ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
115) บทที่ ๑๑๔ : การประลองระหว่างศรีกับสิรไพร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ ๑๑๔
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
การประลองระหว่างศรีกับสิรไพร
เพื่อนบางคนพึมพำเบา ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลออกส้มยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก ใบหน้าขี้เล่นนั้นทำให้ดูน่าคบ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูอันตราย ศรีรู้สึกไม่ไว้ใจชายหนุ่มคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก บรรพตที่ดูเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่กระซิบข้างๆ หูศรี
“ท่านครูนี้ชื่อ วีนะ เห็นท่านหน้ายิ้ม ๆ อย่างนี้ใจไม่ยิ้มตามอย่างที่เห็นดอกนะ โหดมากเลยล่ะ แถมกวนประสาทสุด ๆ ด้วย” ศรีไม่คิดมากที่บรรพตว่าครูเช่นนั้น เพราะมัวแต่จ้องเจ้าตัวไม่วางตา ลางสังหรณ์บอกว่าจะมีอะไรไม่ดียิ่งกว่าที่บรรพตเล่า
“สวัสดีครับนักเรียน …เช้านี้คึกคักดีนะครับ เมื่อครู่นี้ออกกำลังกายอยู่เหรอ? แหม น่าดีใจจริงๆ ที่ฝึกการต่อสู้แต่เช้า คาบนี้ครูจะได้ทบทวนให้ไม่มาก”
เป็นไปตามที่บรรพตกล่าว จากลักษณะคำพูด ท่าทีและสีหน้าของวีนะ ศรีก็คิดว่าคงจะเป็นดังที่ลางสังหรณ์บอก เพราะหากไม่จริงวีนะจะต้องถามด้วยความเป็นห่วงไม่ก็ดุ
“เฮ้อ… อ้ายสิรไพรเอ๊ย จะมีสักสัปดาห์ไหมที่เจ้าจะมิหาเรื่อง” ผู้ที่มาใหม่พร้อมกับวีนะ คือขนมชั้นที่แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายและระอา เจ้าตัวได้ยินแต่ทำเป็นไม่สนใจ เขากล่าวพร้อมกับริมฝีปากที่แสะยิ้มทุกวินาที
“ท่านครู วันนี้เริ่มต้นด้วยการประลองระหว่างข้ากับอ้ายเด็กใหม่นั่นดีไหม?” สิไพรเหลือบมองผ่านแว่นตาสีดำ โดยที่เจ้าตัวจ้องกลับด้วยความไม่พอใจ …ไม่ดีเลย วันแรกแท้ ๆ แทนที่จะได้เริ่มต้นด้วยสิ่งดี ๆ แต่กลับกลายเป็นว่ามีเรื่องวิวาท ในขณะนั้นขนมชั้นก็เอ่ยก่อนที่วีนะจะตอบสิรไพร
“ท่านครู หากท่านตามิบอดก็จะเห็นว่าเมื่อครู่เป็นเรื่องวิวาท หากใช่การออกกำลังกายไม่ โปรดอย่าเชื่อ
“ท่านครูครับ หากท่านตามิบอดก็คงจะทราบว่า เมื่อครู่มิใช่การออกกำลังกาย แต่เป็นเรื่องวิวาท” ขนมชั้นกล่าวพลางเหลือบมองสิไพร “อีกประการ …สิไพร เจ้าหาเรื่องผู้อื่นได้ทุกวี่วันจริง มีความสุขมากนักฤ?”
“ใช่ มีความสุขมาก …โดยเฉพาะกับอ้ายเด็กใหม่นี่ และอ้ายคนความจำเสื่อมนั่น” สิรไพรกล่าวพลางเหลือบมองผู้ที่ค่อยๆ เดินเข้ามาทางประตูหลัง ซึ่งก็คือเด็กชายตัดผมรองทรง ไว้ผมส่วนหนึ่งเกล้าทรงหางม้ายาวถึงบ่า เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่อีกฝ่ายจับได้ ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าสิรไพรคงกำลังหาเรื่องใคร เพราะเหลือบเห็นศรียืนแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์
“สิไพร นายนี่หาเรื่องคนอื่นได้ตลอดจริงนะ”
“เอ็งนี่ก็อีกคน ข้าหาเรื่องใครมันหัวเอ็งมากเรอะ?” สิรไพรถามใบโพธิ์อย่างกวนๆ เจ้าตัวพยายามสงบอารมณ์ที่กำลังเดือดราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ ระหว่างนั้นเพื่อน ๆ ในห้องก็คุยกันจ้อกแจ้กจอแจเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา
“เฮ้ย! ผู้นำทางแห่งวายชนมมิใช่เรอะนั่น?!”
“มาอยู่ที่โรงเรียนเราได้ไงน่ะ?!”
“มีแผนอะไรเปล่า?!”
“นักเรียนแลกเปลี่ยน? ไม่น่า ทางโรงเรียนไม่เห็นบอกเลย!”
ฯลฯ
อีกสารพัดเรื่องที่ใบโพธิ์ฟังแล้วไม่เข้าใจ ผู้นำทางวายชนม์… คำนี้ติดหูมาก เขาได้ยินที่สิรไพร และคนอื่นๆ ในโรงเรียนสนทนาเรื่องนี้บ่อย เขาเคยถามสิรไพร แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ จึงสงสัยว่าตนเองเกี่ยวข้องกับสมญานามนั้นอย่างไร เลยถามเพื่อนผู้ชายที่นั่งใกล้ๆ ซึ่งเป็นนรสิงห์แบบช่วงบนเป็นคนช่วงล่างเป็นสิงห์ ผมยาวเลยบ่าชี้ออกยุ่งๆ จนดูคล้ายสิงโต ไม่สิ ก็อีกฝ่ายเป็นสิงห์อยู่แล้ว (แต่เผอิญเป็นลูกครึ่ง)
“นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ ผู้นำทางแห่งวายชนม์นี่คืออะไรเหรอ?”
“ถามอะไรแปลก ๆ …ก็เจ้าอย่างไรเล่า ผู้นำทางแห่งวายชนม์น่ะ”
นรสิงห์ตนนั้นตอบอย่างแปลกใจ ว่าทำไมอีกฝ่ายถามเช่นนั้น ด้วยความที่ผู้นำทางแห่งวายชนม์เป็นตัวแทนยมทูตของฝ่ายโรงเรียนอื่น เขาจึงระแวดระวังในใจว่าใบโพธิ์ผู้ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นผู้นำทางแห่งวายชนม์จะทำร้ายตนเอง
“ฉัน… จะเป็นไปได้อย่างไร? ฉันเป็นคนปรกตินะ เรื่องที่เกี่ยวกับมิตินี้ไม่มีหรอก” กล่าวพลางเหลือบมองว่าอีกทางแก้ไขปัญหาหรือยัง ทว่าไม่เป็นดังหวัง เพราะสิรไพรยังคงเอ่ยต่อไปอย่างสบายอารมณ์ โดยที่ผู้เป็นครูอย่างวีนะไม่กล่าวห้าม
“สรุปคือคาบแรกนี้จะประเดิมด้วยการประลองระหว่างสิไพรกับศรี เพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามานะครับ เอาล่ะ ออกไปเข้าแถวให้เรียบร้อย เราจะไปที่โรงพละนะครับ”
วีนะกล่าวอย่างอารมณ์ดี จนใบโพธิ์นึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ศรีและเพื่อนคนอื่นๆ ก็เช่นกัน แต่ไม่มีใครต่อว่าวีนะ …เพราะนักเรียนที่อยู่โรงเรียน รวมทั้งบุคลากรอื่น ๆ ต่างทราบดีว่าเขากวนและโหดกับนักเรียนมากเพียงใด เห็นหน้ายิ้มๆ พูดจาสุภาพอย่างนี้นะ
ระหว่างที่ออกจากห้อง กลุ่มปักเป้าซึ่งประกอบด้วย แววไพร บรรพต ปักเป้า เฉาก๊วย ขนมชั้นก็เข้ามาพูดคุยกับเธออย่างเป็นห่วง
“ยอมจริงเหรอศรี?” แววไพรถาม ดวงตาฉายความเป็นห่วง ศรียิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ย พลางกวาดตามองเพื่อนๆ ที่ยืนล้อม “จ้ะ ถึงฉันจะไม่เต็มใจ แต่ถ้าเผื่อว่าจะทำให้สิรไพรเขาหยุดหาเรื่องได้ก็ต้องยอม”
“ระวังตัวด้วยล่ะ โชคดี” ขนมชั้นเอ่ย แม้น้ำเสียงจะนิ่งแต่ศรีก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใย เธอพยักหน้าแล้วยิ้มกว้าง ๆ ให้
“จ้า ขอบคุณนะทุกคน”
.
.
.
โรงพลศึกษา
ศรีหยิบบัตรตรวจสอบเข้าโรงเรียนมาดูตารางเรียนด้านหลัง ว่าชั่วโมงนี้คือวิชาอะไร ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋ากระโปรงดังเดิมเมื่อทราบว่าเป็นวิชาพลศึกษา บัตรตรวจสอบนี้ทำมาจากแผ่นโลหะสีขาวลงอาคม ซึ่งพิมพ์ตัวอักษรด้วยการกดให้เป็นรอยแทนน้ำหมึก การใช้งานไม่ได้ทำด้วยระบบไฟฟ้าที่อ่านรหัส แต่ตรวจสอบด้วยเลือดของนักเรียนเจ้าของบัตร ซึ่งต้องผ่านพิธีเล็กๆ น้อย ๆ ให้เลือดมันเคลือบจนไม่สามารถชะล้างออกได้ และการใช้งานนั้นก็เพียงจุ่มลงไปในอ่างน้ำเล็กๆ บริเวณหน้าโรงเรียน (เป็นน้ำที่ผ่านพิธีกรรมแล้วเช่นกัน)
จะดีหรือไม่ดีเนี่ย มิติผกายใช้วิธีแบบนี้ก็ดีอยู่หรอกนะ ประหยัดไฟฟ้า แต่ออกจะน่ากลัวเสียหน่อย
ศรีคิดพลางมองบัตรตรวจสอบ ถึงเธอจะผ่านเรื่องน่ากลัวมามากก็เถอะ แต่อะไรที่แปลกๆ เช่นนี้ก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่
ตอนนี้ศรียืนอยู่ที่สนาม โดยที่เพื่อน ๆ นั่งบนอัฒจันทร์ ส่วนวีนะยืนอยู่ตรงชั่นล่างสุดที่เป็นทางเดินของอัฒจันทร์ ในมือมีใบบันทึกคะแนน
จะได้ไหมนะ?
ศรีคิดด้วยความกังวล แม้จะพอมั่นใจในฝีมือระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถชนะสิรไพรได้ ในขณะนั้นเองขนมชั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางห่างจากทั้งสองมากมากพอควร ก็ยกมือขึ้นเพื่อเตรียมฟันมือลง
“๑”
ศรีอัญเชิญดาบออกมาเมื่อเห็นว่าสิรไพรมีโซ่เป็นอาวุธ ขึ้นชื่อว่ามิติผกายอะไร ๆ ก็ไม่ธรรมดา หากใช้มือเปล่าคงตายตั้งแต่พุ่งเข้าปะทะกัน
“๒”
เธอตั้งท่าและจับดาบไว้อย่างมั่นคง ดวงตาจดจ้องสิรไพรอย่างระวัง
“๓”
ฟุ่บ!
สิ้นเสียงของขนมชั้นพร้อมกับมือของเขาที่ฟันลง ทั้งสองก็ปะทะเข้าหากัน พร้อมกับที่โซ่ของสิรไพรพุ่งเข้ามา ศรีเห็นดังนั้นจึงฟันดาบใส่อย่างเขลา แม้จะทราบดีว่าดาบไม่สามารถตัดของแข็งเช่นโซ่ได้ …ทว่าไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อโซ่ของสิรไพรขาดออกจากกันเป็นสองเส้น ท่ามกลางแววตาตกตะลึงของเพื่อน ๆ สิรไพรก็เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? นอกจากเหล่านายิกาและผู้ใช้อาคมจอมขมังเวท โซ่เส้นนี้ก็มิเคยมีผู้ใดตัดได้ …แล้วนี่เจ้า ตัดมันได้เยี่ยงไร?” อย่าว่าแต่สิรไพรและเพื่อนคนอื่น ๆ เลย ขนาดตัวศรีเองยังไม่รู้ ก็ทราบอยู่หรอกว่าดาบสองเล่มของเธอนี้จะต้องไม่ธรรดมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้
“ฉัน… ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ศรีเอ่ยเบา ๆ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่ เธอมองดาบในมืออย่างไม่เชื่อสายตา …ดาบที่แปลงมาจากปิ่นปักผมนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่นะ
“ดูท่าดาบนั่นจะมิธรรมดา …น่าสนใจดีเหมือนกัน ลองดูอีกสักรอบซิ!”
กล่าวจบโซ่เส้นเดิมที่ฟื้นคืนสภาพเดิม และเส้นใหม่ก็ทะลุไปใต้พื้นไม้ แล้วทะลุขึ้นอีกครั้งแล้วมัดร่างของศรีไว้ ก่อนที่เธอจะเผลอปล่อยดาบตกลงสู่พื้น และปลายของโซ่ก็พุ่งขึ้นไปยึดบนเพดานไม้ ความปวดแสบปวดร้อนเพราะพลังอาคมที่ลงในโซ่ทำให้เธอทรมาน แต่ก็ยังคงฝืนใจขัดขืนโดยการจับโซ่เส้นนั้นแล้วพยายามดึงให้มันออก
ร้อน… ร้อน… เจ็บปวดราวกับถูกขูดกับพื้นผิวขรุขระอย่างแรง นั่นคือความรู้สึกศรีตอนนี้ แต่เธอก็ไม่ท้อเพราะไม่อยากแพ้ด้วยที่เพียงถูกโซ่อาคมสองเส้น
“ใช้วิธีเขลาจริง” เสียงแหบพร่าดังขึ้นเบา ๆ ในสมองของศรี เธอพยายามตั้งสมาธิไม่ให้จดจ่อแต่เสียงนั้นก่อนจะเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“แล้ววิธีฉลาดของเธอคืออะไรล่ะ?”
“มีมีดอก เพียงแต่คิดว่าดันทุรังดึงโซ่เส้นนั้นดูน่าอนาถ วิธีที่ดีๆ กว่านี้น่าจะมีนะ”
ได้ฟังดังนั้นศรีก็เลิกสนใจ เธอกลับจดจ่อกับโซ่ของสิรไพรอีกครั้ง แล้วตัดสินใจดันร่างให้ก้มลงไปหยิบดาบอย่างทุลักทุเล ทว่าพอมือเกือบจะถึง สิรไพรก็เหวี่ยงโซ่อย่างแรงจนร่างของเธอไปกระแทกกับอัฒจันทร์อีกฝั่ง จนกระดูกร้าวไปหมดแทบจะขยับไม่ได้ ร่างของเธอสั่นด้วยความเจ็บปวด
“มีฝีมือเท่านี้เองเรอะ?” สิรไพรกล่าวอย่างดูถูก ในขณะที่กลุ่มปักเป้าและเพื่อนคนอื่นๆ แสดงสีหน้าเป็นห่วง โดยเฉพาะแววไพรกับเฉาก๊วยที่ผูกพันกับศรีมานาน
“ตัดสินเร็วไป”
ศรีทำเป็นเข้มแข็ง แม้ร่างกายจะบอบช้ำมากแล้วก็ตามที เธอค่อย ๆ ใช้มือยันร่างขึ้น ก่อนจะยืนหลังงอเพราะไม่มีแรงจะตั้งไหว ดวงตาสีดำที่ยากจะหยั่งลึกยิ่งกว่ารัตติกาลไร้เงาจันทร์นั้น ทำให้สิรไพรที่แทบจะไม่เคยหวั่นเกรงต่อสิ่งใดหวาดกลัวเล็กน้อย ระหว่างนั้นดาบเล่มข้างขวาก็สลายเป็นเพลิง ดาบข้างซ้ายเองก็สลายเป็นน้ำ ก่อนจะมาปรากฏในมือของศรีโดยที่เธอไม่ได้ใช้มนต์เรียกมันมา
“ทีนี้คือของจริงล่ะ …สิรไพร”
กล่าวจบศรีก็ใช้อาคมเคลื่อนย้ายที่อสุราเคยสอนระหว่างวันปิดเทอมไปหาสิรไพร จึงทำให้ร่างลอยอยู่ในอากาศ โดยที่มีโซ่เข้ามาขวางกั้น เธอใช้ดาบฟันมันอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าไปที่สิรไพรซึ่งเจ้าตัวก็อัญเชิญดาบมารับดาบของศรีที่ฟันเข้ามาจนเกิดเสียงดังเคร้ง! ศรีถอยออกมาพร้อมกับรับดาบของอีกฝ่าย พลางใช้ดาบข้างซ้ายฟันคืน ก่อนที่โซ่สองเส้นจะเข้ามามัดแขนโดยไม่รู้ตัว เธอจึงรีบใช้ขาถีบสิรไพรก่อนที่โซ่จะมัดจนเธอขยับไม่ได้
การต่อสู้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครใช้อาคมในการประลอง ซึ่งก็ยังคงดำเนินต่อไป กลุ่มปักเป้าและเพื่อนคนอื่นๆ บางคนเห็นเช่นนั้นก็โล่งใจ ในขณะนั้นวีนะก็เขียนคะแนนลงไปเรื่อย ๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ ไม่ได้ลงเสียนานเลย สำหรับท่านที่อ่านบทนี้อาจจะสังเกตว่าไม้ยมกหนูเว้นทั้งหน้าทั้งหลัง ในส่วนนี้ต้องขอชี้แจงว่าการเว้นหน้าเว้นหลังไม้ยมกถูกต้องตามหลักราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งการเว้นหลัง หรือติดกันทั้งหน้าทั้งหลังนั้นผิดค่ะ (พึ่งทราบเมื่อก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว จะใช้แบบถูกต้องตั้งแต่ตอนนี้) เลยกล่าวมาเพื่อให้ทราบ
ขอบคุณค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ