ล็อกหัวใจไว้รักเธอ
เขียนโดย ไปรมาร์
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.00 น.
แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557 17.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตอนที่ 1 คนหน้าตาดีไม่มีวันเข้าใจ (1)(100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
** อย่าลืมกดไลค์ กดโหวต กดเม้นท์ เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะเจ้าคะ **
ล็อกหัวใจไว้รักเธอ โดย ไปรมาร์
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่มีเนื้อหาส่วนใดเป็นความจริง
บทนำ
โรงอาหารใต้คณะแพทยศาสตร์คลาคล่ำไปด้วยนักศึกษา เสียงพูดคุยกันจ้อแจ้ในยามเที่ยงตรงนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักศึกษาแพทย์เลย พวกเขายังคงคร่ำเคร่งกับการท่องตำราเรียนเล่มหนาเพื่อที่จะเข้าสอบวิชาสุดท้ายของเทอมนี้ในเวลาบ่ายโมงตรง
ในขณะเดียวกันนั้นนักศึกษาคณะอื่นที่มีสอบวันเดียวกันนี้ก็แวะเวียนมากินข้าวเที่ยงที่ใต้ตึกคณะแพทย์ด้วยเหมือนกัน เพราะนอกจากจะมีอาหารให้เลือกกินเลือกซื้อมากมายแล้ว ยังมีอาหารตาอาหารใจให้เลือกมองเยอะอีกด้วย
“เฮ้ยแก! สอบเสร็จแล้วเย็นนี้ไปฉลองที่ไหนกันดีอะ” ก๊อตจิเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหลมๆ เขาเป็นชายหัวใจหญิงที่มีผิวสีแทนเข้ม ผมหยิก สวมแว่นตาสีขาวเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครในคณะศิลปศาสตร์ไม่รู้จักเขา อีกทั้งยังพ่วงฉายาตุ๊ดผู้น่าเกรงขามต่อท้ายชื่ออีกด้วย
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องฉลองได้ไหมก๊อตจิ ยังมีวิชาผีรอให้แกสอบอยู่อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงข้างหน้าเนี่ย!” ซาร่าเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดต่างจากก๊อตจิลิบลับ เขาเป็นชายหัวใจหญิงที่รักสวยรักงามกว่าก๊อตจิสองเท่าเห็นจะได้ พิจารณาจากผมหน้าม้าที่ตรงสวยตลอดเวลา ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาไร้ความมันและหนวดเครา เพื่อนๆ ในชั้นปีให้ฉายาเขากับก๊อตจิว่าเป็นตุ๊ดคู่บารมีเอกภาษาอังกฤษ
“ก็แค่ Mythology อะแก ซีเรียสทำไม เทอมหน้าเจอวิชาเลือก ค่อยมาเครียดดีกว่าไหม ปี 4 มีแต่วิชาหนักๆ จะบ้าตาย” สุนทราภรณ์พูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย หญิงสาวเอื้อมมือไปดึงกิ๊บสีชมพูจากศีรษะก๊อตจิมาและเอามาหนีบผมหน้าม้าของตัวเองขึ้นไปจนหมด เปิดหน้าผากเปิดโหงวเฮ้งก่อนสอบ ใบหน้าเรียวเล็กผสมผสานกับเครื่องหน้าจิ้มลิ้มการันตีตำแหน่งรองดาวคณะศิลปศาสตร์ปี 3 ได้เป็นอย่างดี “แล้วนี่ทำไมยัยเมลยังไม่มาอีกเนี่ย ตอนแกโทรไปมันตื่นหรือยังก๊อต?”
“ตื่นแล้วย่ะ!” เสียงหวานดังขึ้นด้านหลังทำให้สามสาวต้องหันไปมองต้นตอของเสียง ร่างบางที่อยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนๆ ก่อนจะวางชีสปึกหนาของวิชา Mythology ลงบนโต๊ะและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ซาร่าที่เอาแต่กวาดสายตาอ่านเรื่องราวของเทพเจ้ากรีกที่กำลังจะสอบ “อาจารย์สถิตคงไม่ออกข้อเขียนหรอกใช่ไหม ไม่งั้นตายแน่ๆ”
“คิดว่าไม่ออกนะ ถ้าออกก็คงย่อยยับอะคะแนนไฟน้อล” สุนทราภรณ์พูดแล้วทำปากรูปสระอิ
“จริงเหรอ? บางทีอาจารย์อาจจะเซอร์ไพรซ์ก็ได้นะแบบว่า... นักเรียนทุกคน เอ้า วันนี้มีเซอร์ไพรซ์นะ ขอโทษที่ครูไม่ได้บอกก่อน แต่คิดว่าทุกคนคงทำได้” ก๊อตจิพูดเลียนเสียงและท่าทางของอาจารย์พร้อมกับพยักหน้าหงึกๆ อย่างที่อาจารย์ชอบทำเรียกเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ บนโต๊ะได้เป็นอย่างดี
ในขณะที่ทั้ง 4 สาวกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ไม่ได้สังเกตรอบๆ ตัวเลยว่าสายตาหลายต่อหลายคู่ต่างก็จับจ้องมาที่โต๊ะของพวกเธอ ตอนแรกก็เป็นที่จับจ้องอยู่แล้วเพราะสุนทราภรณ์ก็ถือได้ว่าเป็นคนดังของมหาลัยคนหนึ่ง อีกทั้งซาร่าและก๊อตจิยังเป็นตุ๊ดที่มีชื่อเสียงที่สุดของคณะศิลปศาสตร์ที่พวกเธอเรียนอยู่ด้วย และเมื่อมีมัลลิกามาสมทบยิ่งกลายเป็นจุดสนใจเข้าไปใหญ่ เพราะเธอเป็นถึง ‘ดาวมอ’ แม้ว่าจะอยู่ปี 3 แล้วก็ตาม
ผมสั้นปะบ่าสีน้ำตาลเข้มล้อมกรอบใบหน้าเรียวสวยได้รูป นัยน์ตากลมโตดูซุกซนอย่างเป็นธรรมชาติ จมูกโด่งเรียวด้วยเชื้อแขกขาวจากทางพ่อ ริมฝีปากเรียวเล็กสีแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวนวลของเธอชัดเจน ในยามที่มัลลิกาแย้มยิ้มนั้นทำให้โลกทั้งโลกของผู้ชายแถวนั้นเปลี่ยนเป็นสีชมพูในพริบตา
“เออนี่แก” ซาร่าเอ่ยขึ้นและวางชีสปึกหนาในมือลง “แกเคยอ่าน 7 น้ำตาเมียน้อยซูสรึป่าว?”
“7 น้ำตาเมียน้อยซูส? ฮาๆ ใครคิดตั้งชื่อเรื่องเนี่ย น่าสนใจดีแท้” สุนทราภรณ์พูดพลางขำไปด้วย
“ใช่คนที่เขาเอามาเขียนเป็นบล็อกหรือเปล่าแก ที่เล่าเป็นภาษาของตัวเองอะ ชอบตอนหนึ่งที่คนเขียนมันเขียนว่าไอโอบ่นเรื่องซูสฟันแล้วทิ้ง...” ยังไม่ทันที่มัลลิกาจะพูดจบเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น
“ยังสอบไม่เสร็จ เครียดกันมากเลยสินะคะน้องๆ”
ทั้ง 4 สาวหันไปมองที่ต้นเสียงเป็นตาเดียว เผยให้เห็นหญิงสาวร่างเพรียวบางซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษารัดติ้ว ตรีเพชร หญิงสาวที่มีใบหน้าสวยคมแบบสาวไทยแท้ยืนกอดอกและยิ้มเหยียดๆ ให้กับมัลลิกาโดยตรงอย่างไม่ปิดบังจุดประสงค์ของการสื่อสารว่าต้องการจะพูดกับใคร
“แล้วพี่เพชรล่ะคะไม่เครียดเหรอ ได้ข่าวว่าสอบ Syntax มาสองครั้งแล้ว... ไม่ผ่าน แบบนี้ระวังเป้อไม่จบพร้อมเพื่อนนะคะ” มัลลิกาพูดด้วยรอยยิ้ม
“แหม น้องเมลไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอกนะ เพราะยังไงปลายปีนี้น้องก็ต้องได้ซื้อตุ๊กตาให้พี่เป็นของขวัญรับปริญญาอยู่แล้ว” ตรีเพชรพูดยิ้มๆ “ที่พี่มาเนี่ยก็เพราะว่าเพื่อนพี่มีเรื่องสงสัย อยากจะรู้ให้หายข้องใจ” หญิงสาวบอกและปลายตาไปทางกลุ่มเพื่อนสาวที่นั่งถัดจากโต๊ะของมัลลิกาไปสามโต๊ะ
“อยากเจือก เอ้ย อยากรู้เรื่องอะไรเหรอคะ” ก๊อตจิพูดขึ้นบ้างและกระพริบตาปริบๆ ด้วยรอยยิ้ม... ใสๆ
“ก็มีข่าวลือเกลื่อนหน้าฟีด Facebook ไปหมด ว่าดาวคณะศิลปศาสตร์ที่ครองตัวโสดมานานนับ 3 ปี ตอนนี้ตกลงปลงใจคบหากับหนุ่มเนิร์ดคณะแพทย์ปี 5 ที่ตามจีบมาตั้งแต่ตอนน้องเมลเป็นเฟรชชี่จริงหรือเปล่าคะ คิกๆ” ตรีเพชรพูดและป้องปากหัวเราะคิกคัก คำพูดของเธอทำให้หลายคนที่นั่งกินข้าวอยู่บริเวณนั้นหันมามองที่มัลลิกาเป็นตาเดียว
ทุกคนเป็นอันรู้ดีว่าหนุ่มเนิร์ดที่ตรีเพชรพูดถึงนั้นคือใคร... และแน่นอนว่าเขานั่งอยู่ในโรงอาหารแห่งนี้ด้วย มัลลิกาละสายตาจากตรีเพชรมองไปยังโต๊ะริมสุดของโรงอาหารถัดจากโต๊ะของเธอไปห้าถึงหกโต๊ะเห็นจะได้
สิ่งที่เธอเห็นคือชายหนุ่มนักศึกษาที่อยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย...มาก เขาผูกไทและสวมแว่นตารูปวงกลมหนาเตอะ ด้วยความที่ผิวของเขาขาวผ่องทำให้เห็นรอยสิวแดงๆ บนใบหน้าชัดเจน วินาทีนี้เขากำลังส่งยิ้มกว้างมาให้มัลลิกาเผยให้เห็นเหล็กดัดฟันและยางสีฟ้าสลับดำ ตาตี๋ๆ ของเขาหรี่เล็กลงเสียจนมองแทบไม่เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มขณะยิ้ม เขาวางหนังสือเล่มสีเขียวในมือลงและโบกมือทักทายเธอทำให้ทุกคนหัวเราะคิกคักกันทั้งโรงอาหาร
มัลลิกาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะละสายตาจากรุ่นพี่คณะแพทย์ที่แสดงออกว่าชอบเธออย่างไม่ปิดบังและเขาก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เธอไม่มีแฟนตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสาม... แล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้ทุกคนที่คิดว่าเธอไปตอบตกลงคบกับไอ้พี่หมอแว่นหน้าสิวเขรอะนั่น
“ยิ้มให้กันจนเห็นฟันครบทุกซี่แบบนี้ สงสัยว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ” ตรีเพชรพูดก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง ท่ามกลางเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือของเพื่อนๆ ขณะที่มัลลิกาได้แต่นั่งบีบปากกาในมือเอาไว้แน่นเพื่อสกัดกลั้นอารมณ์เอาไว้ ริมฝีปากเรียวบางเม้มเข้าหากันจนแทบจะเป็นเส้นตรง
“เจือกเรื่องของคนอื่นตลอด ชะนีไร้ยางอาย...” ก๊อตจิก่นด่าพึมพำไม่หยุด ในขณะที่ซาร่ากับสุนทราภรณ์กำลังเปิด Facebook และแสดงสีหน้าหนักอกหนักใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ดับอนาถแน่ๆ เพื่อนดาวของฉัน” สุนทราภรณ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
“อะไรของแกยัยสุน” มัลลิกาเอ่ยถามด้วยใบหน้าบูดบึ้งและดึงโทรศัพท์เครื่องหรูในมือของเพื่อนสาวมาดู และแล้วนัยน์ตากลมโตของมัลลิกาก็เบิกกว้างออก สิ่งที่เธอเห็นคนในมหาวิทยาลัยแชร์ต่อๆ กันก็คือภาพที่ตัดออกมาต่อๆ กันเป็นรูปยาว มีข้อความที่เป็นสถานะขึ้นคบกันใน Facebook ของเธอกับพี่หมอเฉิ่ม มีภาพตัดต่อที่เป็นรูปคู่กัน โดยที่รูปเธอเป็นรูปสวยเอ็กซ์ตอนประกวดดาวสมัยปีหนึ่ง ส่วนรูปไอ้พี่หมอเป็นรูปหัวเราะน้ำลายไหลย้อย และอีกมากมาย...
มัลลิกากัดริมฝีปากเอาไว้และกรี๊ดออกมาเบาๆ ด้วยความโกรธระคนอับอาย หญิงสาวรู้แน่ว่าใครเป็นคนทำแบบนี้ ร่างบางตบโต๊ะเสียงดังและผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง 168 ของเธอ
“อุ้ย! แกใจเย็นๆ” ซาร่าพูดแล้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงในมือของมัลลิกามาทันที ด้วยกลัวว่าหญิงสาวจะปามันใส่หัวใครสักคนที่กำลังหัวเราะเธอ
“ฉันว่าเลิกสนใจเรื่องไร้สาระแล้วไปรอสอบที่หน้าห้องสอบดีกว่านะ” สุนทราภรณ์พูดและเตรียมจะเอื้อมมือไปหยิบชีสเพื่อนสาวในขณะก๊อตจิกับซาร่าช่วยกันเก็บของเพราะคิดว่าพายุลูกหย่อมๆ กำลังก่อตัวขึ้น
“ไม่!” มัลลิกาพูดเสียงแข็งและเดินปรี่เข้าไปที่โต๊ะอาหารของกลุ่มนักศึกษาแพทย์ปี 5 ทันทีท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของคนที่นั่งอยู่บริเวณนั้น โต๊ะเป้าหมายของเธอมีผู้ชายนั่งอยู่สองคน คือไอ้พี่หมอเฉิ่มและอีกคนคือพี่ชายแท้ๆ ของเธอ! หญิงสาวหยิบขวดน้ำที่อยู่ใกล้มือที่สุดขึ้นมาและทุบมันลงกับพื้นโต๊ะอาหารเสียงดัง
ปึก!
“เฮ้ยนี่มันอะไรกัน ชีสกูเปียกหมด...” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งโวยวายขึ้นเมื่อน้ำกระเด็นถูกชีสเรียนของเขา
“ฝีมือพี่ใช่ไหมใน Facebook น่ะ!” มัลลิกาเอ่ยขึ้นเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว
“อะไรของแกยัยเมล ฉันไปทำอะไรวะ” เมธัชเอ่ยขึ้นทำเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งที่ในใจก็รู้ว่าน้องสาวในไส้กำลังโมโหเรื่องอะไร
“น้องเมลใจเย็นๆ นะครับ พี่ขอโทษแทนไอ้มาร์ชด้วยที่มันเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเมธัชเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด มือของเขาที่ยกขึ้นมาห้ามปรามนั้นสั่นเทาเล็กน้อย มัลลิกาหันไปมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง แต่กลับกันสายตาดุๆ ของหญิงสาวกลับทำให้เขารู้สึกเขินมาก... เนื่องจากไม่บ่อยนักที่เขาจะได้มองสบตาเธอในระยะใกล้เผาขนแบบนี้
“ขอโทษทำไมวะไอ้ต้น ความจริงยัยเมลมันก็สนใจแกอยู่เว้ย แต่มันแอ๊บ” เมธัชพูดเพื่อแกล้งน้องสาวต่อไป หารู้ไหมว่าคำพูดของเขาทำให้มัลลิการู้สึกอับอายแค่ไหนในขณะที่โดนทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เม้าท์ให้แซดผ่านทาง Facebook
“ไอ้พี่มาร์ชบ้า!” มัลลิกาทนไม่ไหวฟาดมือทั้งสองข้างเข้าไปที่หัวไหล่ของผู้เป็นพี่ชายเต็มแรงหลายๆ ทีและไม่มีท่าว่าจะยอมหยุดง่ายๆ ชายหนุ่มที่นึกว่าตนเป็นต้นเหตุจึงไม่อาจทนดูเฉยๆ ต่อไปได้ เขาจึงลุกจากที่นั่งและกอดรัดตัวร่างบางออกมาเพื่อไม่ให้ทำร้ายร่างกายเพื่อนสนิทเขาซึ่งก็คือพี่ชายของเธอ ภาพที่มัลลิกาถูกรุ่นพี่หมอสุดเฉิ่มกอดนั้นถูกแชร์ไปตามโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด! ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า! มีสิทธิ์อะไรมากอดฉันแบบนี้ ปล่อยฉัน!” มัลลิการ้องโวยวายและดิ้นสุดแรงเกิดเพื่อให้เขาปล่อยเธอและด้วยแรงดิ้นของหญิงสาวนั้นทำให้เขาและเธอล้มลงไปบนพื้นหญ้าด้วยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ แก้มนวลเนียนของมัลลิกากระแทกลงบนริมฝีปากของร่างสูงอย่างแรงจนหญิงสาวรู้สึกได้ว่าเหล็กดัดฟันของเขามันขูดแก้มเธอ...
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็กรูกันเข้ามาเพื่อถ่ายรูปและมุงดู... หลายวินาทีกว่าที่มัลลิกาจะตั้งสติได้และลุกขึ้นจากตัวของชายหนุ่มรุ่นพี่ เมธัชที่เพิ่งลุกจากโต๊ะผ่าฝูงชนเข้ามาเพื่อดูอาการน้องสาวนั้นนิ่งไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าหยดน้ำใสๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของมัลลิกา
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค้าบบบบบ
ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเม้นท์ติดชมได้นะคะ
ผลงานเรื่องอื่นๆ จิ้มตามลิงค์เลยจ้า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ