When I'm here เมื่อฉันอยู่ในโลกของซอมบี้!

-

เขียนโดย Sky_Dream

วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.06 น.

  2 ตอน
  2 วิจารณ์
  5,063 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

       ถ้าหากโลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดที่มีชื่อว่า 'ซอมบี้' และในโลกแห่งสัตว์ประหลาดนี้ก็เหลือเพียงคุณและเพื่อนๆของคุณเท่านั้นที่ยังคงรอดชีวิต... คุณคิดว่าคุณควรจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี? หลบอยู่ในบ้านงั้นเหรอ?? หรือ จะพยายามออกไปต่อสู้กับความโหดร้ายข้างนอกนั่นเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้อยู่รอด???


การตัดสินใจเป็นของคุณ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ก็มีเพียงแค่การเอาตัวรอด ... หนทางของชีวิตที่เหลืออยู่ ... ความไม่ไว้ใจ ... หายนะ ... และความตายเพียงเท่านั้น มันจะค่อยๆทยอยตามมาเรื่อยๆ และไม่มีวันสลัดหลุด ราวกับโรคร้ายที่รักษายังไงก็ไม่หาย
แต่... ภายในความมืดที่ดูจะไร้แสงไฟนั้น หากคุณเข้มแข็ง และมีความเชื่อมั่นมากพอ แสงสว่าง...ย่อมปรากฎมาให้คุณได้เห็น ถึงแม้มันจะดูค่อนข้างริบหรี่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความหวังที่ยังคงเหลืออยู่ภายในความมืดมิดอันหนาวเหน็บ

 


จงเชื่อ... แล้วคุณจะสามารถอยู่รอดได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทนำ


      ติ๋ง...
เสียงหยดน้ำหล่นกระทบพื้นปูน ดังชัดแว่วอยู่ในหู ความเย็นจี๊ดแผ่ซ่านไปตามผิวหนังทันทีที่หยดน้ำอีกหยดสัมผัสกระทบผิวหน้า ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น...

"อ โอ๊ยยยยยย..." แต่ทันทีที่ลืมตา ความเจ็บมหาศาลราวกับถูกไม้หน้าสามตีหัว ก็รุมประดังเข้ามาติดๆ ฉันกุมหัวด้วยความเจ็บปวด กัดฟันไว้มั่นจนเริ่มได้รสชาติของเลือดที่ริมฝีปาก ฉันทรมานอย่างนี้อยู่ราวๆ 2นาที ความเจ็บจึงค่อยๆหายไป

"แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก" ฉันหายใจถี่รัวด้วยความเหน็ดเหนื่อย เม้มปากแน่นด้วยความแสบซี้ด ค่อยๆผละมือทั้งสองลงมาแนบลำตัวตามปกติ ก่อนจะหลับตาลงนิ่ง เพื่อคลายความตึงเครียดจากอาการเจ็บเมื่อสักครู่ พออะไรๆเริ่มจะเข้าที่แล้ว... ฉันก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างเชื่องช้า


เหมือนจะเพิ่งสังเกตได้...


ฉันเบิกตาโพลง หันไปมองซ้ายทีขวาทีอย่างแปลกใจ และตกตะลึง เมื่อพบว่าที่ที่ตัวเองอยู่นั่นช่างไม่คุ้นตาเอาซะเลย

ห้องมืดๆ เหม็นอับ รอบๆด้านเต็มไปด้วยสิ่งปฎิกูลจำพวกถุงขยะพลาสติกมากมาย ท่อน้ำสนิมเขรอะที่รั่วไหล พื้นซีเมนต์ผุกร่อน เครอะฝุ่น เศษข้าวของ โต๊ะ เก้าอี้ล้มระเนระนาด และร่องรอยของคราบสีดำเหนอะหนะบนพื้นซีเมนต์หลายๆจุด ที่ดูคล้ายๆสิ่งที่เรียกว่า 'เลือด'

ฉันอึ้งจนพูดไม่ออก ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พลางมองไปรอบๆด้วยความตกตะลึงสุดจะบรรยาย
ที่ที่ฉันอยู่ในตอนนี้ หากมองให้ดีๆจะคล้ายคลึงกับร้านอาหาร... เพราะเก้าอี้และโต๊ะมากมายที่กระจัดกระจาย ไร้ระเบียบอยู่ทั่วไป พร้อมทั้งเศษจานชิ้นแหลมๆ เศษแก้วแวววับ และเศษอาหารแหยะๆ อยู่ตามพื้น พอหันไปมองข้างหลัง จะมีเคาท์เตอร์ไม้สีกร่อนตั้งอยู่ ฉันเดินเข้าไปใกล้อย่างระแวดระวัง พอเข้ามาใกล้ได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจึงใช้สายตาทั้งสองข้างสำรวจไปรอบๆ อย่างละเอียด
แคชเชียร์สภาพผุพังที่มีร่องรอยของการงัดแงะตั้งตระหง่านอยู่บนเคาท์เตอร์ เป็นสิ่งแรกที่ฉันเห็น ถัดมาคือหนังสือเล่มบางขนาดใหญ่ ที่เขียนบ่งชัดไว้บนหน้าปกว่า'Menu' หลายสิบเล่มวางรกอยู่บนเคาท์เตอร์ เคียงข้างกับถาดเสริ์ฟสีน้ำเงินกระด่ำกระด่าง ที่ดูจะเลอะคราบอะไรบางอย่างคล้ายๆกับซอสมะเขือเทศ และมายองเนส... ฉันปิดจมูก พลางทำหน้าเบ้อย่างขยะแขยง เมื่อถูกโจมตีด้วยกลิ่นเน่าเหม็นชวนอ้วก ทันทีที่ตัดสินใจเปิดลิ้นชักเคาท์เตอร์ออก ฉันมองลงไปภายในลิ้นชักไม้ ที่มีซากหนูตายสองสามตัวด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่แน่นอนว่ามันเป็นความรู้สึกที่ติดลบ

ฉันผละออกจากเคาท์เตอร์ เดินย่องๆเข้าไปยังประตูหน้าห้องห้องหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องครัวอย่างระมัดระวัง ฉันเอื้อมมือไปบิดลูกบิด แต่ปรากฏว่ามันล็อค... ฉันจึงได้แต่ชะเง้อมองผ่านบานกระจกที่ติดอยู่บนบานประตูแทน
ในนั้นค่อนข้างที่จะดูดีกว่าข้างนอกนี้มาก... พื้นสีขาวสะอาดแต่เครอะไปด้วยฝุ่น เตาทำอาหารสีดำคล้ำที่ยังคงมีหม้อวางอยู่บนนั้น เศษผักหั่นชิ้นเละๆ ซอสเหนียวๆ และคราบน้ำซุปเข้มข้นเหนอะหนะเลอะเทอะเต็มเคาท์เตอร์ทำอาหารไปหมดจนดูไม่จืด ข้างในนั้นยังคงเปิดไฟสว่างโร่ แตกต่างจากข้างนอกนี้ที่ทึบอับซะยิ่งกว่าห้องเก็บของ ฉันกวาดสายตาไปมาให้ทั่ว ก็เห็นตู้เย็นเปิดอ้ากว้างอยู่ แสดงให้เห็นถึงวัตถุดิบข้างในที่ยังคงสามารถนำมาใช้งานได้ พอนึกถึงตรงนี้ เสียงท้องมันก็เริ่มร้องออกมาดังโครกคราก
ฉันยิ้มแหยให้กับตัวเอง ในหัวเริ่มนึกวางแผนที่จะทำให้ประตูนี้เปิดออก... ฉันจึงเริ่มเดินพล่านและรื้อข้าวของไปทั่วเพื่อหาสิ่งที่จะสามารถนำมาเปิดประตูบานนี้ให้ได้

 

 

 

 

 


ในเวลาเดียวกันนั้นเอง... ณ ร้านขายยาที่สภาพสุดแสนจะบรรยายได้
"ฉันบอกให้ไปหากุญแจมาไง! แล้วเอาอะไรมาเนี่ย!" เด็กสาวหน้าตาออกไปทางสวยนิดๆ น่ารักหน่อยๆ ตวาดเสียงแข็งอย่างไม่จริงจังนัก ใส่เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่มีรูปร่างบาง ตัวผอมกะหร่องคล้ายคนขาดสารอาหาร แต่มีนิสัยออกไปทางโคตรจะกวนบาทา
หมอนั่นยักไหล่แบบไม่สนใจคำด่า ก่อนจะยื่นไขควงมาให้กับเด็กสาวตรงหน้า ที่ทำท่าอยากจะตบเกรียนแตกไอ้หนุ่มคนนี้ซะเหลือเกิน

"อ่ะ เอาไปเปิดประตูดิ อุตส่าห์หามาให้" ไม่บอกเปล่า ยังยักคิ้วหลิ่วตา ทำเหนือใส่ ประหนึ่งว่าการหาไขควงมาให้ครั้งนี้ช่างถือว่าเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง แสนสุดจะประเสริฐเลิศล้ำโลกาที่ไม่ว่าจะทดแทนอย่างไรก็ไม่มีวันหมด
เด็กสาวคิ้วกระตุก พลางท่องในใจ 'พุทโธ..ธรรมโม..สังโฆ' ให้ตัวเองใจร่มๆไว้ ..พอเริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว.. ก็เอื้อมมือไปกระชากไขควงมาจากมือของเด็กหนุ่มตรงหน้า แล้วเงื้อขึ้นสูงเหนือหัว ฟาดฝ่าอากาศลงเต็มๆกลางกะบาลกลวงๆ อันไร้สมองและหัวคิดของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแรง ชนิดที่รังแคบนหนังศีรษะพร้อมใจกันกระเด็นกระดอน ปลิวว่อนไปทั่วอย่างสวยงาม

"อ๊าก! เจ็บนะเว้ย ทำอะไรเนี่ย!" เด็กหนุ่มกุมหัวตรงที่โดนตีด้วยสีหน้าเจ็บปวด

โชคดีไปหน่อยนะที่เธอใช้ด้านพลาสติกตี ไม่งั้นเด็กหนุ่มได้หัวแบะแน่...

"ก็ตีคนโง่ไง! กุญแจก็วางท่นโท่อยู่บนเคาท์เตอร์ ยังจะไปหยิบไขควงมาอีก..โง่หรือว่าเซ่อกันแน่เนี่ย! โว๊ย!รม'เสีย" เด็กสาวตวาดไม่ยั้ง เธอผละออกมาจากการนั่งจดจ้องตู้กระจกใสที่ถูกคล้องผนึกด้วยโซ่และแม่กุญแจอันเบ้อเริ่มเทิ้มคล้องใหญ่อย่างหัวเสีย เธอเดินไปตรงเคาท์เตอร์คว้ากุญแจมาถือไว้ แต่ก็ต้องรีบสะบัดออก เมื่อพบว่ามันเหนียวเหนอะไปด้วยน้ำอะไรบางอย่างเต็มไปหมด

"ยี๋ อะไรเนี่ย..."

"บอกแล้วว่าให้ใช้ไขควงนี่แทน" เด็กหนุ่มยื่นไขควงมาให้ ยังไม่วายกุมตรงส่วนที่โดนตีอย่างเจ็บปวดให้เด็กสาวได้เห็น แต่แน่นอนว่าเด็กสาวไม่สนใจ

"เอาไปล้างทีสิ ตรงนู่นมีอ่างอยู่" เด็กสาวสั่งเสียงเข้ม ทำทีเป็นไม่สนใจไขควงที่ชี้เด่อยู่ในกำมือของเด็กหนุ่มตรงหน้า

"แต่.. /เอา-ไป-ล้าง" เด็กหนุ่มกำลังจะคัดค้าน แต่ก็ถูกสวนกลับมาด้วยรังสีพิฆาตจากเด็กสาว

"เออ.. ก็ได้" สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมแพ้ ต้องลากสังขารตัวเอง กับกุญแจอันน่าขยะแขยงนี้ไปยังอ่างภายในห้องน้ำ


ในระหว่างนั้น เด็กสาวพร้อมกับผ้าสะอาด และขันใบเล็กๆ ก็เดินตามมาติดๆ

"เป็นไง.. น้ำออกป่าว?"

"ก็..ออกนิดนึง" เด็กหนุ่มพูดพลางสะบัดมือไปมา หลังจากที่จัดการล้างกุญแจอันน่าสยดสยองนั่นได้แล้ว

"งั้นเดี๋ยวนายก็ไปเปิดตู้ หายาแก้ไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ แล้วก็น้ำสะอาดเตรียมไว้เลยล่ะกัน" เด็กสาวพูด ในขณะที่กำลังตวงน้ำใส่ขัน

"เออ" เด็กหนุ่มตอบเสียงห้วน
เขายังคงล้างมือตัวเองต่อไป เพราะมันยังเหนียวไม่หายสักที


ซ่า......
ในขณะนั้น จู่ๆ...บรรยากาศก็เงียบลงอย่างน่าประหลาด มีเพียงแค่เสียงน้ำไหลเท่านั้นที่ยังคงดังอยู่ท่ามกลางความเงียบงันนี้ มันทำให้เด็กหนุ่มและเด็กสาวต้องหันมาสบตากันครู่หนึ่ง... ก่อนที่เด็กสาวจะถอนหายใจออกมาดังเฮือกใหญ่

"ที่นี้มันที่ไหนกันแน่นะ... ทำไมเราถึงมาโผล่ที่นี้กันได้" เด็กสาวถามลอยๆ เธอกำลังขยี้ผ้าไปมา มันจึงก่อให้เกิดเสียงดังในขณะที่เธอกำลังพูด และในขณะที่เธอเงียบลง

"ช่างเรื่องนั้นเถอะ...ตอนนี้เพื่อนเรากำลังแย่นะ เราควรจะสนใจเรื่องนี้ ดีกว่าที่จะต้องมามัวกังวลกับคำถามที่ไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไรจะดีกว่า... จริงๆ ฉันก็อยากรู้หรอกนะ แต่คิดไปก็เท่านั้นแหล่ะ เปลืองเวลา"

ดูเหมือนว่าประโยคนี้จะทำให้เด็กสาวถึงกับอึ้งกิมกี่...

"ไอ้นันท์..."

"อะไรวะ?"

"มึงพูดแบบเมื่อกี้แล้ว มึงโคตรดูฉลาดขึ้นเลยว่ะ" เด็กสาวอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูของตัวเองได้ยินเมื่อตะกี้นี้ ...ไอ้นันท์ปัญญาอ่อนที่เอาแต่เล่นการ์ด ไอ้โง่ที่เกือบจะติด0ติด ร.ทุกวิชา... สามารถพูดอะไรที่มีหลักการณ์ได้แบบชาวบ้านๆเขาได้ โอ้-มาย-ก้อด!!! สุดจะอึ้งเค่อะ!

"แหงล่ะ...ก็กูฉลาดอยู่แล้วหนิ มึงเพิ่งรู้เหรอ?" นันท์ยกยอตัวเองเต็มที่

"กูว่าไม่ฉลาดแล้วล่ะ ไปไป๊...ไปเปิดตู้ยาได้แล้ว ป่านนี้ไอ้ก๊องแม่งตายห่าเพราะพิษไข้ไปแล้วมั้งเนี่ย" เด็กสาวสั่งเสียงเข้มทันทีที่นึกถึงเพื่อนอีกคน ที่ตอนนี้กำลังนอนจมพิษไข้ได้ออก

"นี่ท่ากูนึกไม่ออกนี่คงได้ชิบหายไปกันหมดแน่.. เอ้า! แล้วมึงยังมัวยืนพยายามเก๊กหล่อทำห่า'ไรเนี่ย ไปดิ! เพื่อนแม่งจะตายอยู่แล้ว"

"คร้าบบบบบ เดี๋ยวกูไปเดี๋ยวนี้แหล่ะคร้าบ" นันท์ประชดเสียงหน่าย หยิบกุญแจมาถือไว้มั่น แล้วรีบวิ่งแจ้นออกไปจากห้องน้ำทันที

"ไอ้ห่านันท์เอ๊ย.." เด็กสาวด่าไล่หลังเสียงเบา

"อีอิมเหี้ยเอ๊ยยยยยยยยยยยย..." นันท์ด่ากลับมาเสียงดังอย่างรู้ทัน


อิมแทบจะวิ่งไปกระชากหัวไอ้นันท์มาตบสักทีสองที แต่ก็ต้องใจเย็นๆไว้ก่อน

 

 

ฮึ่ย เดี๋ยวกูจัดการตรงนี้เสร็จ มึงไม่ได้ตายดีแน่...ไอ้สัดนันท์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

14.35 p.m.
ร้านขายของชำ

"หยาง...ช่วยกูที กูทรมาน..." เสียงแหบพร่าสั่นเครือ ดังแผ่วเบายิ่งกว่าสายลมหวีดหวิวไปมาในอากาศ เด็กหนุ่มที่ถูกเอ่ยชื่อแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนรักที่เริ่มแย่ลง..แย่ลงขึ้นทุกทีๆ
เขากอดร่างของเพื่อนไว้แน่น พยายามคิดหาหนทางที่จะช่วยให้เร็วที่สุด แต่มันคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเสียที หยางเริ่มหัวเสีย

"แค่ก...แค่ก...แค่ก...แค่ก" เสียงไอดังอยู่ใกล้ๆหู มันผสมไปกับเสียงหอบหายใจถี่รัวของคนในอ้อมแขนที่แสดงให้เห็นถึงอาการที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นัก

"มึงจะไม่เป็นไร...แฟรง...มึงจะไม่เป็นไร...กูอยู่ตรงนี้แล้ว.....กูอยู่ตรงนี้แล้ว" หยางเฝ้าปลอบย้ำๆให้กับเพื่อนของเขาและตัวเขาเองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ..เขารู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่อย่างน้อยบรรยากาศมันก็จะได้ไม่เงียบจนเกินไป มันจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ไปยิ่งกว่านี้

"หยาง....กูจะตายไหมวะ..." แฟรงถามเสียงสั่น แต่ความรู้สึกที่ใช้พูดกลับนิ่งซะจนหยางใจหาย

"ไม่...มึงจะไม่ตาย มึงจะต้องไม่ตาย...เชื่อกูสิ แฟรง...ฮึก...มึง...จะต้องไม่ตาย...มึง...ฮึก...ไม่มีวันตาย...มึงไม่ตายหรอก...ฮึก" ยิ่งพูด มันก็เหมือนน้ำตายิ่งไหล เสียงสะอื้นที่อุตส่าห์อดกลั้นมาตั้งนานกลับต้องมาพังทลายลง
หยางพยายามกลั้นไว้ แต่ยิ่งกลั้นมันก็ยิ่งแย่ยิ่งกว่าเดิม ..เขาไม่อยากจะอ่อนแอตอนนี้ เขาจะต้องเข้มแข็งแทนเพื่อนของเขาที่กำลังอ่อนแออยู่ให้ได้.. แต่น้ำตามันกลับไม่เป็นไปดั่งใจอยาก.... มันค่อยๆ รินไหลลงมาตามขอบดวงหน้าทีละหยดสองหยดจนเริ่มห้ามไม่อยู่

"ไอ้แฟรง....กูขอโทษ ฮึก กูขอโทษ...กูขอโทษ!! ฮึก ฮือออออ.. ฮือออออ...แฟรง กูขอโทษ...กูขอโทษ.."

"อย่าร้องดิวะ...ฮึก กูบอกว่า ฮึก อย่าร้อง ฮึก ดิวะ... ฮึก ไอ้เหี้ยเอ๊ย....ฮึก ฮึก ฮึก...ฮืออออออออ...."
สองหนุ่มกอดกันร้องไห้อย่างหนักหน่วง ท่ามกลางความมืดมิดอันเงียบงัน ที่ที่ความพิศวงกำลังเริ่มก่อตัวกันขึ้นทีละนิด...ทีละนิด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา