[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
49) Aut x Pree 02 : แฟนปลอมๆ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในวันต่อมา ผมไปทำงานที่ออฟฟิศของตัวเองโดยไม่ออกไปไหนแม้กระทั่งกินข้าวเที่ยง พี่อัตโทรมาหาผมสองสามครั้งแต่ผมตั้งใจไม่รับจนพี่มันจะต่อสายในเข้ามาเพื่อชวนผมไปกินข้าวแต่ผมก็ปฏิเสธไปทันทีและไม่ต่อความยาวสาวความยืด และทันทีที่เลิกงานผมก็ตรงกลับคอนโดทันที
กลับถึงคอนโดผมก็อาบน้ำแต่งตัวก่อนจะโทรไปชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวกลางคืนแต่ดูเหมือนพวกมันจะไม่ว่างกันซักคน ไอ้กีร์ก็จะนอนกกเมียให้หนำใจเพราะมันจะไปญี่ปุ่นนาน ไอ้บัมพ์ก็ไปดูงานที่ดูไบ ไอ้เคย์ก็ไปเดินแบบส่วนไอ้ลุกซ์ก็หอบงานไปทำที่บ้านไม่มีเวลาว่างกันเลยทำให้พวกมันไม่ออกไปกับผม แต่นอกจากเพื่อนสนิทกลุ่มนี้แล้วผมยังมีอีกคนที่สนิทด้วยมากๆ แต่ไม่ได้เรียนมหาลัยที่เดียวกันก็เลยไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่แต่ตอนม.ปลายสนิทกันมาก ผมชวนมันก็ได้วะ
[ฮัลโหล ภีร์] เพื่อนที่ชื่อกั้งของผมรับสาย ไอ้กั้งมันเป็นคนน่ารักมากครับ ทั้งนิสัยทั้งหน้าตา แต่ก็นะ...มันมีผัวแล้ว ฮึๆ
“กั้ง วันนี้ว่างไหม? อยากไปเที่ยว” ผมชวน ปกติเวลาไปเที่ยวตอนมหาลัยพวกผมก็ชวนกั้งมันประจำนะแต่มันไม่ค่อยได้มาด้วยเท่าไหร่เพราะผัวมันหวง
[เดี๋ยวขอถามพี่คิวก่อนนะว่าให้ไปไหม?] กั้งบอกก่อนจะหันไปถามไอ้พี่คิวที่เป็นผัวมันเสียงงุ้งงิ้งๆ ก่อนจะกลับมาพูดโทรศัพท์กับผมอย่างร่าเริงว่าผัวอนุญาต
“แล้วพี่คิวมันจะไปด้วยไหม?” ผมถามเพราะปกติไอ้พี่คิวมันจะตามตูดไอ้กั้งไปด้วยตลอด ไอ้พี่บ้านั่นก็หวงเมียนักหนา ไม่เห็นน่าห่วงเลยเพราะเพื่อนไอ้กั้งแต่ละคนมีแต่ตัวพ่อ ไอ้ลุกซ์นี่ตีคนเก่งโคตร ส่วนไอ้เคย์แค่เห็นความสูงกับกล้ามก็คงไม่มีใครกล้ายุ่งแล้ว ไหนจะพวกผมอีก แต่ละคนเจนสนามกันทั้งนั้น ไอ้พี่คิวมันไม่สมควรห่วงเลย
[ไม่ไปๆ พี่คิวต้องไปงานเลี้ยงกับลูกค้าน่ะ] ไอ้กั้งบอกเสียงร่าเริงสุดๆ มันคงจะดีใจที่ได้ออกไปแรดโดยไม่มีผัวไปคุม
“ไปสองคนกับกูนะ วันนี้อยากเมา ลากกูกลับให้ด้วยล่ะ” ผมบอก
[โอเค ได้ งั้นเดี๋ยวผมไปรับภีร์ตอนนี้เลยนะ] กั้งบอกก่อนจะตัดสายไป ผมยิ้มนิดๆ ให้โทรศัพท์ก่อนจะเดินลงไปรอไอ้กั้งที่หน้าคอนโด
ไอ้กั้งมันพูดเพราะกับพวกผมตลอดเลย ขนาดพวกผมใช้คำหยาบกับมันนะแต่มันก็ยังยืนยันที่จะพูดแบบนี้ มันบอกว่าพูดแบบนี้จนติดปากแล้วอีกอย่างไอ้กั้งมันเป็นคนสุภาพมาก บางทีผมก็ละอายใจนะ ฮ่าๆ
ไอ้กั้งมารับผมแล้วตรงดิ่งไปที่ผับที่เราไปประจำทันที ระหว่างทางผมก็ไม่ได้พูดอะไรส่วนไอ้กั้งก็ไม่พูดอะไรเพราะมันคงรู้ว่าเดี๋ยวผมก็คงบอกมันเองว่าทำไมผมถึงอยากเมา
เพลงมันๆ ในผับดังกระหึ่มพร้อมกับขาแดนซ์ที่ออกไปวาดลวดลายเต้นกันมันหยดทำให้ใจผมเต้นรัวเพราะไม่ได้มาเที่ยวในผับแบบนี้มานานพอสมควร เมื่อก่อนก็มาบ่อยอยู่หรอกแต่ช่วงนี้อย่างมากก็ร้านเหล้านั่งชิลล์ๆ
“กั้ง...กูมีเรื่องกับพี่อัตน่ะ มีมานานแล้วแหละ จะเลิกกันหลายครั้งแต่ก็เลิกไม่ได้ซักที” หลังจากสั่งเหล้าและจ่ายเงินไปเรียบร้อยผมก็พูดขึ้น ตอนนี้ผมกับไอ้กั้งมานั่งกันสองคนอยู่ที่โต๊ะที่มันไม่ค่อยมีคนผ่านนัก
“เหนื่อยก็พอนะภีร์ ภีร์เหนื่อยมามากพอแล้ว” ไอ้กั้งยื่นมือมาตบที่ไหล่ผมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“เฮ้อ วันนี้กูอยากคลายเครียด ขอเรียกเด็กนั่งดริ๊งค์ซักคนละกัน” ผมเอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วพูด
“ตามสบายเลย แต่ผมไม่เอานะ” กั้งบอกยิ้มๆ
“น้องๆ” ผมกวักมือเรียกเด็กในร้านทำให้มันเดินเข้ามาหาผม “ขอตัวท็อปที่เหลืออยู่ตอนนี้หน่อย พี่เครียดว่ะ” ผมบอกเด็กมัน
“ได้ครับพี่” เด็กมันรับคำ ผมจึงยัดเงินให้มือมันแล้วนั่งไขว่ห้างรอเด็กมาปรนนิบัติ
“แต่จะดีเหรอภีร์ ถ้าพี่อัตรู้เข้าภีร์จะไม่ลำบากเหรอ?” กั้งถามอย่างเป็นห่วง
“ช่างแม่ง พี่มันบอกเองว่าอยากมีใครก็มีเพราะเขาก็มีเยอะเหมือนกัน” ผมบอกก่อนจะเม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจ พี่อัตมันทำเหมือนไม่เห็นผมสำคัญเลย ขนาดผมประชดว่าผมจะไปมีใหม่พี่มันยังไม่สนใจเลย ผมเคยคิดจะซื่อสัตย์นะ แต่เจอแบบนี้ผมขอกลับมาเป็นคนเลวก็แล้วกัน
“ยังไงก็แล้วแต่ ภีร์ต้องรักตัวเองเข้าใจไหม?” ไอ้กั้งบอกพลางขมวดคิ้วนิดๆ เหมือนมันเป็นห่วง
“เอาน่า กูรักตัวกูอยู่แล้ว แล้วกูก็รักมึงด้วยนะ ฮึๆ” ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะหยิกแก้มไอ้กั้งเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว มันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ทำตัวเหมือนแม่ คอยบ่นตลอดเวลาพวกผมไปสำมะเลเทเมาสมัยม.ปลาย
“ถ้ารักทำไมไม่ชอบฟังคำเตือนผมเลย? พวกภีร์น่ะดื้อ” ไอ้กั้งมันทำหน้างอง้ำใส่จนผมอดไม่ได้ที่จะยื่นมือทั้งสองข้างไปหยิกและดึงแก้มมัน มันน่ารักอะ
“โธ่กั้ง อย่าให้วิญญาณแม่เข้าสิงตอนนี้ดิวะ วันนี้เราต้องมาสนุกกันนะ” ผมบอกอย่างร่าเริงพอดีกับน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหา ผมตบเบาะข้างๆ ตัวเองด้วยสีหน้าเชิญชวน “ชื่ออะไรครับ?” ผมถามทันทีที่น้องเขานั่งแปะลงข้างๆ ชนิดเกือบจะเกยตักผมเลยทีเดียว
“ชื่อเดียร์ค่ะ” น้องเดียร์ตอบพลางยิ้มหวานเอาใจ
“พี่ชื่อภีร์นะครับ” ผมยิ้มยั่วน้องเดียร์พลางโอบเอวแล้วรั้งเข้ามาชิดมากยิ่งขึ้น
“พี่ภีร์หน้าตาดีขนาดนี้ทำไมถึงเรียกเดียร์ล่ะคะ? หาสาวๆ สวยๆ ก็ได้นี่คะ?” น้องเดียร์ถามเสียงอ่อนเสียงหวาน
“พี่เหงา พี่อยากหาคนเอาใจ” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆ น้องเขาจนหน้าผากชิดกันแล้วยิ้มยั่ว
“ภีร์ พี่คิวไลน์มาบอกว่าอยากมาด้วย เดี๋ยวผมไปรับพี่คิวก่อนนะ” กั้งบอกก่อนจะลุกออกไป ผมโบกมือให้มันก่อนจะหันมานัวเนียกับน้องเขาต่อ
อ่า...ไม่ได้สัมผัสอะไรนุ่มนิ่มแบบนี้มานานแล้วแฮะ รู้สึกดีเหมือนกัน
“พี่ภีร์ดื่มเข้มหรืออ่อนๆ คะ?” น้องเดียร์ถามพลางหันไปจะชงเหล้า
“อ่อนๆ ก่อนดีกว่า” ผมอุ้มน้องเดียร์มานั่งทับขาข้างซ้ายของตัวเองแล้วกอดเอวนุ่มนิ่มเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง
อ้อมแขนของผมมันจะแข็งแรงพอปกป้องใครได้ไหมนะ? ผมเคยคิดนะครับว่าอ้อมแขนนี้ของผมจะต้องได้ปกป้องใครซักคนด้วยความรักแต่ผมกลับถูกอ้อมแขนของคนอื่นปกป้องแทนทำให้อ้อมแขนของผมว่างเปล่าและสุดท้าย...ผมก็ไม่มีทั้งคนปกป้องและคนให้ปกป้อง
“ขอโทษนะครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหม?” ขณะที่ผมกำลังมุดไปที่ไหล่เนียนๆ ของน้องเดียร์เสียงทุ้มๆ ก็ดังขึ้นเพื่อขออนุญาต ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเม้มปากแน่น “อ้าว มึงเองเหรอภีร์ ถึงว่าล่ะ...คุ้นๆ” ผมเบือนหน้าหนีทันทีที่ผู้ชายตรงหน้ายิ้มอย่างเสแสร้งให้ เขาคงรู้ว่าเป็นผมตั้งแต่แรกก็เลยเข้ามาทัก
“โต๊ะนี้เต็มแล้วครับ เดี๋ยวมีเพื่อนมาอีกสองคน” ผมบอกนิ่งๆ มือก็ไม่ยอมปล่อยเอวน้องเดียร์ด้วยแต่ผมรู้สึกว่ามือผมกำลังสั่น
“พี่ภีร์ เดียร์อึดอัด” น้องเดียร์หันมาบอกผมเสียงกระเง้ากระงอด
“อ๊ะ พี่ขอโทษครับ” ผมสะบัดหัวนิดๆ ก่อนจะคลายอ้อมแขนที่เผลอรัดน้องเดียร์ซะแน่น
“ให้กูนั่งด้วยไม่ได้เหรอ? กูมาคนเดียวเอง” พี่อัตพูดอย่างสบายๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงมานั่งเบียดผม เมื่อกี้ผมเกือบจะลุกขึ้นเพื่อหนีแต่ดันติดน้องเดียร์ที่นั่งทับขาผมอยู่ทำให้ผมลุกไม่ได้
“เดียร์ พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” ผมบอกทำให้น้องเดียร์ลุกออกจากตักผมเพื่อให้ผมลุกออกไปได้
ผมรีบเดินก้าวยาวๆ ออกจากร้านทางด้านหลังเพื่อออกไปสงบสติอารมณ์ทันที
“ฟู่วววว” ผมนั่งบนราวเหล็กตรงที่จอดรถก่อนจะจุดบุหรี่สูบแล้วพ่นออกมาจากปากและจมูก อาจจะสงสัยว่าผมสูบบุหรี่ด้วยเหรอ? ใช่ครับ ผมสูบ แต่ไม่บ่อย ที่ผมสูบได้ก็เพราะผมติดจากไอ้เคย์ไอ้ลุกซ์นั่นแหละ เมื่อก่อนในกลุ่มไอ้ลุกซ์สูบจัดสุด รองมาไอ้กีร์แต่มันเลิกไป จากนั้นก็ไอ้เคย์และผมส่วนไอ้บัมพ์กับไอ้กั้งไม่สูบมาตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ทุกคนไม่สูบกันแล้ว เหลือเพียงผมที่ยังสูบอยู่
“นี่มึงอยากขนาดต้องมาจ่ายเงินแพงๆ เพื่อเรียกเด็กมานั่งด้วยเลยเหรอ?” ขณะที่ผมกำลังพ่นควันบุหรี่เสียงทุ้มๆ ก็ดึงความสนใจของผมจากควันสีขาวที่กำลังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ
“ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผมไม่ใช่เหรอครับ?” พูดจบผมก็สูบเอาควันเฝื่อนๆ เข้าปอดอีกครั้งแล้วพ่นมันออกมาพรวดเดียว
“มึงเหงาขนาดนั้นเลยเหรอ?” พี่อัตถามก่อนจะเดินคาบบุหรี่มาเอาไฟแช็คจากผมไปจุดสูบ
“คงงั้นมั้งครับ” ผมตอบแล้วเก็บไฟหลังจากที่จุดให้พี่มันเสร็จแล้ว
“ให้กูกอดมึงไหม? กูเองก็ปล่อยให้มึงเหงามานาน” พี่อัตเสนอ แต่มันเป็นข้อเสนอที่เห็นแก่ตัวที่สุด
“ไม่จำเป็นหรอกครับ แล้วก็ไม่ต้องมาสำนึกหน้าที่คนรักที่ดีด้วย เราไม่ใช่คนรักกันจริงๆ ซักหน่อย” ผมพูดก่อนจะลุกจากราวเหล็กแล้วขยี้บุหรี่ทิ้ง
“กูล่ะหมั่นไส้คำประชดประชันของมึงจริงๆ เลย” พี่อัตพูดเสียงสบายๆ “คำก็ไม่ใช่คนรักกัน สองคำก็ไม่ใช่คนรักกัน กูอยากจะรู้นักว่าใจของมึงคิดอย่างนี้จริงๆ หรือเปล่า!” พี่อัตเปลี่ยนน้ำเสียงก่อนจะเดินมากระชากแขนผมแล้วดึงให้หันไปเผชิญหน้าในระยะลมหายใจเป่ารดหน้ากัน ผมเม้มปากขมวดคิ้วมองพี่อัตด้วยสายตาขวางๆ
“ผมรอแค่เวลาที่จะหนีจากพี่ได้เท่านั้นแหละครับพี่อัต เพราะฉะนั้นไม่ต้องมารับมารู้หรอกครับว่าใจผมคิดอะไรอยู่” ผมกัดฟันพูดพลางเบ้หน้าเพราะถูกบีบแขนซะแรง
“มึงมันก็เป็นอย่างนี้ตลอด! ตลอดเวลาที่ผ่านมามึงไม่เคยจะแสดงออกหรอกว่ารักกู! แล้วมึงก็ชอบมาคร่ำครวญทีหลังว่ากูไม่เคยรักมึง! งั้นเดี๋ยวกูจะรักมึงให้ดูไหมภีร์?” พี่อัตตะคอกก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นจนผมดิ้นไม่ได้
“พี่อัต! ผมอึดอัด!” ผมบอกพลางพยายามจะดันเขาออก
“กลับบ้านกับกูเดี๋ยวนี้! กูจะรักมึงให้ดู!!” พี่อัตปล่อยผมออกจากอ้อมแขนก่อนจะจับข้อมือผมเอาไว้แน่น
“ผมไม่ไป! พี่อัต ปล่อยผม ผมจะไม่กลับไปที่นั่นกับพี่อีกแล้ว!” ผมบิดข้อมือออกก่อนจะถอยห่างจากพี่อัตมาหลายก้าว
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?!” ยังไม่ทันที่พี่อัตจะตามมาจับตัวผมก็มีเสียงเสียงหนึ่งดึงความสนใจของเราทั้งคู่ไป
“พี่คิว!” ผมเลิกคิ้วนิดๆ ที่เห็นพี่คิวเดินมาพร้อมกั้ง ไอ้กั้งที่อยู่ข้างหลังแอบกวักมือเรียกผมก่อนจะส่งซิกส์ทางสายตามาให้ ผมหันไปมองพี่อัตก่อนจะรีบวิ่งไปหาพี่คิว
ขณะที่ผมกำลังจะไปหลบข้างหลังพี่คิว ข้อมือของผมก็ถูกมือหนาๆ จับเอาไว้แล้วดึงไปยืนข้างๆ เพื่อโอบเอว ผมสะดุ้งหันหน้าไปมองไอ้พี่คิวอย่างตกใจ พี่มันเฮี้ยนหรือเปล่าวะ? แล้วไอ้กั้งก็แม่งไม่หือไม่อืออะไรเลย
“ขอโทษนะพี่ แต่ถ้าพี่ทิ้งภีร์มันมาแล้วผมก็ขอดูแลได้ไหม? ผมรอเวลานี้มานานแล้ว เวลาที่ผมจะได้มันมาครอง ผมเล็งมันไว้ตั้งแต่ม.ปลายแต่เพราะมันไม่สนใจผู้ชายผมก็เลยต้องกินแห้ว ผมขอเถอะพี่” พี่คิวมันพูดหน้านิ่งจนผมเอ๋อแดก เอิ่ม...ผมก็รู้อยู่หรอกว่าพี่มันตอแหลแต่แบบ...อย่าจริงจังได้ป่าววะ? กูชักจะเริ่มเชื่อแล้วนะเนี่ย
“มึงพูดอะไรของมึงไอ้คิว? อย่ามากวนตีน” พี่อัตจ้องหน้าพี่คิวด้วยความโกรธเคือง
“ผมไม่ได้กวนตีน ไม่ได้โกหก ตอนนี้ผมมีความสุขมากที่ได้คนที่ผมรักมาอยู่ในมือ ถ้าพี่ไม่คิดจะรักหรือดูแลมัน ยกหน้าที่นั้นให้เป็นของผมได้ไหม?” อ่า...ใจเต้นกับผัวเพื่อนนี่ผิดไหม? ตอนนี้ผมรู้สึกตกต่ำทางความรักมากผมเลยใจเต้น ไม่ได้หวั่นไหวอะไรหรอกนะครับ อย่างไอ้พี่คิวผมไม่ชอบขี้หน้ามาตั้งแต่แรก ผมไม่มีทางชอบมันแน่นอน
“...” พี่อัตเม้มปากไม่พูดอะไร
“ภีร์ มึงจะเลือกใคร บอกกูมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ ถ้ามึงยังรักพี่อัต...กูก็จะไม่ยุ่งกับมึงอีก” พี่คิวหันมามองผมด้วยสายตาขอร้อง
ตายๆๆ ไอ้พี่เหี้ยนี่มันบีบตาจริงจังใส่ผมใหญ่เลย ใครก็ได้เอามันไปเป็นดาราที แม่ง เล่นซะกูเคลิ้มเลยไอ้สลัดผัก!
“พี่อัต...” ผมเรียกชื่อพี่อัตทำให้พี่มันยิ้มมุมปากทันที “เราจบกันแค่นี้เถอะครับ ผมมีคนที่ดูแลผมดีกว่าพี่แล้ว” เอาวะ! อิพี่คิวมันส่งมาผมก็ขอรับมุกโดยการกอดแขนพี่มันเลยละกัน กั้ง อย่าหึงนะมึง
“คิว ถ้ามึงไม่อยากมีเรื่องกับกู ส่งมันคืนมาเดี๋ยวนี้!” พี่อัตคำรามเสียงต่ำเพื่อขู่แต่ดูเหมือนไอ้พี่คิวจะไม่ได้สะทกสะท้านเหี้ยอะไรเลย
“พี่อัต อย่าทำอะไรพี่คิวนะ ถ้าพี่อยากให้ผมกลับไปทรมานผมก็จะกลับถ้ามันแลกกับการที่พี่คิวจะไม่เดือดร้อน” ผมพูดกับพี่อัตก่อนจะก้าวออกไปยืนตรงหน้าพี่คิว หันหน้าเข้าหาและหันหลังใส่พี่อัต “พี่คิวครับ ผมไม่อยากให้พี่เดือดร้อนเลย” ผมทำหน้ากวนตีนใส่พี่คิวอย่างอดไม่ได้ ไม่ไหวอ่ะ ผมทำเป็นซึ้ง ดราม่ากับพี่คิวไม่ได้เลยว่ะ
“ภีร์! กูไม่กลัวอะไรนะเว้ยถ้ามีมึงอยู่ข้างๆ” พี่คิวกัดฟันพูดแล้วดึงผมไปกอด “ไอ้ภีร์...กูมีบุญคุณกับมึง อย่ากวนตีน สัตว์!” พี่คิวมุดหน้าลงมาบนไหล่ผมก่อนจะกระซิบเสียงเบา ขนลุกฉิบหาย
“พี่คิว ขนลุกว่ะแม่ง” ผมยกมือขึ้นทำเป็นกอดแต่จริงๆ หยิกหลังพี่มัน
“ภีร์ เค้าหวงนะ” ไอ้กั้งกระซิบแผ่วๆ พลางทำหน้ากระเง้ากระงอด
“ภีร์...” พี่อัตเรียกผมเสียงต่ำแต่น้ำเสียงอ่อนลงมาก “กลับบ้านได้แล้ว” พี่อัตบอกนิ่งๆ
“ภีร์...อยู่กับกู” พี่คิวผละออกจากผมแล้วจับแขนผมไว้เหมือนจะรั้ง โอ้ย! ไม่ไหวแล้ว ไอ้พี่คิวมันทำผมขนลุกจริงๆ
“กลับไปเถอะครับพี่อัต ตอนนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” ผมบอกอย่างจริงจังแล้วขยับไปหลบข้างหลังพี่คิว
“มึงจะเอาอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหมภีร์?” พี่อัตถามก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง
“...” ผมไม่พูดอะไร ไม่มีใครพูดอะไรอีก เงียบไปได้ซักพักพี่อัตก็หันหลังเดินไปที่รถของตัวเอง
ผมยืนมองรถพี่อัตแล่นออกจากที่จอดรถด้วยใจที่ห่อเหี่ยวและรู้สึกผิด เมื่อกี้พี่อัตดูเศร้าๆ ยังไงก็ไม่รู้ เวลาผมทำให้พี่อัตเศร้าผมจะรู้สึกผิดอยู่เสมอแต่ไม่รู้ว่าพี่อัตจะเคยรู้สึกเหมือนผมไหมเพราะเขาขยันทำให้ผมเสียใจอยู่ตลอด
“พี่คิว ปล่อยได้แล้ว” ไอ้กั้งเดินมาแทรกกลางระหว่างผมกับพี่คิวทันทีเมื่อพี่อัตขับรถออกไป ผมดึงสติกลับมาก่อนจะกระโดดถีบไอ้พี่คิวอย่างยั้งเท้า
“เวรเอ๊ย! อย่าเล่นจริงจังสิเว้ยพี่คิว กูขนลุกว่ะ” กระโดดถีบเสร็จผมก็บ่นไปส่วนไอ้พี่คิวก็หัวเราะใหญ่เลย
“หน้ามึงแม่งเคลิ้มเหี้ยๆ ว่ะ ฮึๆ” พี่คิวหัวเราะอย่างล้อเลียน
“ช่างแม่ง! คราวหน้าคราวหลังอย่าเสือกนะมึง สยองฉิบ” ผมบอกก่อนจะเดินนำกลับเข้าไปในผับแล้วไปนัวเนียกับน้องเดียร์ที่นั่งชงเหล้ารอเก้อต่อ
37.5% left
ผมกลับไปที่คอนโดอย่างอารมณ์ดีในเวลาตีหนึ่ง ที่อารมณ์ดีมีอยู่สองเรื่องคือผมได้บอกเลิกพี่อัตไปแล้วและพรุ่งนี้ผมจะไปลาออก มันโล่งน่ะครับ ส่วนอีกเรื่องคือน้องเดียร์เอาใจผมตลอดเลย ฮึๆ ได้แอบจูบด้วยสองสามที ถือเป็นกำไรเล็กๆ น้อยๆ ละกัน
แกร๊ก
“ฮ้า” ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อนจะตรงดิ่งไปนั่งพักที่โซฟาแล้วถอนหายใจออกมาอย่างสบายอารมณ์
เอาวะ! ถึงยังไงผมกับพี่อัตก็ไปกันไม่รอด เสียใจไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมเตรียมใจกับเรื่องนี้มานานแล้วล่ะ
ผมเดินไปดื่มน้ำในครัวก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อนอนพักผ่อน เอาแบบไม่อาบน้ำนี่แหละ ไม่ไหวจริงๆ
“กลับมาแล้วเหรอ?” รอยยิ้มของผมหายไปทันทีที่ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเจอพี่อัตนั่งอยู่ปลายเตียง เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย?
“มาทำไม?” ผมถามเสียงเย็น
“กูมาหามึง” พี่อัตพูดก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง
“เมาใช่ไหม?” ผมถามเพราะท่าทางพี่มันดูแปลกไป เวลาเมาพี่อัตจะนิ่งๆ พูดรู้เรื่องนะแต่จะพูดแบบนิ่งผิดปกติเหมือนคนไม่มีอารมณ์
“อาจจะใช่” พี่อัตพูดพลางลุกขึ้นมายืนนิ่งๆ “มึงจะไปหามันจริงๆ ใช่ไหม?” พี่อัตเงยหน้าที่ก้มอยู่มามองผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก พี่มันดูนิ่งๆ แต่ก็ดูเจ็บปวดอยู่ลึกๆ อาจจะเป็นความรู้สึกของคนหวงของของตัวเองทั้งๆ ที่ไม่เห็นค่ามันแล้วก็ได้มั้งครับ
“ถ้าผมไป...จะทำไมครับ?” ผมมองอาการพี่อัตอย่างระมัดระวังก่อนจะถามหยั่งเชิง
“มึงแรดเนอะ” พี่อัตพูดก่อนจะเม้มปากแล้วขมวดคิ้วทำหน้าผิดหวัง ผมมองสีหน้าพี่มันแล้วเบือนหน้าหนี จะมาว่าผมอย่างนั้นมันก็คงไม่ถูกซะทีเดียว ผมอาจจะนอกใจพี่มันไปหาน้องเดียร์จริงแต่ผมก็ไม่ได้จริงจังเพราะน้องเขาก็เป็นแค่เด็กนั่งดริ๊งค์เท่านั้น ถ้าเขาด่าผมว่าแรด ผมว่า...เขาเองก็คงเป็นแรดติดสัดเพราะเขานอกใจผมทุกวัน
“ครับ” ผมยอมรับทันที แก้ตัวไปก็ป่วยการและผมก็ไม่มีอะไรต้องแก้ตัวด้วย ไม่จำเป็นเลยซักนิด
“ทำไมมึงถึงเป็นคนแบบนี้ฮะภีร์? มึงไม่ใช่แบบนี้ มึงดีกว่านี้” พี่อัตพูดก่อนจะเดินเข้ามาประชิดตัวผมแล้วคว้าไหล่ผมไปบีบซะแน่น
“เปล่า ผมเลวมากต่างหาก ผมทำชั่วได้เกือบทุกอย่างแหละ ขนาดเมียเพื่อนผมยังเอามาแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับการนอกใจคน” ผมพูดเหี้ยมๆ แต่คำพูดนั้นมันตอกย้ำและทำร้ายจิตใจผมเหลือเกิน ความผิดที่แค่คิดถึงเพียงนิดเดียวก็ทำให้ผมแทบร้องไห้ได้ง่ายๆ
“มึงแม่งเลวว่ะ” พี่อัตมองหน้าผมอย่างผิดหวังและนั่นก็ทำให้ใจผมรู้สึกหนักขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และอาการจุกที่ใจนั่นก็ส่งผลให้ขอบตาของผมร้อนผ่าว ขนาดคนที่เป็นคนให้กำลังใจตอนผมท้อยังตราหน้าว่าผมเลวซะเอง แบบนี้ผมจะเอาความมั่นใจไหนไปเผชิญหน้ากับไอ้เปอร์และไอ้ลุกซ์ล่ะ แม้แต่หน้าพี่อัตผมยังไม่กล้ามองเลยเพราะผมรู้สึกละอายใจ
“พอแล้วล่ะพี่อัต ผมไม่อยากย้ายที่อยู่อีกแล้ว พี่ออกไปจากห้องผมเถอะ ออกไปซะ” ผมพูดเสียงอ่อนลงพลางเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาพี่อัตที่กำลังจ้องอยู่ใกล้ๆ ถ้าผมหันกลับไปมองหน้าพี่อัตน้ำตาผมอาจจะไหลก็ได้ ตอนนี้ผมท้อแท้ในความรักเหลือเกิน
“ถ้ากูออกไป ใครจะเข้ามา? ไอ้คิวงั้นเหรอ?” พี่อัตบีบแก้มผมก่อนจะบังคับให้ผมหันกลับไปมองหน้าพี่มัน ผมมองด้วยสายตาที่คิดว่าคงสั่นระริกเพราะภาพตรงหน้ามันไม่นิ่งเอาซะเลย
“พี่จะหวงผมไปทำไม? ผมว่าพี่ปล่อยผมไปเถอะนะ ถือว่าทำบุญก็ได้ ผมไม่ไหวแล้วพี่อัต ผมไม่ไหวแล้ว...” ผมส่ายหน้าไปมาพลางรู้สึกร้อนที่ขอบตามากขึ้นห ภาพที่กำลังฉายอยู่ตรงหน้าเริ่มสั่นเครือเพราะของเหลวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในดวงตา
ผมจะไม่ร้องไห้กับเรื่องบ้าๆ แบบนี้ กลับคืนไปซะน้ำตา มันน่าสมเพชมากถ้าจะมาเสียน้ำตาให้กับผู้ชายแบบนี้ น้ำตาผมอาจจะไม่มีค่าสำหรับใครแต่มันมีค่ามากสำหรับผม คนที่ไม่ให้ความสำคัญกับผม ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นน้ำตาของผมเลย
“กูก็ไม่ไหวแล้วภีร์...” พี่อัตพูด ผมรีบเม้มปากกรอกตามองฟ้าเพื่อสะกดกั้นน้ำตา
กับคนที่ผมเคยรัก ไว้ใจและเชื่อใจมากอย่างพี่อัตยังพูดแบบนี้แล้วใครจะมารักผมจากใจจริง เขามาบอกว่าเขาไม่ไหวกับผมแล้ว จากนี้ไปผมคงไม่มีใจรักใครอีกแล้วล่ะ ถ้าผมตัดขาดกับพี่อัตได้ ผมจะลาบวชให้พ่อกับแม่และตัวเองเสียที
“พรุ่งนี้ผมจะไปทำเรื่องลาออกให้เรียบร้อยนะครับ หุ้นทุกตัวที่ผมถืออยู่ผมจะขายคืนให้ แล้วผมจะคุยกับพ่อแม่ของผมเรื่องพี่เอง ไม่ต้องกลัวเสียหน้าหรืออะไรทั้งนั้น ผมจะบอกว่าเราจบกันด้วยดี และต่อจากนี้ไป...ผมกับพี่ ไม่เคยรู้จักกัน” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปัดมืออ่อนแรงของพี่อัตออกจากไหล่ของตัวเองแล้วขยับถอยห่างออกไปสามก้าว
“ก็ได้ กูจะซื้อหุ้นทั้งหมดคืนจากมึงเอง” พี่อัตก้มหน้าพูดก่อนจะเดินออกจากห้องผมไปด้วยท่าเดินเซๆ
“พี่อัต ถ้าเมา ไม่ไหวล่ะก็...” ผมวิ่งออกจากห้องนอนไปจับแขนพี่อัตไว้ อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของเรา ผมจะให้ค้างด้วยก็ได้เพราะถ้าเขาเมาจนขับรถชนขึ้นมามันก็จะเป็นความผิดของผมส่วนหนึ่ง
“ฮึ! กูจะเป็นจะตายก็เรื่องของกู!” พี่อัตสะบัดแขนก่อนจะเซไปพิงกำแพง
“อย่าทำตัวประชดชีวิตได้ไหม!? เราแค่เลิกกันมันไม่น่าจะทำให้พี่เสียใจได้หรอก” ผมดึงแขนพี่อัตไว้อีกครั้ง
“ไม่เสียใจเหรอ? ฮึๆ” พี่อัตสะบัดแขนผมออกอีกก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งหัวเราะหึๆ อยู่ที่พื้น “กูเลยคำว่าเสียใจมาแล้วแหละภีร์ กูคิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องมีวันนี้ วันที่มึงหมดรักกูอย่างไม่มีเยื่อใย หรือไม่...มึงก็อาจจะไม่เคยรักกูเลยแม้แต่ครั้งเดียว” พี่อัตพูด ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ผมควรพูดคำนั้นไม่ใช่เหรอ? ผมอาจจะไม่ใช่คนหวานกับแฟนแต่ผมไม่เคยที่จะไม่รักพี่อัตเลยสักครั้ง กลับกัน พี่อัตนั่นแหละที่เอาแต่ไปหาเศษหาเลยกับคนอื่น
“...” ผมไม่พูดอะไรเพราะผมไม่เข้าใจและประมวลคำพูดของพี่มันไม่ทัน
“กูหมดปัญญาจะรั้งมึงแล้วล่ะ ก็คนมันไม่เคยรัก ต่อให้หาข้ออ้างมาซักเท่าไหร่มึงก็คงต้องหาวิธีไปจากกูอยู่ดี กูน่าจะรู้ดีมาตั้งแต่แรก ไม่น่าพิสูจน์อะไรเลยเพราะความจริงมันก็ปรากฏอยู่ทนโท่” พี่อัตชันเข่าขึ้นแล้วยกมือกุมขมับ
“พิสูจน์อะไร?” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง
“ไม่มีอะไรหรอก กูคงเพ้อไปเรื่อย กูกลับไหวอยู่ ไม่ต้องห่วง กูคงไม่ตายง่ายๆ” พี่อัตลุกขึ้นยืนเซๆ เพื่อจะเดินออกจากห้องไปแต่ผมก็รีบรั้งแขนพี่มันเอาไว้ ถึงจะมีคนเคยพูดไว้ว่าคนชั่วตายยากแต่เมาแบบนี้แล้วคิดจะขับรถกลับบ้านผมรับรองว่าพี่มันตายอย่างแน่นอน
ทันทีที่ผมคว้าแขนพี่อัตเอาไว้ได้พี่มันก็หันกลับมาจูบผมแล้วกอดเอาไว้แน่น ขณะที่ผมกำลังถูกกอดรัดเอาไว้ด้วยสองแขนที่แข็งแรง ขาของผมก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปชนกับโซฟาแล้วล้มลงไปนอนหงายโดยมีพี่อัตทาบทับร่างกายของผมเอาไว้
“อื้อ” ผมครางในลำคอนิดๆ เมื่อพี่อัตกัดริมฝีปากล่างของผมแล้วดึงเล่น กลิ่นแอลกอฮอล์จำนวนมากปะทะเข้ามาในปากจนผมรู้สึกมึนเมาเพิ่มขึ้น ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ตัวเองดื่มมาก็มากพอให้มึนอยู่แล้ว ยิ่งมีกลิ่นจากพี่อัตผมทั้งมึนทั้งมัวเมา
“ภีร์ ไม่ไปไหนได้ไหม? อย่าไปจากกูเลย กู...ไม่เหลือใครนอกจากมึง” พี่อัตซบหน้าลงตรงซอกคอของผมก่อนจะพูดออกมาเสียงเจ็บปวดทรมานจนใจผมกระตุกวูบ
สิ่งที่พี่อัตพูดมาอาจจะเป็นความจริงก็ได้ ผมอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างพี่อัตเพราะจริงๆ แล้วตอนนี้พี่อัตเขาไม่เหลือใครเลย ทั้งพ่อ แม่ก็เสียไปตั้งแต่ที่พี่อัตรับตำแหน่งใหม่ๆ เพราะอุบัติเหตุส่วนพี่น้องก็ไม่มีเพราะพี่อัตเป็นลูกคนเดียว อย่าให้พูดถึงญาติพี่น้องเลยครับ ญาติของพี่อัตมีแต่คนหวังผลประโยชน์จากกิจการที่พ่อพี่อัตสร้างมากับมือและหวังจะโกงพี่อัตก็เลยตัดขาดจากคนพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง พี่อัตเป็นเสือโดดเดี่ยวมาโดยตลอดจนผมเข้ามาในชีวิต
“สาวๆ ของพี่ล่ะ?” ผมถามเสียงแผ่ว บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมใจอ่อนซะแล้วล่ะ อาจจะเป็นเพราะผมมึนๆ ด้วยล่ะมั้งทำให้ใจผมอ่อนแอซะเหลือเกิน
“กูโกหก ตั้งแต่กูมีมึง...กูก็ไม่เคยมีใคร กูรักมึงมาตั้งนานแล้ว ได้ยินไหมว่ากูรักมึง” พี่อัตผงกหัวขึ้นมาพูดโดยจ้องตากับผมก่อนจะประกบปากจูบทันทีที่พูดจบ สายตาเมื่อกี้ของพี่อัตดูจริงจังมาก แต่ตาของผมซะเองที่สั่นไหว ผมสับสนแต่ใจมันเอียงไปทางการให้อภัย
ผมรักพี่อัต...
“ช่วยอ่อนโยนกับผมได้ไหม?” ผมขอร้องเสียงอ่อนพลางยื่นมาไปลูบที่แก้มของพี่มันเบาๆ
ถึงพรุ่งนี้ผมจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรื่องทุกอย่างเป็นความฝัน ผมก็ยอม...
ใครที่หวังเอ็นซีอยู่
บอกเลย...ไม่มี!
ฮ่าๆๆๆ
อดๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ