Marchen of Anarion ปฐมบทแห่งคาโนปัส

9.0

เขียนโดย Kadella

วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.40 น.

  5 บท
  1 วิจารณ์
  8,316 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ผู้ถูกเลือก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 2 ผู้ถูกเลือก

 

บรรยากาศภายในวิหารอวาลอน...

 

     หลังจากคำทำนายได้ปรากฏขึ้น บรรดาเทพที่เข้าร่วมพิธีต่างตกอยู่ในความเงียบ เนื่องจากที่

 

ผ่านมาไม่เคยมีสตรีเป็นผู้ถูกเลือกให้ทำพันธกิจแห่งสวรรค์มาก่อน มหาเทพไฮเพอเรียนโบกพระ

 

หัตถ์หนึ่งครั้ง เป็นสัญญาณให้เทพองครักษ์นำดาบ เอสฟาทิสออกมา ด้ามดาบทำมาจากทองคำ

 

ตรงกลางประดับด้วยทับทิมเม็ดโต ปลายดาบ คมสะท้อนแสงหยอกล้อกับเปลวไฟ

 

เสียงสวดมนตราบทใหม่ดังขึ้นอีกครั้งเป็นทำนองสูงต่ำ ดาบเอสฟาทิสค่อยๆเรืองแสงขึ้น สว่างขึ้น

 

จนกลายเป็นแสงเจิดจ้า ทำให้เหล่าเทพ ทั้งหมดจำต้องใช้มือบัง

 

               เนโมซินีตกตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนสรรพสิ่งรอบตัวเธอหยุดชะงัก เสียง

 

บทสวดจางหายไป แสงที่เจิดจ้าอยู่นั้นนวลตาลงจนเห็นเงาก่อตัวเป็นรูปร่างของคน หลายๆคน

 

คราวนี้เธอถึงกับเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมดาบเอสฟาทิสถึงได้มีพลังมหาศาล เป็นเพราะเหล่า

 

เทพผู้ปกครองได้ผนึกจิตก่อนดับสูญไว้กับทับทิมเม็ดโตเม็ดนั้นนั่นเอง หนึ่งในเงาเหล่านั้นได้กล่าว

 

กับเธอว่่า

 

 

               “ เอ้า เจ้าเด็กน้อยจะนั่งตัวแข็งทำไม ตกใจพวกข้ารึ!?” สิ้นเสียงของเงาเงานั้นก็ได้

 

ยินเสียงหัวเราะขบขันตามมาอีกหลายเสียงจากเงาอื่นๆ

 

 

               “ พวกข้าก็เป็นปู่ทวด ย่าทวดเจ้ากันทั้งนั้นแหละ หามีสิ่งใดต้องกลัวไม่” เนโมซินี

 

รวบรวมสติก่อนจะตอบเหล่าบรรพชนของเธออย่างสงบนิ่ง

 

 

                “ข้าหาได้หวาดกลัวพวกท่าน ข้าแค่ตกตะลึงที่เห็นพวกท่านพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้

 

ใครจะไปคิดละเพคะว่า แค่อัญมณีเม็ดเดียวพวกท่านจะอัดเข้าไปอยู่ด้วยกันได้หมด”

 

               เงาทั้งหลายต่างหัวเราะชอบใจในคำตอบของเธอ

 

               “ลูกสาวเจ้าไฮเพอเรียนนี่ ถูกใจข้ายิ่งนัก คำพูดคมคายดีแท้ หากข้ายังไม่ได้ดับสูญ

 

ไปก่อน คงได้ต่อปากต่อคำกันสนุกปากเชียว”หญิงสาวคลี่ยิ้มบางๆรับคำชม (ที่จงใจว่าเธอชัดๆ)

 

               “ที่พวกข้าปรากฏตัวให้เจ้าเห็นนั้นเพื่อจะบอกว่าเจ้าเป็นเพียงผู้เดียวที่จะหยุดยั้ง

 

สงคราม ต่างเผ่าพันธุ์นี้ได้ อาจจะสำเร็จ...หรือไม่สำเร็จ แต่หากไม่สำเร็จสงครามก็จะดำเนินต่อไป

 

รอจนกว่าเจ้าจะถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง”

 

                “แล้วข้าต้องทำเช่นไรเพคะถึงจะหยุดสงครามนี้ได้?”

 

 

               “เด็กเอ๋ย ข้าคงบอกเจ้าไม่ได้หรอก คำถามนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ค้นหาคำตอบ”               

 

 

“แล้วโชคชะตาจะนำทางเจ้าเอง...”

 

               สิ้นเสียงของเหล่าบรรพชน รอบตัวเธอกลับเข้าสู่ห้วงเวลาปกติอีกครั้ง เนโมซินีรู้สึกได้

 

ว่าสายตาของเทพทุกองค์จับจ้องที่เธอเป็นตาเดียว หญิงสาวหันไปถาม เทพีรีอาที่ประทับอยู่ใกล้ๆ

 

แม้แต่รีอาก็ตกตะลึงเช่นเดียวกับคนอื่น ก่อนจะตอบบุตรสาว

 

               “ที่...หลังมือของลูก” เทพีรีอาชี้ หลังมือขวาของเนโมซินีเรืองแสง ก่อนจะจางลง

 

หลงเหลือไว้แต่เพียงสัญลักษณ์ลวดลาด แปลกตา และนั่นก็คือ สัญลักษณ์ของผู้ถูกเลือก

 

 

                มหาเทพไฮเพอเรียนอดใจหายไม่ได้ เขาไม่คาดคิดว่า ผู้ที่ถูกเลือกจะเป็นบุตรสาวที่

 

พระองค์แสนรักแสนหวงพระองค์แทบจะทนไม่ได้เพียงแค่คิดว่า บุตรสาวจะต้องไป ลำบาก เจ็บ

 

ปวด หลังจากลงไปจุติที่คาโนปัส แต่พระองค์ไม่สามารถฝ่าฝืนอะไรได้

 

 

               “พวกท่านทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว ในการทำพันธกิจของสวรรค์ จะต้องมีผู้ติดตามสองคน

 

คอยช่วยเหลือผู้ที่ถูกเลือก ผู้ใดสมัครใจ จงก้าวออกมาด้านหน้า” ร่างสูงของบุรษผู้หนึ่งเดินออกมา

 

ด้านหน้าด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าคมคายคุ้นตา

 

               “นามของข้า คือ อาโดนิส ข้าขอติดตามเนโมซินีไปจุติด้วยพะยะค่ะ ข้าจะคอย

 

 

ช่วยเหลือนางในการทำพันธกิจสวรรค์ให้ลุล่วงให้จงได้” อาโดนิสกล่าวด้วยดวงตาคมกล้าที่เต็มไป

 

ด้วยความมั่นใจ เนโมซินีมองอาโดนิสด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเขา เมื่อใดที่เธอเผชิญ

 

ปัญหา เธอมักจะพบว่าอาโดนิสคอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธออย่างเต็มใจเสมอ

 

 

               ในขณะเดียวกันอาร์ชในร่างบุรุษรูปงาม ก็ก้าวออกมาด้านหน้า เขาย่อตัวแสดงความ

 

เคารพต่อผู้ปกครองสวรรค์ ก่อนจะสบตาสื่อสารกับมหาเทพไฮเพอเรียนทางจิตเพื่อขอตามลง ไป

 

ปกป้อง ช่วยเหลือ เนโมซินีอีกแรง หากจบพิธีนี้ก็ถึงเวลาที่พระองค์ล่ำลาบุตรสาวผู้เป็นที่รัก

 

ก่อนจะต้องส่งนางไปจุติยัง คาโนปัส เนโมซินีสังเกตเห็นแววพระเนตรเศร้าหมองของพระบิดาและ

 

พระมารดา หญิงสาวจึงเดินเข้าไปสวมกอดทั้งสองพระองค์ ก่อนจะกล่าวว่า

 

                “พวกท่านอย่าได้กังวลเพคะ ไม่นานจนเกินรอเราคงได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง”

 

               หญิงสาวยิ้มหวานละมุน

 

               “ข้ารักพวกท่านนะเพคะ” “แม่กับพ่อก็รักลูกจ้ะ เราสองคนจะเฝ้ามองและให้กำลังใจ

 

เจ้าอยู่บนนี้นะจ้ะ” พระมารดากล่าวทั้งน้ำตา

 

               หญิงสาวล่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีหยาดน้ำตาแม้แต่หยดเดียวจากดวงตาคู่งาม หาก

 

แต่มีความมุ่งมั่นฉายชัดเจน บทสวดดัง แล้วทั้งสามก็กลายร่างเป็น ดาวตกพุ่งลงไปยัง...คาโนปัส

               

กงล้อแห่งชะตากรรมได้เริ่มหมุนขึ้นแล้ว

 

ปล.

 

มาติดตามกันนะคะ ว่าเรื่องราวของทั้งสามบนโลกคาโนปัสจะเป็นเช่นไร จะต้องพบเจอกับปีศาจ

 

แบบไหนบ้าง และจะหยุดสงครามอย่างไร ติดตามอ่านนะค้า > <

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา