ตำนานรักแห่งสายลม
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.38 น.
แก้ไขเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 20.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) บทที่ 18 ด่านพรายน้ำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากที่เจ้าชายเซตนอนพักเอาแรงพอสมควรแล้ว จึงหันมามององครักษ์คนสนิทที่ยังคงเมาค้างอยู่ เค้าทำได้เเต่ส่ายหน้า"ยังคออ่อนไม่เปลี่ยนเลย"แต่ต้องยอมรับว่า เหล้าของอาณาจกรโคเทียนี่เยี่ยมจริงๆ
เซตลงมาจากชั้นสองก็พบว่าท่านผู้รู้กำลังนั่งอ่านตำราอยู่
"ขออภัยที่ต้องรบกวนเวลาอ่านตำราของท่าน ท่านผู้รู้"
ผู้รู้ละจากตำรา"มีอะไรกับข้ารึ เจ้าชาย"
"เด็กผู้หญิงที่มากับข้านางอยู่ไหนแล้ว"
"นางออกไปเดินเล่นที่ชายหาดแล้ว อากาศกำลังสบาย"
เซตมองออกไปนอกประตูก็พบว่าเด็กสาวผู้ใช้มนตรากำลังเดินเล่นอยู่ริมหาดอยู่ไม่ไกล ในตอนนี้นางได้ปลดผ้าคลุมยาวออกแล้วนำมาถือไว้แทน และได้ปลดกระดุมคอเสื้อไปสองเม็ดเพื่อคลายร้อน เจ้าชายเเห่งเฮลเทียจึงเอ่ยถามผู้รู้"ท่านผู้รู้ ข้าขอถามอะไรหน่อยสิ"
"ว่ามาสิ ท่านเซต ข้ายินดีจะตอบท่าน"
เซตสูดลมหายใจไปทีหนึ่ง"ผู้ใช้มนตรากับคนธรรมดาจะรักกันได้รึเปล่า จะอยู่ร่วมกันได้รึไม่"
ผู้รู้ปิดตำรา"ได้สิ ความรักน่ะมันชอบเล่นตลก หากแต่ทุกๆคนย่อมมีบ้านเกิด และไม่อาจจะบ้านเกิดมาได้ จนเกิดความกลัวเมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่"
"งั้นเหรอครับ ถ้าหากเราสามารถก้าวข้ามความกลัวนั้นได้ล่ะครับ"
"ก็มีโอกาสอยู่แล้ว ทำไมเจ้าชายถึงถามข้าเช่นนี้"
"ไม่มีอะไรหรอกท่านผู้รู้ ข้าขอไปเดินเล่นสักหน่อยกว่าเพื่อนของข้าจะสร้างเมาคงอีกสักพัก"
ทางด้านอาเรนเทียที่ตอนนี้กำลังเดินเล่นริมหาดรับลมทะเล
เจ้าหญิงแห่งแดนมนตรายืนนิ่งรับฟังบทเพลงที่คลื่นน้ำและกำลังบรรเลงบทเพลงจากธรรมชาติ ลมทะเลได้พัดมากระทบตัวทำให้คลายร้อนได้มาก เจ้ามังกรสีดำตัวน้อย บันบันก็บินเข้ามาคลอเคลียไม่ต่างจากแมวเลย มันกลายเป็นภาพที่น่ารักสำหรับเซต ที่ตอนนี้ได้ปลดผ้าคลุมของตนแล้วนำมาถือไว้ เค้ามองมาที่เด็กสาวผู้ใช้มนตราด้วยสายตาที่เปี่ยมสุข
"ท่านเซต"เสียงหวานของร่างบางที่กำลังเล่นกับมังกรร้องเรียกทำให้เจ้าชายเซตหลุดจากภวังค์
"มีอะไรรึเทีย"
"ท่านพักผ่อนพอแล้วเหรอ"
"ยังไม่พอมั้ง ก็เห็นอยู่ว่าข้าพักผ่อนพอแล้ว"
อาเรนเทียหน้าหงิกเล็กน้อย"ข้าถามท่านดีๆนะ แล้วท่านวินเนียสยังไม่สร่างเมารึ"
"ยังหรอก คงอีกสักพัก"
"ท่าทางจะคออ่อนน่าดู ไม่เหมือนท่านนะ"
"ก็ข้าแค่จิบไปหน่อยเดียวแต่เจ้านั่นเล่นกระดกเสียหมดแก้ว"
อาเรนเทียไม่ได้เอ่ยอะไร จึงหันไปเล่นกับบันบันแทน แล้วลอยๆขึ้น"ความจริงข้าอยากจะออกเดินทางหลังเที่ยงนะ เพราะท่านผู้รู้บอกว่าเราต้องผ่านด่านพรายน้ำ"
"ด่านพรายน้ำ?"
อาเรนเทียเอ่ยเสียงเคร่ง"ด่านนี้ทำให้พวกผู้ชายเอาชีวิตไปสังเวยมามากมายแล้ว"
"ทำไมต้องผู้ชายล่ะเทีย"
อาเรนเทียเดินเข้าไปกระซิบ"ก็เพราะพรายน้ำพวกนั้นเป็นผู้หญิง มันต้องการพลังชีวิตของผู้ชายยังไงล่ะ"ว่าจบก็ตรงเข้าไปในกระท่อม
สักพักหลังจากที่วินเนียสสร่างเมา ทั้งสามก็รับประทานอาหารร่วมกับท่านผู้รู้แล้วออกเดินทางต่อในการเดินทางนั้นลมเป็นใจ ทำให้เรือสำเภาลำน้อยแล่นได้เร็วขึ้น อาเรนเทียมองทิศทางลมแล้วเอ่ยขึ้นพลางมองแผนที่"ถ้าลมเป็นใจให้อย่างนี้เราจะผ่านด่านพรายน้ำได้ก่อนค่ำแน่"
วินเนียสในตอนนี้ทำหน้าที่บังคับเรือ โดยมีเซตคอยใช้กล้องส่องทางไกล"วินเนียสระวังด้วยข้างหน้ามีโขนหิน"
สักพัก..สำเภาน้อยก็แล่นมาสู่หน้าด่านพรายน้ำ เป็นช่องแคบที่เต็มไปด้วยโขดหิน ซากเรือและโครงกระดูกของเหล่ากะลาสีที่เอาชีวิตมาทิ้ง เวลานี้ก็เย็นแล้ว...
เซตหันมาถามเด็กสาวผู้ใช้มนตรา"เราอ้อมไปได้ไหม"
อาเรนเทียมองเเผนที่"ไม่ได้ หากเราอ้อม เราได้ไปเจอพวกโจรสลัดแน่ มันไม่อันตรายกว่ารึ แถมเราต้องเสียเวลาตั้งสองวันอีก"
วินเนียสจึงแบ่งหน้าที่"งั้นข้าจะเป็นคนขับเรือเอง ส่วนท่านเซตและเทียก็คอยดูข้างๆว่ามีโขดหินรึไม่ ดีไหม"
"ดี/เห็นด้วย"
เมื่อทั้งสามตกลงกันแล้วจึงแยกย้ายกันทำตามหน้าที่ของตน ในการแล่นเรือผ่านด่านพรายน้ำนั้นถือว่าผ่านลำบากพอสมควรเพราะสองข้างทางมีแต่โขดหินและซากเรือเก่าๆมากมาย องครักษ์ผิวเข้มต้องใช้สมาธิและพละกำลังมากมายในการบังคับเรือให้หลบโขดหินที่อาจทำความเสียหายกับตัวเรือได้ พอแล่นผ่านเข้าไปในช่องแคบเซตก็พบกับร่างบอบบางของสตรีที่นั่งอยู่บนโขดหินโดยไม่รู้สึกตัว เจ้าชายเซตก็ทำท่าจะกระโจนพรวดลงน้ำ แต่ยังดีที่ จอมเวทย์สาวได้จับบ่ารั้งไว้ก่อน
อาเรนเทียเอ่ยเสียงเครียด"พวกมันมาแล้ว"
วินเนียสที่บังคับเรืออยู่ถาม"พวกมัน?"
"พรายน้ำ"ว่าจบอาเรนเทียก็จูงมือเซตมาที่พังงาเรือ แล้วถามด้วยความห่วง"ท่านเป็นยังไงบ้าง ท่านเซต"
"ไม่เป็นไร ผู้หญิงพวกนั้นเหรอคือพรายน้ำ แยกไม่ออกเลยนะ เหมือนคนจริงๆ"ว่าจบเจ้าชายแห่งเฮลเทียก็มองไปยังสองข้างทางที่ตอนนี้เต็มไปด้วยดรุณีโฉมยงที่ไร้อาภรณ์ปกปิดกายมีเพียงเส้นผมที่ยาวเท่านั้นที่คอยปกปิดของสงวน กำลังส่งยิ้มหวานอย่างเชิญชวน
อาเรนเทียส่ายหน้า"งั้นพวกท่านมาดูร่างจริงของมันไหมล่ะ"ว่าจบเด็กสาวก็ร่ายมนต์สั้นๆ สองหนุ่มต่างฐานะจึงได้เห็นร่างจริงของนางพรายน้ำนั้นจากดรุณีโฉมงามก็กลายเป็นนางปีศาจที่มีใบหน้าที่อัปลักษณ์และน่ากลัวกำลังฉีกยิ้มให้ เซตหันมาถามจอมเวทย์สาวทันที"ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ"
"เพราะข้าเป็นผู้หญิง มันไม่สนใจหรอก พวกมันกินพลังชีวิตของผู้ชายเป็นอาหาร นี่เป็นสาเหตุที่พวกกะลาสีเอาชีวิตมาทิ้งยังไงล่ะ"
วินเนียสออกความเห็น"ข้าว่าเรารีบออกไปจากที่นี่เถอะ"
"คงจะยากนะวินเนียส"
วินเนียสถามทันที"ทำไมรึเทีย"
เซตเป็นผู้ตอบเสียเอง"วินเนียสข้าว่าเราเจอปัญหาซะเเล้ว"ว่าจบก็ชักดาบออกมา
องครักษ์ผิวเข้มมองไปข้างหน้าก็พบปีศาจที่ท่อนบนเป็นหญิงสาวผมสีดำตาสีเหลืองผิวขาวซีด ท่อนล่างเป็นงูสีแดง มันมาขวางทางออกไว้เสียแล้ว
"ฮี่ๆๆๆ ไม่นึกว่าจะเจอเหยื่อชั้นดีเยี่ยงนี้"
เซตดึงแขนเด็กสาวผู้ใช้มนตราให้หลบหลังตนหากแต่จอมเวทย์สาวกลับก้าวเข้าไปประจันหน้า และนำมีดสั้นสีเงินออกมา เซตร้องเตือนด้วยความห่วง"เทียมีดสั้นปราบมันไม่ได้หรอก"
"ข้าจะจัดการเอง วินเนียสท่านคอยบังคับเรือนะ ส่วนท่านเซตท่านคอยช่วยคุ้มกันข้าด้วยข้าด้วย ข้าต้องการสมาธิ"
"ได้"
จากดาบเงินสั้นในมือของเด็กสาวก็แปรเปลี่ยนเป็นคฑารูปมังกรสีเงินแทน อาเรนเทียกระชับคฑาในมือ ส่วนเซตก็มายืนข้างๆ ทำหน้าที่คุ้มกัน
นางปีศาจงูใช้หางงูเข้าจู่โจม งูมากมายพุ่งเข้ามาเซตต้องใช้ดาบสังหารเจ้างู ส่วนอาเรนเทียในตอนนี้กำลังรวบรวมสมาธิแล้วเริ่มร่ายเวทย์
เซตต้องคอยต้านงูร้ายที่นางปีศาจส่งมา วินเนียสต้องเข้าช่วยผู้เป็นนาย
วินเนียสตะโกนถามในขณะที่มือกำลังฟาดฟันเจ้างูร้าย"เทียเร็วเข้าหน่อย พวกเราจะต้านไม่ได้แล้ว"
อาเรนเทียจึงร่ายมนต์ให้ตัวเองลอย แล้วบินหลบหลีกการโจมตีของนางปีศาจแล้วจัดการฟาดคฑาตัดคอนางปีศาจร้าย จอมเวทย์สาวเปลี่ยนคฑาเป็นมีดสิ้นอย่างเดิม แล้วถอยออกมาที่พังงาแล้วร้องตะโกน"หาที่ยึดเร็ว!" อาเรนเทียรีบหักเรือหลบร่างของนางปีศาจที่ล้มลง เมื่อร่างของนางปีศาจล้มลงทำให้คลื่นน้ำกระเพื่อมเป็นแรงส่งให้เรือสำเภาแล่นออกจากช่องแคบได้เร็วขึ้น พอออกมานอกด่านพรายน้ำได้ ทำเอาจอมเวทย์สาวแทบหมดเเรง เซตหันกลับไปมองด้านหลังพบว่าซากงูนั้นได้กลายเป็นก้อนเนื้อเหลวๆและน้ำทะเลแทบนั้นถูกย้อมด้วยสีแดงของโลหิตของนางปีศาจร้าย วินเนียสเข้าไปพยุงจอมเวทย์สาวที่นั่งเข่าอ่อนของตรงพังงา"ไม่เป็นไรนะ"
"อืม ข้าไม่นึกว่าต้องใช้พลังมากมายขนาดนี้"
เซตอาสา"เดี๋ยวข้าพาเทียไปพัก ส่วนเจ้าก็บังคับเรือต่อก็แล้วกันนะ วินเนียส"
"พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย"
เซตจึงประคองเด็กสาวผู้ใช้มนตราไปพักที่ห้อง เจ้าชยแห่งเฮลเทียสังเกตว่าสีหน้าของจอมเวทย์สาวดูอิดโรยจึงไม่อยากซักถามอะไรอีก"พักสักหน่อยนะเทีย"
ร่างบางไม่เอ่ยอะไรเดินเข้าห้องไปแต่โดยดี พอเข้าห้องมาแล้ว เจ้าหญิงแห่งคาลาสต้องล้มตัวลงบนเตียง เรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ"ไม่นึกว่าจะใช้พลังเวทย์มากขนาดนี้"...เหตุมาจากท่านพี่อาเรสคนเดียว...คอยดูนะถ้ากลับไปเมื่อไหร่จะเอาคืนให้เข็ด...
ทางด้านซูม่า ที่ตอนนี้ได้ติดตามคอยอารักขาเจ้้าหญิงแห่งคาลาส เค้าเอ่ยขึ้น"ไม่นึกว่าพลังของเทพมังกรจะมากขนาดนี้ ท่าทางเจ้าหญิงอาเรนเทียจะหมดแรงแล้ว อย่าว่าแต่นางเลย ต่อให้เป็นข้า ถ้าต้องร่ายเวทย์ชั้นสูงแบบนั้นก็แย่แน่"เค้ารู้เพราะเค้าเฝ้าดูเหตุการณ์มาโดยตลอด เค้าไม่สามารถสอดมือเข้ามาช่วยได้เพราะหากเค้าสอดมือเข้ามา เจ้าหญิงอาเรนเทียก็จะจับได้ เวทย์ที่เจ้าหญิงแห่งคาลาสใช้ปราบเจ้าปีศาจร้ายนั้นเป็นเวทย์ระดับสูงที่ท่องได้ยาก ห้ามท่องคาถาผิดต้องการสมาธิสูง จอมเวทย์หนุ่มจึงเรียกม้าบินสีขาวพาหนะคู่ใจมาแล้วควบตามเรือสำเภาน้อยไป
"ด่านต่อไปไม่ง่ายแน่"
เม้นบ้างนะค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ