The Ugly Girl ฉันขี้เหร่หรือนายเท่เกิน...?

9.5

เขียนโดย Kreota

วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.01 น.

  21 ตอน
  9 วิจารณ์
  26.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน พ.ศ. 2561 02.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) น้องรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

[8  :: น้องรัก]

 

            “พลอยบอกไอ้ปาร์กว่า ‘มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่คะเขามาจีบพลอยแล้วก็ให้พลอยได้มากกว่าพี่ ทำไมพลอยจะเลือกเขาไม่ได้ ในเมื่อหน้าตาอย่างพลอยก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน พลอยต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองค่ะ’...แบบนี้แหละ”  พี่มาร์ชจีบปากจีบคอพูดเลียนเสียงแบบยัยพลอย เหมือนกับท่องจำมาอย่างขึ้นใจ

            “โห...จำได้ทุกคำเลยหรอคะ”

            “ก็วันนั้นพี่ก็อยู่ด้วยนี่”  พี่มาร์ชหันมามองหน้าฉัน  “เพื่อนพี่คนนี้น่าสงสารใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าโกรธมันเลยนะ ^_^”

            “ปิงก็ไม่ได้โกรธเท่าไหร่หรอกค่ะเพราะว่าจะแกล้งเป็นแฟนกันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ในเมื่อมิวก็รู้ความจริงหมดแล้ว”

            “มิวหรอ? มันรู้ได้ไง”

            “บังเอิญไปได้ยินตอนที่เราคุยกันข้างตึกเรียนเมื่อวานน่ะค่ะ”

            “เฮ้อ...ให้มันได้อย่างนี้สิ”  พี่มาร์ชถอนหายใจออกมายาวๆ  “เอาล่ะ ไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้าไม่ใช่หรอ”

            “อ๋อ จริงสิคะ คุยกับพี่มาร์ชเพลินเลย ^^;”

            “คืนนี้ก็หลับให้สบาย ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นเดี๋ยวพี่จะจัดการให้”  พี่มาร์ชลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือมาให้ฉัน ฉันยิ้มแล้วเอื้อมมือไปจับมือนั้นแล้วดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนบ้าง

            “ขอบคุณนะคะพี่มาร์ช ปิงสบายใจขึ้นเยอะเลย ^^”

            “จ้ะ น้องรัก ^_^”  พี่มาร์ชขยี้ผมฉันเบาๆ ก่อนจะแยกไปอีกทาง ฉันยิ้มกับแผ่นหลังของพี่มาร์ชก่อนจะเดินกลับที่พักของตัวเอง

            เช้าวันรุ่งขึ้น เราได้มีการล่ำลาเพื่อนๆ พี่ๆ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์แต่เช้ามืดก่อนที่จะแยกย้ายกัน ตลอดช่วงเวลา 3 วัน 2 คืนที่แสนจะยาวนานฉันได้รับประสบการณ์มากมายจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันใช้เวลาแค่ 3 วันเท่านั้น

            “ที่จริงพวกเธอเล่นพนันกันหรอกหรอเนี่ย แล้วพี่ปาร์กบอกปฏิเสธก่อนแบบนี้แกก็ได้ตังค์น่ะสิ อย่าลืมเลี้ยงฉันด้วยนะ >.<”  หมี่เกี๊ยวมานั่งเบาะข้างแล้วเกาะแขนฉันเอาไว้แน่น นี่ฉันอุตส่าห์เลือกที่นั่งที่คิดว่าหลบผู้คนแล้วนะ ยัยนี่หาฉันเจอได้ยังไง

            ยัยนี่พูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย -_-?

            เรื่องล้อเล่นกันหรอ ฉันคิดอยู่แล้วเชียวว่าเธอกับพี่เขาต้องมีอะไรกันแน่ๆ ที่ไหนได้รู้จักกันมาก่อนนี่เอง ว่าแต่...พี่เขามีแฟนรึยัง >///<”  เพื่อนที่นั่งอยู่อีกเบาะหนึ่งหันมาถามฉัน

            พวกเขาพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย ฉันฟังประโยคคล้ายๆ อย่างนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะยะพวกเธอ >.<?

            “บ๊ายบายนะน้องรัก แล้วเจอกัน ^O^”  พี่มาร์ชตะโกนผ่านหน้าต่างรถอีกคันมาที่รถคันที่ฉันนั่งอยู่

            “กรี๊ดๆ ดูสิ พี่มาร์ชน่ารักจังเลย อยากมีพี่ชายแบบนี้บ้างจัง”  เพื่อนร่วมรถของฉันอีกคนร้องลั่น ฉันมองไปที่รถคันนั้นก็เจอพี่มาร์ชกำลังโบกมือไปมาอย่างสดใส พี่ยศแค่ยิ้มมาให้ฉันนิดหน่อยตามแบบที่ชอบทำ ส่วนอีกคนที่นั่งถัดไปจากพี่ยศกำลังนอนเอาเสื้อแขนยาวคลุมหัวนอนหลับอยู่ เห็นแบบนี้แล้วมันหมั่นไส้ชะมัด คนอะไรไม่รู้จักสนใจโลกบ้างเลย -*-

            “คนบ้าเอ้ย!”  ฉันพึมพำกับตัวเองขณะที่รถของฉันออกตัวออกมาเป็นคันแรกของค่าย จากกันทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจกันแบบนี้รู้สึกค้างคายังไงไม่รู้ -_-;

            “แกว่าไงนะ”  หมี่เกี๊ยวเอี้ยวตัวมาถามฉัน

            “เปล่า ไม่ได้พูดอะไร”  ฉันพูดแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบาๆ ที่หลังฉันเลยหันไปมองก็เห็นหมี่เกี๊ยวกำลังนั่งก้มหน้าอยู่

            “น้ำปิง...เรื่องวันนั้น ฉัน...ขอโทษนะ ที่ฉันทำไปเพราะฉันเข้าใจแกผิด ถ้าเกิดฉันฟังแกอธิบายสักนิด ฉันคงรู้ไปแล้วว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น...ฉันขอโทษนะ”

            “อื้ม ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นแกคงทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ...แต่!...”  ฉันชะงักตัวเองเอาไว้เพราะเกือบจะพลั้งปากเรื่องที่ไม่น่าจะพูดออกมา

            “แต่?...อะไรหรอ” 

            “เปล่าหรอก”

            “อ๋อ...อืม”  หมี่เกี๊ยวไม่เซ้าซี้ถามคำถามฉันอีก เพราะฉันแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายังไม่อยากคุยด้วยมากกว่านี้ ฉันทิ้งคำถามนั้นไว้ในใจแล้วหันกลับไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม คำถามที่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้...ถ้าเกิดเรื่องนี้มันไม่ใช่เกมที่เล่นสนุกๆ...และถ้าเกิด ‘คนอย่างฉัน’ กับพี่ปาร์เกต์คบกันจริงๆ แกจะเกลียดฉันจริงๆ ใช่ไหม?...หมี่เกี๊ยว

            หลังจากวันออกค่ายสิ้นสุดลง ฉันก็ทำตามคำเชิญของหนึ่งเดือนด้วยการเข้าไปอยู่ในกลุ่มด้วย พอฉันไปบอกเรื่องนี้กับหมี่เกี๊ยว ยัยนั่นก็ตอบฉันกลับมาเบาๆ ว่า ‘เข้าใจ’ ด้วยสีหน้าน้อยใจสุดๆ แต่ฉันไม่คิดจะง้อหรอกนะ -_-!

            “ควันหลงของวันออกค่ายยังคงตลบอบอวลอยู่รอบตัวฉัน เพราะว่าคนทั้งคณะต่างเข้าใจว่าฉันเป็นน้องรักของพี่ๆ ทั้ง 3 คน ฉันเลยกลายเป็นเด็กปี 1 ที่ใครๆ ก็โอ๋มันเป็นแบบนี้เรื่อยมาจนกระทั่งปิดเทอม

            สิ้นสุดการเป็นปี 1 สักทีสินะ \^O^/~

           

            หลังจากสอบปลายภาคเสร็จและเคลียร์งานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ฉันก็เดินทางกลับบ้าน แต่กลับมาได้ 3-4 วันพ่อกับแม่ก็ต้องออกเดินทางไปดูไซด์งานที่ต่างจังหวัดด่วนเพราะนั่งร้านในที่ก่อสร้างหัก คนงานเลยได้รับบาดเจ็บหลายคน ทีแรกฉันก็กะว่าจะไปกับพ่อแม่เพราะคราวนี้คงจะไปนาน แต่มิกกิบอกว่าปิดเทอมแล้วกำลังเตรียมกลับบ้าน ฉันเลยเปลี่ยนแผนไปค้างบ้านมิกกิแทน พ่อกับแม่เลยหายห่วงออกเดินทางไปตั้งแต่เช้ามืด

            พอได้อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้ มันทำให้ฉันนึกถึงเรื่องในอดีต...เมื่อ 11 ปีก่อนฉันยังมีพี่ชายอยู่เลย พี่วัง พี่ชายแท้ๆ ที่ทั้งเก่งและกล้าหาญ เขาปกป้องน้องสาวคนเดียวของเขาจากพวกใจบาปด้วยชีวิตของเขาเอง ทั้งๆ ที่ตัวเองเพิ่งจะอายุ 10 ขวบแต่พี่ชายก็ยังออกไปสู้กับขโมยที่เข้ามาขโมยของในบ้านด้วยความกล้าหาญ ส่วนฉันถูกพี่วังยักเข้าไปในกล่องของเล่นที่อยู่ในห้องนอน ฉันทนฟังเสียงเอะอะโวยวายจากในกล่องจนกระทั่งเหตุการณ์สงบลงฉันก็ยังไม่กล้าเปิดกล่องออกมาจนกระทั่งแม่มาเปิดให้เพราะพี่วังบอกแม่ว่าฉันอยู่ในนี้...พอฉันออกมาข้างนอกก็เห็นเลือดกองหนึ่งแผ่เป็นวงกว้างหน้ากล่องราวกับว่าเจ้าของเลือดกองนั้นนอนกอดกล่องของเล่นนี้เอาไว้ตลอดเวลาที่บาดเจ็บ...มันเป็นเลือดของพี่วัง พี่ชายที่แสนดีของฉัน

            แม่พาฉันไปเยี่ยมพี่วังที่รักษาตัวอยู่ในไอซียู แต่ตอนนั้นพี่วังไม่ตอบสนองอะไรแล้ว พี่เขาคุยหรือว่าเล่นกับฉันไม่ได้อีกแล้ว...แม้กระทั่งลืมตาขึ้นมามองฉันพี่วังก็ไม่สามารถทำได้ ฉันทำได้แค่กอดมิกกิร้องไห้อยู่หน้าไอซียูเท่านั้นเพราะแม่ไม่อยากให้ฉันเข้าไปเห็นสภาพนั้นมากเกินไป

            ฉันนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องเกือบครึ่งวันพ่อก็ออกมาบอกฉันว่า...พี่วังจากไปแล้ว...พี่เขาจากเราไปแล้วตลอดกาล...แต่พี่วังฝากจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้ให้ฉัน มันเป็นจดหมายที่เขียนด้วยแรงเฮือกสุดท้ายของพี่วัง...

          ‘อย่าโทษตัวเองเลย มันไม่ใช่ความผิดของน้ำปิง ใช้ชีวิตแทนพี่ด้วย พี่รักเธอเสมอนะ’

            ลายมือตัวโตๆ ของเด็กประถมที่คดเคี้ยวไปมาบนกระดาษแผ่นนั้นมันตราตรึงอยู่ในใจของฉันไม่มีวันลืม ข้อความบนนั้นมันทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่และพยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดถึงทุกวันนี้เพราะฉันคิดว่าพี่วังคงอยากให้ฉันทำแบบนี้

            ฉันเปิดดูจดหมายฉบับนั้นอีกครั้งในรอบหลายปี หลังจากเก็บมันไว้อย่างดีราวกับว่ามันเป็นของล้ำค่าชิ้นหนึ่งในชีวิต ลายมือนี้ฉันไม่มีวันลืม...ลายมือของพี่วัง

            ครืดๆๆ

            โทรศัพท์ของฉันสั่น 2 ครั้งก่อนจะหยุดไป ฉันรู้โดยที่ไม่ต้องหยิบขึ้นมาดูว่าต้องเป็นมิกกิแน่ๆ ฉันเลยเก็บจดหมายของพี่วังเอาไว้แล้วหยิบเป้ใบเก่าที่ฉันชอบใช้ตอนไปบ้านมิกกิขึ้นมาสะพายแล้วเดินลงไปด้านล่าง

            “ทำไมตาบวมๆ อ่ะ”  มิกกิหันมามองฉันจากที่นั่งคนขับหลังจากที่ฉันเดินขึ้นมานั่งบนรถ

            “คิดถึงพี่วังน่ะ”  ฉันบอก มิกกิพยักหน้าเข้าใจแล้วเอื้อมมือมาบีบไหล่ฉันเบาๆ ฉันยิ้มรับกับปลอบใจของมิกกิก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกมาจากหน้าบ้านของฉัน

            เราแวะซื้อของกินเยอะแยะมากมายเหมือนกำลังจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ ดูจากปริมาณแล้วเลี้ยงคนได้เป็น 10 คนเลยนะ =_=

            “ซื้ออะไรเยอะแยะ”  ฉันบ่นขณะเอาของวางไว้บนเบาะด้านหลัง

            “พี่ยศมีแขก ^^”  มิกกิตอบยิ้มๆ แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าแขกของพี่ยศคือใคร

            “ได้ข่าวว่าตอนออกค่าย ยัยเกี๊ยวเหวี่ยงแกหรอ”  มิกกิถามถึงหมี่เกี๊ยว ถึงแม้ว่าตอนมัธยมเรา 3 คนจะยู่แก๊งเดียวกันก็เถอะ แต่ 2 คนนี้ไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้หรอกนะ =_=

            “แกรู้ได้ไง -_-”

            “พี่มาร์ชเล่าให้ฟัง ^_^;”

            “รู้เรื่องหมดแล้วยังจะมาถามอีกหรอ -_-!”

            “ก็แหม มันไม่เหมือนเจ้าของเรื่องเล่าเองนี่...ฉันคิดไว้แล้วเชียวว่าต้องมีวันนี้เข้าสักวัน อย่าให้ฉันเจอตัวนะ จะเด็ดหัวกุดเลยคอยดู มาทำเพื่อนฉันได้ยังไงกัน -_+”  มิกกิพูดไปขับรถไปโดยระบายอารมณ์ส่วนตัวไปกับการเหยียบคันเร่ง เอ่อ...ฉันว่าเพลาๆ ลงหน่อยก็ดีนะ อารมณ์เดือดเกินไปแล้ว =_=;

            มิกกิพาฉัน ‘บิน’ กลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่เพราะความแรงของการเหยียบคันเร่งของเธอ ทำให้พี่ยศถึงกับวิ่งออกมาดูว่าทำไมน้องสาวถึงได้ขับรถเร็วขนาดนี้ มิกกิเลยโดนเทศนายาวเหยียดกว่าจะได้เข้าบ้าน

            “เฮ้อ...กว่าจะปล่อยน้องเข้ามา ฉันหิวจนไส้จะขาดแล้วนะเว้ย”  เสียงพี่มาร์ชดังขึ้นทันทีที่เราเดินเข้ามาในบ้าน

            “พี่มาร์ช ^_^”  ฉันยิ้มทักทายพี่มาร์ชที่เดินเข้ามาช่วยถือของ นี่สินะแขกของพี่ยศแล้วจะมีแขกอีกคนหนึ่งไหมนะ...

            “หวัดดีจ้ะน้ำปิง ^O^”  พี่มาร์ชยิ้มตอบกลับมากว้างยิ่งกว่าเดิม 

            “ปกติเจอกันทีก็รวบผมซะตึง วันนี้ปล่อยผมสยายมาเชียว สวยไม่หยอกเลยนะเรา อิอิ ^_^”  พี่มาร์ชยิ้มจนตาหยีพร้อมๆ กับยื่นมือมาหยิกแก้มฉันเล่น

            “ขอบคุณค่ะ ^_^//” 

            “เฮ้ยๆ เยอะเกินไปแล้วเพื่อน”  พี่ยศขัดจังหวะโดยการแกะมือพี่มาร์ชออกจากแก้มของฉัน

            “จะคุยกันอีกนานไหมเนี่ย”  แล้วเสียงของคนที่ฉันกำลังคิดถึงก็ดังขึ้น เพราะน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตรลอยเข้ามากลางวงสนทนามันกลายเป็นเอกลักษณ์ของพี่ปาร์เกต์ไปแล้วจนไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเขา แต่ฉันก็หันไปมองอยู่ดี พี่ปาร์เกต์กำลังยืนกอดอกพิงราวบันไดอยู่ข้างหลังพี่มาร์ชอีกที

            “ถ้าแกรอไม่ไหวก็ออกไปหากินข้างนอกแล้วกันนะ ^^”  พี่มาร์ชพูดแล้วหิ้วของเข้าไปในครัวพร้อมกับมิกกิ พี่ปาร์เกต์ละสายตาจากพี่มาร์ชมาจ้องฉันแทน

            “มองอะไร -*-” 

            ฉันสะดุ้งนิดหน่อยเพราะฉันไม่คิดว่าพี่เขาจะพูดกับฉัน และมันเป็นคำทักทายแรกหลังจากแยกกันในวันออกค่าย แถมเป็นคำทักทายที่ฉันไม่คิดว่าคนธรรมดาเขาจะพูดกัน เขาเองต่างหากที่จ้องฉันแล้วยังจะมาพูด -*-!

            “ตอนไอ้ปาร์กหิวก็นิสัยเสียแบบนี้แหละ อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า”  พี่ยศกระซิบบอกฉัน พี่ปาร์เกต์ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่แล้วเดินแยกเข้าไปในห้องนั่งเล่น

            “ป่ะ ไปทำกำข้าวกัน”  พี่ยศบอกแล้วเดินนำฉันไปห้องครัว

            เราช่วยกันทำอาหารกันอย่างสนุกสนานยกเว้นพี่ปาร์เกต์ที่เพิ่งเดินเข้ามาห้องอาหารก็ตอนที่พวกเรายกกับข้าวมาวางบนโต๊ะแล้ว

            “มาเที่ยวกันหรอคะ”  ฉันถามพี่ๆ ทั้ง 2 คน เพราะดูเหมือนพี่ปาร์เกต์จะไม่อยากสนทนาพาทีกับฉันเท่าไหร่ -_-;

            “ก็ไม่เชิงหรอก พอดีพี่สาวไอ้ปาร์กมันจะแต่งงานที่หัวหินเลยจะพากันไปร่วมงาน”  พี่มาร์ชบอก

            “อ้าวทำไมมาถึงที่นี่ล่ะคะ จากกรุงเทพไปหัวหินมันใกล้กว่าไม่ใช่หรอ”

            “ปาร์กมันต้องมาตัดริบบิ้นเปิดห้างสาขาใหม่แทนพ่อน่ะ”  อันนี้พี่ยศเป็นคนตอบ เพราะเจ้าของเรื่องเขามัวแต่นั่งอมพะนำ สงสัยกลัวดอกพิกุลจะร่วงก็เลยพูดไม่ออก -*-!

            “ห้าง?”  ฉันทวนคำ ห้างไหนหว่า...

            “ห้างที่ฉันชี้ให้แกดูตอนที่เราขับรถกลับมาไง ห้างที่จะเปิดใหม่อ่ะ”  มิกกิช่วยเตือนความทรงจำ

            ห้าง...ห๊ะ! อย่าบอกนะว่าเป็นห้างใหญ่ๆ ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จนั่นน่ะ O_o!

            “ห้างนั้นน่ะหรอ O_O!”

            “ใช่ๆ นั่นแหละๆ >.<” 

            “เดี๋ยวว่างๆ จะปิดห้างพาช็อปนะจ้ะสาวๆ ฮ่าๆๆ ^O^”  พี่มาร์ชพูดแกมหัวเราะ ส่วนพี่ปาร์เกต์ก็สำลักนิดหน่อยก่อนจะค่อยๆ ตักข้าวของตัวเองกินเงียบๆ สงสัยเป็นใบ้ไปแล้วนะนั่นน่ะ =_=;

            “เย้ๆ ดีจัง คงไม่เป็นไรหรอกเน๊อะ ยังไงคุณพ่อของพี่ปาร์กก็ไม่รู้หรอก ตอนนี้คงวิ่งวุ่นเตรียมงานแต่งงานช่วยพี่ปั้นหยาอยู่คงไม่มีเวลามาเช็กหรอก อิอิ”  มิกกิเสริมอย่างเห็นด้วยสุดๆ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว 2 คนนี้

            “เฮ้อ...จะว่าไปพวกพี่ก็จะขึ้นปี 4 กันแล้ว ทำไมยังไม่มีแฟนกันอีกล่ะคะ”  อยู่ๆ มิกกิก็พูดขึ้นมาทำเอาพี่ๆ ทั้ง 3 คนสำลักกันไปตามๆ กัน

            “หรือว่า!!...พวกพี่เป็นเกย์ O_O!!”  มิกกิพูดจบพี่ๆ เขายิ่งสำลักกันใหญ่ เฮ้อ...คนเขากำลังกินข้าว พูดอะไรก็ไม่รู้อ่ะมิกกิ @=_=@ (หูผึ่ง)

            “จะบ้าหรอ พี่ออกจะมีสาวๆ ห้อมล้อมเยอะแยะ”  พี่มาร์ชที่ตั้งลำได้ก่อนเพื่อนแก้ตัวขึ้นมาทันควัน

            “พี่น่ะมิกกิไม่สงสัยหรอกค่ะ พี่ปาร์กก็ไม่น่าใช่เพราะเคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนให้เห็น แต่พี่ยศนี่สิ...” 

            ทุกคนหันไปมองพี่ยศเป็นจุดโฟกัส พี่มาร์ชที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พี่ยศทำทีเป็นเขยิบเก้าอี้หนีออกไปชิดกับพี่ปาร์เกต์แทน แล้วทำหน้าแบบหวาดระแวงเพื่อนตัวเองสุดๆ จนฉันต้องขำออกมากับพฤติกรรมสุดตลกนั้น

            “อะไรเนี่ย ไร้สาระน่า -*-!”

            “ก็ตั้งแต่จำความได้ ไม่เห็นพี่ยศจีบใครเลย มีคนมาจีบก็คุยได้แป๊บๆ มันไม่แปลกไปหน่อยหรอคะ”  มิกกิหรี่ตามองพี่ชายตัวเองอย่างจับผิด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันก็เชื่อว่าพี่ยศเป็นแมน 100% นะ

            “แปลกตรงไหน ก็ไม่ชอบจะคบกันไปทำล่ะ”

            “หรอออ...”  มิกกิกับพี่มาร์ชพร้อมอกพร้อมใจประสานเสียง แล้วพากันหัวเราะคิกคักกันใหญ่ที่แกล้งให้พี่ยศหัวเสียได้

            “พี่ยศก็รีบหาแฟนเร็วๆ สิคะมิกกิจะได้ล้อพี่ว่าเป็นเกย์ไม่ได้อีกไง ^^”  ฉันเสนอทางออกให้พี่ยศ

            “นั่นสินะ...”  พี่ยศพูดพร้อมกับมองหน้าฉัน สายตาแปลกๆ นั้นมันทำให้ฉันนิ่งไปพักหนึ่ง แต่มันก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้นฉันเลยไม่ได้คิดอะไรและไม่ถามต่อ

            เราใช้เวลากินข้าวกันนานมากๆ แต่จะเสียเวลาไปกับการคุยกันซะมากกว่า ถึงแม้พี่ปาร์เกต์จะไม่ได้ร่วมในวงสนทนาด้วยแต่พี่เขาก็นั่งอยู่บนโต๊ะจนกระทั่งเรากินอิ่ม

             “ปิง แกขนจานไปรอไว้ในห้องครัวเลยนะ ฉันเอาขยะไปทิ้งก่อน”  มิกกิบอกก่อนจะหิ้วถุงขยะเดินออกไปนอกบ้านพร้อมกับพี่มาร์ชและพี่ยศ เอ่อ...ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับพี่ปาร์เกต์ 2 คนอ่ะ T_T

            “เอ่อ...”  ฉันส่งเสียงออกไปลองเชิง แต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาไม่มีที่ท่าว่าจะสื่อสารอะไรกับฉันเลย สงสัยคงต้องเรียกคุณเจน ญาณทิพย์ซะแล้วล่ะงานนี้

            “ขอจานใบนั้นหน่อยได้ไหมคะ ฉันหยิบไม่ถึง”  ฉันพูดแล้วชี้ไปที่จาน 2-3 ใบที่วางอยู่ใกล้ๆ พี่ปาร์เกต์

            “....” 

            “เฮ้อ...”  ฉันถอนหายใจออกมาแรงๆ เพื่อให้คนที่นั่งแข็งทื่ออยู่เห็นให้ชัดๆ ก่อนจะเขย่งสุดตัวเพื่อให้สามารถหยิบจานที่อยู่อีกฟากของโต๊ะได้ แต่...

            “ไม่ต้อง”  พี่ปาร์เกต์ลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือมาหยิบจานที่วางซ้อนกันไว้ตรงหน้าฉันไปฝั่งของตัวเองแล้วหยิบจานที่ฉันพยายามหยิบขึ้นไปซ้อนไว้ด้านบนอีกชั้น

            “เอาไปห้องครัวใช่ไหม”  พี่เขาถาม ฉันพยักหน้าหงึกหงักนิดหน่อย แล้วพี่เขาก็ยกจานกองนั้นตรงไปที่ห้องครัว

            “ขอบคุณค่ะ”  ฉันเดินตามเข้าไปในห้องครัว

            “เดี๋ยวเธอว่าฉันกินแรงอีก =_=”  พี่ปาร์เกต์พูดแล้วยื่นผ้าเช็ดจานมาให้ฉันถือเอาไว้ 

            “รอเช็ด” เขาพูดแค่นั้นแหละแล้วก็เริ่มล้างจานเลย เอ่อ...รอเช็ดอย่างเดียวเนี่ยนะ

            เราล้างจานกันเงียบๆ นานมากจนความอึดอัดเริ่มเข้ามาแทรก คุยอะไรดีนะมันเงียบเกินไปแล้วอ่ะ -_-?

            “ฉัน...ฉันขอโทษนะคะที่มาให้เห็นหน้าอีก ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพี่อยู่บ้านพี่ยศ ถ้าปิงรู้ปิงคง...”

            “เธอต้องมาอยู่ที่นี่ทุกครั้งที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้านเลยหรอ”  พี่ปาร์เกต์พูดแทรกก่อนที่ฉันจะพูดได้จบประโยค

            “ใช่ค่ะ ถ้าไม่มาอยู่บเนมิกกิ ฉันก้ต้องไปกับพ่อแม่”

            “อ๋อ...”  พี่ปาร์เกต์พยักหน้ารับแล้ว...เงียบ =_=; ฉันเกลียดแกไอ้ความเงียบ >_<!!!

            “เดี๋ยวฉันช่วยล้างน้ำสะอาดให้ดีกว่านะคะ”

            “ไม่ต้อง”

            “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่ามันจะเสร็จเร็วกว่านะถ้าเราช่วยกันล้าง”  ฉันพูดแล้วเดินไปเปิดน้ำก๊อกทันที

            “ก็บอกว่าไม่ต้องไง”  พี่ปาร์เกต์เอื้อมมือมาปิดก๊อกบ้าง

            “ก็บอกว่าจะช่วยไงคะ”  ฉันพูดแล้วเปิดก๊อกอีกครั้ง

            “ไม่-ต้อง”  พี่ปาร์เกต์พูดเสียงดังฟังชัดพร้อมๆ กับเอื้อมมือจะปิดก๊อกอีก แต่พี่เขาคงลืมไปว่าฉันจับก๊อกน้ำอยู่ -////-

            นิ่งกันไป 3 วิ =_=//

            พี่ปาร์เกต์ปล่อยมืออกจากฉันแล้วเขยิบไปจนชิดฝาผนังแล้วล้างจานต่อเงียบ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นตัวเชื้อโรคที่ยังหายารักษาไม่ได้ยังไงยังงั้น Y_Y

 

 

 

*****************************************************

มาอีพแล้วนะคะ

เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย เงียบกันจังสงสัยไม่มีคนอ่านแล้วมั้ง Y_Y

:: โหมดเศร้ากับโชคชะตา

*******************************************************

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา