็ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“ใครๆ ก็ได้มาช่วยดูคุณแม่ใหญ่เร็วเข้า เป็นลมนอนกองกับพื้นไปแล้ว”
โถงด้านหน้าแลดูวุ่นวาย เมื่อทุกคนรู้ว่าคุณผู้หญิงเป็นลม แต่ทว่ามุมทึบๆ ชั้นสองของบ้าน ถือว่าเป็นมุมอับง่ายต่อการที่จะซ่อนพลางตัวแอบอยู่เงียบๆ คอยจับตาดูทุกชีวิตที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น สายตาคู่หนึ่งที่ซ่อนอยู่มุมนั้นจ้องมองอย่างอาฆาต ไม่ต้องถามว่าเธอคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดข้างล่างแค่สายตาก็ล่วงรู้ทะลุไปถึงข้างในจิตใจอยากจะพูดออกมาเสียงดังให้พวกที่อยู่ด้านล่างได้ยินสิ่งที่เธอคิด
“คนอย่างแกคงอยู่อีกได้ไม่นาน ฉันขอแช่งแกให้ตายๆ ไปซะ ตามผัวแกไป” ร่างบอบบางนั้นค่อยๆ เลื่อนหายไปก่อนที่ใครจากด้านล่างจะสังเกตเห็นว่ามีคนจับจ้องมองอยู่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ