หอคอยรักเจ้าชายแวมไพร์ (บทนำ)
เขียนโดย papa_sang
วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 11.31 น.
แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน พ.ศ. 2557 11.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทนำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ...กุหลาบสวย ย่อมมีหนาม ก็เปรียบดั่งความงาม ที่มักซ่อนความอันตราย...
พ.ศ. 2486 ในยามราตรีที่มีแสงดาววาววับเต็มท้องฟ้า ลมหนาวในช่วงเวลาปลายเดือนพฤศจิกายนที่เขาใหญ่นั้นเยือกเย็นจบร่างสูงต้องยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เสื้อกันหนาตัวหนาราคาแพงนั้นบ่งบอกถึงฐานะที่มีอันจะกินของครอบครัวของเขา
“ดึกแล้วยังไม่นอนอีก มัวมาทำอะไรอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ตื่นไปโรงเรียนไม่ทันหรอก”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นด้านหลังดึงชายหนุ่มวัยสิบหกให้หลุดออกจากห้วงความคิดร้อยแปดเมื่อครู่ เขาหันไปหาเจ้าของเสียงแล้วเดินเข้าไปกอดเอวออดอ้อน
“พรุ่งนี้วันหยุดครับพ่อ ผมทำการบ้านเสร็จเลยออกมาดูท้องฟ้า ไม่ยักรู้ว่าตอนดึกๆแบบนี้อากาศจะสดชื่นขนาดนี้ ดาวสว่างเต็มท้องฟ้าเลยครับพ่อ”
แม้จะโตเป็นหนุ่มแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังดูไร้เดียงสาในสายตาของผู้เป็นพ่อ คาร์เลน ทอม เป็นนักบวชมาจากอังกฤษที่มาเผยแพร่ศาสนาที่นี่ เขาแต่งานกับคนรักที่เป็นคนไทย แต่เธอโชคร้ายที่อายุสั้นเสียชีวิตในวันที่ให้กำเนิดลูกชายเมื่อสิบหกปีก่อน เดิมทีเขาเป็นทายาทเศษฐีที่ไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้ก็ได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขารักและต้องการที่จะทำ ครอบครัวเลยขัดไม่ได้ หลังจากที่พ่อแม่ของ คาร์เลนเสีย เขาก็หอบสมบัติที่มีข้ามน้ำข้ามทะเลมายังบ้านป่าหน้าเขาแห่งนี้จนพบรักกับ มารตี เขาจึงปลูกบ้านสร้างหอแต่งงานกันตามประเพณีไทยอย่างถูกต้อง
“นั่นสินะ...สงสัยพ่อจะแก่แล้วเลยหลงๆลืมๆ”
มือหนาขยี้ผมลูกชายเบาอย่างเอ็นดู เขาไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายคือคนที่ทำให้คนรักต้องจากไป แต่กลับกัน เขากลับดีใจที่เธอได้มอบดวงใจอันเป็นที่รักของเธอเอาไว้ก่อนที่จะจากไป เอลลูญ์เป็นตัวแทนของความรักของเขาทั้งสอง เพราะฉะนั้น เขาต้องดูแลลูกชายคนนี้อย่างดีที่สุด
“หอคอยนั่น...พ่อเป็นคนสร้างเหรอครับ” เด็กชายเมือมองไปยังหอคอยกลางไร่ที่รกร้างต่างจากบริเวณหน้าบ้านที่มีคนดูแลเป็นอย่างดี ทั้งสวนหย่อมต้นไม้ถูกตัดกิ่งเก็บกวาดเป็นอย่างดี
ครอบครัวของคาร์เลมเป็นที่รักของคนในระแวกนี้ เพราะเขาให้ช่วยสอนหนังสือให้กับเด็กในระแวกนี้ทั้งภาษาอังกฤษและไทยจนเด็กๆสมารถอ่านออกเขียนได้โดยได้ต้องรองบจัดสรรสร้างโรงเรียนให้มาถึงก่อนเหมือนเช่นในตัวเมือง อีกทั้งเวลานี้บ้านเมืองก็กำลังมีสงคราม แต่เขาก็ยังเอื้อเฟื้อชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหยุกยาเครื่องใช้ที่หายากในยามนี้ อีกทั้งใช้วิชาหมอประจำบ้านที่เคยเรียนมาบ้างช่วยรักษาชาวบ้านที่ยากจน
“นายฝรั่งครับแย่แล้วนายฝรั่ง”
เสียงหอบกระเส่าของคนที่วิ่งเข้ามาทำให้สองพ่อลูกต้องหันไปมองพร้อมทั้งขมวดคิ้วให้ผู้มาใหม่ที่ดูท่าทางกำลังตนกตกใจกับอะไรบางอย่าง
“มีอะไรรึเคียน วิ่งหอบมาเชียวไหนลองพูดมาซิ”
“ตอนนี้ ทหารญี่ปุ่นกำลังบุกมาที่หมู่บ้านแล้ว ผมเลยรีบมาบอกนายฝรั่งจะได้รีบหาทางหนี พวกนั้นคงไม่ปล่อยนายฝรั่งไปแน่” เพื่อนบ้านเอ่ย
ในเวลาที่เป็นสงครามเช่นนี้ ญี่ปุ่นไม่ปล่อยเขาไปแน่อย่างที่เคียนพูด ถึงเขาจะเป็นนักบวช แต่ก็ได้ชื่อว่าฝรั่ง พวกนั้นคงจับเขาไปไว้เป็นเชลยเหมือนเพื่อนชาวตะวันตกคนอื่นๆในพระนคร
ในขณะที่คาร์เลนกำลังคิดหาทางหนีทีไล่อยู่นั่นเอง จู่ๆก็เหมือนมีลมพายุก็พัดแรงจนทั้งสามล้มระเนระนาดไปตามๆกัน ฝูงค้างคาวฝูงใหญ่กำลังบินวนอย่เหนือหลังคาบ้าน
“แย่แล้ว...” คาร์เลนสบถ “เอลลูญ์ รีบวิ่งไปหลบในหอคอยเร็ว ล็อคกุญแจด้วยเร็ว” เขาผลักลูกชายที่กำลังคลานเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นครับพ่อ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ต้องถาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือได้ยินเสียงอะไรลูกห้ามออกมา รับปากพ่อสิเอลลูญ์”
“ไม่ครับพ่อ ผมจะไม่ยอมให้พวกมันมาจับพ่อ”
“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไปเร็วเอลลูญ์ เคียน...พาเอลลูญ์ไปเร็ว” เขาผลักชายหนุ่มอีกครั้งแล้วหันไปบอกกับเคียนแล้ววิ่งหายเข้าไปในบ้าน
“ไปเถอะครับคุณหนู เชื่อผมเถอะ”
“ไม่เคียน เอลลูญ์จะอยู่กับพ่อ เคียนปล่อยฉันเถอะ”
ด้วยความแข็งแรงของเคียนที่มีมากกว่าเด็กหนุ่ม เขาจึงสามารถดึงให้คนตัวเล็กกว่ามาถึงที่หอคอยแห่งนี้ได้ เคียนผลักเอลลูญ์ให้เข้าไปในหอคอย
“คุณหนูอย่ากลัวไป เดี๋ยวนายฝรั่งก็ตามมา”
“แล้วนั่นเคียนจะไปไหน” เด็กหนุ่มถามเสียงสั่นเมื่อเห็นเคียนกำลังปิดประตูเข้าหอคอย
“ผมจะตามไปช่วยนายฝรั่งครับ คุณหนูรออยู่ที่นี่อย่าส่งเสียงดังออกไปเด็ดขาด”คำสั่งนั้นสิ้นสุดก่อนที่ประตูจะปิดลง เสียงล็อคประตูนั่นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่ทุดอย่างรอบตัวชายหนุ่มจะเงียบสงัด
ร่างหนานั่งตัวสั่นตัวเกร็งมองไปรอบตัวหอคอย ไม่ไกลจากประตูตรงนั้นมีบันไดขึ้นไปสู่ชุ้นบน เอลลูญ์เดินไปนั่งสายตายังคงมองส่ายไม่หยุด ในจิตรใจยังคงสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ‘เมื่อไหร่เคียนจะพาพ่อมานะ’ ด้วยความร้อนใจเอลลูญ์เดินไปสอดสายตามองผ่านช่องประตูที่มีแสงรอดเข้ามาเพื่อมองออกไปด้านนอกหวังว่าจะเห็นพ่อของเขากับเคียนกลับมาหาเขาที่นี่ แต่พอสิ่งที่เห็นกลับเป็นแววตาแดงโรจน์เอลลูญ์ก็เย็นสันหลังวาบ ไม่รู้ว่าจะตกใจหรือแปลกใจว่าทำไมแววตาของคนจึงเป็นสีแดงเช่นนั้นได้ ร่างสูงถอยกรูดจนชิดขอบบันได ในหัวตอนนี้สับสนวุ่นวายไปหมด ‘เมื่อกี้นี้มันคืออะไรกันแน่ ปีศาจอย่างนั้นหรือ’ เขาไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลยในเวลานี้
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้คิดหาคำตอบอีกต่อไป ประตูไม้ที่ดูแข็งแรงถูกพังลงอย่างราบคราบ เบื้องหน้านั้นเผยให้เห็นร่างสูงเพรียวแต่น่ากลัว ใช่..ผู้หญิงคนนั้นดูน่ากลัวที่สุด แววตาสีแดงเพลิงมองมายังชายหนุ่มแล้วกระตุกยิ้มมุมปากนิดหน่อย เธอสวมชุดเหมือนแม่มดในนิยายที่พ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังไม่มีผิด แต่สิ่งที่เขาอยากรู้ที่สุดในตอนนี้ก็คือ...
“คุณเป็นใคร?”
“ฮะๆๆๆ” เสียงหัวเราะของหล่อนดังกังวานจะเขาต้องยกมือขึ้นมาอุดหูไว “เธอได้รู้จักฉันแน่หนุ่มน้อย...แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
พริบตาเดียวเธอก็เข้ามาประชิดตัวเขาแล้ว มือเรียวดึงเอลลูญ์เข้าไปใกล้โดยที่เขาไม่มีทางต้านทานเธอได้เลยแม้แต่น้อย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้นะ หรือว่าเธอจะเป็นแม่มดจริงๆ
“ฉันจะมอบชีวิตใหม่ให้เธอเอง...แล้วเราจะได้รู้จักกันมากกว่านี้ เอลลูญ์”
หล่อนรู้จักเขา...
เพียงเรียวแรงเล็กน้อยของหล่อนที่ดันต้นคอชายหนุ่มให้เผยเห็นลำคอขาวเนียนแสนยั่วยวน เขี้ยวคมโผล่พ้นปากก่อนที่จะค่อยๆปักลงไปบนต้นคอนั้นจนร่างหนาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดดิ้นกระตุกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแน่นิ่งไป เธอปล่อยร่างหนาลงสู่พื้นแล้วมองอย่างพอใจ
พักหนึ่งร่างหนาก็ดิ้นพลาดกระสับกระส่ายร้อนรนเกลือกกลิ้งบนพื้นอย่างทุรนทุราย หล่อนยังคงยืนมองอยู่อย่างนั้นจนร่างสูงตรงหน้านิ่งไปอีกครั้ง ดวงตาคมกระตุกขึ้นฉายแววตาสีแดงเพลิงไม่ต่างกับคนมอง ทำให้ร่างแบบบางฉีกยิ้มอย่างพึงใจ
X
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ