พิศสวาทในหลุมรัก
เขียนโดย dreamon
วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.00 น.
แก้ไขเมื่อ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 21.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษ 60%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตรงฐานยอดปลายถันแวมไพร์สาวเกร็งตัวด้วยความเสียวซ่านจนต้องปล่อยเสียง
ความเจ็บร้อนที่ได้รับกลับก่อให้เกิดความปรารถนาที่พุ่งขึ้นติดแทบทะลักจนต้องต้อง
ครางออกมาเบาๆ เรียกหาพระเจ้าด้วยความสุขที่กำลังปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แอ่นกายเบียดเข้าหาฝ่ามือก็กดศีรษะของชายหนุ่มให้แนบติดเข้ามาอีก
แต่ชายหนุ่มทำเพียงแค่นั้นเขาถอนเขี้ยวออกเก็บเขี้ยวกลับเข้าไปข้างในแคทเธอรีน ส่งเสียงประท้วงด้วยความขัดใจที่อารมณ์ค้างเติ่งดวงตาของเธอเปล่งประกายสีเขียวเรืองรองอวลไปด้วยไฟราคะที่โหมลุกไหม้
“คำตอบของคุณล่ะ”เขาเอ่ยถาม เสียงสั่นระริกแหบพร่าตามแรงอารมณ์
โดยไม่คิดปิดบัง แทนคำตอบแวมไพร์สาวก็ก้มลงหมายครอบครองริมฝีปากหนา
“ตอนนี้!! เดี๋ยวนี้!!” แทบไม่คิดด้วยซ้ำไป
ก่อนที่หญิงสาวจะได้สัมผัสริมฝีปากของเขา ชายหนุ่มได้ใช้มือแตะหยุดริมฝีปากของเธอไว้ ก่อนที่กระซิบใกล้ริมฝีปากเธอว่า
“ได้ตามคำสั่งที่รัก แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่เพราะผมยังมีท่าไม้ตายที่จะทำให้คุณครวญครางด้วยเสียงอันดังไม่หยุดหย่อน และมันคงไม่ดีแน่เพราะคนที่นี่คงแตกตื่นเพราะคิดว่ามีคนถูกทรมารใกล้ตาย โซฟา โต๊ะ เก้าอี้ คงพังพินาศไปหมด ผมอยากละเลียดชิมคุณไปทั้งตัวช้าๆ และดื่มกินอาหารแสนวิเศษที่เตรียมไว้ ผมแทบรอไม่ไหว”
เพราะความที่ถูกไฟราคะลุกท่วมจนแทบมอดไหม้จาก ชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟค
แถมยังเป็นเผ่าพันธ์เดียวกัน ทำให้แทบต้องไม่มีความกังวลใดที่จะต้องคิดหวาด ระแวงทำให้แวมไพร์สาวรีบลุกขึ้นดึงแขนเสื้อขึ้นปิดทรวงอกเปลือยที่เมื่อสักครู่ยังเต็มไปริ้วรอยแต่มันเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ‘คุณสัมบัติที่ดีของแวมไพร์’ แวมไพร์จึงมีผิว
พันธ์ที่หมดจดงดงาม ไร้ริ้วรอย พรางขยับตัวลุกขึ้นจากตักแข็งแกร่งยกมือจัดผมให้คลายความยุ่งเหยิงก่อนจะบอกกับชายหนุ่มว่า
“งั้นไปรอฉันที่หน้าผับสักครู่ ฉันจะพาคุณไปสนุกต่อที่ ที่พักของฉันไม่ไกลหรอกฉันแทบทนรอที่จะส่งเสียงกรีดร้องไม่ไหวเลยไม่เลยล่ะ”
กระซิบบอกด้วยเสียงทรงเสน่ห์ก่อนจะเดินบิดสะโพกนวยนาดออกไป
หลังจากสาวสวยเดินลับสายตาไป ชายหนุ่มก็เรียกบริกรที่ฟังแค่เสียงหัวใจก็รู้ว่าเป็นคนธรรมดาให้เก็บเงินก่อนรีบเดินออกจากมุมมืดแห่งนั้นกลับออกไปที่หน้าผับผู้คนยังเดินกันพลุกพล่าน ทั้งที่เป็นเวลาดึกมากแล้วเขากวาดตามองไปรอบๆก่อนกดโทรศัพท์หาใครบางคนทันทีที่เดินพ้นออกมาระยะได้ เขายืนพิงไหล่เข้ากับผนังตู้โทรศัพท์คอยสัญญานตอบกลับสักครู่ ก่อนกรอกเสียงพูดออกไปเมื่อมีการตอบ
“ตามฉันออกไปทันทีที่รถออก อืม..อืมห่างๆโอเค”
…………….
พูดจบเขาก็รีบเดินย้อนกลับไปรอหญิงสาวที่หน้าผับต่อผ่านไปไม่นานรถเก๋งสปอร์ตสีดำมันปล๊าบคันหรูสไตร์ยุโรป ก็เคลื่อนมาจอดที่ที่เขายืนอยู่พร้อมประตูรถที่เปิดออกต้อนรับ สาวสวยพยักหน้าเชิญชวน ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่งเคียง ก่อนเจ้าหล่อนจะพารถเคลื่อนออกไป
แต่ด้วยการจราจรที่พลุกพล่านจึงทำให้การรถเคลื่อนไปเป็นไปความเชื่องช้าจนแวมไพร์สาวสถบออกมาเบาๆ เพราะอยากปดปล่อยความร้อนรุ่มที่ยังกรุ่น ชายหนุ่มรับรู้กลิ่นแห่งความปรารถนา ที่อบอวลอยู่ภายในรถ แน่นอนว่ายิ่งแวมไพร์มีอายุที่ยืนยาวขึ้นมากเท่าไรระดับของความสามารถและความแข็งแกร่งยิ่งเพิ่มขึ้นด้วย
เหมือนกับเขาที่ประสาทการรับรู้ที่ถึงขั้นมาสเตอร์ แวมไพร์
“ฉันเกลียดการจราจรที่เมืองไทยเพราะแบบนี้ไง ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะซื้อมาขับหรอกรถแบบนี้ เพราะพวกเราสามารถวิ่งได้เร็วกว่าจริงมั้ย” แวมไพร์สาวหันมาชวนคุย
“ไม่รู้สินะ แต่ผมคิดว่ามันเจ๋งแบบ..ว๊าว!!” เขาทำหน้าทึ่งสุดๆ
“คุณเหมือนมหาเศรษฐี แต่ผมเหมือนกุ๊ย ชาตินี้ทั้งชาติผมคงเป็นได้แค่แวมไพร์กุ๊ย”
“คุณต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากการมีชีวิตอยู่เป็น สิบปีเป็นร้อยปีด้วยการค้า บ้างที่รัก”
“ผมทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างเกี่ยวกับการค้า สิ่งที่ผมทำได้ดีมีเพียงการใช้กำลัง”
แสร้งทำซุ่มเสียงมีเลศนัยนัยน์ตาสีฟ้า ส่งประกายวิบวับ
“จะหนึ่งต่อหนึ่งหรือสองต่อหนึ่ง สามต่อหนึ่งหรือมากกว่าผมไม่เคยเกี่ยง”
“ผมได้เสมอไม่เรื่องมาก และมันก็ให้ผลที่คุ้มค่าเหงื่อไม่ทันไหลด้วยซ้ำ”
แวมไพรสาวส่งเสียงหัวเราะเบาๆอย่างพึงพอใจ ในคำพูดกำกวมของชายหนุ่ม
“ฉันชักอยากรู้เกี่ยวกับงานที่คุณทำงานอยู่แล้วสิ บอกฉันได้มั้ย”
“โธ่! ผมก็อยากบอกคุณหรอกว่าผมทำงานอะไร แต่ถ้าบอกออกไปแล้วศักดิ์ศรี
ผมคงหายวับ ขอผมเก็บศักดิ์ที่น้อยนิดนี้ไว้เถอะ รู้แค่ว่าผมรับบริการเป็นรายๆไป”
แสร้งทำสุ่มเสียงโอดครวญทำหน้ากระดาก เหลือที่จะกล่าว หญิงสาวทำหน้าเข้าใจ
พอดีกับรถวิ่งออกมาพ้นจากเขต ที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวของชาวเหยี่ยวราตรี มาหยุดที่ปากทางที่จะมุงเข้าสู่ถนนหลวงรถจึงต้องมาออ ชะลอหยุดรอสัญญาณไฟกันกลุ่มใหญ่
หญิงสาวจึงถือโอกาสที่รถหยุดพลิกเบี่ยงตัวมาใช้มือลาบลูบที่หน้าขาไล้เข้าไปเกาะกุมที่หว่างขาที่นูนเด่นในกางเกงยีนส์ของชายหนุ่มแล้วกดคลึงน้ำหนักลงนิดๆ แล้วยื่นหน้าไปที่หูเอ่ยด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า
“ถ้าคุณทำให้ฉันพอใจและเต็มอิ่มในคืนนี้ พรุ่งนี้คุณก็จะกลายหุ้นส่วนคนใหม่ของฉันทันทีคุณจะได้เรียนรู้การจะหาเงิน เพื่อมาซื้อความสะดวกสบายของพวกเรานั้นง่ายนิดเดียว เงินเหรอแค่กระดิกนิ้ว อาหารเหรอมีมาเสริฟแทบติดเขี้ยว”
ชายหนุ่มตอบสนองแทบทันทีด้วยการยกมือหนาขึ้นทาบทับบนมือซีดขาวเรียวงามของหญิงสาวที่กำลังกดคลึงอยู่บนแก่นกายที่กำลังแข็งขืนขึ้นสู้มือทั้งที่อยู่ใต้เนื้อผ้าโดยนำพามือนั้นให้กดขย้ำแรงขึ้นอย่างไม่ออมแรง
มืออีกข้างก็จับคางเธอให้แหงนรับเรียวลิ้นที่สอดเข้าบดเคล้าเพื่อบรรเทาความซ่าบซ่าน ก่อนที่เอ่ยบอกออกมาว่า
“เพราะงั้นผมจึงต้องงัดทุกกลเม็ดมาเพื่อ บริการมัดใจคุณให้อยู่หมัดไม่ต้องห่วง ที่รัก คุณจะลืมไม่ลงเลยล่ะ ผมจะจัดแบบคุณลืมกรี๊ดเลยล่ะ”
ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงว่าใครจะรู้เห็นเพราะรถคันหรูติดฟิล์มดำมืดถึงแม้ทุกคนจะมองตัวรถด้วยสายตาชื่นชมปนอิจฉาในทุกที่ ที่รถเคลื่อนไปจอดแต่ก็ไม่อาจมองลอดสอดสายตาเข้าไปเห็นอะไรข้างในได้
ทั้งสองจำต้องผละออกจากกันเพราะสัญญาณไฟเปลี่ยนให้รถเคลื่อนที่ออกไป แวมไพร์สาวรีบเคลื่อนรถเลี้ยวออกสู่ถนนใหญ่แล้ววิ่งตัดออกนอกตัวเมือง มุ่งไปทางบ้านพักใกล้เชิงเขาริมทะเล
“ คุณคงรู้แวมไพร์อย่างเราชอบความหรูหรา ฟู่ฟ่า มันเลยประจวบเหมาะกับที่คนประเทศนี้ ให้ความนับถือ เกรงใจคนมีเงิน เหมือนพ่อพระแม่พระ มันเลยเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับงานของฉัน”
“คุณคงร่ำรวยจากการทำงานในประเทศนี้”
“ไม่ที่รักฉันบอกแล้ว ฉันเดินทางไปรอบโลกฉันทำงานแบบนี้ ทุกที่ที่ฉันไปอยู่
แต่ทางฝั่งยุโรปทำงานยากตรงกฎหมายมันยุ่งยาก ฉันขี้เกียจทำงานกับคนหมู่มาก แต่ทางเอเชียไม่ ขออย่างเดียวเงินหนาเป็นพอ ทุกอย่างจบ”
“คุณคงทำงานนี้นานแล้วสิ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ทายดูสิทายถูกฉันมีรางวัลให้” สาวสวยสวนกลับมา
“ไม่รู้สิ..อืม..สิบปีหรือสูงสุดยี่สิบปี ผมเดาไม่ถูก ผมรู้แต่ว่าผมสามารถทำให้คุณสร็จได้กี่ที ด้วยปาก ลิ้น หรือไอ้นี่” พูดเสร็จก็เอื้อมมือไปดึงมือข้างที่วางเกาะพวงมาลัยไว้หมิ่นๆ พามาวางแหมะไว้ที่จุดยุทธศาสตร์พานให้เจ้าของมือใจสั่น
“คุณกำลังทำให้ฉันเสียสมาธิ เพราะความต้องการในตัวคุณ” เอ่ยท้วงเสียงกระเส่า
“เพราะฉะนั้นผมควรเอามือกอดอกเก็บเอาไว้ให้ห่างๆ คุณแบบนั้นใช่มั้ย”
“เป็นความคิดที่ดี ไม่งั้นคุณกับฉันคงต้องเมคเลิฟกันตอนขับรถแน่ๆ และคุณตอบผิดฉันทำงานนี้มาเกินครึ่งชีวิตหลังความตายของฉัน”
“หกสิบปี”แวมไพร์สาวเล่าต่อ
“และ ในแต่ละปีก็ทำเงินเป็นร้อยล้านเหรียน ผับเล็กๆนั้นมันเป็นแค่ฉากหน้าเอาไว้ สนุกกับเซ็กส์หลายๆแบบกับผู้ชายหลายๆคนในหนึ่งคืน เลือดอุ่นๆที่มีให้เลือกดื่มจนอิ่มร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันโรคทุกชนิด เราไม่จำเป็นต้องกลัวติดโรคอะไร แต่ฉันกลับค้นพบเครื่องดื่มเดินได้ที่แสนอร่อย สะอาด บริสุทธิ์ และทำเงิน”
ชายหนุ่มผงกหัวจากเบาะที่พิงพักอยู่ขึ้นฟังอย่างสนใจแต่ไม่ทันเอ่ยปากซักรถก็ตบไฟเลี้ยวชะลอเข้าไปในตัวบ้านพักใกล้เชิงเขา ด้วยมีคนเปิดประตูคอยไว้คอยชายหนุ่มกวาดตามองอย่างเร็วพอไม่ให้เป็นที่สังเกต ความมืดไม่ใช่ปัญหาของแวมไพร์ เพราะกลางวันหรือกลางคืนแวมไพร์ก็มองเห็นเหมือนกัน
ชายหนุ่มทิ้งหางตามองไปทางด้านนอกตัวบ้าน เห็นรถอีกคันที่ขับตามจอดทิ้งระยะไว้อย่างพอเหมาะตามที่นัด ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรถตามหญิงสาวออกไปด้วยความรวดเร็ว
เขาเดินอ้อมผ่านหน้ารถเข้าไปโอบกอดซุกไซร้หญิงสาวจากทางด้านหลังที่กำลังปิดประตูรถและสั่งงานงานฝรั่งหนุ่มน้อยรูปร่าง ผอมเกร็ง สูงชะลูด หน้าตา ผิวพันธ์ ซูบซีด ท่าทางหลุกหลิกไม่มั่นใจในตัวเอง เสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ และแผ่วเบาจนไม่อาจฟันธงลงไปว่าเป็นมนุษย์หรือแวมไพร์ หรือเป็นอาการเสี้ยนยากันแน่
กลิ่นความตื่นเต้น วิตกกังวล และหวาดกลัวโชยออกมาลอยวนอยู่รอบตัวเขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากซอกคอที่กำลังซุกไซร้ขึ้นสบตา เขาเห็นสายตาที่มองตอบเต็มไปด้วยความหวงแหน แน่นอน แวมไพร์ ขี้หวงหวงทุกอย่างที่เป็นของของตัวเองในกรณีนี้เขาไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ ใช่หรือเปล่า
“นี่คงไม่ใช่ผู้เปิดประตูกิตติมศักดิ์หรอกใช่มั้ย…ที่รัก”
ถามติดที่ซอกคอขาวผ่อง ทันทีที่คำว่า ที่รักหลุดจากปากเขาที่จงใจพูด
แววตาตื่นๆ และหวงแหนก็ปรากฏแววพุ่งพล่านขึ้นมาทันที ก่อนจะก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วแล้วเปลือกตาลึกโหลตามสภาพร่างที่ผอมแห้งก็ถูกหรี่ลงกั้นแววตาขุ่นๆนั้นเอาไว้
กลิ่นความทุรนทรายตลบ อบอวลออกมาอีกสองมือเจ้าร่างผอมก็ถูกกำแล้วคลายกำแล้วคลายซ้ำๆ หญิงสาวละมือออกจากรถที่ปิดเสร็จพลางยกมือขึ้นไปดึงท้ายทอยชายให้ก้มลงแลกลิ้นกับตัวเองก่อนตอบคำถาม
“เค้ามาคอยบริการเรานิดหน่อย เขาเอาอาหารส่งและกำลังจะกลับใช่มั้ยนีล
เขาเป็นมนุษย์และเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ เขารู้ว่าเราเป็นอะไรและแสนจะคลั่งไคล้
เขายอมทุกอย่างเพียงแค่ได้ติดตาม หวังอยากเป็นแบบเรา‘พวกมนุษย์หน้าโง่’น่ะ” คำหลังกระซิบติดหูหนุ่มหล่อพอเข้าใจสองคน
“ชะ…ใช่ ผะ..ผม คงต้องไปแล้ว”
เสียงแหบแห้งตะกุกตะกักตอบเสียงแผ่วแต่แสนชัดเจนในหูของแวมไพร์
“ขอบคุณสำหรับของขวัญที่คุณให้ผมวันนี้ถึงแม้มันจะยังไม่สมบูรณ์ดีเท่าไร”
“เล็กน้อยเทียบไม่ได้กับสิ่งที่คุณทำให้ฉันมาตลอดไปเถอะไปแบบทุกทีนะ พรุ่งนี้ถ้าฉันยังมีแรงลุกไหว คุณจะได้ในสิ่งที่คุณปรารถนา”
แวมไพร์สาวพูดพลางโบกมือให้เชิงไล่กลายๆ ด้วยชั้นเชิง นางพระยา ก่อนจะปลดมือหนุ่มข้างกายออกจากเอวแล้วพลิกตัวกลับมา คว้าตัวชายหนุ่มรั้งตัวขึ้นบนตัวบ้านคนถูกสั่งทำหน้าดีใจสุดฤทธิ์ก่อนเดินจากตัวปิดประตูรั้วแล้ววิ่งกระย่องกระแย่งหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ