Sweet Appeal อันตราย..รักฝังเขี้ยว
เขียนโดย SkySky
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.01 น.
แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 17.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ชายแปลกหน้า...ในป่าสน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมตื่นนาฬิกาบนข้อมือบอกว่าเป็นเวลาหกโมงเศษ ความเหนื่อยความเพลียจากการเดินทางเมื่อวานหายไปราวกับปริดทิ้ง ผมดูสภาพตัวเองก็พบว่าตัวเองหลับไปทั้งชุดเดิมเมื่อวาน ไม่ได้ถอดเสื้อโค้ดตัวหนาออกเสียด้วยซ้ำ เฮ้อ! อะไรจะเพลียได้ถึงขนาดนั้น พอมองไปทางปลายเตียงก็พบว่าไอ้อ้วนตัวแสบนอนหงายเก๋งหัวห้อยอยู่ตรงปลายเตียงอย่างน่าขัน ผมเอื้มมือไปจับมันให้นอนกลางเตียงดีๆก่อนจะเกาพุ่งกลมๆของมันอย่างมั่นเขี้ยว เจ้าตัวแสบร้องในลำคออย่างพอใจ จนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กๆ แต่อะไรบางอย่างทำให้ผมต้องหันไปมองที่ระเบียงอย่างตกใจ อะไรบางอย่างที่เหมือนกับกำลังมองดูผมอยู่ ทว่าก็ไม่พบอะไร แสงแดดอ่อนๆที่ทอแสงเข้ามาภายในห้องนอนของผมทำให้ผมต้องเดินออกไปตรงระเบียงเพื่อชมบรรยากาศนอกบ้าน อากาศยามเช้ากำลังเย็นสะบาย แม่โบกมือให้กับผมก่อนจะกลับไปง่วนทำอะไรสักอย่างกับก๊อกน้ำบนสนามหญ้าหลังบ้าน เลยสนามหญ้าไปเป็นกำแพงไม้สูงประมาณสองเมตรที่กั้นระหว่างบ้านของเรากับบ้านอีกหลังหนึ่งที่มีรูปทรงคล้ายๆกันกับบ้านเรา ผมตัดสิ้นใจเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ
เกือบๆแปดโมงผมก็ลงไปข้างล่าง แม่ใส่ผ้ากันเปื้อนสีดำตัวโปรดและกำลังทำอะไรอยู่กับกระทะ เศษซากอะไรบางอย่างก้อนสีดำๆกำลังส่งกลิ่นไหม้ ถ้าให้ผมเดาผมว่านั่นคงจะเป็นอดีตเบค่อน เพราะผมเห็นถุงเบค่อนที่มีเบค่อนหลายชิ้นหล่นอยู่นอกถุง และจานสองใบที่ภายในมีไข่ดาวดำปี๋อยู่จานละฟองนั่นบอกผมได้ดีว่าแม่กำลังนึกครึ้มอกครึ้มใจอยากทำมื้อเช้าให้พวกเรา และถ้าภายในห้านาทีนี้ผมไม่อาสาช่วย เชื่อได้เลยว่าเราสองแม่ลูคงจะได้กินมื้อเช้าบำรุงมะเร็งกันแน่นอน (-*-) ผมหันไปหยิบผ้ากันเปื้อสีชมพู(? ... เชื่อเถอะว่าผมพยายามที่จะเอาไปทิ้งหลายรอบละ)ที่แขวนอยู่ตรงขอบประตูครัวมาคล้องคอเพราะรู้แน่ว่ายังไงซะมื้อนี้ผมก็คงจะต้องเป็นคนทำตามปกติ
"แม่ฮะ.. อยากให้ผมช่วยมั้ย?" ผมถามเสียงเรียบ พยายามไม่แสดงอารมณ์ใดๆให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้สึกไม่ดี แม่หันหน้ามายิ้มกว้างก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ ...ชักเป็นลางไม่ดีแล้วล่ะ ผมว่า!
"ไม่เป็นไรจ้ะ แม่อยากดูแลซินบ้าง" แม่พูดอย่างอ่อนโยน ผมอึ้งไปนิดๆ รู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
"คือ..ผมอยากทำให้แม่มากกว่า" หลังจากที่เห็นสภาพกระทะตรงหน้าแม่แล้วผมอยากให้แม่อยู่ไกลๆจากมันเป็นที่สุดเลยครับ (--') แม่มีสีหน้าลังเลแต่ก็ยอมพยักหน้าในที่สุด
"อ้าวหรอจ๊ะ! ตามใจลูกละกัน งั้นแม่ขอขึ้นไปอาบน้ำสักหน่อย" ผมเดินเข้าไปหยิบตะหลิวที่แม่ยื่นส่งให้ก่อนที่มองก้อนปฏิมากรรมที่แม่สร้างไว้อย่างพิศวง คาดว่าคงต้องออกแรงขั้นกระทะกันสักพักเลยหล่ะ
แม่เดินมาขยี้หัวผมก่อนที่จะเดินออกจากห้องครัวไป ผมเทผลงานแม่ลงถังอย่างไม่ลังเลก่อนที่จะเอาไปแช่น้ำไว้เพื่อให้ล้างออกง่าย แล้วจึงเดินไปเปิดประตูตู้เย็นเพื่อดูว่าพอจะทำอะไรเป็นมื้อเช้านี้ได้บ้าง โชคดีที่แม่ยังเหลือวัตถุดิบพื้นฐาน(ที่คุณฟาร์คัสเป็นคนซื้อเตรียมไว้)จำพวกเบค่อน ไข่ ขนมปังไว้บ้าง ผมลงมือขัดกระทะที่แช่น้ำทิ้งไว้
ปกติแล้วผมเป็นคนที่รับหน้าที่ทำอาหารเพราะมันเป็นงานอย่างหนึ่งที่ผมค่อนข้างถนัด อาจจะเป็นเพราะผมได้ความสามารถนี้มีจากพ่อแท้ๆของผมที่เสียไปได้สิบกว่าปีแล้ว ผมของผมเป็นพ่อครัวใหญ่ของโรงแรมห้าดาวชื่อดังกลางนิวยอร์ก นั่นหมายความว่าพ่อมีความสามารถด้านการบ้านการเรือนขั้นเทพ ต่างจากแม่ที่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เลยสักนิด และคงไม่แปลกเท่าไรที่ผมจะได้รับความสามารถของพ่อมาเต็มเปี่ยม ส่วนสิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาจากแม่คงจะเป็นในเรื่องหน้าตา แม่ผมเป็นผู้หญิงที่สวยหวานและผมเป็นลูกชายที่มีใบหน้าหวานคล้ายแม่มาก ดังนั้นผมจึงเป็นผู้ชายที่มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงอยู่เสมอๆ และดูเหมือนว่าแม่เองก็ดูจะชอบแกล้งเข้าใจผิดในเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววนี่เป็นต้น
ผมรวบผมยาวหยักโศกของตัวเองลวกๆ (นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมขัดแม่ไม่ได้ แม่ชอบให้ผมไว้ผมยาวเพราะมันเข้ากับหน้าของผม)แล้วลงมื้อทำมื้อเช้าง่ายๆเท่าที่จะสามารถทำได้จากบรรดาของที่แม่เหลือไว้ และมันก็เสร็จภายในเวลาไม่นานนักจากนั้นผมจึงเทนมใส่แก้วใบโปรดของตัวเองแล้วออกไปเดินดูสวนหลังบ้านระหว่างที่รอแม่
เจ้าแมวอ้วนแชงคูสเดินมาคลอเคลียที่ขาของผมตอนที่ผมกำลังนังอยู่ยองอยู่บนสนามหญ้าแห้งๆที่ดูไม่มีชีวิตชีวา อาจเป็นเพราะเป็นช่วงต้นๆหน้าหนาว หญ้าในสนามจึงพากันเหี่ยวแห้งเหลือเป็นหย่อมกระจุกอยู่ประปรายที่ยังเขียวอยู่บ้างแต่ก็เป็นเขียวแห้งๆไม่สวยงามอะไรนัก รั้วไม้หลังบ้านมีไม่เลี้อยเกาะอยู่จนดูเหมือนกำแพงไม่เลื้อย ส่วนด้านข้างทั้งสองข้างของตัวบ้านไม่มีรั้วแสดงอาณาเขต มีเพียงต้นสนที่ขึ้นจนเหมือนป่าเล็กๆเท่านั้นที่เป็นเหมือนกำแพงต้นสน และบ้านแต่ละหลังก็ปลูกห่างกันพอสมควร
แกรก..!!
เสียงเหมือนกิ่งไม่หักทำให้ผมต้องหันไปมองหาต้นเสียง เงาอะไรสักอย่างไหววูบไปตามแนวต้นสนอีกฝั่งอย่างรวดเร็วนั่นทำให้ผมมองตามอย่างสงสัย และผมมั่นใจว่าต้องเป็นใครสักคนหรือตัวอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดทำอะไร เจ้าลูกรักก็เผ่นแผล่วไปตามทางที่อะไรสักอย่างที่ว่าเคลื่อนไหวหายไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ผมจะเรียกมันทัน สุดท้ายผมก็ต้องวางแก้วนมในมือลงบนพื้นหญ้าแล้ววิ่งตามไปจนเห็นหลังเจ้าแมวอ้วนอยู่ไกลลิบๆตรงชายป่าสน ผมวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละปากก็ตะโกนเรียกเจ้าแชงคูสไปตลอดทาง แต่กว่าที่จะรู้ตัวผมก็พบว่าตัวเองอยู่บริเวณธารน้ำตื้นในบริเวณป่าสนเสียแล้ว ส่วนเจ้าแชงคูสที่ผมวิ่งตามมันมาก็ไม่รู้วิ่งไปไหนแล้ว แต่จะให้วิ่งตามหามันก็คงจะไม่ไหวเพราะตอนนี้ขาผมล้าไปหมดและขาซ้ายยังทำท่าเหมือนกับจะเป็นตะคิวอีกด้วย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งนวดขาของตัวเองสักพักแต่สายตาก็ยังมองหาร่างอ้วนปุกปุยสีน้ำตาลอ่อนของเจ้าแชงคูสอยู่ตลอดเวลา
ยี่สิบนาทีผ่านไปอย่างไร้ค่าในความคิดของผมเพราะมันไม่มีวี่แววใดๆของเจ้าแชงคูสเลย ส่วนขาก็ปวดเมื่อยจนแทบลุกไม่ขึ้น ซึ่งผมไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ มันคงจะเป็นอาการปกติของคนที่ไม่ค่อยจะได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่อย่างผมที่อยู่ๆก็มีเหตุให้ต้องออกวิ่งเต็มฝีเท้าทั้งๆที่ไม่ได้วอร์มร่างกาย ก็ใครจะไปคิดวอร์ม เห็นเจ้าเหมียวลูกรักวิ่งเตลิดไล่อะไรสักอย่างไปทั้งๆที่มันไม่คุ้นทาง เป็นใครก็ย่อมต้องวิ่งตามมาทั้งนั้น ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมต้องหลงทางภายหลังก็เถอะ เหอะ! อ่านไม่ผิดหรอกครับ ใช่เลย! ตอนนี้ผมกำลังหลงทางซะแล้ว ตอนที่วิ่งเข้ามาก็ไม่ได้คิดจะจดจำทางอะไรไว้สักนิด แล้วพอมาตอนนี้ หันไปทางไหนก็เหมือนๆกันไปหมด
เฮือก! ทำไมอยู่ๆผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่ามีสายตาของอะไรสักอย่างกำลังจับจ้องมาที่ผมกันนะ ผมรู้แค่ว่ามันทำให้ผมทั้งรู้สึกขนลุกและเกรงขามในเวลาเดียวกันจนผมต้องยกแขนขึ้นกอดตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันมองไปรอบๆตัวอย่างระแวดระวัง ทว่าก็ไม่พบใครหรืออะไรที่ทำให้ผมรู้สึกอะไรแบบนั้น จนกระทั่งเสียงกรอบแกรบดังขึ้นด้านหลังเหมือนกับว่าใครสักคนกำลังเดินเข้ามาหาผมทำให้ผมหันไปมองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพบว่าตัวเองผวาก้าวถอยหลังจนข้อเท้าขวาจมลงธารน้ำใสที่เย็นเยียบอย่างไม่ตั้งใจ จะไม่ให้ผมผวาได้อย่างไรในเมื่อตรงหน้าของผมคือหมาสีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่ที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะมีโอกาศได้เห็นมันอย่างใกล้ชิดในชีวิตนี้ พระเจ้าบอกผมทีว่าตรงหน้าของผมในตอนนี้มันไม่ใช่หมาป่า!!
ผมยืนนิ่งไม่ไหวติงเพราะเกรงว่าหากขยับตัวสักนิดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าห่างไปไม่เกินสิบเมตรนั่นจะกระโดดเข้ามาฝังคมเขี้ยวนั่นลงบนเนื้อผมน่ะสิ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นหมาป่าตัวโตเต็มวัย ขนของมันเป็นสีน้ำตาลที่ดูแข็งและหยาบหนา แววตาของมันจ้องมาที่ผมนิ่งๆแต่ไม่ได้แฝงแววคุกคามดุร้ายหรือพร้อมจะตรงเข้ามาขย้ำผมแต่อย่างใด มันเพียงแต่ยืนนิ่งๆอยู่เบื้องหน้าผมเท่านั้น หลังจากที่ผมพยายามข่มความกลัวของตัวเองได้สำเร็จ ผมก็พบว่าความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อเกิดขึ้นในใจ ความรู้สึกที่เคยหวาดกลัวร่างขนหนาขนาดใหญ่เบื้องหน้ากลับกลายเป็นความรู้สึกยินดีเหมือนกับเพิ่งเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานอย่างแปลกประหลาด และอะไรสักอย่างกำลังร้องบอกผมอยู่ลึกๆว่ามันไม่มีทางทำร้ายผม!!
นัยย์ตาสีประหลาดของเจ้าหมาป่าตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกว่ามันอยากให้ผมตามมันไป และผมก็อาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ที่เดินตามมันไปอย่างว่าง่าย ขนหนาๆของมันกระเพื่อมเล็กน้อยทุกครั้งที่มันก้าวเดินช้าๆเหมือนจะรอให้ผมตามมันทัน และมีบางครั้งที่มันหันกลับมามองผมที่เดินตามมันอยู่ไกลๆอาจเพราะสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ยังคงมีความขลาดกลัวอยู่มากพอที่จะไม่ตรงลงใจเชื่อท่าทางสงบนิ่งของสัตว์สี่เท้าขนาดใหญ่ตรงหน้าจนไม่ระมัดระวังตัวใดๆเลย
.
.
.
ร่างโปร่งบางเเดินตามหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์เข้าไปในป่าสนเรื่อยๆ จนหายไปจากคลองสายตาของผู้ที่ซุ่มมองอยู่ไกลๆ ร่างสูงเจ้าของผิวสีขาวซีดราวกับปราศจากเลือดสักหยดอยู่ในกายมองเหตุการณ์นั้นด้วยอารมณ์หลายๆอย่าง มือแกร่งจับบริเวณหลังคอของเจ้าแมวขนฟูตัวป้อมแล้วยกมันขึ้นมาอยู่เสมอระดับสายตาด้วยมือเพียงข้างเดียว วงหน้าหล่อเหลาเอียงน้อยๆขณะที่มองเจ้าแมวที่จ้องสายตากลับมาผสานกับเขาอย่างไม่พอใจ แชงคูสส่งเสียงขู่ครางในลำคอเบาๆ เมื่อเสียงเข้มเอ่ยถามมันอย่างไม่เข้าใจ
"ทำไมมันไม่ทำร้ายเขา.."
แล้วทำไม..
เขาต้องโมโหที่เห็นร่างโปร่งบางเดินตามมันไป
!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ