ราชินีสี่ปฐพี

8.6

เขียนโดย Manny

วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.

  20 บท
  1 วิจารณ์
  22.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) สงครามโลกเริ่มสงบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          หลังจากวันนั้นมาเรีย ก็ไปหาพระราชาหลุยส์ เพื่อเยี่ยมเยือนกัน แล้วได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน แล้ววันนั้นมาเรีย ก็ได้คุยกับพระราชาหลุยส์ว่า

          "เมื่อคืนนี้แม่เกือบสิ้นแล้วรู้ไหมล่ะ หลุยส์น่ะลูก" 

          แล้วพระราชาหลุยส์ก็ถามาเรียด้วยความสงสัยว่า

          "ทำไมหรือขอรับ เสด็จแม่" แล้วมาเรียก็เล่าเรื่องที่ตนเองได้รับรู้ และรู้สึกมาด้วยตนเอง เวลามาเรียเล่าในแต่ละประโยคนั้น ดูเหมือนชักแม่น้ำทั้งห้ามาหลอมรวมเข้าด้วยกับ คือยืดยาวมาก ยาวเป็นวา เป็นคืบ เป็นศอก แล้วเมื่อพระราชาหลุยส์ ได้รับรู้และรับฟังเรื่องที่มาเรีย ได้เล่าให้ฟัง จนเต็มอิ่มแล้ว ก็ได้พูดไปว่า

          "โอ้โฮ! คุณพระช่วย! เสด็จแม่ เสด็จแม่เฉียดตายจริงๆนะขอรับ แต่ว่าเดชะบุญคุณพระช่วยจริงๆนะขอรับ แต่ว่าเสด็จแม่ต้องระวังพระองค์ไว้ดีนะขอรับ เพราะสงครามจะเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นนะครับ" แล้วมาเรียจับพระหัตถ์ พระราชาหลุยส์ แล้วยิ้ม หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกคนในราชอาณาจักรก็ใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่เคยเป็นคือ กินอยู่นอน ตามประสาชีวิตของมนุษย์ แต่ก็ต้องใช้ชีวิตไปด้วยความไม่ประมาทตลอดเวลา เพราะอาจไม่แน่ว่าจะเกิดระเบิดลงเมื่อไหร่ก็ได้ โดยที่ไม่ใครหรือผู้ใดรู้หรือทราบล้วงหน้าได้ เพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะรู้หรือทำนายเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

          วันหนึ่งในตอนสาย มาเรียจำได้ว่า วันนั้นเป็นวันคล้ายสวรรคตของพระราชาจอห์น มาเรียตื่นตั้งแต่เช้า ทำของไปถวายพระ เพื่อบำเพ็ญกุศลถวาย หลังบำเพ็ญกุศลเสร็จก็เผอิญเจอเจ้าหญิงเจนที่วัด มาเรียก็เลยชวนเจ้าหญิงเจน ไปพักผ่อนที่วังรอยัลเฟรนด์ ขณะที่ทั้งสองนั่งพักผ่อนอยู่ที่ชานวังนั้นมาเรีย ได้ยินเสียงเครื่องบินตรวจอยู่บนท้องฟ้าจึงถามเจ้าหญิงเจนว่า

          "เจน เจนช่วยแม่ฟังหน่อยสิลูก หรือแม่หูฝาดไปคนเดียวเอง" แล้วเจ้าหญิงเจนตอบว่า

          "เสด็จแม่ไม่ได้หูฟาดหรอกเพคะ หม่อมฉันก็ได้ยินเหมือนกันเพคะ เนี่ยแหละเพคะ พอเวลาบินมาตรวจอย่างนี้ทีไร กลางคืนมักจะทิ้งหนักทุกที" 

          แล้วเสียงเตือนภัยก็ดังขึ้นพร้อมกับเครื่องบินทิ้งระเบิด ก็บินเต็มทั่วท้องฟ้า เมื่อมาเรีย ได้ยินเสียงนี้ก็พูดด้วยความตกใจแต่ยังมีสติอยู่ว่า

          "เจน สาว สาว หนีออกมาเร็วๆเข้า เจนเอากระเป๋าออกมาด้วย แล้วหนีออกมาเร็วเข้าลูก" 

          แล้วเมื่อทุกคนวิ่งออกมากจากวังแล้วก็พากันวิ่งเข้าไปหลบกันในหลุมหลบภัย แล้วเครื่องบินก็ทิ้งระเบิดลง เสียงดังบึ้มบั้มอึกกะทึก เมื่อทุกคนได้ยินเสียงระเบิดต่างก็กรีดร้องด้วยความกลัว แต่ว่าระเบิดที่ลงมาจากฟ้านั้นได้ทำลายวังรอยัลเฟรนด์ ซึ่งเป็นบ้านของมาเรียตั้งแต่เกิดนั้นพังทลายลง เมื่อเหตุการณ์สงบลง ขณะที่ทุกคนต่างกลัวผวานั้น เจ้าหญิงเจน ก็บอกกับมาเรียว่า

          "เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันว่า เหตุการณ์น่าจะสงบแล้วกระมังนะเพคะ ขอออกไปดูข้างนอกก่อนนะเพคะ" แล้วมาเรียก็พูดด้วยเสียงแข็งว่า

          "เจน! อย่าไปนะลูก" แล้วเจ้าหญิงเจน ก็ออกมาจากหลุมหลบภัย แล้วเมื่อฟังบรรยากาศแล้วรู้ว่าปลอดภัย จึงบอกกับมาเรียว่า

          "เสด็จแม่ เพคะ เสด็จแม่ออกมาได้แล้วเพคะ ปลอดภัยแล้วเพคะ" แล้วเจ้าหญิงเจนก็หันมาดูวังแล้วก็แทบตกใจ เพราะวังพังทลาย เพราะแรงระเบิด และมีประกายไฟ เมื่อมาเรีย ออกมาแล้วหันมาเห็นวังซึ่งเป็นบ้านของตนนั้น ก็แทบจะเป็นลม ขาทรุดลงกับพื้น เจ้าหญิงเจน ก็ปลอบมาเรียว่า 

          "ใจเย็นๆนะเพคะ เงินทอง และบ้านเนี่ยเป็นของนอกกายตายไปแล้วก็เอาไปไม่ได้นะเพคะ"

          แล้วก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งลอยออกมาจากซากวัง ลอยลงมาหน้ามาเรีย มาเรียรู้ว่า กระดาษแผ่นนี้คือ พระบรมรูปของพระราชาจอห์น มาเรียนำรูปขึ้นมากอดแนบกับอก พร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตา แข็งใจไว้ เพราะรูปนั้นเป็นสัญลักษณ์ว่า ยุคหนึ่ง สมัยหนึ่ง ที่มาเรียเคยอยู่ร่วม มาเรีนเห็นว่ามีความสุข ความหวังและความแน่นอน บัดนี้ยุคนั้น ดับไปแล้ว ลับไปแล้ว ไม่มีวันจะกลับมาอีก เหมือนกับรูปถ่ายขาดๆอย่างที่มาเรีย กอดเอาไว้ ไม่มีวันที่จะซ้อมกลับขึ้นมาให้ดีเหมือนเดิมได้

          2 ปีต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สงบลง กองกำลังทหารที่ราชอาณาจักรได้ส่งไปนั้น ตอนแรกส่งไป 150 นาย กลับมาเหลือเพียงแค่ 99 นาย เพราะเสียชีพไป 51 นาย ส่วนในจำนวน 99 นาย มีบาดเจ็บทั้งเล็กน้อย และถึงขั้นพิการ สำหรับการเสียชีวิตของเหล่าทหาร 51 นาย นำความโศกเศร้าและดีใจมาในระยะเวลาเดียวกันมาแก่ญาติ คือความโศกเศร้า หมายความว่า ญาติได้สูญเสียคนที่รักที่เป็นทหารไป และความดีใจ คือ ทหารทุกนายที่เสียไปได้ปกป้องอาณาจักรได้ปลอดภัยแล้ว ทำให้ญาติของผู้เสียชีวิตนั้นเกิดความภูมิใจต่อคนที่ตายไปแล้ว 

          วันรุ่งขึ้น พระราชาหลุยส์ ได้พระราชทานเหรียญกล้าหาญแก่นายทหารทั้ง 99 นาย และในตอนเย็น มาเรีย ได้ไปพระราชทานเพลิงศพเหล่าทหารทั้ง 51 นายที่เสียชีวิตจากสงคราม พร้อมทั้งพระราชทานเหรียญกล้าหาญ แก่ทหารผู้เสียชีวิต ให้ญาตินั้นนำไปเก็บรักษา

          3 วันต่อมา พระราชาหลุยส์ โปรดให้สร้างอนุสรณ์สถานทหารผู้เสียชีวิต เพื่อบรรจุเถ้ากระดูกของเหล่าทหาร ใช้เวลา 1 เดือน สร้างแล้วเสร็จ แล้วมาเรีย ก็มาทำพิธีเปิดอนุสรณ์สถานแห่งนี้ พร้อมทั้งมอบชื่ออนุสรณ์สถานแห่งนี้ว่า "Soldier Memories" 

          ถึงการสูญเสียครั้งนี้จะนำความปวดร้าวให้กับทุกคนแล้ว แต่จะเป็นการเชิดชูให้พวกเขาเหล่า เพื่อให้ทุกๆคนนั้นได้ยกย่องศรัทธา และเป็นการจารึกชื่อพวกเขาไว้ว่า "ทหารของแผ่นดิน"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา