Where are you my Princess? (Yaoi)
เขียนโดย C_W_C
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.56 น.
แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) พบเจอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่างเล็กรีบกระเด้งตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งราวกับถูกไฟช็อต แล้วก้มหน้าขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ ทั้งที่อุณหภูมิร่างกายกำลังเพิ่มสูงขึ้น และใจที่แทบกระดอนออกมานอกอก
“ขอโทษคระ…ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
และแล้วบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ก็เริ่มตรึงเครียดเมื่อไม่มีฝ่ายไหนเริ่มพูดอะไรอออกมา
“คุณอยู่นี่เอง”
เสียงเรียกจากชายหนุ่มคนเดิมที่เข้ามาจีบดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้ร่างบางสะดุ้งอย่างร้อนลนหาทางเอาตัวรอด มือเรียวคว้าหมับที่ต้นแขนแกร่งของคนตรงหน้าแล้วเขยิบกายเข้าไปชิดร่างหนา จนใบหน้าแทบจะซบลงบนอกแกร่ง
ชายหนุ่มลูกครึ่งก้มมองร่างบางที่จู่ๆก็เข้ามาใกล้อย่างเริ่มเข้าใจ จึงเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มที่ประตูเป็นเชิงไล่จนอีกฝ่ายผวา
“อ่า ขอโทษที่รบกวนครับ”
ชายคนนั้นรีบกลับเข้าไปภายในอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ก็ใครที่ไหนจะไม่รู้จักรุ่นพี่ดันเต้ ก็พี่แกเล่นดังซะขนานนั้น แล้วหล่อขนาดนี้ใครจะไปจีบหญิงสู้พี่แกได้
“ขอโทษแล้วก็..ขอบคุณ…ค่ะ”ซีอ้อมแอ้มตอบเสียงเบา แล้วขยับกายออกห่าง
“ไม่เป็นไร”
ความเงียบเริ่มแผ่ปกคลุมระหว่างพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง ตอนนี้ซีรู้สึกประหม่าไปหมด ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรหรือต้องทำอะไร อีกอย่างตอนนี้ที่ดวงตาสีอ่อนจ้องมองมาที่เขาทำเอาตัวแข็งทื่อไม่กระดุกกระดิก ก้าวขาไม่ออก มือไม้ก็ดูเกะกะไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน ครั้นจะเงยขึ้นสบตาก็ไม่กล้า ความคิดในหัวตีกันวุ่นวายหาทางออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ให้เร็วที่สุด
“หึๆ กลัวผมหรอ”น้ำเสียงทุ่มนุ่นกล่าวเจือเอ็นดูเมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้าที่น่าจะเตี้ยกว่าเขาราวสิบเซน เอาแต่ยืนตัวแข็งเป็นรูปปั้นไม่พูดไม่จา
“เปล่าค่ะ”ร่างบางสะดุ้งเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
“คุณรีบไปไหนรึเปล่า”ซีส่ายศรีษะตอบจนผมกระจาย เขาก็ยังไม่รู้จะไปไหน จะกลับเข้าไปข้างในก็ดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดี
“งั้นอยู่คุยเป็นเพื่อนผมหน่อยมั้ย”ร่างหนาเดินผ่านซีไปยืนพิงกำแพงข้างประตู แล้วเอ่ยถามอย่างเชื่อเชิญ ซึ่งซีก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเขาเองถึงเดินตามไปยืนอยู่ข้างๆ
“คนเมื่อกี้มาตามจีบคุณหรอ”ฝ่ายพี่ดันเต้เป็นคนเริ่มบทสนททาก่อน ซึ่งซีก็เพียงพยักหน้าตอบกลับไป
“คงลำบากน่าดูนะ ก็คุณดูสวยขนาดนี้” น้ำเสียงของคนข้างตัวยังคงเรียบนิ่ง และสายตามองทอดไปข้างหน้าอย่างเป็นปกติ เหมือนต้องการว่าสิ่งที่พูดไปคือความจริงไม่ได้ต้องการยกยอหรือสื่อความนัยใดๆทั้งสิ้น ก็เพราะปากหวานแบบนี้สินะที่ทำให้สาวๆคลั่งไคล้
“ไม่หรอก” ซีกดใบหน้าลงตอบกลับเสียงเบาด้วยรู้สึกว่าหน้าเริ่มร้อน เขาไม่เข้าใจเลยทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกดีใจไปกับคำว่าสวยเลยแท้ๆ แต่พอคำนั้นออกมาจากปากคนข้างๆกลับเล่นเอาซะเขาไปไม่ถูก ร่างบางก้มหน้าอยู่แบบนี้จึงไม่ทันได้เห็นว่าท่าทางแบบนั้นถูดจับจ้องด้วยดวงตาคมอยู่ชั่วครู่กอ่นชายหนุ่มจะหันหน้าไปทางประตู
“ข้างในมีอะไรกันหรอดูวุ่นวายกันดีนะ”
“เล่นเกมน่ะค่ะ ของคณะแฟชั่นดีไซน์”
“แล้วออกมาแบบนี้คุณไม่เล่น?”ดันเต้หันหน้ากลับมาถามคนด้านข้าง
“อยู่ข้างนอกดีกว่าค่ะ คุณละจะเข้าไปเล่นมั้ย?”ซีเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มตอบ เขาไม่ได้บอกว่าไม่เล่น ตอนนี้เขาเป็นหมากในเกมยังไงก็ถอนตัวไม่ได้!
“ไม่ล่ะ ไม่ค่อยชอบที่วุ่นวาย”
“แล้วทำไมคุณมางาน?”
“ไหนๆก็จะจบแล้ว อยากจะมาเป็นครั้งสุดท้ายน่ะ แต่ดูเหมือนจะมีคนปล่อยข่าวว่าปีนี้ผมจะมา คนเลยดูจะเยอะกว่าที่คิด ผมเลยหลบออกมาสูดอากาศข้างนอกซักหน่อย” จริงๆแล้วมีผู้หญิงเข้ามาหาเขามากจนอึดอัด ความคิดที่จะมาสนุกกับเพื่อนกับน้องเริ่มดูจะเป็นไปได้ยาก เลยต้องหนีออกมาปักหลักข้างนอก
“ก็คุณเล่นดังซะขนานนั้นนิคะ ใครๆก็อยากเข้าใกล้”ซียังคงส่งยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไร แต่อีกฝ่ายกลับจ้องเขานิ่งก่อนจะโต้ตอบกลับให้เขาใจหวิว
“รวมถึงคุณด้วยรึเปล่า”หนุ่มลูกครึ่งเองก็แอบตกใจที่พูดออกไปแบบนั้น จำใด้แค่ว่ากำลังมองใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มเสริมให้เจ้าตัวดูน่ามอง ทั้งที่ดูเป็นมิตรแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกั่นอยู่ระหว่างกัน พอรู้ตัวอีกทีก็เผลอพูดไปเสียแล้ว เหมือนต้องการเรียกร้องความสนใจให้อีกฝ่ายก้าวข้ามเส้นกั้นนั้นออกมา
ซีนิ่งอึ้งไปกับคำกล่าวนั้น ก่อนจะเรียกสติเบนหน้าหลบสายตาที่ทอประกายลึกล้ำ “คุณเป็นคนเก่ง”
‘เลี่ยงกันเห็นๆ!’
ความเงียบเริ่มโรยตัวระหว่างทั้งสองอีกครั้งเมื่อสิ้นเสียงหวาน แต่ถึงกระนั้นดวงตาเรียวคมก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบางอย่างแอบแปลกใจในคำตอบของอีกฝ่ายทั้งที่ปกติแล้วสาวๆเจอเขาเปิดทางให้แบบนี้ก็จะรีบสานต่อกันทันที แต่คำตอบไม่ตรงคำถามแบบนี้มัน เขายังดึงร่างบางข้ามเส้นกั้นออกมาไม่ได้
ดันเต้ดันตัวขึ้นยืนตรงเมื่อได้ยินเสียงกล่าวปิดงานแววๆจากภายในหอประชุม
“งานคงใกล้เลิกแล้วสินะ อย่างน้อยก็ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่สนุกดี อาหารก็อร่อย”
“แล้วของหวาน?”เสียงหวานเผลอถามออกไปอย่างอยากรู้
“ครับ ผมชอบมาก”พอได้รับคำชมแบบนั้นซีก็เผลอระบายยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“คุณยิ้มแล้ว”
เสียงทุ่มนุ่มมาพร้อมกับฝ่ามือหนาที่เข้าประคองใบหน้าให้หันมาสบตากัน ซีเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับคคำกล่าวของชายหนุ่ม เขาว่าก็เคยส่งยิ้มไปให้หลายทีนะ
“ผมเห็นปากคุณยิ้มแต่ไม่รู้สึกว่าออกมาจากใจเลย”เมื่อได้รับคำตอบดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างตกใจ เขาไม่เคยรู้ตัวว่ารอยยิ้มของตัวเองเป็นอย่างไร เขารู้เพียงว่าการยิ้มจะทำให้อะไรต่างๆง่ายขึ้น ดังนั้นเขาจึงพยามยิ้มเสมอมา และไม่มีใครเคยทักหรือดูออก แต่แล้วผู้ชายคนนี้ทำไม ทั้งที่พึ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมง ถึงได้ทำเหมือนเข้าใจตัวเขาดีนัก
“ยิ้มอีกสิ แบบเมื่อกี้”เสียงทุ่มกระซิบเบา มือหนายังโอบประคองอยู่ที่แก้มนวล ไม่มีการเอื่อนเอ่ยวาจาใดๆต่อกัน มีเพียงดวงตาสองคู่ที่สบประสานอย่างไม่มีใครหลบ ซีมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างไม่อาจละสายตา ในดวงตาคู่นั้นช่างลึกล้ำราวกับมีอำนาจบางอย่างดึงดูดเขาให้เข้าใกล้อย่างเผลอไผลจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนคลอเคลีอยู่ที่ใบหน้า ปลายจมูกเริ่มเชียดชิดแทบสัมผัส
ตึ่งตะตึ่ง!!
แต่แล้วโทรศัพท์มือถือที่ถูกใส่ไว้ในกระเป๋ากระโปรงก็แผดเสียงลั่น ให้สองร่างสะดุ้งโหยง แล้วรีบผละร่างออกจากกันอย่างตกใจ พวกเขาเข้าไปใกล้ชิดกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร!
“ครับพี่แพรว” ซีรีบก้มมองโทรศัพท์ทั้งที่หน้ายังร้อนๆ แล้วกดรับสายทั้งที่ใจยังเต้นรัวราวกับพึ่งผ่านการวิ่งร้อยเมตร
“ซี นี่เที่ยงคืนแล้วงานเลิกแล้ว เราก็อยู่ที่งานใช้มั้ยมาขับรถพาพวกพี่กลับบ้านหน่อย เดี๋ยวนี้เลยนะ จะรออยู่หน้างาน เร็วๆละ”
“ครับ”ซีกระซิบตอบกลับใปก่อนกดวาง เหลือบดูนาฬิกาในโทรศัพน์ที่บอกเวลา0.00น.พอดี แล้วหันร่างไปหาอีกคนที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่
“ผม เอ้ย ฉันต้องไปแล้วขอตัวก่อนนะคะ”แต่ไม่รอช้าซีรีบบอกลาแล้วหมุนตัวจะวิ่งจากไปทันที เขาไม่กล้าสู้หน้าพี่ดันเต้ตอนนี้เลยจริงๆ
“เดี๋ยวสิ!”พอได้ยินเสียงหวานกำลังจะจากไปอย่างรีบร้อน มือหนาก็เข้าคว้าหมับที่ข้อมือซ้ายเพื่อเหนี่ยวรั้ง เขายังไม่ทันได้รู้จักชื่อเธอเลย
จังหวะเดียวกันนั้นเองประตูขอประชุมก็ถูกเปิดออก ผู้คนภายในก็กรูกันออกมาจากงาน ผู้หญิงหลายคนที่เมื่อเห็นร่างสูงของหนุ่มลูกครึ่งก็รีบกระโจมเข้ามาหาอย่างต้องการทำความใกล้ชิด เบียดร่างบางให้หลุดมือเขาไป
“พี่ดันเต้ไม่รู้ว่ามางานด้วยนะคะ”
“ดีใจจังเลยที่ได้เจอพี่”
“มาทำอะไรตรงนี้หรอคะ”
“นี่ว่างรึเปล่าไปส่งหน่อยสิ”
“ขอโทษนะครับพอดีกำลังรีบขอตัวก่อน”
ดันเต้เบียดร่างหนาของตนฝ่าวงล้อมออกมาได้ แต่ก็ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของร่างบางเสียแล้ว มือหนาเสยเข้าไปในกลุ่มผมสีอ่อนอย่างหัวเสียในความสะเพราของตัวเองที่ไม่รู้จักถามชื่อเธอไว้ตั้งแต่เนินๆ ทั้งที่เขาเริ่มสนใจในตัวเธอ อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ อยากทำให้เธอยิ้มมากกว่านี้….
แล้วอย่างงี้จะทำไงชื่อก็ไม่รู้ เรียนอยู่คณะไหนปีอะไรก็ไม่รู้อีก แล้วเขาจะไปตามเธอเจอได้ที่ไหน ถ้ามีเฉพาะ‘สิ่งนี้’เป็นเบาะแส
ดันเต้ก้มมอง แหวนแก้วใสวงเกลี้ยงเกลากำลังนอนสงบนิ่งอยู่บนฝ่ามือใหญ่ที่หลุดติดมือเขามาจากร่างบางอย่างหมายมาด ก่อนจะจบเขาต้องหาเธอให้เจอ!
ชีวิตของซีหลังจากวันนั้นทุกอย่างก็เหมือนจะโคจรไปอย่างปกติตื่นเช้ามาทำอาหารให้พวกพี่สาวและแม่เลี้ยง ส่วนตัวเองก็กินที่ห้องครัว เช้านี้ไม่มีเรียนจึงออกไปทำงานพิเศษเป็นแคชเชียร์อยู่ที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง พอบ่ายก็เข้ามหาลัยเพราะมีเรียน มีบ้างบางครั้ง…เอ่อ…หลายๆครั้งที่ภาพชายหนุ่มลูกครึ่งผุดขึ้นมารบกวนจิตใจ แต่เจ้าตัวก็พยามปัดมันออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้ชายทั้งคู่นะเขาจะไปรู้สึกหวั่นไหวกับเหตุการณ์แบบนั้นทำไม! มันเป็นอุบัติเหตุ เพราะมันมืดหรอก!
ซีก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือเมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาก่อนไปทำงานพิเศษ ร่างบางจึงตรงไปที่ห้องชมรมคหกรรมด้วยคิดว่าจะไปทำขนมซักสองสามอย่างให้หายฟุ้งซ่านแต่ระหว่างทางนั้นเองกลับพบเข้ากับคนในความคิดที่วันนี้พึ่งได้เจอเป็นครั้งแรก
ร่างสูงสง่าของรุ่นพี่ดันเต้เดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนอีกสองสามคน ทำให้ร่างบางชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะก้าวเดินต่อไป เขาจะคิดมากทำไม ผู้หญิงคนนั้นไม่มีตัวตนอีกต่อไป ยังไงพี่ดันเต้ก็จำเขาในสภาพนี้ไม่ได้หรอก ยังไงซะทุกอย่างก็เป็นเรื่องโกหก ช่วงเวลาที่ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนั้นมันผ่านไปแล้ว…
ซีก้มหน้าก้มตาเดินสวนผ่านร่างหนาไป ให้รู้สึกได้ถึงระยะห่างระหว่างกันเพียงนิดแต่กลับเหมือนไกลแสนไกล สัมผัสได้ถึงสายลมบางเบาที่กั่นโลกของพวกเขาออกจากกัน พวกเขากลับไปอยู่ในโลกใบเดิมของตัวเองแล้ว ไม่มีวันโครจรมาเจอกันได้อีก
หมับ!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ