คฤหาสน์เร้นรัก [[My Mansion Of Love]]

-

เขียนโดย Murasaki

วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.27 น.

  8 chapter
  3 วิจารณ์
  12.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) Who is my wife?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Part : เอคิว

“ประเด็นเลย..ฉันต้องแต่งกับใคร?”

“ถ้าหาคนแต่งด้วยได้จะบอกนะครับ”ดาเมียนส่งยิ้มเยาะมาให้ราวกับผู้ชนะ แล้วมันชนะอะไรกูว่ะเนี่ย แถมยังมาขยิบตาส่งให้อีก ฮึ่ย! อยากฆ่าสิงโต 

“กวนตรีน” ผมกำหมัดยกขึ้นขู่จะเตรียมชกไอ้คนกวนประสาทตรงหน้าที่เดี๋ยวก็ทำเป็นเจ้าเล่ห์ เดี๋ยวก็ทำเป็นมีลับลมคมในสักอย่าง แล้วสุดท้ายก็ทำลอยหน้าลอยตาจนน่าต่อยสักเปรี้ยง

แฮ่!

“เฮ้ย! ไอ้เด็กบ้า แกเป็นใครว่ะ ตกใจหมด ขวัญเอ้ย..ขวัญมา ฟู่!” ผมกำลังยืนเป่าปากเรียกขวัญที่กระเจิงออกไปกะทันหัน เพราะเด็กผู้ชายผิวขาวตัวเล็กอายุประมาณ 6-7 ปีมีดวงตาและผมสีน้ำตาล เออ..น่ารักนะ ถ้าไม่มีเขี้ยวงอกออกมาตรงมุมปากทั้งสองด้าน ผมคิดว่าเด็กนี่คงไม่ใช่คนแน่นอน

 

“แม่อัลกลับมาแล้วหรอ? ไม่เห็นจะเรียกอลันเลย ใจร้าย!” ตัดพ้อผม เพื่อ?

 

“เอ่อ..วันนี้ไปพักผ่อนดีกว่านะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวน้ำเย็นก็คง..” ดาเมียนพูดขัดขึ้นจนผมสงสัยเข้าไปใหญ่ วันนี้ไอ้หมอนี่ทำตัวน่าสงสัยหลายอย่างแหละ แล้วจะรีบขึ้นนอนไปไหน กูจะรอเฟร้ย! ญาติผมทั้งคนนะ

 

“เมื่อกี้ไอ้เด็กนี่เรียกว่าฉันว่าอะไรนะ?”

 

“อลันเรียกว่า..มะ...อุ๊บ! อ่อยอิ อี๊อาเอี้ยน”หืม! น่าสงสัยมากครับ ณ จุดนี้ ทำไมต้องมีปิดปากไอ้เด็กนี่ด้วย ดาเมียนมองผมก่อนจะยิ้มแหยะๆมาให้ผมก่อนจะก้มไปส่งสายตาดุใส่เด็กน้อยที่จ้องกลับด้วยสายตาเอาเรื่องไม่แพ้กัน แต่ก็ยังดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวล่ะนะ

 

“ปล่อยเด็กนั่นซะ นายน่ะชื่อ อลัน ใช่ไหม?” ผมย่อตัวลงแล้วพูดกับเด็กชายตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังเริ่มเบะปากใส่ดาเมียน

 

“ผะ..ผมชื่อ อลัน ครับ มะ..แม่อัล”

 

หมับ!

 

“เฮ้ย!” ผมตกใจที่อยู่ๆไอ้เด็กตัวเล็กก็พุ่งเข้ามากอด น้ำตาไหลอาบแก้มขาวๆนั้นจนน่าสงสาร ไอ้เขี้ยวตรงปากนั่นจะกัดคอผมไหม? (ใช่เรื่องไหม?) ว่าแต่อลันเรียกผมว่า..แม่อัล? มันเป็นใครกัน คงไม่ใช่ลูกของพ่อผมใช่ป่ะ?

 

“นายเรียกฉันว่า แม่อัล หรอ?” เด็กน้อยอลันพยักหน้ายืนยันคำตอบ

 

“นี่ก็ดึกแล้ว ที่รักขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวน้ำเย็นคงจะมาแหละ” ดาเมียนที่เงียบไปนานเริ่มมีเสียงมาบ้างแหละ

 

“รีบไล่จังนะ มีพิรุธ”

 

“เอ้ย! อย่ามาสงสัยกันสิ”

 

“กูจะสงสัยมีอะไรไหม?” ผมปล่อยตัวอลันแล้วลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับดาเมียนที่กำลังส่งยิ้มเอาใจมาให้ผม

 

หมับ!

 

“ไอ้เอคิว...โฮๆๆ น่ากลัวจังเลย” น้ำเย็นที่จู่ๆก็วิ่งเข้ามากอดผมแน่น ไอ้บ้านี่! ตกใจหมด

 

“สะตอเบอแหลมาก” ผมพูดพร้อมกับผลักตัวน้ำเย็นออก

 

“เหอะ! ไอ้คนเย็นชา ไม่มีห่วงกูหรอก มึงอ่ะ” น้ำเย็นทำเป็นสะบัดหน้างอนๆจนผมต้องเอื้อมมือไปตบหัวไอ้ญาติตัวแสบนี่สักที

 

ผลั้ว!

 

“ออกไปห่างๆแม่อัลนะ” เสียงเด็กชายตัวเล็กเข้ามาแทรกตัวผมให้ยืนห่างจากน้ำเย็นที่กำลังแกล้งกอดผมราวกับรักกันชั่วฟ้าดินสลาย มึงเป็นบ้าใช่ไหม? มารักกูมากตอนนี้เนี่ยนะ

 

“เฮ้ย! เด็กที่ไหนว่ะ? อย่าบอกนะว่าลูกมึงอ่ะ ไอ้เอคิว” โธ่! ไอ้ปากมอมเอ้ย

 

“ไม่ใช่ / ใช่” เอ๋! ใครตอบว่าใช่ว่ะ น้ำเย็นเลิกกอดผมแล้วก็มองหน้าผมก่อนที่พวกผมจะพร้อมใจกันไปมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังแหงนหน้ามองพวกผมด้วยสายตาสับสน เอิ่ม! อย่าบอกนะว่านี่ลูกผมจริงๆอ่ะ นี่กูท้องตอนไหนเนี่ย!!

 

“อลัน! ไปนอนได้แล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดนอนดึก” ดาเมียนเดินเข้ามาดึงตัวอลันหันไปมองตนแล้วพูดด้วยเสียงดุ

 

“อึก! อลันกลัวแล้ว ไปก็ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะครับแม่อัล” ผมที่กำลังขมวดคิ้วด้วยความสับสนก็ต้องจำยอมพยักหน้าให้เด็กชายตัวเล็ก เมื่อพ้นอลันเดินขึ้นบันไดจนลับสายตาไปแล้ว ผมก็หันมาจ้องดาเมียนที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเคร่งเครียดมองมาทางผมเช่นกัน

 

“อธิบายมาสิ”

 

“ไว้ถึงเวลาแล้วจะรู้เอง แล้วเจอกันคืนนี้นะครับ..ที่รัก”

 

จุ๊บ!

 

ไอ้บ้า! ไอ้สิงโตขี้เรือน ไอ้หนอนเน่า มาจุ๊บปากกูทำไม แถวบ้านแกสอนให้ใช้วิธีนี้กลบเกลื่อนพิรุธของแกเหรอ ผมยืนเช็ดปากพลางจ้องมองแผ่นหลังของดาเมียนที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย หมอนี่มันมีความลับเยอะจนยากจะคาดเดาจริงๆ จนกระทั่งเสียงน้ำเย็นปลุกให้ตื่นจากภวังค์

 

“เอ้า! ส่วนเราสองคนไปรำลึกความหลังบนห้องกันดีกว่า ฮ่าๆๆ” น้ำเย็นพูดแล้วหัวเราะด้วยความสะใจใส่ผมก่อนจะเอามือคว้าคอผมแล้วลากเดินขึ้นบันไดมาด้วยกัน แต่ที่ผมข้องใจอย่างแรงเลยก็คือ ไอ้สองแฝดเดินตามพวกผมมาทำไมว่ะเนี่ย!!

 

“รำลึกพ่องมึงสิ ไป! ไปอาบน้ำนอนได้แหละ ไอ้แสบ”

 

“น้ำจะทิ้งพวกพี่หรอ? / ขอรำลึกด้วยคนสิ” เสียงโฮเต็ลตามด้วยเสียงของคอนโดดังเข้าโสตประสาท ขณะที่พวกผมกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องนอน ไม่มีใครว่าแกสองคนเป็นใบ้นะ ไอ้หัวเห็ดนี่

 

“ห้องของพวกแกอยู่ทางโน้น ไป!”

 

“ใจร้ายที่สุด” เสียงโอดครวญจากผีขอส่วนบุญดังโหยหวนเรียกร้องความสนใจของน้ำเย็น แต่สิ่งที่ได้คือหน้าบูดบึ้งที่กำลังแยกเขี้ยวใส่แล้วสะบัดหน้าค้อนให้สองแฝดราวกับผู้หญิง ฮูย! ญาติกูเป็นสาวแล้วเว้ย!

 

“ไอ้แรด” ผมพูดขึ้นทันทีที่พวกเราเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็ได้ผลตอบแทนเป็นฝ่ามืออันเรียวงามบนหัวของผมนี่แหละ

 

ผลั้ว!

 

“ปากดีนะมึง เดี๋ยวคืนนี้มึงได้มีผัวแน่ เห็นบอกว่าอะไรนะ? แล้วเจอกันคืนนี้นะครับ..ที่รัก อ๊า!” น้ำเย็นพูดพลางทำหน้าล้อเลียนใส่ผม รู้สึกคำว่า “อ๊า!” มันไม่มีนะ ไอ้บ้า! ผมนี่ด่ามันไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย? หรือว่าไอ้ญาติผมมันหน้าด้านเหมือนดาเมียน แล้วผมจะคิดถึงหมอนั้นทำไมกัน

 

“อ๊า! เอ้อ! อะไรไอ้อ่อน ไปอาบน้ำ”

 

“ครับๆ แม่ เออ! แกยังไม่กลับบ้านตอนนี้ใช่ไหม?” น้ำเย็นพูดพลางเดินไปเปิดตู้เสี้อผ้า

 

“ทำไม? แกมีอะไรต้องทำหรือไง?” ผมที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงมองไปที่น้ำเย็นด้วยความสงสัย

 

“เอ่อ...คือว่ามันมีเรื่องนิดหน่อยว่ะ งั้นจะเล่าให้ฟังล่ะกัน” น้ำเย็นทำหน้าอึกอักก่อนจะเล่าเรื่องที่ต้องไปทำภารกิจของปีศาจงูที่เป็นถึงบิดาของสองแฝด อ้อ! ผมเพิ่งมารู้ว่าไอ้งูที่ไล่พวกผมตั้งแต่ตอนแรกคือไอ้แฝดนี่เอง เรื่องของน้ำเย็นทำให้ผมเครียดขึ้นมาเลย ผมเป็นห่วงน้ำเย็นน่ะ เพราะผมแท้ๆที่ทำให้น้ำเย็นต้องเข้ามาในป่านี่ ถ้าน้ำเย็นไม่เข้ามาป่านนี้คงจะได้แต่งงานกับสาวสวยลูกหลานของเพื่อนปู่แล้วล่ะ

 

“แล้วจะเข้าไปในป่าอสรพิษนั่นหรือเปล่าล่ะ?”

 

“เลือกไม่ได้นี่หว่า! แล้วได้ข่าวของพ่อบ้างป่ะล่ะ?” น้ำเย็นหยิบชุดนอนและผ้าขนหนูแล้วเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วถามขึ้น

 

“ได้สิ ! ในป่าอสรพิษมีหอคอยสูงและพ่อของฉันอยู่ในนั้น ฉันต้องเข้าไปให้ได้ ว่าแต่แกเถอะ..รู้หรือเปล่าว่าที่นั่นมีกฎก่อนเข้าป่าอ่ะ?”

 

“กฎอะไรว่ะ? คงไม่ใช่ให้กูกรีดข้อมือแล้วหยดเลือดลงหลุมสักหลุมใช่ไหม? ฮ่าๆ” น้ำเย็นหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจเรื่องนี้นัก

 

“ถ้ามันง่ายอย่างแค่หยดเลือดลงหลุม กูจะเข้าป่าไปปีนหอคอยโหนเป็นชะนีคืนนี้เลย ไอ้สาด! มึงต้องแต่งงานเว้ย! ไอ้ฟราย”

 

“อ้าว! แล้วกูจะไปแต่งกับใครล่ะเนี่ย!”

 

“เรื่องของมึง” ผมพูดเสร็จแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูระเบียง เพราะตั้งใจจะออกไปดูบรรยากาศข้างนอกก่อนอาบน้ำแล้วนอนซะหน่อย

 

“อ้าว! เลวจริง ไม่ช่วยกูเลยนะ” น้ำเย็นพูดก่อนจะเกาหัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาวสีขาวตรงระเบียงพลางมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเงียบสงบ แต่ภายในใจนั้นกลับวุ่นวายใจนัก ไหนจะเรื่องของพ่อ น้ำเย็น แล้วยังเด็กชายที่เรียกผมว่าแม่อีก ทำไมที่นี่ช่างดูเหมือนทุกอย่างเคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมเคยมาที่นี่หรือเปล่านะ?

 

แกร๊ก! แอ๊ด!

อ้าว! น้ำเย็นเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วครับ แต่กลับเดินไปทางประตูห้องนอนซะนี่ แล้วมันจะไปไหนกันกลางดึกอย่างนี้นะ

 

“เฮ้ย! นั่นแกจะไปไหนว่ะ?” ผมร้องทักขึ้น

 

“หืม! ไปกินน้ำเว้ย! เดี๋ยวมา..แล้วจะกลับมาคุยด้วย”

 

“อืม! รีบๆกลับมาล่ะ ข้างนอกอันตราย”

 

“คิดมากว่ะ” น้ำเย็นยิ้มพลางส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของผมก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเดินออกไป

 

ผ่านไป 5 นาที ผมที่กำลังนั่งอยู่ที่ระเบียงกำลังขมวดคิ้วอย่างวุ่นวายใจมากขึ้นไปอีก เมื่อน้ำเย็นหายไปนาน แต่แล้วก็มีเสียงประตูหัองนอนดังขึ้นเรียกความสนใจของผม

 

แกร๊ก แอ๊ด!

 

“หายไปไหนมาว่ะ? หรือแกคลานขึ้นห้องมา โคตรนานเลย”

 

“อ่ะ..อ้อ! พอดีทำน้ำหกเลยหาผ้าเช็ดน่ะ งั้นนอนก่อนนะ” อ้าว! ไอ้นี่มาแปลกแหละ ไหนบอกว่าขึ้นมาแล้วจะคุยกันต่อไง เมื่อผมเห็นน้ำเย็นขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลุกขึ้นเข้าไปในห้อง ปิดประตูระเบียงเดินตรงไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนอีกฝากของเตียง ผมนอนหันหลังชนกัน ขณะที่กำลังจะหลับตาลงนั้น

 

หมับ!

“เอ้ย! มากอดกูทำไมว่ะ? สยิวนะเว้ย!” ผมพูดขึ้นในความมืดทันทีที่รู้สึกถึงแรงกอดแน่นจากคนที่นอนซ้อนข้างหลังผม

 

“ถึงจะสยิว ก็จะกอด มันหนาวนี่”

 

“มึงบ้าล่ะ” ผมพูดว่าน้ำเย็นแล้วหลับตาลงปล่อยให้น้ำเย็นกอดไป เพราะยังไงพวกผมก็เพื่อนสมัยเด็กกันนี่ คิดอะไรมากล่ะ จริงไหม?

 

ไม่จริง!!!!

 

ไอ้บ้านี่มานอนที่นี่ได้ไงฟระ! ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่าไอ้หมอนี่ไม่ได้มานอนกับผมทั้งคืน ผมที่กำลังลืมตาหันไปมองเจ้าของอ้อมกอดที่หลงนึกว่าเป็นญาติสนิท แต่ที่ไหนได้ดันเป็นไอ้คนไม่อยากจะสนิทใกล้ชิดซะนี่ ไอ้บ้าดาเมียนหื่นจิต

 

เพี้ย!

 

ผมเอาฝ่ามือตีแขนหนาที่กำลังกอดเอวผมด้วยสีหน้าสบายอกสบายใจสุด นี่มันกวนประสาทผมอยู่ใช่ไหม? แค่นี้ไม่ตื่นสงสัยจะต้องเจอของหนักกว่านี้ หึๆๆ ผมที่หัวเราะสะใจลึกๆด้วยสีหน้าโรคจิตก็กำมือแล้วพลิกตัวหันไปชกตาของหมอนั่นทันที

 

ผลัก!

ดาเมียนกะพริบตาพยายามปรับแสงสว่างก่อนจะลืมตาเต็มตื่นแล้วร้องโอดโอยทันที แต่ไอ้แขนปลาหมึกถึกดั่งควายนี่ก็ยังไม่ปล่อยตัวผมเลยนี่สิ ผมอยากจะกระทึบไอ้บ้านี่จริงๆ

 

“อู๊ย! เจ็บนะครับ ที่รักปลุกรุนแรงจัง”

 

“ปลุกบ้านแกสิ แกเข้ามาได้ยังไง? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้และออกไปจากห้องนี้ด้วย” ผมจ้องตาดาเมียนเขม็งที่ตอนนี้ตากำลังเริ่มแดงจากหมัดอภินิหารของผมแล้ว

 

“ก็เข้ามาเมื่อคืนไง ที่รักยังคุยด้วยอยู่เลย ไม่ปล่อยหรอก ตัวนิ่มจัง ผมขี้หนาวนะ ไม่สงสารกันหรอครับ?” ไอ้สาดดด..นี่มึงขี้หนาวหรือขี้หลีกันแน่ว่ะ พูดไม่พอยังจะกอดแน่นกว่าเดิมอีก งั้นแสดงว่าเมื่อคืนไอ้หมอนี่แปลงร่างเป็นน้ำเย็นหลอกเข้ามานอนกับผมเนี่ยนะ! ไอ้เลว!

 

“อ๊าก! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ไอ้บ้ากาม” ผมดิ้นขลุกขลักทันทีหลังจากรู้ความจริงว่า ผมถูกไอ้บ้านี่กอดแนบแน่นทั้งคืน โฮๆๆ กูอยากตาย กูถูกผู้ชายกอด ผมไม่บริสุทธิ์แล้วครับพ่อ

 

ฟอด!

 

“หอมด้วย ขอนอนด้วยทุกวันเลย” คนเรามันมีหูไว้ทำอะไรครับ? ไอ้หมอนี่ถึงไม่ได้ยินที่ผมพูด แถมหอมแก้มผมอีก ไอ้กร๊วกเอ้ย! อยากตายเหรอ?

 

“จะปล่อยหรือไม่ปล่อย? กูให้มึงเลือกเลยไอ้สิงโตขี้เรื้อน” ผมพูดเสียงเย็นพลางส่งสายตาดุดันจริงจังไปให้หมอนั่นที่กำลังยิ้มกริ่มราวกับไม่รู้สึกถึงรังสีอาฆาตอยากฟาดปากคนด้วยแข้งของผม

 

“เฮ้อ! ไม่น่าถาม นอนต่อเถอะ กำลังฝันดะ....เฮ้ย!”

 

ตุบ! ตั้บ! ตุบ! ตั้บ!

 

“โอ๊ย! ปล่อยแล้วครับ เลิกแจกกำปั้นซะทีเหอะ มันเจ็บนะ” ดาเมียนโวยวายเสียงดังทันทีที่เจอกับสารพัดกำปั้นและเท้าที่ประเคนส่งไปให้ไม่หยุดของผม ผมนี่แอบหอบนะ คนบ้าอะไรตัวใหญ่อย่างกับหมีควาย

 

“หน้ามันด้าน หนังก็หนังควาย กลัวอะไร?” ผมส่งสายตาท้าทายไปให้ก็เห็นดาเมียนเบ้ปากทำเป็นงอนเหมือนเด็กก่อนจะขมุบขมิบปากบ่นเสียงเบาจนผมได้ยินไม่ชัด

 

“ชิ! กอดหน่อย หอมหน่อย ก็ไม่ได้ ถ้าจับปล้ำนี่คงกระดูกหัก สมองบวมแน่ๆ”

 

“แน่จริงก็พูดดังๆสิว่ะ!” ผมส่งตาเขียวอย่างแค้นเคืองไปให้ แต่ดาเมียนกลับฉีกยิ้มอย่างมีความสุข นี่มึงบ้าหรอ?

 

“ทำไมเราสองคนต้องแยกจากกันทุกที เจอกันคราวนี้อย่าจากกันอีกนะ” เอ่อ..คุณมึงพูดอะไรครับ  ผมขมวดคิ้วมองดาเมียนด้วยความงุนงงในประโยคบอกเล่าเหล่านั้น มันพูดภาษาไทยกับผมแล้วใช่ไหม? ดาเมียนจ้องตาผมแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้จนผมนึกเขินสายตานั้น ผู้ชายตาสวยมาจ้องมองใกล้ๆก็ทำให้ผมแอบเขินเหมือนกันนะ แต่สายตานั้นทำให้ผมรู้สึกถึงเศร้าอย่างน่าประหลาด ทำไมกันนะ? หรือว่าผมเป็นคนทำให้ดาเมียนเศร้ากันล่ะ?

 

ผลัก!

 

“ไม่ต้องมาส่งสายตา กูไม่เคลิบเคลิ้มหรอกเว้ย!” ผมใช้เท้าถีบขาของดาเมียนเต็มแรงพลางส่งสายตาดุดัน(?) ใส่ดาเมียนที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ไม่หยุดแถมสายตายังหวานเยิ้มมีประกายตาแปลกๆอีก

 

“โหย! อุตส่าห์ส่งตาหวานใส่ หวั่นไหวบ้างสิ” ผมว่าไอ้นี่มันบ้าจริงนะ มีการบังคับให้หวั่นไหวด้วย ผมเบื่อคนหน้าด้านเต็มทนก็รีบออกปากไล่ให้กลับถิ่นของตัวเองไปซะ

 

“ไปๆ ลุกแล้วกลับห้องตัวเองไปได้แหละ วันนี้ฉันจะเข้าป่าอสรพิษ”

 

“แต่ที่รักยังไม่มีคู่ครองนะ แล้ววันนี้จะเข้าไปได้ยังไงล่ะ?” ผมลุกขึ้นนั่งมองดาเมียนที่กำลังลุกขึ้นนั่งแล้วหันมาจ้องหน้าผม แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย นั่นสิ! ผมลืมเรื่องแต่งงานกับเพศเดียวกันไปได้ยังไงนะ ผมครุ่นคิดอยู่นานก็ต้องสะดุ้งตกใจกับใบหน้าของดาเมียนที่อยู่ในระยะใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ

 

อุ๊บ!

 

ดาเมียนเคลื่อนหน้ามาคลอเคลียใกล้ๆ ข้างแก้มแล้วจูบที่มุมปากก่อนจะแนบริมฝีปากจูบผมแผ่วเบาก่อนอแล้วดูดดึงริมฝีปากอย่างร้อนแรงแพร้อมกับปลุกเร้าอารมณ์ ผมที่ยังไม่ได้สติดีก็เผลออ้าปากตั้งใจจะพูดด่าแต่กลับทำให้ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในปากอย่างง่ายดาย ทำให้ผมยิ่งมองเห็นใบหน้าคมของดาเมียนที่อยู่ใกล้ๆจนลมหายใจเป่ารดกันมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากที่กำลังขยับและลิ้นร้อนก็กำลังหยอกล้อให้มาเล่นกันเริ่มทำให้ผมสติเตลิดไปกับสัมผัสอ่อนโยนและเร่าร้อนไปในคราเดียวกัน นี่มันจูบของเมียผมในอนาคตนะ กล้าดียังไงมาขโมยมันไปจากเมียผม  ผมที่เริ่มได้สติก็เริ่มผลักร่างหนานั้นออกห่าง แต่มือทั้งสองข้างกลับถูกมือหนาข้างหนึ่งนั้นจับไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก ผมที่เริ่มรู้สึกกลัวก็เริ่มน้ำตาไหลรินลงมาข้างแก้ม แต่มือหนาก็ปล่อยจากเอวผมแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ผมแล้วถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ลมหายใจร้อนที่อยู่ใกล้ชิดกับใบหน้าผมทำให้รู้สึกว่าผมจะต้องเป็นโรคอะไรสักอย่างแน่ๆ เพราะตอนนี้หัวใจของผมกำลังเต้นแรงอย่างน่าประหลาด เราทั้งคู่ได้ยินเสียงหอบหายใจของกันและกัน ดวงตาเปียกชื้นของผมเงยมองดาเมียนก่อนที่จะหลับตาลงด้วยริมฝีปากของดาเมียนที่จูบปลอบประโลมใจไม่หยุด

 

“ไม่ร้องนะ ฉันจะไม่ทิ้งนาย เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต แต่งงานกับผมนะ”

 

“ห๊ะ?”

 

“มาเป็นเมียผมนะ”

 

เฮ้ย! แอบเคลิ้มไป เชรี้ย! ใครเมียมึงนะ

****************************************60%****************************************

ผมจ้องดาเมียนตาค้างกับประโยคสุดซึ้งที่หาได้ง่ายมากจากผู้ชายกะล่อนตรงหน้าผมตอนนี้ สงสัยเช้านี้คงจะเมาขี้ตาล่ะมั้งถึงได้มาคิดขอผู้ชายอย่างผมแต่งงานด้วยเนี่ย ดาเมียนเอามือลูบท้ายทอยก่อนจะหน้าแดงแล้วห้นหน้าหนีหลบสายตาที่จ้องมองไม่ลดละของผมจนนึกหมั่นไส้ไอ้บ้านี่ตะหงิดๆนะ โด่! ทำมาเป็นเขินนะ

 

“ตะ...แต่งงานกับนาย?”แล้วตรูจะเสียงสั่น เพื่อ?

 

“อ่า...ชะ...ใช่สิ ผมขอที่รักแต่งงานอยู่นะ” ดาเมียนพูดเสียงแผ่วพลางคว้ามือของผมไปกุมไว้ มึงหลอกจับมือกูนะไอ้หื่น ผมก็พยายามดึงมือออกแล้วส่งสายตาไม่พอใจไปให้ แต่ดาเมียนดันส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้นี่สิ มันสู้สายตาผมครับชาวโลก!

 

“ทะ...ทำไม? นายไม่ต้องเสียสละให้ฉันขนาดนั้นก็ได้ ฉันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ปัญหาของฉันก็ต้องหาทางเองสิ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังใส่ดาเมียนที่ตอนนี้เริ่มบีบมือผมเบาๆราวกับอ้อนวอนผมให้ยอมตกลงด้วย แล้วยังส่งสายตาลูกหมาน้อยมาใส่ผมอีก น่ารักตายเลย แบร่!

 

“ไม่ได้เสียสละ แต่ฉันทำเพื่อตัวเอง คนที่เห็นแก่ตัวที่สุดมันคือฉันต่างหากล่ะ รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเรียกนายว่า ที่รัก”กูจะไปรู้กับคุณมึงหรอครับ ถามแปลกไอ้นี่ รู้แต่เพียงว่าแกหน้าด้านจะเรียกแบบนั้นอ่ะ

 

“ไม่รู้หรอก เห็นนายอยากจะเรียกเล่นๆก็ปล่อยให้เรียกไปน่ะแหละ”

 

“หึ ผมเรียกแบบนั้น เพราะผมหลงรักคุณมาเป็นร้อยๆปี แม้แต่ตอนนี้สุดที่รักของผมก็ยังคงมีแค่คุณคนนี้เพียงคนเดียว”ดาเมียนพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ก่อนจะดึงตัวผมให้เข้าไปใกล้แล้วจ้องเข้ามาในตาของกันและกัน ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาเศร้าปนหวานซึ้งคู่นี้กันนะ ผมต้องเคยเจอหมอนี่มาก่อนแน่ๆ ว่าแต่ทำไมผมต้องรู้สึกอยากจะหลบสายตาหมอนี่ซะแล้วล่ะ จ้องอยู่ได้ อายนะเว้ย! ฮึ่ยๆ

 

“เอ่อ...ถ้าแต่งงานกัน นายจะเลิกกับฉันหลังออกจากป่าอสรพิษไหม?” ผมพูดพลางมองหน้าดาเมียนระยะใกล้ที่ตอนนี้ดวงตาและสีหน้าของเขากำลังเศร้ายิ่งกว่าเดิม รอยยิ้มเลือนหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น แล้วผมพูดอะไรผิดกันล่ะเนี่ย? ผมก็แค่อยากรู้ว่าหมอนี่จริงจังหรือเปล่าก็แค่นั้นเองนะ

 

“ถ้านายต้องการ..ฉันจะปล่อยนายไปทันทีที่นายร้องขอ” ดาเมียนปล่อยมือผมแล้วลุกออกจากเตียงทิ้งให้ผมที่กำลังนั่งสับสนงุนงงอยู่บนเดียงปล่อยให้ดาเมียนเดินออกไปจากห้องนอนโดยที่ผมก็หาสาเหตุไม่ได้ว่า...ทำไมผมถึงเสียใจและอยากปลอบเขากันนะ?

 

Part:น้ำเย็น

“ห๊าววว...งืมๆๆ เช้าแล้วหรอเนี่ย เฮ้ย! ไอ้คิวตื่นๆ จะนอนไปถึงไหน ตื่นเว้ย!” น้ำเย็นเอามือไปตีตรงที่แผงอกของญาติคนสนิทที่นอนด้วยกันเมื่อคืน แต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากการสั่นไหวของมือน้ำเย็น เออ..ว่าแต่ทำไมไอ้คิวมันหน้าอกล่ำขนาดนั้นว่ะ แต่ไอ้นี่มันก็กวนนะ ปลุกยากปลุกเย็นจริงๆ น้ำเย็นพลิกตัวหันไปมองคนข้างกายด้วยอารมณ์ครุกกรุ่นที่ปลุกไอ้ญาติตัวเตี้ยไม่ตื่นขึ้นมาเสียที แต่สิ่งที่เห็นนี่สิ....

 

“อ๊ากกกกก!!!!” น้ำเย็นเบิ่งตาโพลงมองใบหน้าหล่อผมสีแดงที่กำลังหลับตาพริ้มราวกับหูหนวกตาบอดไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกรีดร้องตุ๊ดแตกของน้ำเย็นเลยสักนิด จนน้ำเย็นนึกในใจว่าไอ้นี่ใครฟระ? คอนโด? โฮเต็ล? ใช่สิ! ผมแยกสองแฝดหอมแดงนี่ไม่ออกหรอกครับ ก็ตลอดเรื่องมานี่ใช่วิธีมองสีตาของพวกนั้นนี่นา แต่นี่หลับตาอยู่ใครจะไปรู้ล่ะ แถมมองใกล้ขนาดนี้ หน้ามึงจะเนียนไปไหนฟระ! ขณะที่น้ำเย็นกำลังยกฝ่ามือจะตบที่หน้าผากไอ้คนหนึ่งในสองแฝดด้วยความหมั่นไส้อยู่นั้น

 

หมับ!

“อืม...น้ำครับ นอนต่อเหอะ” ไอ้แฝดนรกเอ้ย! นี่มันมานอนกับผมทั้งสองคนเลยหรอเนี่ย แถมไอ้คนที่กอดผมยังเอามือมาลูบหน้าท้องผมอีกด้วย มึงจะลูบให้เลขเด็ดขึ้นหรือไงฟระ ผมปัดมืออกจากหน้าท้องแล้วหันหน้าไปมองข้างหลังก็เห็นหัวสีแดงกำลังซุกหน้าอยู่ที่หลังผม ไอ้ดอกเห็ด! ผมจะทำอะไรได้ก็ต้องดิ้นสิครับ ดิ้นๆ

 

“หืม! ไม่เลิกดิ้นปล้ำตอนนี้นะ”ฮึ่ม! ถ้ามึงจะขู่ช่วยบอกก่อนจะลูบเข้ามาในเสื้อผมทีสิ ไอ้เลว!

 

“ปล่อยนะ คอนโดมิเนียมแอนด์โฮเต็ล” อะไรของกูเนี่ย! ก็จำไม่ได้อ่ะ ก็เรียกผสมซะเลย ว่ะ..ฮ่า..ฮา

 

“หืม! จำไม่ได้ จะจับปล้ำจนกว่าจะจำได้ไปจนชาติหน้าเลย ไหนหันหน้ามาหน่อยสิครับ” หืม? วิธีนี้ทำให้จำได้จริงดิ น่าลองแหะ ไม่ใช่แหละ ไอ้หื่นกามนี่ น้ำเย็นพยายามฝืนตัวออกจากอ้อมกอดของคอนโด

 

“ไม่อยากจำ ปล่อยเลย คอนโด” น้ำเย็นถูกคอนโดขึ้นคร่อมแล้วจับข้อมือของน้ำเย็นทั้งสองข้างยึดไว้กับเตียงและจ้องหน้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์จนน่าจะเอานิ้วจิ้มลูกตาแตกจริงๆ ทำไมถึงรู้ว่าใครน่ะหรอ? ก็ไอ้หัวแดงตรงหน้านี่มันลืมตามองอยู่นี่ไง

 

“งั้นเรียกพี่ก่อนแล้วจะปล่อยนะครับ น้องน้ำ” คอนโดก้มหน้าลงมาใกล้ใบหูแล้วพูดเสียงเย็นแผ่วเบาแถมยังเป่าลมใส่หูอีก ผมก็จั๊กจี้เบี่ยงหน้าหลบสิครับ

 

“มะ..ไม่เรียก ไว้ไปเกิดใหม่เป็นพี่ชายก่อนแล้วจะเรียก ปล่อยสิ” น้ำเย็นสะบัดตัวแล้วสะบัดหน้าจนผมปลิวราวกับโฆษณาแชมพูสระผมไปด้วย(เพื่อ?) ทันใดนั้นก็มีเสียงจุ๊บดังอยู่ข้างใบหูแล้วสัมผัสหนักๆที่แก้ม แก้มกูไม่บริสุทธิ์แล้ว ไอ้คิวมึงทิ้งกูไปนอนกับผัวใช่ไหม ไอ้ญาติเลวมาช่วยกูที

น้ำเย็นหันไปมองด้านข้างก็เห็นโฮเต็ลนอนตะแคงท้าวแขนกับเตียงทำให้เห็นซิกแพ็คและมัดกล้ามชัดเจนจนน้ำเย็นต้องทำเป็นเมินหน้าหนีไปอีกทาง บุ้ยๆ เกลียดคนชอบโชว์เว้ย! ไอ้นี่ก็โชว์อยู่ได้ เฮ้ยๆ อย่าขยับมาใกล้นะ ไอ้แฝดตีสองหน้า

 

“ยะ...อย่าเข้ามาใกล้นะ”

 

“หวั่นไหว?” เชรดดดด...มึงมั่นหน้ามาก แต่หวั่นไหวจริงหรือเปล่าว่ะ?

 

“มะ..ไม่มีหรอกคำนั้นอ่ะ อ๊ะ ฮึ่ย! ปล่อยนะ” น้ำเย็นปฏิเสธคำกล่าวหาพลางหลบหน้าของคอนโดที่มาคลอเคลียข้างแก้มอย่างหยอกล้อ ไอ้คนนิสัยไม่ดี แต่น้ำเย็นก็ยังพยายามแกะข้อมือออกจากฝ่ามือหนาแต่ก็ทำได้ยากมาก ทำไมร่างกายผมไม่แข็งแกร่งราวกับภูผาว่ะ อ่อนนิ่มเป็นเยลลี่เลย ไอ้น้ำเย็นเอ้ย!

 

“เรียกฉันว่าพี่สิ ซาร์โดนิกส์” หืม? อะไรนะ โฮเต็ลเรียกผมว่า...ซาร์โด อ๊ะ! ปวดหัวจังเลย

 

ตึก..ตึก

 

“ปะ...ปล่อย...ปวดหัว...น้ำปวดหัว”น้ำเย็นร้องพลางดิ้นไปด้วยความเจ็บปวด

 

“น้ำๆ น้ำเป็นอะไร? น้ำตอบพี่สิ” คอนโดตาโตด้วยความตกใจที่จู่ๆน้ำเย็นก็ดิ้นอย่างแรกงแล้วทำสีหน้าเจ็บปวดจนตนต้องปล่อยข้อมือของน้ำเย็นให้เป็นอิสระ จากกนั้นน้ำเย็นก็ยกมือกุมหัวราวกับเจ็บปวดทรมานพลางร้องว่าปวดหัวไปเรื่อยๆจนตาค้างนิ่งไม่พูดอะไร

 

ภาพของน้ำเย็น(อดีตชาติ)

สวบ! ฉึก!

“ซาร์โดนิกซ์หลบไป...ไปหลบที่ภูเขาลูกนั้นซะ” เด็กชายผมดำตาสีแดงฉานอายุ 8 ปีกำลังมองผู้เป็นอากำลังยกดาบต่อสู้กับปีศาจที่คิดจะโค่นล้างเผ่าพันธุ์ของเขาด้วยความหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวก่อนที่ตัวเขาจะสบตากับปีศาจแห่งฝันร้ายอย่างไนท์แมร์

 

“ถึงเจ้าจะหนีไปด้วยร่างของเด็ก ข้าก็จะฆ่าเจ้าทุกๆชาติ”ไนท์แมร์ ปีศาจเงาในความฝันกำลังถือเคียวอาฆาตไล่ฆ่าเผ่าพันธุ์ครึ่งเทพครึ่งปีศาจก่อนจะเห็นเด็กชายตาสีแดงที่มองตนด้วยสายตาโกรธแค้นจนนึกสนุกอยากจะเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเด็กชายผู้เป็นถึง”องค์ชายน้อยแห่งเมืองโรสควอตซ์”นี่สักหน่อย จึงพุ่งตัวไปหาเด็กชายอย่างใจนึกคิดแล้วฟาดเคียวอาฆาตใส่ร่างเด็กชายจนเลือดสีแดงไหลนองพื้นดิน แม้แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังมองมาที่ไนท์แมร์ด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะเริ่มริบหรี่ลงอย่างอ่อนแรง

 

“ไนท์แมร์ เจ้ามันอำมหิตทั้งในความจริงและความฝัน แม้กระทั่งเด็กก็ไม่ละเว้น”ชายหนุ่มผมสีดำยาวมีศักดิ์เป็นถึงอาของเด็กชายตกตะลึงแล้วรีบเข้ามาดูร่างของหลานชายตัวน้อยที่กำลังจะตายต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มกำหอกเพชรในมือแน่นด้วยความเจ็บแค้นก่อนจะไล่ฟาดฟันใส่ไนท์แมร์ที่ยังคงหัวเราะดัวยความสะใจและหลบหลีกหอกเพชรได้ด้วยความเก่งกาจ

 

“ฮ่าๆๆ เจ้ามันแค่ไอ้ลูกครึ่งเทพครึ่งปีศาจน่ารังเกียจ ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องตายเหมือนกัน เจ้าคนอ่อนหัด”

 

ฉึก!

“อ๊อก! เจ้า!”หอกแหลมในมือของเด็กชายที่คิดว่าใกล้หมดลมหายใจกลับแทงเข้าที่จุดสำคัญของไนท์แมร์ก่อนที่จะออกฤทธิ์เริ่มกัดกินร่างของไนท์แมร์ไปเรื่อยๆจนหน้าตานั้นเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปร่างจนกลายเป็นฝุ่นผงสีดำแล้วปลิวไปตามสายลมท่ามกลางสงครามนองเลือดระหว่างเผ่าพันธุ์ครึ่งเทพครึ่งปีศาจและปีศาจจิตใจอำมหิตที่อยากจะกำจัดผู้ที่ขวางหนทางเป็นใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจนรก

 

“แล้วถ้าเจ้าตายก่อน เจ้าก็หมดสนุกสินะ ฮ่าๆๆๆ” เด็กชายก้มเก็บอาวุธประจำกายของไนท์แมร์ขึ้นมาแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะใช้มันไล่ฆ่าฟันผู้คนในสงครามโดยไม่ละเว้นแม้แต่พวกเดียวกันจนเหลือเพียงชายหนุ่มผู้เป็นอาที่ต้องต่อสู้กับหลานชายแท้ๆของตนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเลือดของปีศาจที่ยากเกินจะควบคุมนั้นทำให้เรี่ยวแรงของเด็กชายเพิ่มมากขึ้นเกินร่างกายที่เป็นเพียงเด็ก

 

“ปล่อยเคียวนั่นซะซาร์โดนิกซ์ เจ้าเป็นหลานของข้า เจ้าไม่ใช่ปีศาจ จำข้าได้ไหม?”ชายหนุ่มพยายามปลุกจิตสำนึกของเด็กชาย แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับ

 

ฉึก! สวบ!

“อึก! ซาร์โดนิกซ์”เคียวอาฆาตในมือเด็กชายฟาดฟันโดนร่างของผู้เป็นอาแล้วอานุภาพร้ายแรงราวกับเคียวพิษ เมื่อผู้ใดจับต้องจะต้องสูญสลายเป็นผุ่ยผงก็กำลังกัดกินร่างนั้นต่อหน้าต่อตาเด็กชายที่เริ่มจะฟี้นคืนสติ

 

“ท่านปู่! เจ้าฆ่าท่านปู่ เจ้ามันปีศาจมิใช่เผ่าพันธุ์แห่งเรา ข้าขอสาปแช่งซาร์โดนิกส์ให้เจ้าเป็นเพียงเด็กที่ถูกทิ้งและตายด้วยน้ำมือของคนที่เจ้ารักสุดชีวิต ไม่มีวันที่จะมีชีวิตรอดพ้น 20 ปีทุกๆชาติ”เด็กชายที่จิตมารเริ่มกลับมาครอบงำอีกครั้งก็แสยะยิ้มแล้วฟาดฟันเคียวอาฆาตใส่ชายหนุ่มผู้เป็นเหมือนดังญาติอย่างไร้ความปราณี ดวงตาสีแดงฉานเรืองโรจน์ด้วยความสนุกยากที่ผู้ใดที่หยุดยั้งได้จนเหลือเพียงเขาผู้เดียวในสนามรบแห่งนี้

 

“หึ ! คิดจะสาปแช่งกันมันไม่ได้ผลหรอก เจ้าโง่! ฮ่าๆๆๆ”เด็กชายยืนหัวเราะด้วยความสะใจก่อนจะจ้องมองไปที่ซากศพตายเกลื่อนและฝุ่นผงอันเกิดจากคมเคียวอาฆาตในมือเขาที่กำลังปลิวว่อนไปทั่วสนามรบ

 

“ซาร์โดนิกซ์...ลูกแม่ เจ้าช่างโหดร้ายนัก แม่เลี้ยงเจ้าเหมือนดั่งแก้วตาดวงใจ แต่เจ้ากลับมีจิตใจอำมหิต เข่นฆ่าผู้มีพระคุณและผู้อื่นอย่างไร้ซึ่งจิตสำนึก แม่ขอให้คำสาปแช่งนั้นทำให้เจ้าสำนึกได้จนกว่าเจ้าจะพบคนที่เจ้าจะรักด้วยใจบริสุทธิ์และไม่คิดเข่นฆ่าใครด้วยจิตมารอีก เมื่อนั้นเจ้าจะต้องตามหาชายผู้เป็นเจ้าของคำสาปและเขาจะนำเจ้ากลับมาเป็นเจ้าชายแห่งเมืองโรสควอตซ์อีกครั้ง” หญิงสาวงามราวกับนางสวรรค์ผู้มีผมสีดำขลับยาวสลวยและดวงตาสีน้ำตาลหวานซึ้งและมีตำแหน่งเป็นถึงเทพสูงสุดบนสรวงสวรรค์นั้นกำลังจ้องมองเด็กชายที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและแววตาอาฆาตแค้นไร้ซึ่งความน่ารักในวัยเด็กเช่นในอดีตด้วยน้ำตาเอ่อคลออย่างเสียใจ

 

“ทะ..ท่านแม่ ไม่..อย่าทำกับข้าแบบนี้ ข้าสำนึกแล้ว อึก! ท่านแม่ใจร้าย” เด็กชายร้องไห้ด้วยน้ำตาสีเลือดก่อนที่จะสำลักเลือดที่ไหลออกมาจากตาและริมฝีปากเล็กราวกับไม่มีวันหยุดก่อนที่ร่างนั้นจะล้มลงและดวงตาสีแดงกำลังจะหลับตาลง

 

“ไม่ใช่แม่ไม่รักเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังไม่สามารถควบคุมความเป็นปีศาจได้ เจ้าจะเป็นเพียงคนที่ไร้ซึ่งหัวใจและไม่ใช่เจ้าชายของเผ่าพันธุ์ครึ่งเทพครึ่งปีศาจ แม่จะรักและคอยเฝ้าดูแลเจ้าทุกชาติ ลูกรัก”

 

ปัจจุบัน(น้ำเย็น)

“น้ำเย็น นายตอบฉันสิ” โฮเต็ลที่ตกใจก็พยายามเขย่าตัวน้ำเย็นที่ยังลืมตาโพล่งเหมือนกับไร้วิญญาณก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลสวนจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานวาววับราวกับปีศาจแล้วดวงตานั้นก็เริ่มจ้องมองที่ใบหน้าของฝาแฝด

 

“ฉันเป็นอะไร? ฉันเป็นตัวอะไร?” น้ำเย็นพูดเสียงเย็นแผ่วเบาแล้วกำมือแน่นจนเล็บยาวสีดำที่งอกออกมาทิ่มแทงลงบนฝ่ามือขาวจนเลือดไหล ทำให้โฮเต็ลต้องคอยดึงให้มือนั้นคลายออก เพราะกลัวน้ำเย็นจะเจ็บ เล็บยาวสีดำทำให้โฮเต็ลจ้องมองหน้าของน้ำเย็นที่ตอนนี้ดวงตานั้นเอ่อล้นด้วยน้ำตาสีเลือด

 

“พวกนายบอกฉันที ฉันไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม? ตอบสิ” น้ำเย็นเริ่มพูดเสียงดังใส่สองแฝดที่นิ่งเงียบไม่ยอมพูด ถึงแม้จะสงสารคนตรงหน้าแต่ก็ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาจนน้ำเย็นน้ำตาไหลไม่หยุด

 

“น้ำเจ็บ...พี่คอนโด พี่โฮเต็ล” น้ำเย็นหลับตาลงด้วยสีหน้าเจ็บปวดจนคอนโดดึงตัวน้ำเย็นเข้ามากอดแน่น ส่วนโฮเต็ลก็กุมมือน้ำเย็นแน่นไม่ยอมปล่อยจนรับรู้ได้ถึงความทรมานของน้ำเย็น

 

“พี่ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่พี่สัญญาว่าจะบอกน้ำทุกอย่างหลังจากเราเข้าไปในป่าอสรพิษ”คอนโดพูดปลอบพลางเอามือลูบศีรษะทุยของน้ำเย็นที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำยาวสลวย

 

“น้ำจะแต่งงานกับพวกพี่แล้วเข้าไปที่นั่น น้ำต้องรู้ให้ได้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร?”น้ำเย็นพูดเสียงแผ่วแต่โฮเต็ลและคอนโดกลับหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ส่วนน้ำเย็นก็ได้แต่เพียงจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาสีแดงมุ่งมั่นภายใต้อ้อมกอดของคอนโดและโฮเต็ลที่มองน้ำเย็นด้วยความเป็นห่วง โดยไม่มีใครรู้ได้เลยว่า..คนๆนั้นที่สาปแช่งน้ำเย็นกำลังรอคอยอยู่ในป่าอสรพิษ

 

****************************************100%****************************************

ทักทายกันโหน่ยยยย!!!!

คนเขียนหายหน้า หายหัว หายตัว ไม่หายใจ = ตาย! ไม่ใช่แหละ! ก็ท่องเที่ยวในโลกอินเตอร์เน็ตตลอดแต่คิดไม่ออกว่าจะต่อนิยายแบบไหนเลยเกิดการดอง อีกอย่าง Comment ไม่ค่อยมีเลยไม่รู้ว่า เอ! นี่มันนิยายเพ้อฝันไม่มีคนอ่านหรือเปล่าฟระ?! ยังไงก็ช่วย Comment กันบ้างนะจ๊ะ ผิดพลาดตรงไหนไว้จะมา Rewrite ทีหลัง แต่คงไม่เปลี่ยนเนื้อเรื่องหรอกจ๊ะ เผื่อมีบางคนอ่านแล้วชอบแบบนี้ ขอบคุณคนอ่านที่ติดตามกันเหนี่ยวแน่นและบางคนที่เพิ่งเข้ามาอ่านก็อยากบอกว่า “ซาบซึ้ง”ในความเป็นเทพสวรรค์ ช่างน้ำใจงามจริงๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา