รอยแค้น เหลี่ยมรัก
เขียนโดย ฝนใบไม้
วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 09.17 น.
แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน พ.ศ. 2557 09.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) มิตรภาพ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในที่สุดวันที่น้ำรินรอคอยก็มาถึง ใช่แล้ว วันแรกของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย น้ำสอบติดคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก น้ำรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก พ่อกับแม่มาส่งน้ำเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว น้ำตัดสินใจที่จะอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยเนื่องจากใกล้ และสะดวกในการเดินทาง ถึงแม้ตอนแรกแม่จะไม่เห็นด้วย เพราะเป็นห่วง เนื่องจากน้ำไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ห่างสายตาของแม่เลยตั้งแต่เด็ก ประกอบกับการเป็นลูกสาวคนเดียวจึงทำให้แม่อดห่วงไม่ได้ แต่เมื่อน้ำบอกกับแม่ว่าการจราจรในกรุงเทพมันแย่ยิ่งกว่าฝันร้ายเรื่องไหนๆ ถ้าจะให้เธอเดินทางไปกลับระหว่างมหาวิทยาลัย และบ้าน ทุกวัน แม่คงจะต้องมีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว ให้เธอแล้วล่ะ นั่นจึงทำให้แม่ยอมให้น้ำมาใช้ชีวิตการเป็นนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัว ถึงจะอดใจหายไม่ได้ที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่ใช่บ้าน แต่ ใจนึงก็คิดว่าเดี๋ยววันหยุดมีเวลาก็กลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่บ่อยๆก็ได้ จึงทำให้แธอคลายความกังวลในเรื่องนี้ลงบ้าง
น้ำรินสอบติดมหาวิทยาลัยแห่งนี้พร้อมเพื่อนที่สนิทตอนที่เรียนมัธยมอีกสามคน นั่นคือ ดา,บี และวุฒิ
“ดา” หรือชื่อเต็มๆคือ “วิภาดา” ดาเป็นเด็กสาวเรียบร้อยที่สุดในกลุ่ม เธอเลือกที่จะเรียนพยาบาลเพราะเธอรักที่จะดูแลและคอยช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก นิสัยแม่พระนี้ เป็นนิสัยประจำตัวตั้งแต่เริ่มแรกที่น้ำรู้จักกับดา ดังนั้นฉายาที่เพื่อนๆมักตั้งให้กับดา คือ “แม่ชี”
“บี” เด็กสาวขาเม้าท์ประจำกลุ่ม และเป็นหน่วยข่าวกรองของห้องไม่ว่าจะมีข่าวอะไร เป็นเธอทุกครั้งที่จะรู้เป็นคนแรก
คนนั้นชอบคนนี้ คนนี้เลิกกับคนนั้น เธอรู้หมด ชื่ออีกชื่อหนึ่งของเธอจึงถูกขนานนามว่า“บี ตาทิพย์” และเธอเลือกที่จะเรียนคณะสื่อสารมวลชน ซึ่งเพื่อนๆเห็นว่าเธอมาถูกทางที่สุด
“วุฒิ” แต่เพื่อนๆ รวมทั้งน้ำริน ต่างชอบเรียกเขาว่า “วุชชี่” ชายผู้มีจิตใจเป็นหญิง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ตุ๊ด” น้ำจำได้ว่าวันแรกที่โรงเรียนเปิดเทอมตอนที่เข้าม.1 วุฒิโดนเพื่อนชายในห้องแกล้งสารพัด เนื่องจากเป็นนักเรียนต่างถิ่น แถมยัง มีลักษณะตุ้งติ้ง ซึ่งเป็นเป้าหมายดีประเภท1 ในการที่จะหาเรื่องและกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ วันนึงน้ำเห็นเพื่อนผู้ชายในห้องกลุ่มหนึ่ง กำลังจะโยนกระเป๋าของวุฒิลงมาจากหน้าต่างของชั้น4 วุฒิได้แต่นั่งนิ่ง ตาแดงทำท่าเหมือนจะร้องให้เนื่องจากทำอะไรไม่ได้ เมื่อน้ำเห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปหากลุ่มเด็กผู้ชายกลุ่มนั้น พร้อมกับบอกให้เอากระเป๋าคืนมา ตอนแรกหัวโจกของกลุ่มทำท่าจะไม่คืนกระเป๋าให้แต่เมื่อน้ำ บอกว่า
“พวกนายคงจะลืมรสชาติอันแสบสะแด่ว ของหมามุ่ยไปแล้วสินะ”
ก็ทำให้พวกผู้ชายโยนกระเป๋าคืนให้อย่างไม่เต็มใจนัก เพราะเด็กชายกลุ่มนั้นรู้ว่าความแสบ คันของหมามุ่ยที่พวกเขาเคยโดนน้ำรินวางยานั้นทรมานแค่ไหน เพื่อนกลุ่มนี้คือเพื่อนที่เรียนที่เรียนชั้นประถมด้วยกัน และมาเรียนมัธยมต้นพร้อมกับน้ำริน วันนั้นเพื่อนของน้ำรินโดยเพื่อนชายกลุ่มนี้แกล้งเอาซากคางคกตายไปใส่ไว้ในกระเป๋า จนทำให้เพื่อนเป็นลม เนื่องจากเกลียดและกลัวคางคกมาก วันต่อมาน้ำรินต้องการแก้เผ็ดจึงไปเก็บหมามุ่ยที่มีอยู่เกลื่อนกลาดจากหลังบ้านของเธอและเอาไปขยี้และทาตามโต๊ะ และเก้าอี้ของเด็กผู้ชายกลุ่มนั้น ผลที่ตามมาคือเด็กกลุ่มนั้นต้องลาเรียน2-3วัน เพราะ อาการคันคะเยอ ที่สุดแสนจะทรมาน นั่นเป็นหนึ่งวีรกรรมของน้ำที่หลังจากนั้นก็ทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้ามายุ่งกับกลุ่มเพื่อนของเธออีก
ด้วยลักษณะที่ห้าวๆ ไม่กลัวใคร และ รักเพื่อนของน้ำรินนี่เอง เพื่อนในกลุ่มจึงยกให้เธอเป็นหัวโจกของกลุ่ม
-------------------------------------------------------------------------------------
เช้านี้น้ำรินตื่นแต่เช้าแต่เพราะมัวแต่เดินหาห้องเรียนซึ่งเธอไม่ค่อยคุ้นเคยจึงทำให้เธอเข้าคลาสสายกว่าคนอื่น
หลังจากอาจารย์กล่าวทักทายนักศึกษาใหม่ก็เริ่มชี้แจงรายละเอียดของวิชาที่เรียน
เมื่อหาห้องเรียนเจอแล้ว และพบว่าเพื่อนในห้อง มากับเกือบเต็มคลาสเธอจึงเดิมอ้อมเพื่อไปหาที่นั่งด้านหลังสุด
น้ำรินสอดส่ายสายตา มองหาที่นั่งที่ยังพอเหลือ
“นั่นเจอแล้ว เหลือที่เดียวด้วยสิ” เธอคิดในใจ
“เอ่อ โทษนะคะ ไม่ทราบว่าตรงนี้มีคนนั่งรึยัง” น้ำรินเอ่ยถามชายหนุ่มคนที่อยู่โต๊ะติดกันตามมารยาท
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองน้ำรินแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้ พร้อมกับพูดว่า
“ยังครับ ตรงนี้ยังว่างนั่งได้”เขาพูดพลางขยับเก้าอี้ให้
หลังจากเรียนจบวิชาแรกซึ่งใช้เวลาสองชั่วโมง อาจารย์ก็ปล่อยให้นักศึกษาพักเหนื่อย
น้ำรินมองไปรอบห้อง สำรวจเพื่อนใหม่แต่ละคน ต่างคนต่างไม่รู้จักกันมาก่อน บรรยากาศในคลาสตอนนี้จึงค่อนข้างเงียบ
สายตากวาดไปรอบๆห้องจนมาจบลงที่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเธอ น้ำรินออกอาการเหวอเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขาจับจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว
“ผม ชื่อ คุณัช ครับ ” ครับชายหนุ่มแนะนำตัวพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร ใบหน้าได้รูป คิ้วที่คมเข้ม จมูกโด่ง และผิวพรรณที่สะอาดสะอ้าน แถมยังมีลักยิ้มบุ๋มสองข้างเวลาที่ส่งยิ้ม ทำให้สาวๆหลายคนในคลาสแอบเมียงมองและส่งยิ้ม มาทางเขาอยู่บ่อยๆ
ผิดกับน้ำรินที่เจ้าหล่อนมองเห็นเขาแค่แวบแรก ก็คิดว่าหมอนี่หน้าตา ท่าทาง ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเรียนคณะนี้เอาซะเลย พูดง่ายๆคือท่าทางไม่เอาถ่านนั่นเอง อย่างเขาน่าจะเรียน นิเทศ ไม่ก็ บริหารเสียมากกว่า ในความคิดของน้ำรินผู้ชายที่มีลักษณะที่จะมาเรียนคณะนี้ อย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติทางกายภาพคือ ต้อง “ถึก และ บึกบึน” เหมือนอย่างอาของเธอ
“ชื่อ น้ำริน เรียกน้ำ ก็ได้” เธอกล่าวห้วนๆ สายตามองออกไปสำรวจนอกหน้าต่างอย่างไม่สนใจคู่สนทนา
“เป็นไงบ้างครับ เข้าเรียนวันแรก พอไหวมั้ย” ชายหนุ่มพยายามชวนคุยต่อเมื่อเห็นคู่สนทนาไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
น้ำรินหวันขวับมา ทำตาเขียวใส่เขาฉับหนึ่ง พลางคิดในใจว่า คำถามนี้ควรจะเป็นเขามากกว่านะที่ถูกถาม ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะมาเข้าเรียนสาย และเป็นการเรียนคลาสแรก แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่เอาไหนซะหน่อย
“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรยากนี่ แค่นี้จิ๊บๆ ” น้ำรินพูดพร้อมทำท่ายักไหล่กวนๆ ประมาณว่าต่อให้ยากกว่านี้เธอก็สู้ไหว
คุณัชแอบขำกับท่าทางยียวนของน้ำริน ยิ่งเขาเห็นเธอดูจะไม่ค่อยปลื้มกับมิตรภาพครั้งนี้เท่าไรนัก มันก็ยิ่งอยากทำให้เขารู้จักเธอมากขึ้นเท่านั้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ