ร้ายเพ(ร)าะรัก
เขียนโดย giffgiw
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 15.42 น.
แก้ไขเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 16.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ตอนที่ 5 สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตอนที่ 5 สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นจริง
หลังจากชายสูงวัยคนหนึ่งมาหาอีตาทามที่บ้านและกลับไป อีตานั่นก็พาฉันมาที่ร้านทูเก็ทเทอร์คลับเป็นครั้งที่สองนับจากที่ฉันถูกฉุดกระชากลากถูไปอยู่ที่บ้านของเขาเพราะฉันสร้างวีรกรรมทำลายล้างห้องพักบนชั้นสอง
...พามาที่นี่คงคิดหาทางแกล้งฉันอีกแน่ๆ
“นี่ยัยสมองกลวง!!!”
“นายตะคอกฉันทำไมเนี่ย!” อีตานี่ ...จะชักตายรึไงถ้าไม่ได้ตะโกนใส่ฉัน
“เธอไม่ได้ฟังที่ฉันพูด!” เสียงของเขาทำให้พนักงานในร้านหันมามองเรา
“ก็ที่นายพูดมันน่าฟังรึไง” ฝ่ามือใหญ่คว้าแขนของฉันอย่างแรงจนเซไปตามแรงกระชากของเขา ฉันมองเข้าไปในดวงตาสีดำดุๆ อย่างท้าทาย ในใจลึกๆ ฉันเองก็กลัวนะ กลัวมากจนบางครั้งแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ และนั่นแสดงให้เห็นว่าความอ่อนแอมันน่าสมเพชมากแค่ไหน เช่นเดียวกับวันนั้นวันที่ฉันร้องไห้ให้เขาเห็น ต่อไปนี้มันจะไม่มีอีกแล้วเพราะการยอมรับข้อกล่าวหาโดยไม่ผิดอะไรหรือเรียกสั้นๆ ว่าพ่ายแพ้ นั่นคือสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ฉันจะทำ
“ปากเธอนี่มัน!” เขาก้มตัวลงมาพูดใกล้ๆ หูฉัน ขณะที่มือของเขาก็กำแขนของฉันจนรู้สึกเจ็บ กระดูกคงร้าวแล้วแน่ๆ รอยแดงเด่นชัดขึ้นตามแรงบีบของนิ้วมือเรียวยาวเลยทีเดียว ...แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันหลบสายตาอันเกรี้ยวกราดของเขาสักนาที
“...” ฉันพยายามฝืนและข่มความกลัวเอาไว้ให้ลึก ...ลึกที่สุดเท่าที่คนอย่างเขาจะมองมันไม่เห็น ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังภาวนาให้เขารับรู้และเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดบ้างสักครั้ง...
“เฮอะ...!!!” อีตาทามถอนหายใจอย่างอดกลั้น ผลักฉันเซไปด้านหลังจนแทบจะล้มลงกับพื้นท่าทางเขาจะอารมณ์เสีย ฉันต่างหากที่ต้องอารมณ์เสียไม่ใช่นาย ฉันไปฆ่าล้างตระกูลนายรึไง ไอ้บ้า! ไอ้ผู้ชายนิสัยไม่ดี!
“เจ็บเป็นบ้า...” ฉันลูบแขนที่มีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ของตัวเองพลางเหลือบมองอีตานั่นขณะกำลังเดินดุ่มๆ ไปสั่งงานพนักงานในร้านที่ยังเอ๋อๆ กับเรื่องของฉันเมื่อกี้
“ป้า! เหลือเชื่อว่าป้าจะกล้าทำสงครามสายตากับเจ้าป่าอย่างพี่ทาม ใจสุดๆ เลยอะ”
“นายอีกแล้วเหรอ!” ร้านทั้งร้านมีนายคนเดียวรึไงเนี่ย ...เขาเป็นคนเดียวกับที่เอาข้าวไข่เจียวมาให้ฉันวันนั้น
“อ้าว! คนหล่อผิดตรงไหนครับ” เขาทำทีท่าเชิดหน้ากอดอก ชำเลืองมองฉันตาใส
“ผิด!!!” เวลานี้สำหรับฉัน คนหล่อผิด!! จะหล่อกระซวกไส้ กระซวกตาตุ่ม แค่ไหนก็ ‘ผิด!!!’
“ป้ายังไม่หายบ้าเหรอเนี่ย” ไอ้เด็กผู้ชายหยาบคาย
“นายว่าอะไรนะ ใครป้า ใครบ้า???” ฉันเดินเข้าไปหาเขาและทำตาเหลือกเหมือนจ้องจะกินตับ เห็นฉันตัวเล็กๆ แบบนี้ ฉันเรียนมวยมานะเว้ย ยังไงซะไอ้เพลงคนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ตายเป็นตายสิ! โมโห! โมโหโว้ย!!! “ฉันถามว่าใครบ้าแล้วใครเป็นป้านายหา???”
“แหะๆ ..ปะ ...เปล่าครับ เอาน่าๆ ...ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ ผมเป็นผู้ชายหล่อ น่ารัก บอบบาง อ่อนโยนนะ” ไอ้เด็กนี่ พูดเรื่องบ้าอะไรของเขา ฉันก้าวเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆ ในที่สุดไอ้เด็กนี่ก็จนมุมที่กำแพง “ผมเป็นโรคกลัวความรุนแรงขั้นสุดท้ายด้วย ป้าอย่าทำอะไรผมเลยนะ”
“โรคบ้าอะไรของนาย!”
“กะ ก็ โรคกลัวความรุนแรงไง ถ้าเมื่อไรที่มันกำเริบ หน้าหล่อๆ ของผมก็จะเสียหายน่ะสิ ป้าไม่รู้หรือไง”
“บ้า!!!” ไอ้เด็กบ้า เถไปเรื่อย หาสาระไม่ได้
“อย่าโมโหเลยน่านะ” ประโยคนี้เหมือนตาเฟรมเปี๊ยบ ทุกครั้งที่ฉันโมโห ก็จะจบลงด้วยประโยคนี้ทุกที
“หายโมโหแล้วเหรอ ...อ้อ! ป้าเรียกผมว่าเก๋ง หรือเก๋งสุดหล่อจ๋า ก็ได้นะ”
“ใครป้านายห๊ะ! นายจะชื่ออะไรก็เรื่องของนาย” ฉันถลึงตาโตๆ ใส่เขาอย่างคาดโทษ
“โอเคๆ โอเคครับ ...ผมว่าป้าเหมาะดีออก เรามาเริ่มงานกันเลยดีกว่า” เขาทำหน้าตาทะเล้น ไม่สนใจว่าฉันจะโวยวายยังไง แต่เดินไปหยิบผ้าและโยนมันให้ฉัน มันคือผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวสีเทา แบบเดียวกับที่เขามัดไว้ที่เอว เสื้อเชิ๊ตสีขาวเป็นเครื่องแบบของที่นี่
ฉันเห็นพนักงานชายทั้งหมดสี่คนกำลังจัดเตรียมของในร้าน ส่วนอีกสามคนเป็นผู้หญิงกำลังวุ่นวายกับผลไม้กองโตอยู่ในครัว อาหารคาวหวานส่วนใหญ่ถูกสั่งทำมาจากที่อื่น ไอ้เด็กเก๋งให้ฉันยกอาหารมาวางที่โต๊ะยาวกลางลานกว้าง จากนั้นก็จัดแจกันดอกไม้ประดับในมุมต่างๆ ทั่วร้าน ...ฉันว่าดูๆ ไป คงกำลังจะจัดปาร์ตี้อะไรสักอย่าง
ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างสนุกสนานเป็นกันเองพูดคุยเป็นมิตรกับฉันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะคงไม่มีใครเลวร้ายไปกว่าอีตาทามแล้วน่ะสิ ไอ้เด็กเก๋งบอกว่าวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน มีงานแบบนี้แค่ปีละครั้ง นอกจากนี้ลูกค้าวีไอพีที่มีบัตรเท่านั้นถึงจะเข้ามาร่วมงานได้
ร้านทูเก็ทเทอร์คลับหรือที่ทุกๆ คนเรียกว่า ทูเก็ทคลับ ตอนกลางวันจะเปิดเป็นร้านนมสด มีเครื่องดื่มแทบทุกอย่างที่เกี่ยวกับนม ไม่ว่าจะเป็น นมสด นมปั่น นมชาเขียว นมแพะ นมเย็นที่มีครบทั้งเจ็ดสี และสารพัดนม อยู่ที่นี่แทบทั้งสิ้น ยังมีขนมนมเนย เค้ก ของหวาน อาหารทานเล่นที่เข้ากันกับเมนูน้มนมที่นี่ก็มีครบ ไอ้เด็กเก๋งเล่าว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนและนักศึกษา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะนำเสนอว่าอีตาเจ้าของร้านมันบ้า และเสียสติไปแล้วจริงๆ เพราะร้านนมที่กล่าวไปแล้วเมื่อสักครู่มันเป็นผับแอนด์เรสเตอรองท์ในตอนกลางคืน ฉันถึงได้เข้าใจว่าขวดเหล้าบนเคาน์เตอร์บาร์ที่เห็นในวันแรกที่มาที่นี่ มันเป็นเพราะเหตุผลข้อนี้
“ช่วยอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“คะ?” ฉันหันหลังไปมองเจ้าของเสียงเมื่อครู่ ยิ้มเจ้าชาย... ฉันไม่แปลกใจเท่าไรนัก เพราะยังไงก็คิดไว้แล้วว่าต้องได้เจอเขาวันนี้ ที่นี่ แน่ๆ
“อ้าว! แปลกจัง...ทำไมไม่เห็นรถไอ้ทาม ไม่นึกว่าเธอจะอยู่ที่นี่”
“ดีแล้วล่ะค่ะ ที่อีตาจอมมารนั่นไม่อยู่” หลังจากอีตาบ้านั่นฝากรอยแดงไว้ที่แขนของฉัน และสั่งงานเด็กในร้านเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปพร้อมรถเบนซ์สปอร์ตสีดำคันงามในทันที จิ๊! ใครสน
“จอมมาร...งั้นเหรอ เรียกเหมือนใคร?...” ยิ้มของเขากำลังจะหลอมละลายหัวใจของฉัน ถึงยิ้มนี้ไม่หวานเท่าวันแรกที่เราเจอกัน ...แต่มันก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว
“คะ? แหะๆ ว่าแต่มีอะไรให้ฉันช่วยคะ”
“เธอ...” ยิ้มเจ้าชายหยุดไปเหมือนจะถามชื่อฉัน
“เพลง ฉันชื่อเพลงค่ะ” ฉันยิ้มให้เขา
“ครับ ...เธอคงรู้ชื่อผมแล้ว” ยิ้มเจ้าชายก็ยิ้มกลับมาเช่นกัน
“ค่ะ ...แล้วคุณภูมีอะไรให้ฉันช่วยคะ”
“ฮาย เพื่อนภู...สวัสดีครับน้องสาว ...เฮ้ย! เธอมาที่นี่ได้ไง” เสียงแบบนี้ จะเป็นใครไปได้อีกนอกจาก ไอ้ผู้ชายหัวรังนก!
“นั่งรถมาสิคะ” ฉันต้องทำเวรทำกรรมไว้กับรังนกแน่ๆ หมอนี่ถึงได้มาคอยขัดจังหวะทุกที เซ็งจิต
“หา! ...นั่งรถ?” นายหัวรังนกหรี่ตากับคำตอบของฉันนิดหน่อย “ฉันก็คิดว่าเธอพองลมมาซะอีก ฮ่าๆๆ”
“เฮ้อ! ...” ฉันไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับใครแล้วนะ เหนื่อย! ขี้เกียจ!! เบื่อ!!!
“ฉันนึกว่าทามะคุงเก็บเธอไป”
“ทำไมแม่บ้านที่บ้านพี่ทามถึงมาอยู่ที่นี่ละคะ”
อีตาหัวรังนกยังพูดไม่จบประโยค ก็มีเสียงหวานคุ้นหูแทรกเข้ามาซะก่อน
“วันนี้ที่ร้านค่อนข้างยุ่งน่ะ” ...แน่นอนว่าคนที่ยืนข้างๆ เยลลี่คืออีตาทาม เขาตอบเยลลี่แต่ส่งสายตาจอมมารมาที่ฉัน
...รู้สึกว่าเยลลี่จะไม่ปลื้มที่เห็นฉันไปทุกที่สินะเนี่ย ...หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง
“ดีจังเลย ลี่จะได้มีเพื่อนคุย” เธอพูดกับอีตาทามก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างออดอ้อน ...ทุกท่วงท่า ทุกคำพูดช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ ...ฉันเป็นผู้หญิงยังรู้สึกชอบเธอ ผู้ชายที่ไหนจะทนไหวนะ “ฉันเยลลี่ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก พอดีวันนั้นตกใจที่ตัวเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ เลยไม่ได้คุยกันเลย เอ่อพี่สาวชื่อ...”
“เพลงค่ะ” ฉันตอบรับเธอด้วยรอยยิ้ม
“ไม่จำเป็นต้องรู้จักคนพรรค์นี้หรอก” มารมันชอบมาผจญ ...ถ้านายไม่ได้กัดฉัน นายจะนอนตายตาไม่หลับรึไงเนี่ย
“พี่ทามไม่น่ารักเลย” เยลลี่ด่าให้เจ็บกว่านี้เพื่อพี่หน่อยได้ไหมคะ ด่าได้น่ารักมากมาย
“ว่าแต่พี่เพลงน่ารักจังเลยนะคะ ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งน่ารัก”
“...อ๋อค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มรับด้วยความยินดีเสมอถ้ามีคนชม
“น่ารักตรงไหนกัน ลูกตาเท่าไข่ห่าน แก้มก็บวม ปากก็เล็กๆ บางๆ ตัวก็เตี้ย แถมยังผอมอีกต่างหาก ผิวก็ขาวๆ แดงๆ ข้างหน้ากับข้างหลังแยกกันแทบไม่ออก”
นะ นาย! ...นายว่าใคร!!
“นี่! แล้วนายมันมีดีตรงไหนไม่ทราบ ตัวขาวซีดอย่างกับกระดาษ สูงพอๆ กับเสาไฟฟ้า คิ้วหนาๆ ดำๆ ตาก็ดุอย่างกับฆาตรกรโรคจิต ปากก็... ปาก...ฮึ่ย!” ฉันหันหลังและเดินหนีไปจากตรงนั้นทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ ไม่รู้เพราะอะไรฉันถึงได้ร้อนไปทั้งหน้าจนทนไม่ไหว
ขาของฉันเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความโมโห รู้ตัวอีกทีก็อยู่แถวลานจอดรถด้านหลังร้านแล้วอะ...
“อ๊ากกก! พูดมาได้ว่าฉันตาโตเท่าไข่ห่าน ผู้หญิงที่ไหนเขาก็อยากตาโตกันทั้งนั้นแหละ แก้มบวมๆ เหรอ เขาเรียกแก้มป่องต่างหากย่ะ ฉันไม่ได้เตี้ยซะหน่อย สูง 162 เขาเรียกตัวเล็กน่ารักไม่เตี้ยโว้ย นายมันมีหัวไว้กั้นหูใช่ไหมคนบ้า ...ผิวขาวๆ แดงๆ เขาเรียกขาวอมชมพู หรือถ้ามันจะแดงก็เพราะนายรังแกฉันนั่นแหละ ปากบางแล้วไงมันไปหนักที่ปากนายรึไงวะ ที่หน้าอกมันไม่ค่อยจะมี เพราะฉันซ่อนรูป รู้เอาไว้ซะด้วย ไอ้บ้าๆๆ”
“เข้าใจแล้วล่ะ”
“คุณ!” นี่เขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร ...ดะ ได้ยินหมดเลยเหรอ
“...” เขายิ้มอะไรของเขานะ ฉันอายจนแทบจะมุดลงไปใต้ดินแล้ว
“คุณภะ ภูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ”
“ว่าจะมาเอาของที่รถน่ะ แต่ตอนนี้นึกไม่ออกละว่ามาเอาอะไร”
“ฮ่าๆๆ ...แย่จังนะคะ” ฉันพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน ...ยิ้มเจ้าชายได้ยินที่ฉันพูดแน่เลย
“ลูกค้าทยอยกันมาแล้ว เราเข้าไปในร้านกันเถอะ” ที่ยิ้มแบบนี้ ...ยิ้มเจ้าชายต้องได้ยินชัวร์ ...ชัวร์อย่างแรงเลย
“ค่ะ” ช่างน่าอายอะไรอย่างนี้
"เรียกผมว่าพี่ก็ได้นะ ผมรู้อายุของเธอจากบัตรประชาชน ที่ทามให้ผมดูน่ะ" เขายิ้มบางๆ
"คะ ...ค่ะ"
เราอยู่ที่ลานจอดรถข้างร้าน โซนนี้ที่จอดรถเต็มแล้วจึงไม่มีคนผ่านไปมามากนัก ฉันเดินตามและมองแผ่นหลังกว้างที่ดูอบอุ่นของยิ้มเจ้าชายไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อ ...ฉันเดินหนีมาไกลขนาดนี้โดยไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย
“คุณภูคะ เอ่อ พะ...พี่เชื่อที่ฉันพูดหรือเปล่า” อยู่ๆ ฉันก็ถามคำถามแบบนั้น ยิ้มเจ้าชายหยุดเดินแต่ก็ไม่ได้หันกลับมา เขานิ่งอยู่อย่างนั้นจนฉันรู้สึกแย่...
“...บางครั้ง สิ่งที่เราเห็นกับสิ่งที่เป็นจริง...มันก็มักจะสวนทางกันเสมอ”
ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องการบอกอะไร... แต่ฉันก็ไม่กล้าจะพูดอะไรอีกเลย
เราเดินเข้ามาในร้านด้วยกันเงียบๆ หลังจากประโยคนั้นของเขาจบลง
ฉันและพนักงานคนอื่นๆ ต่างก็ช่วยกันเติมอาหาร และเครื่องดื่มอย่างต่อเนื่อง ดูบรรยากาศโดยรวมลูกค้าทุกคนดูสนุกสนานกันมาก ก่อนจะสงบลงเมื่อการแสดงสดบนเวทีของนายหัวรังนกที่กำลังจะเริ่มขึ้น เขาเรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่ยากอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะหน้าตาที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่าทางของเขาเป็นธรรมชาติมากขณะอยู่บนเวที เมื่อเสียงเพราะๆ ของกีต้าร์ดังขึ้น เหมือนกับว่าทุกคนที่นี่ถูกมนต์สะกดเอาไว้ให้จับจ้องไปที่เขาตลอดเวลา บ้างก็กรี๊ด บ้างก็อึ้ง ...ความเป็นเอกลักษณ์ของนายหัวรังนกน่าหลงใหลไม่เบา ...กลายเป็นคนละคนกับที่ฉันรู้จักเลยแฮะ
หลังจากนั้นเป็นการแสดงของนักร้องมือสมัครเล่นมากหน้าหลายตาที่ขึ้นเวทีประชันเสียงหรือความร่ำรวยกันแน่ฉันก็ไม่มั่นใจ เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นแขกที่มาร่วมงาน ล้วนแต่เป็นผู้ดีมีเงิน มีชาติมีตระกูล แขกส่วนใหญ่เริ่มเมา บางคนก็น่าไม่อายจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่อีตาทามของพวกผู้หญิงแรงๆ ทั้งหลายนั่น เขากำลังบรรเลงเพลงจูบอย่างดูดดื่มกับสาวฮ็อตที่สุดในงาน และหายไปไหนกันแล้วก็ไม่รู้ ชิ! ...ฉันว่าฉันรู้จักเธอนะเพราะยัยแรงนั่นเรียนที่เดียวกับฉัน
กรี๊ดดด!!!
เสียงเยลลี่นี่นา... ทุกๆ คนในงานต่างให้ความสนใจกับเสียงกรีดร้อง จากเคาน์เตอร์บาร์ตรงนี้ฉันเห็นเยลลี่นั่งพับอยู่ที่พื้น ผมของเธอยุ่งเหยิง เนื้อตัวเปียกโซกไปด้วยน้ำ ผู้หญิงที่จูบกับอีตาทามประมาณครึ่งงชั่วโมงที่แล้ว ในมือของเธอถือแก้วเปล่ายืนอยู่ใกล้ๆ เยลลี่ในที่เกิดเหตุ ...เกิดเรื่องแบบนี้อีกจนได้ ข่าวฉาวๆ ของเธอที่มหาลัคงจะจริง เขาว่ากันว่าหล่อนอยู่ที่ไหนถ้ามีชายที่เธอหมายปองแล้วมีมือที่สาม เรื่องก็จบด้วยศึกชิงชาย คราวนี้เยลลี่เลยรับเคราะห์เพราะผู้ชายเฮงซวยอย่างอีตาจอมมารสินะ
อีตาทามโผล่เข้ามาจากด้านหลังของจุดเกิดเหตุ ก่อนจะถอดเสื้อนอกและคลุมให้เยลลี่พร้อมกับอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแรงของเขา ไม่นานนักหัวรังนกและยิ้มเจ้าชายก็วิ่งฝ่าผู้คนเข้ามาด้วยท่าทีร้อนใจเช่นกัน
“ออกไปให้พ้นหน้าฉัน” ไม่ต้องบอกก็รู้ เสียงก้าวร้าวแบบนี้เป็นของจอมมารแน่นอน
“พี่ทาม... แพมแพมไม่ได้ทำนะคะ ยัยเด็กนี่...”
“ออกไป” เสียงเค้นต่ำในลำคอแบบนี้แสดงว่าความอดทนของอีตาทามได้หมดลงแล้ว จะไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเขาอีก เพราะเท่าที่ฉันจำได้ ไม่ว่าจะบีบคอ กระชาก ผลัก หมอนั่นจะจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเลยล่ะ เพราะฉันคุ้นเคยดี เฮอะๆ (หัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง)
“...กรี๊ด!” ยัยแพมแพมกรีดร้องด้วยเสียงอันดังและวิ่งออกไปจากร้านในทันทีหลังทุกอย่างสงบลงทุกคนในร้านแสดงท่าทางเกรงใจ หรือไม่ก็กลัวอีตาทามแน่ๆ ถึงได้แยกย้ายไปคนละทิศละทางแบบนั้น... พวกเขาสามคนพาเยลลี่ขึ้นไปบนชั้นสอง และทุกอย่างในงานเลี้ยงเริ่มต้นครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง แม้บรรยากาศมันจะกร่อยไปแล้วก็ตาม
“พี่โยไปนอนกินแรงคนอื่นอยู่ที่ไหนนะ ไม่รีบลุกขึ้นมาช่วยกันปกป้องนางฟ้าน้อยเหมือนพวกเพื่อนๆ ของพี่รึไง รีบๆ ตื่นขึ้นมาอัดจอมมารหนังจีนสักหมัดแทนฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ คนบ้า!!!”
“เธอ บ่นอะไรอะ”
“นาย!” นายหัวรังนกนั่งเท้าคางกับโต๊ะมองหน้าฉันที่กำลังบ่นอยู่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย ...ทำไมฉันไม่รู้ตัวเลย
“ผมบอกพี่แล้ว ว่าเธอชอบพูดคนเดียว”
“ไอ้เด็กเก๋ง!” ฉันอุทานเสียงดังเพราะตกใจกว่าเดิมที่เห็นไอ้เด็กเก๋งเองก็นั่งเอนหลังพิงเคาน์เตอร์บาร์อยู่ข้างๆ หัวรังนก ไม่อยากเชื่อว่าฉันไม่เห็นเขา พวกเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เรื่อย
“ถึงฉันจะดูไม่แก่ แต่เธอก็ควรเรียกฉันว่าพี่นะ” หัวรังนกพูดขึ้นในขณะที่หยิบขนมตรงหน้าเข้าปาก
“ฉันจะเรียกก็ต่อเมื่อมันสมเหตุสมผล”
“แล้วฉันไม่สมผลสมเหตุตรงไหนอ่า”
“ตรงที่เหมือนรังนก” ฉันชักไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าเป็นฉันหรือเขาที่ไร้สาระกว่ากัน
“ผมก็ว่างั้น” ไอ้เด็กเก๋งพยักหน้าเห็นด้วยกับฉัน
โครม! หัวรังนกถีบเก้าอี้ของไอ้เด็กเก๋งไปนอนหงายอยู่กับพื้น ฉันว่าเขาถีบเบาๆ เท่านั้นนะแต่...มันก็ล้ม
“พี่! ฉันงอนแล้วนะ” ไอ้เด็กเก๋งทำท่าล้อเลียนเหมือนผู้หญิงแล้วเดินสบัดก้นจากไป
“มาอีกสักทีสิวะ” หัวรังนกตะโกนตามหลัง
ฉันอดขำกับภาพตรงหน้าไม่ได้จนต้องอมยิ้ม แต่พอหัวรังนกหันกลับมา ฉันก็ทำเฉไฉหันไปทางอื่น
“เป็นไปได้ไงที่เพื่อนโยเป็นแฟนกับเธอนะ ดูยังไงเธอก็เอ๋อ”
“นี่นาย! ...โอ้ย!” เขาดีดที่หน้าผากของฉันเบาๆ แต่ก็เจ็บนิดๆ
“บอกให้เรียกพี่ไง เรียก...” เขาทำเสียงขึ้นจมูกเพื่อให้ดูเหมือนคนกำลังโมโห แต่ฉันว่ามันดูตลกมากกว่า
“...” ฉันแกล้งทำเป็นไม่สนใจ และทำทีว่าเขาไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนี้
“...ไม่งั้นฉันจะ”
“...โอเคๆ ก็ได้ อย่าดีดนะ” เขาพยายามยื่นมือมา หวังจะดีดที่หน้าผากฉันอีกครั้ง
“พี่คิม! เรียกสิ ฉันรออยู่”
“ค่ะ ...พี่คิมมม” สุดท้ายฉันก็ยอมเรียกเขาว่าพี่ด้วยความจำใจ
“...” เขายิ้มและหยิบขนมชิ้นสุดท้ายในจานใส่ปากและฮำเพลงเดินจากไป
ผ่านไปอีกวันที่ฉันใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องบ้าๆ ที่พวกเขาผลักไสมันให้ฉัน แต่ฉันก็ยังเชื่อว่าหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ เราก็จะมีพลังต่อสู้กับเรื่องที่มันแย่กว่านี้ในวันข้างหน้า ในวันที่เราเหนื่อยเราจะพบว่าเราแข็งแรงขึ้นในวันถัดไป ในวันที่เลวร้าย เราก็มักจะเห็นสิ่งดีๆ บางอย่างซ่อนอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว ...สิ่งที่แม่บอก ...เพลงยังจำมันได้ดีตลอดมานะคะ ...แม่
หลังจากงานเลี้ยงจบลง ความเงียบและขยะกองโตก็เข้ามาแทนที่ แน่นอนอยู่แล้วว่างานเก็บกวาดก็ต้องตามมาติดๆ เหนื่อยสุดๆ เหนื่อยเป็นบ้า เหนื่อยอะไรอย่างนี้
อีตาทามและยิ้มเจ้าชายก็ออกไปพร้อมกับเยลลี่หลังเกิดเรื่องวุ่นวาย ส่วนหัวรังนกออกไปพร้อมกับสาวๆ สองสามคนในงาน กว่าทุกอย่างในร้านจะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ก็จวนจะเช้า ฉันเห็นไอ้เด็กเก๋งเริงร่า ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย ก็แน่ล่ะ... นับจากพรุ่งนี้ร้านจะหยุดอีกสามวัน ...แล้วฉันล่ะ ยังไม่ได้นอนทั้งคืนเลยนะ แถมยังต้องเปิดศึกกำลังภายในกับหมอนั่นอีก แค่คิดก็เซ็งแล้ว
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย ไอ้เด็กเก๋งบอกให้ฉันขึ้นไปรอที่ชั้นสองของร้าน แต่ฉันว่านั่นเป็นคำสั่งของอีตาจอมมารหนังจีนจะถูกกว่า อย่าใช้คำว่ารอเลย
“ฮ้าว!!!...” ฉันเป็นคนสามหาวเข้าไปแล้ว... ว่าแต่โซฟาในห้องนี้มันน่านอนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน มันน่านอนจริงๆ หนักเปลือกตาเป็นบ้า ทำไมหนักแบบนี้น้า... หนัก หนักขึ้น ทุกที...“ตื่นได้แล้ว...!”
“ยายจ๋า... เพลงขอนอนต่อ... อีกนิดน้า...”
“ฉันบอกให้แหกลูกตาไข่ห่านของเธอเดี๋ยวนี้”
“อือ....” หือ? ...ลูกตาไข่ห่านเหรอ เสียงแบบนี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนนะ...
“ยัยสมองกลวง!!!”
“ว้าย! ...ไอ้บ้า!” ตะโกนเอาโล่รึไง ...เสียงแบบนี้ชัดเจน ...ชัดเจนมากพอๆ กับหน้าตาหล่อ ดิบ เถื่อน โหด ตะคอกมาได้สติฉันกลับบ้านเกิดไปแล้ว
“ไปขึ้นรถ อย่าได้คิดถึงความสงบสุข หากฉันยังไม่ได้ตัวไอ้สวะนั่น” ตาบ้านี่ พูดเรื่องนี้ซ้ำๆ ซากๆ อยู่ได้ จะให้ฉันทำยังไงนายถึงจะเชื่อที่ฉันพูดเนี่ย
“น่าเบื่อ!!! พูดภาษาคนรู้เรื่องหรือเปล่า นายน่ะ...!!!”
“งั้นพูดด้วยภาษาของฉันไหมล่ะ” ขาของฉันก้าวถอยหลังอัตโนมัติขณะที่เขาก้าวเข้ามาด้วยหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ย
ติ้ด ติ้ด !
เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น อีกก้าวเดียวของเขาก็จะถึงตัวฉัน ...ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันยังไม่ตาย
“ครับเยลลี่ ....ได้สิ ...อืมไม่มีปัญหา บาย”
เยลลี่ช่วยชีวิตฉันไว้อีกแล้ว เจอเธอเมื่อไรฉันคงต้องขอบคุณงามๆ แล้วล่ะ
“ไปขึ้นรถ! ...หรือว่าจะให้ฉัน”
ฉันเดินผ่านเขาลงบันไดไปที่ประตูทางออกอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะมาถึงตัว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ