ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )

8.0

เขียนโดย Wuzhenni

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.

  22 ตอน
  9 วิจารณ์
  30.96K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) (แก้ไขเสร็จแล้ว)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

กระบอกปืนลูกโม่สีดำวาบวับสลับมันเลื่อม  จ่อจ้องมาที่หล่อน

 

สาวน้อยร่างระหงที่ดูเหมือนจะลดความองอาจเหมื่อครู่ไปเกือบหมดสิ้น

 

ถึงจะดีเด่นเรื่องชกต่อย  หากแต่ได้ลองมาสัมผัสปลายกระบอกปืนแบบใกล้ๆ

 

เพียงแค่เฉือนปลายจมูก ไม่มากแต่ก็ไม่ห่างนัก 

 

จุดเล็งที่คนเหนี่ยวไก คงหวังเอาไว้ว่า  โป้งเดียวเอาให้อยู่....นัดเดียวเอาให้ตาย

 

มันจะทำจริงๆ หรือแค่ขู่ให้ตกใจเสียก็ไม่รู้!!

 

" เงียบไปทำไมล่ะ..แม่ทูนหัว  กลัวเป็นกับเขาด้วยรึ?"  วาจาเย้ยหยันที่แฝงความภาคภูมิใจอยู่ในน้ำเสียงนั้น  

 

ดูจะกลัวอยู่แหล่ะ....ลูกปืน กับ ฝ่าเท้า  ความไวมันคนละชั้นกันอยู่แล้ว 

 

" ใครบอก...คนอย่างฉัน เคยกลัวอะไรซะที่ไหนกัน"  เสียงแจ้วๆส่งสะท้อนกลับ ให้อีกฝ่ายยิ้มกริ่มในใจ

 

แหม...แววตามันฟ้องซะขนาดนั้น...แววตาลูกไก่สั่นระริก สงสัยคงกลัวถูกหักปีกกระมัง

 

" ไม่กลัวแล้วทำไมต้องทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ...หน้าซีดๆ ยังกะศพ"

 

" ยังไม่ตายย่ะ! ไอ้เวร"

 

" ก็นี้ไง....เดี๋ยวก็ได้กลับไปบ้านเกิดแล้ว ฉันหมายถึง นรก..น่ะ แต่เอ๊ะ! ไปคนเดียวคงเหงา อยากได้เพื่อนร่วมทัวร์ซักสองสามคนมั้ยล่ะ ?  เดี๋ยวฉันหาให้"

     เจ้าปวงโชคยิ้มเยาะ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นตรงมุมปากของมัน

 

เอาล่ะว๊า....เล่นๆหน่อย ซักประเดี๊ยวเดียว ไม่นานนักหรอก

 

ไหนๆก็มากันทั้งทีม...จะไปทั้งหมดแบบเหมารวม ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร

 

"ไอ้เผือก ยัยปุ้ม ยัยนายด์ ยัยออย!!!   ทำไม...."

 

หญิงสาวเบิกตากว้าง ภาพของเพื่อนซี้ทั้งสี่คน ถูกกระชากยกลากมาแต่ไกลก่อนจะหยุดยืนเรียงแถวตรงหน้าเธอ

 

ใบหน้ายียวนกวนฝ่าเท้าฉบับมาตรฐานของไอ้เผือก ทำให้หญ้าฟางนึกแช่งมันในใจ

 

จะตายอยู่มะร่อมมะร่อ ทำหน้าตาให้เหมือนหมูถูกเชือดหน่อยเถอะ...ยืนยิ้มกริ่มอยู่ได้

 

รีมฝีปากเรียวโค้งได้รูปจะเผยอเอ่ยคำด่าออกมา  แต่ดันถูกชิงตัดหน้า ให้มันเขยื้อนปากว่าก่อนจนได้

 

"ไม่ต้องถามเลยเจ้ ว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ไม่โดนลากมาก็โดนฉุดมาเนี่ยแหล่ะ" 

แน่ะ!!!  ยังจะกวนประสาทอยู่อีก จะตายกันทั้งหมู่ยังไม่รู้สึกกลัวกันบ้างรึไง

 

" ไอ้โชค!!"  ผู้ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบหันไปตวาดด่ามันแทน

"แกจะทำอะไรเพื่อนฉัน.....เพื่อนฉันไม่เกี่ยวน่ะเว้ย!!"

 

" ไม่เกี่ยวตรงไหน....ก็พวกมันเป็นสารถีพามึงมาหาเรื่องที่นี้ไม่ใช่รึไง....ห่ะ?"  มัน"ไอ้นี้" ดูทีท่าจะวอนตีนไม่แพ้กับไอ้เผือกซักเท่าไหร่

 

คำพูดคำจา ไม่ได้ส่อแววความฉลาดให้เห็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ปราดเปรื่องเรื่องการด่าคน!!

 

"อ่อ  หรือเกืดมีจริต อยากสวมบทเป้นนางเอกนักบู๊ ช่วยเพื่อนพ้องตัวเองงั้นเหรอ หืมห์"

 

ปลายกระบอกลูกโม่ถูกดันให้ชิดกับปลายจมูกก่อนจะเลื่อนไหลตามโครงหน้าของเธอไปเรื่อยๆ

 

ใบหน้าวีเชฟของแท้ ถ้าทำให้ถูกบุบสลายหายไป คงจะหดหู่ใจไม่ใช่เล่น

 

ของสวยๆงามๆ กับ สตรีที่ดีงาม ช่างเหมาะเจาะเข้ากันได้

 

แต่ยัยสาวเจ้านักบู๊คนนี้.....คงเกิดมาเพื่อแย่งพื้นที่ความสวยจากคนอื่น ไฉนไม่คิดที่จะใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์เสียบ้างน่ะ

 

หญ้าฟางจ้องหน้าตาเขม็ง รอยยิ้มกวนๆ กับแววตาทีเล่นทีจริง  บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าควรจะโกรธ

 

หรือโกรธมากที่สุด!?

 

หากคนที่คิดอยากจะฆ่าคนจริงๆ แววตาคงไม่มีความอ่อนโยนเข้าแทรก...

ยกเว้นเสียแต่น้ำเสียง...ที่แลดูจะขัดเกลาให้ดูเหี้ยมเกรียม เหมือนโจรก็มิปาน

 

อุตริคิดอยากจะเป็นนักเลงหัวไม้  เอาเข้าจริงก็ปอดแหกให้ลูกน้องมาเสี่ยงตายก่อนทุกทีซินา

 " เออ!!! อยากทำอะไร ก็มาหาเรื่องกับฉันนี่ อย่าไปยุ่งกับเพื่อนฉัน..พวกมันไม่เกี่ยว"

 

" นางเอก!" วาจายอกย้อนซ่อนความนัย  มันขยับมุมปากรอยยิ้มจิ้งจอกโผล่ให้เห็นจนเด่นชัด

 

" แสร้งทำเป็นคนดี เอาเข้าจริงก็นางร้ายร้อยศพ"

 

" ฉันไม่เคยฆ่าคนย่ะ มีแต่ทำให้พิการกับช็อกหมดสติเท่านั้นเถอะ นี้ๆ  ถ้าอยากจะยิงก็ยิงเสียซิ พิรี้พิไรอยู่ได้  ไอ้ลูกปืนน่ะมันคงรอเก้ออยู่นานแล้วล่ะ...เอ๊ะ หรือ คนยิงจะใจไม่ถึง"

 

" อยากตายมากนักรึไง"  เขาจ้องหน้า ทั้งรู้สึกเดือดดาลทั้งประหลาดใจกับอากัปกิริยาของสาวเจ้าคนนี้เสียจริง

 

คนใกล้ตายเขาพูดจาแบบนี้กันหรือไง? จะเอ่ยปากอ้อนวอนขอชีวิตก็ไม่มีเสียล่ะ

 

ทระนงตนจริงเชียว

 

" มีใครเขาอยากตายกันบ้างมั้ยล่ะย่ะ?"

 

" แสดงว่ากลัวงั้นซิ?" มันถาม พลางดันปากกระบอกปืนให้แนบชิดติดซอกคอเธอ

 

" ไม่กลัว แต่ฉันพยายามประคองสติสะตังของตัวเองอยู่ต่างหาก...เผื่อตายขึ้นมา ฉันจะได้ใช้สติที่เหลืออยู่ บอกสั่งเสียกับเพื่อนของฉัน....."

หญ้าฟาง เชิดคอ มองหน้าไม่วางตา ปวงโชคเองก็จับจ้องโต้ตอบกลับไปด้วยเช่นกัน

 

" งั้นก่อนตาย อยากจะสั่งเสียอะไรก็พูดออกมาซะ....เพราะถ้าเกิดฉันเล็งไปที่ขมับของเธอ ตรงเนี่ย...มันเป็นเนื้อสมองทั้งนั้น ยิงทีเดียวสมองกระจุยกระจายกองเต็มพื้นอีก

 

คร้านจะให้เจ้าของร้านเขาเช็ด..."

 

" งั้นเหรอ...ก็ดี แต่..ฉันขอเข้าไปหาเพื่อใกล้ๆหน่อยได้ม่ะ แบบอยากห็นหน้าเพื่อนชัดๆหน่อย ได้รึเปล่า?"

เขายืนนิ่ง ลังเล..แต่ก็ยอมทำตามที่แม่สาวเสือร่ำขอ

 

ปวงโชคลดปืนลง ขยับตัวถอยห่างออกจากเหยื่ออย่างช้าๆ เมื่อเห็นช่องโหว่ หญ้าฟางก็ไม่รีรอ เงื้อมือฟาดกะจะให้ด้ามปืนหลุดออกจากห้านิ้วที่เกาะกุมอยู่ แต่ทว่า..

 

ห้านิ้วที่โล่งเปล่าของอีกฝ่ายกลับรวดเร็วกว่า ฝ่ามือที่หยาบกระด้างจับข้อมือของหญิงสาวไพล่อ้อมมาด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเยาะเย้ยแกมด่านิดๆ

 

" ไม่ได้แอ้มหรอก..อีสวยบื้อ!" 

แม่สาวเจ้านักบู๊กัดฟันกรอด เสียงหายใจฟุดฟิดเหมือนหมีควายใกล้ลงแดงเต็มที่

 

หญ้าฟางยืนหยุดนิ่ง สงบสติอารมณ์ก่อนจะชายตามองมายังเพื่อนๆสุดที่รักทั้งหลาย

 

สามดรุณีขี้กลัวก้มงุดหน้าหลบสายตาอียักษ์หัวเหม่งที่ยืนคุมอยู่ด้านหลัง มีเพียงไอ้เผือกเพื่อนรักที่ยืนจ้องหน้าสบตากะคนที่อยู่เยื้องจากเธอไปไม่กี่ก้าว

 

" นี้ ไอ้เผือก จะยิ้มอะไรนักหนา ห่ะ..ตอนนี้กำลังรอคิวซื้อตั๋วไปทัวร์นรกนะย่ะ ไม่ใช่ไปผับนังน้องเค้ก จะได้ยืนยิ้มหน้าระรื่นอยู่แบบนี้"

 

ปวงโชคทอดตามองคนที่เอ่ยวลีที่ว่านี้ สีหน้าฉายชัดว่า กำลังงุนงงกับสิ่งที่ตัวหล่อนพูดออกมา

 

เนี่ยน่ะ...จะสั่งเสียเพื่อน  นี้มันระบายอารมณ์ด่าเพื่อนแล้วนะนั้น

 

" ฉันเครียดไม่เป็นว่ะ...ยิ่งรู้ว่า ต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อไปยิ่งไม่เครียดใหญ่เลย" ไอ้เผือกยิ้มแย้มขัดกับอาการสั่นเทาเพราะความโกรธของเพื่อนสาว

 

" มึงอยากให้กูตายไวๆรึไง ห่ะ!!! มึงเห็นมั้ยว่า ปากปืนมันจ่อใส่หัวกูอยู่เนี่ย" ช่วงท้ายของประโยคคล้ายจะลดเสียงให้เบาลง แต่มิวายคนข้างหลังจะแอบส่งเสียงหัวเราะหึๆอยู่ในลำคอ

 

เออ..ดีจริง คนที่ได้ฉายา "หวงเฟยฟาง แม่สาวเจ้านักบู๊ของคณะศึกษาศาสตร์ ดันกลัวปืนซะนี้

 

" ปืนนะฉันเห็นชัดเเล้ว แต่เจ๊นะเห็นอะไรแล้วรึยัง?"  มันย้อนถาม  หญ้าฟางส่ายหน้าเล็กน้อย

 

ไอ้เผือกยิ้มรับกับกิริยาไม่รู้ไม่เห็นอะไรจริงๆของแม่สาวพราวเสน่ห์

 

 " โฮ่วเมี้ยน (后面)"  พ่อหนุ่มเจ้าสำราญเต๊ะท่า ส่งสัญญาณทางสายตาให้ หากสาวเจ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับผงกหัว เข้าใจความหมายของรหัสลับที่มีเพียง "ตัวเธอ"และ"ตัวมัน" เท่านั้นที่รู้

 

หญ้าฟางเหลือบตามองไปยังทิศทางที่อยู่เบื้องหลัง

 

ผู้คนทั้งแถบนับจากปากทางยันท้ายทาง พวกชาวบ้านประชาราษฏ์ที่ต่างยืนจับกลุ่มมุงดูเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวทุกอย่าง ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงกระทั้งบัดนี้

 

ท่ามกลามฝูงผู้คนที่ยืนรายล้อมอยู่ทั่วหน้าร้าน แม่อนงค์คนงามพยายามชะเง้อคอมองหาใครคนหนึ่ง

 

ใครคนนั้น...ที่จะทำให้ เธอ และเหล่าเพื่อนพ้องรอดตายได้!!

 

หญิงสาวร่างเล็ก ผมสั้นทรงสไตล์ผู้หญิงมั่นๆ จ้องหน้า มองเธอด้วยสายตานิ่งเงียบแต่แอบนึกคิดอยู่ลึกๆในโสตสมอง

 

"เรื่องต่อยตี มีแววจะได้ไปไกลกว่าคนอื่น  แต่ถ้าเจอกับลูกปืนจะสู้ไหวมั้ยละเนี่ย?? "

 

หญ้าฟางประสานตามองเป็นเชิงให้สัญญาณกับผู้หญิงคนนั้น หญิงสาวผมสั้นประกายแดงอมส้มผงกศรีษะตอบรับทันทีก่อนจะใช้นิ้วชี้ไปที่ขาแล้วเบี่ยงตัวทำท่าคล้ายม้าดีดตัว

 

" มีอะไรจะสั่งเสียอีกมั้ย?? " เสียงหมาบ้าที่กำลังหิวกระหายคำรามขึ้นใกล้ๆซอกใบหู แต่ทว่าแม่สาวเจ้านักบู๊กลับยืนนิ่ง สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนจากหมีควายตกมันกลายเป็นหมีแพนด้าตาดำไปเสีย

 

เธอค่อยๆหันมา พร้อมกับแววตาเศร้าๆ หากกิริยาท่าทางที่แข็งขืนเมื่อครู่ หายวับไป กลับกลายมาเป็นท่าทางของคนสั่นกลัวอย่างชัดเจน

 

" แกจะยิงฉันทิ้งแบบนี้จริงๆเหรอ?"   แม่สาวหยาดฟ้าเงยหน้ามอง สบตากับอีกฝ่าย ที่แลดูจะงุนงงกับสภาพเหตุการณ์ที่พลิกผัน

 

" อีกคนมีอาวุธ อีกคนไม่มีอะไร ถ้าเกิดแกยิงฉัน คนทุกคนที่เขายืนดูเราสองตัวเนี่ย เขาจะคิดยังไง ถึงแกจะไม่ฉลาดเท่าทันคนอื่น แต่ถ้าแกฆ่าผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ ต่อหน้าต่อตาผู้คนอย่างนี้ คิดดูเอาล่ะกัน ว่าแม่งจะถูกเล่าปากต่อปากอีกกี่สิบปาก..."

 

หญ้าฟางชายตามองเล็กน้อย ก้าวท้าวเข้ามาจนเนื้อตัวแทบจะชิดติดกัน

 

" เราจะสู้กันตัวต่อตัว ให้เลือกเอาว่าจะแลกหมัดต่อหมัด หรือแลกกระสุน นัดต่อนัด ถ้าเลือกอย่างที่สอง ก็ไปหาปืนมาให้ฉันซักกระบอกหนึ่ง แล้วเรามาดวลกัน..ดีมั้ย?"

 

"ตลก...เรื่องไร ใครจะยอมมาดวลปืนกับแก ในเมื่อนรกมอบหน้าที่ให้ฉันพาแกไปหาท่านยมที่ยมโลกแล้ว"

 

ปวงโชคยิ้มเยาะ หญ้าฟางจ้องตา ทำหน้าเซ็งก่อนจะคว้าข้อมือที่ถือปืนอยู่จ่อใส่กลางหน้าผาก นิ้วโป้งจับตัวลั่นไกเอาไว้อย่างรวดเร็ว

 

" เฮ้ย!!"  เสียงอุทานที่ดังออกมาจากปากของเพื่อนซี้ทั้งสี่ตัวพร้อมๆกับฝูงชนที่ยืนเชียร์อยู่ข้างนอก  ไอ้เผือกนิ่วหน้า อ้าปากเหวอ

 

นี้แม่ง....อุตริ คิดจะทำอะไรล่ะเนี่ย

 

" อีฟาง...มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!"  มันโวย แต่สาวเจ้ากลับเมินเฉยเสีย

 

" เอ้า....ก็อยากยิงมากนักไม่ใช่รึไง เอาสิ!!...พร่ำบ่นกันมาตั้งนาน รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าสมองมึง คงคิดได้แค่อยากจะฆ่ากู ไหนๆก็ไล่ถีบ ไล่เตะ ลอบหาเรื่องกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง....แค้นมากนักนิ ทำให้มึงขายขี้หน้า อายขี้ปากของชาวบ้านเขา เอ้า....ยิงซะ จะได้จบๆกันไปซักที "

 

" เอ่อ......"    ปวงโชคยืนนิ่ง สายตาทอดต่ำลง สีหน้าแววตาคล้ายคนที่กำลังคิดหนัก

 

เขาไม่ได้อยากฆ่าหล่อนเสียหน่อย!!!

 

ก็แค่ล้อเล่น เอาให้มันขายขี้หน้าฝูงตาประชาชีที่ยืนมุงดูอยู่หน้าร้านก็เท่านั้น

 

ทว่า ชั่วคำนึงนึกคิดเพียงแวบเดียว

 

มีสิ่งหนึ่งวิ่งผ่านซอกอากาศ.....มันวิ่งดิ่งตรงเข้ามา ท่ามกลางท่อนเสาสองข้างที่มั่นคง

 

แค่เศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น...ลำแข้งเรียวงามใต้ผ้ายีนส์สีซีดวิ่งทะลวงเข้าสุู่ใจกลางของเสาหินสองต้น

 

ทะลุถึงส่วนสำคัญที่อยู่กลางโครงสร้างของร่างกาย

 

พระเจ้าสรรค์สร้างของสิ่งนี้ให้กับผู้ชาย เป็นของที่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งในสายตาของพวกเขา 

 

และเป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอในสายตาของผู้หญิง

 

โดยเฉพาะ ช่วงเวลาที่สำคัญ.....แบบนี้

 

" อ๊อก!!!  อีฟาง   อี... " 

 

ปืนลูกโม่สีดำหล่นลงกระแทกกับพื้นอย่างจัง เจ้าของปืนที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งไปมา ส่งเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวด  

พลางนึกสบถอยู่ในใจ

 

" แม่ง...ทำไม ผู้หญิงชอบลอบทำร้ายจุดสำคัญของพวกกูกันด้วยว่ะ!!"

 

ลูกน้องอีกสองสามคนที่ยืนคุมอยู่ด้านหลัง วิ่งเข้าหาแม่หญิงงามโฉมสะคราญพร้อมด้วยอาวุธปืนครบมือ 

 

หญ้าฟางมองปืนลูกโม่ที่ถลาห่างไกลเกินจะคว้าหยิบมันได้ 

 

เอาล่ะหว่า.....จะหาอะไรไปสู้กับอีกระบอกเหล็กได้ละเนี่ย

 

" ไอ้ฟาง....รับ!!"   เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางหมู่ฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆ เส้นเชือกหนังสีน้ำตาลอมแดง สะท้อนแสงไฟในร้านลอยละลิ่วข้ามหัวผู้คน ก่อนจะถูกหญิงสาวกระโดดรับได้ทันควัน

 

สายตาพินิจ มองดู "อาวุธชิ้นใหม่" ด้วยแววตาฉงนสงสัย

 

แค่เส้นเชือกธรรมดาๆ จะไปทะลวงฆ่าใครเขาได้

 

หากแต่..เมื่อปลายนิ้วเรียวทั้งห้าแตะต้องกับสิ่งที่ถูกเคลือบไว้ 

 

เกล็ดแหลมเหมือนหนามเหล็กฉาบสารตะกั่วแดง สีเข้ม ทิ่มเข้าใส่ฝ่ามืออันอ่อนอุ่น

 

อาการเจ็บปวดวิ่งซ่านใส่  เส้นประสาทรับอาการเจ็บแบบ "แปลกๆ"

 

ช่างทรมานเสียจนเจียนตาย ดุจดั่งถูกเข็มซักสิบพันเล่ม ฝังผ่านปลายนิ้ว เข้าสู่กระแสเลือด อย่างน่ากลัว

 

หญิงสาวผ่อนแรงน้ำหนักมือ เปลี่ยนท่าทางการจับให้คล่องมากขึ้น 

 

ปลายเชือกถูกสะบัด แลดูเหมือนอสรพิษที่ถูกปลุกให้มีชีวิต เตรัยมพร้อมที่จะฝังเขี้ยวใส่ทุกสิ่ง!!

 

" เพี๊ยะ!!"  เสียงฟาดใส่กระทบเข้ากับร่างของชายร่างเตี้ยตะม่อต้อ

 

"แคว้ก"  เสียงเสื้อขาด หญิงสาวเบิกตาจ้องมอง ผลงานที่มิอาจจะสร้างเป็นงานศิลปะบนผิวหนังได้

 

รอยเสื้อที่ขาดกลางหลัง อาจไม่รุนแรงเท่ากับ  เศษเนื้อหนังที่หลุดลอกออกมา

 

รอยแผลที่ถูกฟาดสะบัดเป็นทางยาว ก็อาจไม่น่าสะพรึงเท่า น้ำโลหิตสีแดงฉาด ที่ถูกกระตุ้นให้มันตื่นตัว

 

ปากแผลเปิดแยกออก น้ำแดงสีข้นวิ่งเข้าหาอากาศบริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว

 

สภาพของ "ผู้เคราะห์ร้าย" ไม่ต่างอะไรกับพี่ใหญ่ของมัน  นอนกลิ้งขลุกขลักคล้ายหมาปั๊กนอนเล่นโคลน

 

โคลนสีแดงที่เปรอะเปื้อนไปทั่วเนื้อตัว 

 

เกล็ดแหลมที่ตอนแรกเป็นสีน้ำตาล เมื่อได้ลิ้มรสชาติของคาวเลือดสดๆ  

 

จากสีน้ำตาลอมแดงก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีเขียวอ่อนในทันที

 

หญ้าฟางหันไปสบตากับไอ้พวกที่เหลืออยู่ 

 

ดูท่าพวกมันจะเริ่มชักไม่แน่ใจ กันเสียแล้วสิ

 

" มัวยืนทำห่าอะไรอยู่ล่ะ!!...เข้าไปรุมมันเซ่"

 

เสียงหัวหน้าไม่ต่างอะไรกับลมปากของคนบ้าที่ไม่มีใครอยากจะใคร่รับฟังกันซักเท่าไหร่

 

พวกมันส่ายหน้าถอยกรู ไม่ยอมทำตามคำสั่งที่ลูกพี่มันลั่นปากเอาไว้

 

" ปอดแหกกันรึไง!!! กูบอกให้....อ๊อก"

 

เหนือลูกกระเดือกถูกซัดกระแทกเข้าใส่ด้วยข้อศอกแหลมของแม่สาวเจ้านักบู๊

 

ก่อนจะมีมือสาระพัดสาระพันจับแขนขาของเขาแล้วลากไปหยุดอยู่ที่ต้นเสากลางร้าน

 

หญ้าฟางมองหน้า สบตากับศัครูนัมเบอร์หนึ่งของเธอ

 

" รู้สึกเกมมันจะพลิกเสียแล้วสิ  ถึงคราวที่แกคงต้องไปนรกแทนฉันแล้วล่ะน่ะ ไอ้ปวงโชค"

 

" แกไปเอาเชือกนี้มาจากไหน" มันย้อนถาม สายตาจดจ้องไปที่เชือกมรณะที่ถูกกวัดแกว่งไปมา ก่อนจะเลื่อนดวงตาดำขลับแกมหวาดๆ  ไปยังร่างไอ้หมาเตี้ยที่นอนแน่นิ่งมิไหวติง เหมือนคนที่หมดลมหายใจไป แต่ดวงตายังเปิดกว้างอยู่

 

เชือกเส้นเดียว...เอาซะ เลือดสาดเสียเต็มพื้น น่ากลัวฉิบ...

 

" ยมฑูต ท่านเป็นคนส่งมาให้ฉันน่ะ....ท่านคงเห็นว่า แกใจไม่ถึงพอมั้ง? ก็เลยเปลี่ยนใจ เอาบ่วงอันเนี้ย มัดคอแก แล้วให้ฉันเป็นคนลากวิญญาณแกไปลงนรกแทน!!!"

 

" แกฆ่าฉันไม่ได้หรอก"

 

" เหรอ..ทำไมแกถึงคิดว่า ฉันจะฆ่าแกไม่ได้ ในเมื่อมึงยังเอาปืนมาจ่อหัวกูได้เลย ห่ะ!!"

 

" ต่างฝ่ายต่างฆ่ากันไม่ได้ และกูก็เชื่อว่า มึงจะไม่ฆ่าใคร"  มันส่งเสียงหัวเราะหึๆอยู่ในลำคอ

 

แน่ล่ะ...ไม่ว่าใคร ทั้งมันและตัวเขาเอง คงไม่อยากสร้างเรื่องเสื่อมเสียถึงขั้นเป็นฆาตกรฆ่าคนตอนปีใกล้จะจบกันหรอก

 

อีกไม่กี่อาทิตย์ต่อจากนี้ เขาจะกลายเป็นพี่บัณฑิตสวมชุดครุยสีขาวอย่างเต็มตัว

 

และมัน....อีกแค่ไม่กี่เดือนก็ต้องออกฝึกสอน เป็นนักศึกษาครูอย่างเต็มตัวด้วยเช่นกัน

 

คงไม่มีใครโง่ทำอะไรบ้าๆกันแบบนี้ 

 

ถึงเขาจะไม่ใช่คนฉลาด ออกจะโง่ดักดาน แต่ก็รู้ชีวิตตัวเองดี

 

ทุกวันนี้จะทำตัวให้มีค่าก็ยิ่งยาก

 

ปริญญาเพียงหนึ่งใบ คือ สมบัติชิ้นเดียว

 

ที่จะตีราคา คุณค่าในหัวสมองของมนุษย์ให้สูงขึ้น 

 

หากแต่คุณค่าของจิตใจ ...กลับผวนผัน ตกต่ำ กระนั้นหรือ?

 

 

" ว่าไง ไหนลองบอกเหตุผลมาสิ...ว่าทำไมฉันถึงจะฆ่าแกไม่ได้"

 

"จะเป็นครูทั้งที่ ถ้ามีคดีฉาวโฉ่ ใครเขาจะรับมึงไปสอนเด็กเขาเค้าล่ะ ห่ะ!"

 

" อ่อ..นี้รู้ด้วยเหรอ ว่าฉันต้องออกฝึกสอนปีนี้  ก็พอดีแหล่ะ...ปีนี้แกก็จะเป็นบัณฑิตใหม่แล้วด้วย ดีจริง "

 

" มึงคงไม่เอากูให้ถึงตายหรอก ใช่มั้ย?"  เขาพูด น้ำเสียงหนักแน่น มั่นใจ  หญ้าฟางเลิกคิ้วสูง พยักหน้ารับ

 

" ใช่..." หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มชวนพิลึกสายตา

 

ผู้หญิงคนนี้ สวยไปซะทุกส่วน.....ยกเว้นเสียแต่ รอยยิ้ม!!

 

รอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงภาพนางร้าย มากกว่านางเอก 

 

เป็นรอยยิ้มที่ไม่พึงประสงค์สำหรับผู้ชายจริงๆ

 

" แต่ก็ไม่ได้ความว่าจะไม่ทำอะไรนะเว้ย!!"

 

สิ้นสุดวาทะที่น่าสะพรึงกลัวของแม่สาวเจ้านักบู๊  ร่างสูงใหญ่กำยำถูกผลักให้ผิงแนบติดกับต้นเสา

 

ไอ้เผือกและก๊วนร่วมงานที่เหลือต่างยื้อยุดฉุดให้มันยืนอยู่นิ่งๆ 

 

เชือกในมือตวัดฟาดใส่โหนกแก้มข้างซ้าย รอยแผลผ่าเป็นทางยาวแต่ไม่ใหญ่มาก  เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมา พร้อมๆกับเสียงที่ร้องแหกปากเพราะอาการเจ็บ "แปลกๆ"

 

จะเจ็บก็ว่าเจ็บ อาการเจ็บที่ไม่ใช่ถูกเชือกฟาดใส่เพียงอย่างเดียว

 

แต่มันเหมือนอาการเจ็บที่ถูกอะไรบางอย่างฝังลึกเข้าไปในกระแสโลหิต

 

ไม่ได้เจ็บแค่เฉพาะเนื้อหนังส่วนนอกเท่านั้น มีบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บลึกเข้าถึงเส้นประสาทกระดูก

 

ม่านลูกตาเริ่มพร่ามัวแต่ยังไม่มืดหายไป  ริมฝีปากเริ่มแนบนิ่ง  ประกบติดไม่แยกออก

 

เนื้อตัวไร้ระบบสั่งการจากสมอง  ทุกสิ่งภายในร่างกายเหมือนหยุดเคลื่อนไหว 

 

เขายังไม่ตาย  เขายังมองเห็นอะไรได้อยู่

 

แต่แค่ขยับไม่ได้!!

 

หลอดลมเริ่มไม่สะดวกเหมือนมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาอุดขวางทางเอาไว้  แต่ก็ยังมีแรงผ่อนลมได้อยู่บ้าง

 

ความรู้สึกที่ทรมาน  คล้ายดั่งคนที่สิ้นชีวิต  แต่ยังคงมองเห็นได้ทุกอย่าง

 

นี้เขาเป็นอะไร.....มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ภายในตัวเขางั้นหริอ!?

 

" มันตายแล้วเหรอ?"  เสียงผู้หญิงที่ไม่ใช่อีนางมารหน้าสวย เอ่ยขึ้น  

 

เขายังได้ยิน...เขายังไม่ตาย!!

 

 

" ยังไม่ตายหรอก" เสียงผู้หญิงอีกแล้ว คราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เสียงที่เขาคุ้นเคยเลย  น่ากลัวว่าจะเป็นใครซักคนที่แอบมาช่วยไอ้ฟาง นอกเหนือจากพ้องเพื่อนของพวกมัน

 

" ความรู้สึกที่ทำให้มันเหมือนกับตาย  ไม่ใช่สิ...ใกล้ตายมากกว่า"

 

" แล้วอีกนานมั้ยกว่ามันจะหาย"  เสียงนี้  เขาจำได้ดี เสียงแม่โฉมงามคนสวย ดังแทรกขึ้นมาด้วยอารมณ์เป็นกังวลจนเด่นชัด

 

" ประมาณสองชั่วโมง  พิษในกระแสเลือดถึงจะหมดไป แต่ก็ไม่หมดซะทีเดียว อาจจะมีอาการชาตามรอยแผลอยู่บ้าง หรือไม่ก็อาจจะหายใจติดๆขัดๆบ้างเล็กน้อย"

 

" โห....พิษอะไร ทำไมมันถึงได้น่ากลัวขนาดนี้"  

 

" อยากรู้งั้นเหรอ?...หึ..เดี๋ยววันหลังจะเล่าให้ฟัง  แต่ตอนนี้ใส่ตีนหมาก่อนจะดีกว่า ไม่อยากอยุ่ที่นี้นาน ไม่ชอบเป็นจุดเด่นในสังคมเหมือนใครแถวนี้"

 

เสียงหัวเราะคิกคักดังประสานขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

 

ก๊วนสี่สาวกับหนึ่งหนุ่ม และบุคคลปริศนาอีกคนหนึ่งรีบสาวเท้าก้าวเดินออกจากร้านอย่างว่องไว 

 

ทิ้งให้ลูกน้องพวกที่เหลือ และฝูงตาประชาชียืนมองตามไปด้วยสีหน้าหวาดกลัวอยู่หน่อยๆ

 

ร้ายกาจ!! ร้ายกาจจริงๆ

 

เฉกเช่นกับที่สำนวนจีนโบราณได้กล่าวเอาไว้ 

 

"เทียนซี่ยเหมยหนี่ซื่อหั้วสุ่ย      

 

หญิงงามในใต้หล้า คือสายน้ำแห่งหายนะ ชะตาของชาติบุรุษมักจบลงด้วยมารยาของหญิงงาม!!"

 

 

 

 

 

 

 

 

จบตอนที่สี่


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา