Make It Right √ จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่มึง [Yaoi]
เขียนโดย นะเขียน
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 01.27 น.
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 01.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) Make It Right 05 √ Don't know What should I do
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ5
Don’t know what should I do
ลูกโม่
< ไอ้สัด ไอ้เชี่ย ไอ้หัวควx ไอ้อู้งาน
ลูกโม่
< วันจันทร์ จ่ายมา 1500
ลูกโม่
< ค่าแรงงานพวกกู
ไอ้สาดดดดดดดดด >
ไม่ใช่ละ >
เอาดีๆ เท่าไหร่ มึงอย่าแกล้งกูดิ >
ลูกโม่
< ลดให้เหลือ 1200 ราคากันเอง
ลูกโม่
< 555555555555555555555555555
ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ >
พี่โม่สุดหล่อๆๆๆๆ >
อย่าแกล้งฟิวส์เลยนะฮ้าบบบ >
ลูกโม่
< ไม่ต้องมาแอ๊บแบ๊ว!!!!!!!
ลูกโม่
< ไอ้บอสบอกเห็นมึงอยู่พาราก้อนกับแฟน
ลูกโม่
< ตอแหลนะมึง แล้วบอกปวดหัวตัวร้อน
กำ แฮะๆ >
ก็เขาโทรมาชวนกูทีหลังอ่ะ >
แล้วงานกูต้องจ่ายเท่าไหร่ เอาดีๆ >
ลูกโม่
< 250 พอ
ลูกโม่
< รูปเล่มตั้งเกือบร้อยหน้า ปริ้นท์สีอีก กูเพลีย
แล้วแม่งก็ส่งสติกเกอร์ไอ้ผู้ชายหัวเหลืองทำท่าเพลียมาจริงๆ...........แต่.......
ฮะ!!!!!?? สองร้อยห้าสิบเชียวเหรอวะ!!!!!! พวกเมิงใช้วิธีอะไรหารก๊าน! กลุ่มนึงก็มีตั้ง 6 คนนะโฟร้ยยย อีกอย่าง ปริ้นท์บ้านใครก็ปริ้นท์ได้ ทำอย่างกับบ้านรวยๆ ของพวกมึงไม่มีเครื่องปริ้นท์งั้นล่ะ! ผมรีบพิมพ์ยุกยิกๆ ในไอโฟนเครื่องสีขาวเตรียมจะตอบไลน์แม่งกลับ ถ้าข้อความจากไอ้โม่ไม่เด้งขึ้นมาเพิ่มเสียก่อน
ลูกโม่
< เออ
ลูกโม่
< แล้วมึงกับน้องจีนนี่ยังไง เคลียร์ยังวะ
..........ทำเอาผมตอบไม่ถูกเลย
จีนกลับบ้านไปตั้งแต่ดูหนังเสร็จแล้วครับ เธอปฏิเสธไม่ให้ผมไปส่ง เพราะบอกว่าแม่มารอรับ... ซึ่งผมก็ไม่อยากคิดต่อว่าเธอไปกับแม่จริง หรือไปกับใครกันแน่ โทรศัพท์ที่ถูกโทรเข้ามา กับบทสนทนาในโรงหนังผมก็ยังจำได้ดี ได้แต่หวังว่าให้เธอกลับบ้านพร้อมแม่จริงๆ ก็แล้วกัน.....
แต่ที่ตอนนี้ผมยังนั่งแกร่วดูดชาเขียวปั่นในสตาร์บั๊กส์สยามดิสฯ ก็เพราะไอ้เชี่ยธีร์นั่นแหละครับ หลังพวกเราดูหนังเสร็จ (หมายถึงผม จีน แล้วก็ไอ้ธีร์ รายสุดท้ายนี่เพิ่งมารู้ว่าแม่งขี้เกียจเรียนพิเศษตอนเย็นเลยแอบดอดมาดูหนัง แล้วก็พรมเช็ดเท้า เอ๊ย! พรหมลิขิตซะเหลือเกิน ที่ดันจองตั๋วได้ข้างผมพอดีอีก...) ผมก็เตรียมนั่งบีทีเอสกลับบ้านไปนอนตีพุงแล้ว ถ้าไอ้หน้าหล่อไม่ฉุดไว้แล้วบอกว่ามันเอารถมา เดี๋ยวไปส่งเอง แน่นอนว่าอะไรฟรีๆ แบบนี้มีหรือไอ้ฟิวส์จะปฏิเสธ (ใครว่าผมงก เดี๋ยวเหอะ..) แต่ก็ต้องแลกกับการนั่งรอมันเรียนภาษาอังกฤษคอสเอ็นฯห่าไรไม่รู้ที่สยามดิสฯ ตั้งชั่วโมงนึง
แล้วเหตุผลหลักก็คงเป็นผมอยากคุยกับมันด้วยแหละ ถึงธีร์จะเริ่มคุย ยิ้ม หยอกล้อกันเล่น และทำทุกอย่างเหมือนปกติ ผมก็ยังรู้สึกค้างคาใจอยู่ดี... อยากตะโกนออกไปว่าไม่ได้โกรธมึงเลยนะ แต่... โห่ยยยยยยยยยย ให้พูดก็พูดยากชิบหาย... ใครจะไปทำใจยอมรับง่ายๆ ว่าเมื่อคืนเรามีอะไรแบบนั้นกันไปแล้ว แถมพวกเรายังเป็นผู้ชายทั้งคู่อีกต่างหาก
คิดไปคิดมา หน้าก็เริ่มร้อนขึ้นมาแปลกๆ.... ตรงนี้แอร์ไม่ถึงไงวะ?
ผมยกชาเขียวปั่นขึ้นดูดแก้ร้อน ก่อนเพิ่งสังเกตว่าหน้าจอมือถือดับสนิทเข้าสู่โหมดสลีปไปแล้ว เมื่อกี้ไอ้เชี่ยโม่ถามเรื่องจีนนี่หว่า? ช่างเหอะ ไม่รู้จะตอบไปว่าไง ในเมื่อเคลียร์ก็ยังไม่ได้เคลียร์ แถมเหตุการณ์ทุกอย่างยังดูเหมือนเป็นปกติ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะเรียกสถานะของเราตอนนี้ว่ายังไงดี.....
ระหว่างกำลังเลื่อนหน้าโฮมสกรีนหาไอค่อนสีแดงของโซเชียลแคมเพื่อเปิดเช็ค (ไอ้คลิปล่าสุดยังไม่ได้เข้าไปดูไลค์กับคอมเม้นท์เลยครับ) โทรศัพท์ก็ทั้งร้องทั้งสั่นขึ้นในมือจนผมสะดุ้งโหยง
~You can tell me that there’s nobody else, but I feel it~ You can tell me that you’re home by yourself, but I see it~
หวาาาาา ...แย่แล้ว หญิงแม่นี่หว่า โทรมาแต่ละทีต้องมีเรื่องบ่นตลอด
"คร้าบบบบแม่" นี่คือเสียงที่ผมพยายามทำให้น่าเอ็นดูที่สุดแล้ว
แต่ปลายสายเหมือนจะไม่คิดอย่างนั้น.. "นี่ฟิวส์ เมื่อวานก็ไม่ได้กลับบ้าน วันนี้กลับมาแป๊บเดียวแล้วก็ออกไปเที่ยวอีก ไปเถลไถลที่ไหนเนี่ยฮะ เงินค่าขนมเยอะนักหรือไง?"
"ป่าวนะ! ฟิวส์ไม่ได้เถลไถล นี่อยู่สยามดิส รอเพื่อนเรียนพิเศษอ่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว"
"รู้ไหม พ่อเขาซื้อปีกไก่ทอดกับซุปหางวัววังหลังเจ้าที่ลูกชอบมารอจนเย็นชืดหมดแล้ว"
"จริงอ่อ!!!! เพิ่งบ่นอยากกินไปแหมบๆ เองอะ" พ่อรู้ใจจังเลยยย แบบนี้ต้องกลับไปกระโดดกอดหอมสักฟอด อิอิ
"งั้นก็รีบกลับเข้าใจมั้ย เอ้อ เมื่อเย็นจะออกไปก็ไม่ได้ปิดแอร์ อาทิตย์หน้าอยากโดนหักค่าขนมจริงๆ ใช่มั้ย" ในเสียงของแม่มีน้ำโหปนมากซะจนน่าขนลุก... ตายห่า ผมว่าก่อนออกจากบ้านก็ดูดีแล้วนะ ลืมได้ไง เซ็งชิบหาย
"แฮ่ะๆ...คือ มันลืมจริงๆ อ่ะ ไม่หักนะ เดี๋ยวฟิวส์ต้องจ่ายค่าโครงงานกลุ่มอีกอ่า.."
"งั้นก็อยู่ติดบ้านบ้าง ไม่งั้นอาทิตย์หน้าแม่จะให้ค่าขนมแค่ครึ่งเดียว ถ้ารอเพื่อนเรียนพิเศษเสร็จแล้วก็รีบกลับล่ะ" เอ่อ... ยังไงก็ต้องรีบกลับว่างั้น
"คร้าบบบ เดี๋ยวกลับแล้วจริงๆ"
"จ่ะ กลับดีๆ ล่ะ แค่นี้นะ เปลืองค่าโทรศัพท์" แม่กดตัดสายไปโดยไม่ฟังคำลาจากลูกสุดที่รักสักคำ เหอๆ งี้แหละครับ แม่ผมเป็นพวกขี้เหนียว (พูดคำนี้ให้แกได้ยินทีไร ต้องตีผมเพี๊ยะใหญ่แล้วบอกให้แก้เป็น 'พวกใช้เงินเป็น' ต่างหาก) ซึ่งถ้าใครประหยัดได้เท่าครึ่งนึงของแม่ ป่านนี้เป็นอภิมหาเศรษฐีนอนจมกองเงินไปแล้ว เห่อะๆๆ
เอ... แล้วยังไงวะทีนี้?
ผมดูดชาเขียวให้ชื่นใจอีกรอบ พลางชะเง้อคอดูบันไดเลื่อนซึ่งไม่มีท่าทีว่าคนที่มองหาจะลงมาจากชั้น 6 เลย ก็แหงล่ะ... นี่เพิ่งผ่านไปแค่ยี่สิบนาที ไอ้ธีร์คงยังเรียนไม่เสร็จหรอก
ความจริง... กลับก่อนก็ได้มั้ง?
ผมกับมันไม่ได้มีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรให้รีบเคลียร์วันนี้นี่หว่า เดี๋ยววันจันทร์เจอกันที่โรงเรียนค่อยคุยก็ได้ หรือไม่ออนเฟสฯเดี๋ยวก็เจอ เคยเห็นแม่งออนตอนเย็นบ่อยๆ อืมมม... เอาไงๆ...
..... มองอีกทีก็ยังไม่มีวี่แววของร่างสูงๆ นั้นอยู่ดีแฮะ
กลับบ้านดีกว่า
ผมตัดสินใจลุกจากสตาร์บัก โดยไม่ลืมถือชาเขียวปั่นแก้วแพงติดมือมาด้วย กะว่าจะส่งข้อความบอกมันว่าโทษที กลับบ้านแล้วนะ แต่ดั๊นนนนลืมไป ไม่มีเบอร์แม่งนี่หว่า แถมไลน์ วอทแซป เชี้ยไรก็ไม่มีสักอย่าง (แม่งเล่นรึเปล่าน่ะ?) ผมเลยทึกทักเอาเองว่า เดี๋ยวมันลงมาแล้วไม่เห็นหน้าหล่อๆ ของผม ก็คงรู้เองว่าไอ้ฟิวส์แม่งขี้เกียจรอ แล้วกลับไปก่อน.........
มันคงรู้เอง.. เนอะ...............
ผมแวะซื้อดังกิ้นโดนัทไปง้อแม่กล่องใหญ่ (เพื่อความมั่นคงทางการเงินครับ เกิดถูกหักค่าขนมจริงๆ จะยุ่ง..) ก่อนพาตัวเองเข้าไปเบียดเสียดกับฝูงชนในบีทีเอสสยาม แม้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้วคนก็ยังเยอะอยู่ดี ผมพยายามบีบตัวเองให้แบนเหมือนปลาแผ่น จนเข้าไปยืนเกาะราวได้สำเร็จ ฮู้วว... ความจริงก็อยากนั่งอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ส่วนที่ถูกกระทำชำเราเมื่อคืนยังไม่หายเจ็บเลย อูยยย... คิดแล้วก็อาการกำเริบเบาๆ
~You can tell me that there’s nobody else, but I feel it~ You can tell me that you’re home by yourself, but I see it~
แล้ววันนี้โทรศัพท์แม่งเป็นไรกับกูมากป้ะ? โทรมากันจ๊าง ปกติไม่เค๊ยยยยยยยยไม่เคย
ลำบากผมต้องพยายามหอบกล่องโดนัทไว้มือเดียวกับที่โหนราว แล้วใช้อีกมือหนึ่งหยิบโทรศัพท์เครื่องเหลี่ยมขึ้นมาเพื่อพบว่า... เป็นเบอร์แปลกๆ โชว์บนหน้าจอ
“ฮัลโหล” ก็เลยต้องรับแบบงงๆ?
“ฟิวส์ อยู่ไหนอ่ะ กูอยู่สตาร์บั๊กส์แล้ว” อ้าวววววววววว ไอ้ธีร์ครับ (รู้เบอร์ได้ไงวะ?) นี่เพิ่งครึ่งชั่วโมงเองไม่ใช่เรอะ มึงบอกต้องเรียนตั้งชั่วโมงนึง หรือกูเข้าใจไรผิด?
“ระ...ไรวะ กูนึกว่ามึงเรียนอยู่”
“ยังเรียนไม่เสร็จหรอก แต่กลัวมึงรอนาน เลยรีบออกมาก่อน” ถึงตรงนี้ผมเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องพูดว่า กูกำลังขึ้นบีทีเอสกลับบ้านแล้ว... “ตกลงอยู่ไหน เดี๋ยวไปหาก็ได้”
“กู...........เอ่อ.............กำลัง....... กลับบ้านแล้วอ่ะ แฮะๆๆๆ” พอมองไปที่ประตูรถไฟฟ้าอีกทีมันก็เลื่อนปิดเตรียมตัวออกจากชานชาลาเรียบร้อย แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วไอ้ฟิวส์ เหอๆๆ
“.....................” ปลายสายเงียบไปพักนึก ชวนให้ผมทำอะไรต่อไม่ถูกไปด้วย
“มึงไปเรียนต่อเห่อะะะะ โทษทีว่ะ ก็นึกว่ามึงจะเรียนอีกนาน”
“ไม่อยากกลับกับกูเหรอ” แต่ฮะ.... อะไรนะ?? ได้ยินไม่ถนัดเลย
“มึงว่าไงนะ??” ผมถามทวน เพราะฟังประโยคข้างบนไม่ออกจริงๆ
“ไม่มีไร” อ้าว อะไรของแม่งวะ
ครืด.....
รถไฟฟ้าแล่นออกไปด้วยความเร็วสูง จนผมที่ยืนจับราวไว้อย่างไม่ถนัดนักเซไปมาตามแรงเหวี่ยง ไอ้เหี้ยยย ไอโฟนเกือบตก!
“มึง แค่นี้ก่อน กูอยู่บนบีทีเอส คุยลำบากชิบหาย ไว้........................” อ้าว! ไอ้ห่านี่ก็อีกคน นิสัยเสีย ยังไม่ทันพูดจบก็กดวางไปซะแล้ว... ผมยืนขมวดคิ้วอยู่กับเจ้าแท่งสี่เหลี่ยมลาย Rilakkuma ด้วยความงงแป๊บนึงก่อนยัดมันกลับเข้ากระเป๋ากางเกงดังเดิม
ไอ้เชี่ยธีร์แม่งเป็นไรป่าววะ?
ไม่มั้ง...
ผมคงคิดมากไปเอง
แต่อาการผิดปกติเหล่านั้นก็ส่อเค้าชัดเจนขึ้นในวันจันทร์ เหตุเกิด ณ ตอนเช้าเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ผมขึ้นบีทีเอสไปเบียดเสียดมหาชนในชั่วโมงเร่งด่วนอีกตามเคย (ความจริงไม่ได้อยากขึ้นนักหรอกครับ เพราะซอยบ้านผมกว่าจะเดินมาถึงสถานีฯก็ไกลโพ้นเกือบๆ กิโล ไม่เหมาะกับเวลาตื่นสายๆ เล้ยยย... แต่ช่วงนี้บ่อแบ๋ค่าแท็กซี่ว่ะ เดินออกกำลังหน่อยสักหน่อยแล้วกัน รถไฟฟ้าเองก็ประหยัดดี ทนคนเบียดเอาแป๊บเดียวยังถือว่าโอเค..) คงได้โหนราวหลับเหมือนทุกครั้ง ทว่าสายตาดันเหลือบเห็นร่างสูงโปร่งในชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินยืนพิงกระจกข้างประตูอยู่ แอบหมั่นไส้เล็กๆ เพราะขนาดยืนเฉยๆ ออร่าความหล่อยังกระจายจนสาวๆ รอบข้างหันมองตาวาว แน่นอนว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้ตัวปัญหาที่ทำผมหัวปั่นมาสองวันเต็มๆ!
ก็เมื่อวานอารมณ์ดี๊ดี กะว่าจะโทรคุยกะแม่งสักหน่อย...... ไอ้สองสามรอบแรกไม่รับสายมันไม่เท่าไหร่ แต่ยี่สิบกว่าสายแล้วมึงไม่รับนี่เข้าข่ายกวนตีนว่ะ!
หึ เจอที่นี่ก็ดี ขอคิดบัญชีหนังหมาสักหน่อยเหอะ...
ผมเดินแทรกนักเรียนหญิงคอนแวนต์กลุ่มใหญ่เข้าไปยีนข้างไอ้ธีร์ ก่อนใช้ขาสะกิด (เตะ) ให้แม่งละจากการเลื่อนนิ้วเปลี่ยนเพลงในโทรศัพท์เครื่องหรู พอแม่งเห็นผมก็เหวอไปแป๊บนึง แล้วถอดเอียร์พอดเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงไป
“หวัดดี” มันเอ่ยทักเสียงเรียบพลางมองออกไปนอกประตู ที่ผมมองตามแล้วก็ไม่เห็นว่ามีอะไรให้น่ามองหนักหนา
เลยจัดการโบกหัวแม่งแรงๆ ทีข้อหากวนตีนเกินกูจะรับได้ หึหึหึ
“เฮ้ย อะไรมึงอ่า!”
“กวนตีน เมื่อวานโทรไปไมไม่รับ”
มันขยับปากเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องชะงักไปราวกับกำลังหยุดคิด “ก็........ ไม่ว่าง...” หืม... สรรหาข้อแก้ตัวได้น่าฟังมากกกกกก (ประชด!)
“ไม่ว่างพ่อมึงดิ กูโทรไปตั้งยี่สิบกว่ารอบ ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น ก่อนนอน” ผมขมวดคิ้ว ปั้นหน้าเหวี่ยง ขณะที่คนข้างกันตอบกลับแค่คำเดียว
“อือ”
“อืออะไร? นี่มึงเป็นไรวะ”
“เปล่านี่...” ผมพ่นลมหายใจแรงเมื่อไม่รู้จะทำไงกับไอ้เวรนี่ดี ที่เคยคิดเองเออเองว่าไม่มีปัญหานี่คงผิดถนัด
“ธีร์ มึงคิดว่ากูโกรธมึงอยู่เหรอ หรือตอนนี้มึงโกรธกูกันแน่? โอ๊ยยย งงว่ะ ตกลงมึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย?”
นอกจากไม่ตอบคำถามสักข้อแล้ว ร่างสูงยังคงยืนเงียบไม่หันมามองหน้าผมสักแอะ
เสียงอินเตอร์คอมพ์ประกาศว่าใกล้ถึงสถานีที่พวกเรากำลังจะลง แถมเวรกรรมประตูยังเปิดฝั่งที่ผมยืนอยู่พอดี ลูกเด็กเล็กแดงรวมถึงนักเรียนโรงเรียนผมเลยมายืนอัดกันเป็นปลากระป๋อง ผมกับไอ้ธีร์จึงจำต้องตัดบทสนทนาที่ยังไม่ได้ใจความไปซะดื้อๆ
สองนาทีนรกผ่านไป ผมฝ่าดงตีนออกมาได้สำเร็จ ดีใจยังกับได้โล่
“ธีร์ เดี๋ยวคุยให้รู้เรื่องก่อนดิ่ เฮ้ย อย่าเพิ่ง ธีร์..... ธีร์! ไอ้เชี่ยธีร์!” ขณะที่กำลังตะโกนเรียกไอ้ตัวปัญหาซึ่งเดินนำลิ่วๆ อยู่ข้างหน้า ก็มีนักเรียนสายชั้นเดียวกันประมาณห้าหกคนวิ่งเฮโลออกจากโบกี้ไปกระโดดกอดคอมัน ตบหัวเล่นกันตุบตับๆ ผมลอบมองรอยยิ้มมีความสุขของธีร์ แล้วก็หวนนึกถึงตอนแม่งทำหน้าบูดเวลาคุยกับผมเมื่อกี้ไม่ได้.............
ยิ่งดูแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มันไม่อยากคุยด้วย....
หัวคิ้วผมย่นเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
“เชี่ยแม่ง..” ผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนเดินกระทืบเท้าปึงปังลงไปเสียบบัตรรถไฟฟ้า
เออดี
ไม่อยากคุยกับกู กูก็ไม่อยากคุยด้วยเหมือนกัน
----------Make It Right----------
หนักใจจัง = = ฟิวส์ซื่อบื้อหรือซื่อบื้อก็ไม่รู้
ตัวเองทำอะไรไว้ไม่ได้รู้เรื่องเลยยยยย อีกคนเค้านอยด์ไปถึงไหนต่อไหนแล้วนั่น! (แต่ธีร์ก็ใช่ย่อย ไม่ฟังกันบ้างเล้ยยย)
ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวมาดูกันดีกว่า ว่าจะหายโกรธกันได้ยังไง (ใครโกรธใครยัง งง?) อิอิ
ซียู~~
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ