นางพญาปิศาจจิ้งจอก

8.0

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.18 น.

  21 ตอน
  11 วิจารณ์
  29.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 16.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 ตาลจี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 ตาลจี

 

นางตาลศรี ภรรยาของจีรัญเศรษฐีร้องลั่นจากท้องแก่ใกล้เกิดของนาง

“รีบตามหมอตำแยเร็ว” จีรัญเศรษฐีร้องสั่งคนใช้เสียงหลงด้วยความตื่นเต้นตกใจระคนดีใจกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น จีรัญเศรษฐีพานางตาลศรีไปเทวสถานกลับมานางก็เจ็บท้องแก่ทันที ทั้งที่หมอตำแยบอกว่าระยะการคลอดน่าจะไม่เกินเดือน แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรไม่เห็นจะสำคัญ จีรัญเศรษฐีกำลังจะได้ลูกที่รอคอยมาเสียนาน

“แม่หมอมาแล้วเจ้าค่ะ” คนใช้รีบวิ่งกึ่งจูงกึ่งลากแม่หมอตำแยเข้ามา

“โปรดช่วย เมียฉันด้วยเถิด” จีรัญเศรษฐีพนมมือไหว้และรีบเชิญหมอเข้าไปข้างในทันที

“เจ็บท้องอย่างนี้ท้องแรกล่ะซี” แม่หมอพยักหน้าหงึกๆแล้วปลอบทั้งนางตาลศรีและจีรัญเศรษฐี “ไม่ต้องห่วงดอก อีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เจ็บมากอย่างนี้ลูกต้องแข็งแรงแน่”

นางตาลศรียิ้มและจับผ้าแพรที่แม่หมอขึงให้ จีรัญเศรษฐีถูกเชิญให้ออกไปจากห้อง

 

ไม่ช้า แม่หมอก็ออกมาด้วยรอยยิ้มและเรียกให้จีรัญเศรษฐีเข้าไปในห้อง

“เป็นอย่างไรบ้าง แม่ตาลศรี” จีรัญเศรษฐีถามภรรยาที่น้ำหูน้ำตาไหลอาบหน้าใบหน้าขาวซีดเนื่องจากเสียเลือดจนเกือบตาย นอนระโหยโรยแรงแต่ยิ้มแก้มปริมองไปยังลูกตัวน้อยที่ร้องไห้เสียงดังจ้า

จีรัญเศรษฐีมองภาพนี้ด้วยความปลาบปลื้มน้ำตาแห่งความปีติไหลอาบแก้มผู้ซึ่งเป็นพ่อคนหมาดๆ

“เป็นเด็กผู้หญิงค่ะท่านพี่” น้ำเสียงของนางผิดหวังแต่รอยยิ้มไม่ได้จางหายไปเลย

“ผู้หญิงสิดี น้องจะได้มีเพื่อนคุยแก้ทุกข์เหงาตอนพี่ไปค้าขายทางไกลต่างบ้าน ทั้งน้องจะได้สอนงานบ้านงานเรือนเพื่อเป็นศรีภรรยาที่ดีอย่างน้องในอนาคตนั้นไงเล่า” จีรัญเศรษฐีบอกจากใจจริง เขารู้สึกรักทารกสุดหัวใจแม้จะเพิ่งได้พบเจอ แม้จะไม่ได้พูดคุยแต่จีรัญเศรษฐีรู้สึกว่าตัวนั้นยอมตายแทนทารกนี้ได้ทุกเมื่อ

นั่นก็คือความรู้สึกของพ่อแม่ทุกคนที่มีต่อลูก

“นางมีปานด้วย” แม่หมอแง้มผ้าห่อให้เห็นตรงเอวของทารกน้อย มันเป็นปานรูปสัตว์อะไรสักอย่างขดตัวนอนอยู่

“นางต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดอย่างแน่นอน” จีรัญเศรษฐีร้องลั่นอย่างดีใจ “น้องปรารถนาสิ่งใดเป็นรางวัลบอกพี่มาเถิด นอกจากจากเดือนดาวตะวัน พี่จะหามาให้หมด”

“น้องมีประสงค์เพียงสิ่งเดียว” นางตาลศรียิ้มและมองทารกน้อยด้วยรักใคร่ “ให้นางชื่อตาลจีเจ้าค่ะ”

 

บรรดามิตรสหายของจีรัญเศรษฐีทยอยมาเยี่ยมในเวลาต่อมา ต่างคนต่างขอดูปานและตีความเป็นสัตว์ต่างๆนาๆว่า สิงห์บ้าง นาคบ้าง หงส์บ้าง ที่นอนขดอยู่ตรงเอวทารกน้อย มิตรสหายเมื่อกลับไปต่างทำมาค้าขึ้นราวมหัศจรรย์ แต่เทียบมิได้กับ จีรัญเศรษฐีที่ค้าขายดีจนทรัพย์สินเพิ่มพูนขึ้นจากสิบโกฏิ เป็นร้อยโกฏิในพริบตา

ทุกคนต่างเชื่อว่าทารกนั้น นำโชคลาภวาสนามาให้ ผู้คนต่างหลั่งไหลไปเยี่ยมเยียนจีรัญเศรษฐีและต่างออกปากขอชมปานของทารกตาลจีนั้น

 

เรื่องราวทั้งหมดผ่านล่วงมาแล้วสิบปี ตาลจีเป็นเด็กหญิงที่ได้รับการเอาอกเอาใจ ตามใจทุกสิ่งอย่างมีคนรับใช้ทำให้ทุกเรื่อง ตาลจีถูกตามใจจนเป็นเด็กที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ทว่านางก็เคารพเชื่อฟังบิดามารดา เป็นที่ยกย่องของคนทั่วไป ซึ่งนางก็ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่นางต้องการ

แต่ท้ายที่สุดนางก็ประสบความผิดหวังเป็นครั้งแรกในชีวิต

“แม่จ๋า แม่อย่าตายนะ” ตาลจีร่ำไห้ใจแทบขาด ข้างเตียงของนางตาลศรี

“อันคนเราเกิดแล้วจักต้องตายเป็นธรรมดาของโลก” นางตาลศรีเอ่ยปลอบลูกสาวแม้จะกุมมือแล้วร้องไห้ “อย่าได้โศกเศร้าเลยลูกแม่..... แม่ขอแค่นี้ได้ไหม.....”

ตาลจีพยักหน้าแต่ก้มหน้าลงแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อไป ใครเล่าจะไม่เสียใจได้ถ้าคนที่ตัวเองรักกำลังจะตาย ตาลจีคิดในใจ

“นี่คือความเสียใจหรือ”

ตาลจีรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขยับต้องเอวของนาง แต่นางไม่สนใจและยังคงร้องไห้ต่อไป

 

จีรัญเศรษฐีรีบกลับมาจากไปค้าขายที่ต่างเมืองหลังจากได้รับข่าวว่านางตาลศรีป่วยหนัก

แต่ก็ช้าไปสองเดือน

จีรัญเศรษฐีพาตาลจีไปยังแม่น้ำและเอาอังคารของนางตาลศรีไปลอย ตาลจีนั้นไม่ยอมคุยกับบิดาของตนแม้แต่คำเดียวตั้งแต่จีรัญเศรษฐีกลับมา

“แม่ตาลศรี โปรดอภัยให้พี่เถิดที่มาช้าไป พี่เมื่อทราบข่าวก็รีบกลับมาแต่ระยะทางนั้นไกลเกินไป จึงได้มาช้าแบบนี้” จีรัญเศรษฐีพูดทั้งน้ำตา

“ดีที่ลูกตาลจี เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของบ้านไม่งั้นงานศพของน้องคงเสียพิธีไป ลูกของเรานั้นพึ่งพาได้จริงๆ”

ตาลจียิ่งรู้สึกไม่อยากคุยกับบิดาของนางมากขึ้น

“ตาลจี ตั้งแต่กลับมาลูกไม่เคยคุยกับพ่อเลย ลูกโกรธหรือ ที่พ่อกลับมาไม่ทันดูใจแม่” จีรัญเศรษฐีถามทั้งน้ำตาแลเสียงสะอื้น

ตาลจีส่ายหน้าแล้วก้มหน้านิ่ง นางเข้าใจถึงเหตุผลของบิดา แต่ตาลจียอมรับไม่ได้จริงๆ

“นี่คือความโกรธหรือ”

ตาลจีโกรธเสียจนไม่ใส่ใจปานที่เต้นระริกอีกครั้ง

 

เมื่อผ่านมาได้สองปี ตาลจีที่อายุเพียงสิบสองก็เป็นหัวหน้าของบ้านเมื่อบิดาไม่อยู่ นางยอมคุยกับบิดาเพราะสงสารบิดาที่ต้องตรากตรำทำงานหนัก และเสียภรรยาทั้งที่ยังหนุ่ม นางจึงรับหน้าที่ของมารดาจัดแจงระเบียบงานในบ้านอย่างที่มารดาเคยทำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง บิดาของนางชื่นชมในความขยันขันแข็งของนาง แต่กระนั้นนางตาลจีก็ยังคงเห็นบิดาของนางง่วงเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่ดี

“ท่านเศรษฐีกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” คนรับใช้วิ่งมาบอก ตาลจีรีบเดินไปสั่งให้เตรียมน้ำท่าพัดวีและรีบเดินลงไปต้อนรับบิดาหลังจากไปค้าขายต่างเมืองนานนับห้าเดือน

“อ้า ตาลจีมาแล้วนั่น มาทางนี้สิลูก” จีรัญเศรษฐีเรียกตาลจีอย่างสดชื่นร่าเริงดังครั้งที่นางตาลศรียังมีชีวิตอยู่“ตาลจี ไหว้แม่กัจษมา สิลูก”

ตาลจียืนนิ่งอึ้ง มองผู้หญิงที่บิดาแนะนำให้

“กัจษมา จะมาช่วยทำงานเดิมของตาลศรีเอง ลูกจะได้ไม่เหนื่อยเกินไปไงเล่า” จีรัญเศรษฐีบอกพร้อมกับให้นางกัจษมาไปพัก ก่อนจะเรียกตาลจีข้าไปใกล้ๆแล้วถามว่า “ลูกว่าอะไรพ่อไหมที่พ่อมีเมียใหม่”

ตาลจีส่ายหน้า นางไม่ว่าอะไรหรอก เพราะอะไรก็ตามที่ทำให้พ่อมีความสุขนางก็ต้องยอม แต่ไม่ทราบด้วยประการใด นางไม่ชอบขี้หน้าของยัยกัจษมาเสียเลย

“นี่คือความเกลียดหรือ”

ไม่ได้เกลียดแค่ไม่ชอบต่างหาก

“นั่นมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก”

ตาลจีตีปานที่เต้นระริกให้หยุดเสียที แต่นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก และปานยังคงเต้นระริกต่อไป

 

ผ่านไปไม่ถึงปี กัจษมาก็ให้กำเนิดลูกชาย จีรัญเศรษฐียินดีเป็นยิ่งนัก จัดงานรื่นเริงทั้งตำบลและแจกจ่ายเงินให้กับเด็กชายที่เกิดวันเดียวกับลูกชายนั้น จีรัญเศรษฐีตั้งชื่อให้กับเด็กชายนั้นว่า วิสุทธิชัยพร

ราวกับ วิสุทธิชัยพร เป็นเทพมั่งคั่งมาบังเกิดในครอบครัวจากที่จีรัญเศรษฐีมีทรัพย์ร้อยโกฏิก็กลายเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์ถึงสิบหมื่นโกฏิ เพราะเหตุบังเอิญจาก วิสุทธิชัยพร ชี้ไปยังทิศตะวันตก จีรัญเศรษฐีจึงเสี่ยงไปค้าขายที่ประเทศนั้น ปรากฏว่าสินค้าเครื่องเทศมีราคาราวกับทองคำ ณ ประเทศนั้น ทำให้จีรัญเศรษฐีทั้งรักและหวงแหน วิสุทธิชัยพรเป็นอันมาก ถึงกับปลูกเรือนสามฤดูให้พักอาศัย ต่างกับตาลจีซึ่งย่างเข้าสิบสามปีที่ราวกับถูกบิดาของนางลืมไป

ตาลจีมักจะมอง วิสุทธิชัยพร จากหน้าต่างห้องของตนขณะเรียนงานบ้านของผู้ฝึกฝนเป็นภรรยาที่ดี ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

“นี่คือความอิจฉาริษยาหรือ”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งในใจของนาง

เปล่าเสียหน่อย ตาลจีคิด วิสุทธิชัยพร ทำให้บ้านเรามั่งคั่ง ทำไมเราต้องอิจฉา

“ลูกชายใครๆก็เอาไว้สืบสกุล ลูกหญิงเดี๋ยวก็แต่งออกไป แล้วเจ้าจะได้อะไร” เสียงนั้นกระแนะกระแหนราวกับเยาะเย้ยตาลจี

ตัวเรารูปกายก็ดี รูปโฉมก็งาม แลเป็นลูกเศรษฐีใหญ่ นานไปคงจะได้แต่งงานกับบุตรเศรษฐีสักคน ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน

“แต่เจ้าก็อิจฉา ไอ้เด็กนั่นอยู่ดี เพราะพ่อเจ้ารักมันมากกว่าเจ้า”

เสียงนั้นบอกพร้อมหัวเราะเย้ยหยัน ปานของตาลจีเต้นระริกอีกครั้ง

 

ผ่านไปอีกสามปี ตาลจีย่างสิบหก นางออกเดินเล่นที่ตลาด บิดาของตาลจีออกเดินทางไปค้าขายอีกครั้ง นางเองก็ไม่ได้อยากอยู่บ้านนั่งดูคนใช้พะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ วิสุทธิชัยพร หรือนั่งเรียนงานบ้าน ให้แม่เลี้ยงนั่งยิ้มเยาะ

ด้วยรูปโฉมและกิริยาท่าทางของตาลจี เป็นที่ต้องตาต้องใจของชายหนุ่มทั่วอาณาจักร แม้หญิงสาวด้วยกันก็รักใคร่ เพราะตาลจีเป็นคนสวยเจรจาอ่อนหวานสำนวนก็อุดมด้วยปัญญา พ่อค้าแม่ขายต่างรักใคร่ในตัวตาลจีทั้งนั้น

ตาลจีเดินไปนั่งศาลากับบรรดาเพื่อนหญิงร้อยมาลัยเล่น แต่ต่างกับเพื่อนบางคนของนางที่รอให้กลุ่มชายหนุ่มมานั่งเกี้ยว เป้าหมายในการเกี้ยวเป้าหมายแรกจะเป็นตาลจีเสมอ แต่เมื่อเกี้ยวไม่สำเร็จก็จะเปลี่ยนไปเกี้ยวเพื่อนหญิงคนอื่นๆที่สวยรองลงมา และแน่นอนว่าผู้หญิงเหล่านั้นปัญญาย่อมด้อยกว่ารูปโฉมจึงเป็นใจให้ผู้ชายนั่งเกี้ยวตามสบาย

ตาลจีนั่งได้สักพักก็เบื่อ นางจึงออกเดินเล่น ณ ชายทุ่ง นั่งมองบรรยากาศที่แสนสบาย ณ ทุ่งดอกไม้ ตาลจีนึกครึ้มใจรอยพวงมาลัยดอกไม้เป็นสร้อยแลมงกุฎ

“คงเป็นนางฟ้า หรือนางไม้เป็นแน่ที่มานั่งโดดเดี่ยวร้อยมงกุฎเช่นนี้” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง

ตาลจีสะดุ้งหันไปมอง ก็พบชายหนุ่ม ผิวคล้ำหน้าตาคมสันห่มนุ่งหนังสัตว์ร่างกายกำยำยืนอยู่ห่างๆส่งยิ้มให้

“ปากหรือ ที่เจรจาว่าผู้อื่นดังนี้” ตาลจีตอบกลับไป

“ข้าชมนางว่า งามราวนางฟ้าแลนางไม้ ไยนางไม่ต้องใจหรือ”

“อันนางฟ้านั้นเป็นได้เพียงสนมของเหล่าเทพ หาใช่เทวี เราต้องการไม่ -- แลนางไม้เป็นเพียงสิงสู่ต้นไม้ไร้คู่เรียงเคียงหมอน ดังนี้แม้ทั้งสองจะงามเพียงไรก็หามีประโยชน์อันใดไม่”

“นางเจรจาดังนี้ ราวกับปรารถนาจะมีสามี”

“เป็นธรรมดาของหญิง ที่ปรารถนาจะมีสามีที่ยิ่งใหญ่ อันตัวเราก็เช่นกัน หากแม้ท่านจะเกี้ยวเรานั้นไม่ควร เพราะเรามิปรารถนาจะเป็นภรรยาของงูดิน หากแต่เป็นภรรยาของนาค นั้นเล่า”

ตาลจีพูดดังนี้แล้วหันไปร้อยดอกไม้ต่อ เพราะคิดว่าสำนวนนั้นคงจะไล่ให้ชายหนุ่มนั้นถอยไปแล้ว แต่ชายหนุ่มนั้นไม่ได้จากไปไหน เขาเดินมาและนอนลงใกล้ๆตาลจีก่อนจะยิ้มยั่วแล้วกล่าวว่า

“อันตัวข้านั้น หาได้เกี้ยวนางไม่ หากแต่ต้องการสนทนากับผู้มีสติปัญญาต่างหากเล่า”

ตาลจียิ้มตอบและว่ากลับว่า “หากท่านเป็นผู้มีปัญญาจริงดังคำว่า ควรหรือ มานอนคุยใกล้ชิดสนิทสนม ดังคนสนิทชิดเชื้อเช่นนี้”

ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นขออภัยและเดินออกไปนั่งห่างหน่อย “นางเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไฉนเจรจาฉลาดเฉลียวนัก”

“นามนั้นคือ ตาลจี บุตรีของจีรัญเศรษฐี”

“มิน่าเล่า จากคำเล่าลือ ข้านั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บัดนี้ข้าประจักษ์กับตาแล้วว่าสติปัญญาของนางมิได้ด้อยกว่ารูปโฉมเลย”

“ปากก็ว่ามิได้เกี้ยว แต่สำนวนท่านเกี้ยวข้าอยู่ รู้หรือไม่” ตาลจีหัวเราะให้กับชายหนุ่มที่เกาหัวอย่างเก้อเขิน “แล้วท่านเล่า เป็นใครมาจากที่ใด”

“ตัวเราชื่อ สินธุ เป็นนายพราน หากินในป่าใกล้ๆนี้”

“อย่ากล่าวคำลวงเลย ป่าใกล้ๆนี้ เราประจักษ์อยู่ว่ามี พรานมหะ เป็นหัวหน้า แลพรานนั้นจะมีสุนัขล่าเนื้อติดตามเสมอ หากคำท่านเป็นจริงไยไม่เรียกสุนัขล่าเนื้อให้ข้าดูหน่อยเล่า”

ชายหนุ่มหน้าอึ้ง ก่อนจะหัวเราะแล้วล้มตัวนอนลง

“เรายอมนางแล้ว อันเรานั้นคือ สินธุราชกัณฑ์ โอรสท้าว สินธุราชสิทธิ์ นครสินธุ เราปลอมตัวมาเพื่อหาหญิงที่ควรเป็นภรรยาของเรา” โอรสท้าวสินธุราชสิทธิ์ หยุดฟังเสียงตาลจีที่นิ่งฟังอยู่ “หากเราจะสู่ขอเจ้า จะว่าประการใด”

“โบราณว่า ผู้ด่วนได้ใจเร็วจะเจ็บใจ ไยพระองค์ไม่ลองหาสตรีอื่นหมื่นแสนที่รูปโฉมดีกว่าข้าพระองค์ ปัญญามากกว่าข้าพระองค์กระนั้นเล่า” ตาลจีพูดพลางลุกขึ้นจะเดินหนี

สินธุราชกัณฑ์ลุกขึ้นและฉุดมือตาลจีไว้แล้วกล่าวว่า “นางคงแคลงใจเราอยู่กระมัง เช่นนั้นจงรับกำไลประจำตัวเรานี้ไปและให้ช่างดูเถิด หากเราไม่ได้กล่าวคำสัตย์ครานี้ขอให้ฟ้าผ่าเราให้ตายสิ้นเสียเถิด”

ตาลจีรับกำไลมาไว้โดยดีและถวายบังคมลา สินธุราชกัณฑ์ บอกว่า พรุ่งนี้เราจะมารอ ณ ที่เดิม ตาลจีพยักหน้าและเดินจากมา ตาลจีเดินเข้าไปในเมืองและมองกำไลที่สลักลวดลายงามสง่า นางลองสวมมันดูตรงมือข้างที่สินธุราชกัณฑ์ฉุดไว้และพบว่ามันยังคงอุ่นไอมือของสินธุราชกัณฑ์อยู่ ตาลจียิ้มหน่อยๆเมื่อนึกถึงใบหน้าของสินธุราชกัณฑ์

ปานของตาลจีเต้นตุบดังในอกของนาง

“นี่คือความรักหรือ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา