ลวงรักซาตาน

-

เขียนโดย ชณัญญา

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 11.38 น.

  1 ตอน 1
  1 วิจารณ์
  4,085 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 11.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ลวงรักซาตาน ตอนที่ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทที่ 1

 

 

            รถเก๋งสัญชาติยุโรปสีขาวขับตีโค้งเข้ามาจอดในบริเวณลานจอดของโรงแรมก่อนจะดับเครื่องแล้วร่างบางของสองสาวก็เดินออกมาและตรงไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ หนึ่งในนั้นพูดขึ้นกับพนักงานที่ยืนรอต้อนรับที่เคาน์เตอร์ด้วยเสียงหวานเรียบอย่างมีมรรยาท

“ติดต่อคุณเอเจค่ะ”

โรงแรมแห่งนี้ตั้งในพื้นที่ของอ.หัวหิน ที่นี่แบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเป็นสัดส่วนและลงตัวมากทีเดียว ดีนะที่เขาส่งข้อความบอกเธอเอาไว้แล้วว่าทันทีที่มาถึงให้ติดต่อที่เคาน์เตอร์ก่อนเพื่อความสะดวกของตัวเธอเอง

ทันทีที่พนักงานรับเรื่องเรียบร้อยก็พาเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุดของโรงแรม ชั้นนี้กินพื้นที่ด้วยห้องพักเพียง 3 ห้องนอน บริเวณพักผ่อนแบ่งเป็นโซนสระว่ายน้ำ เซาน์น่าและจุดชมวิวที่เป็นจุดขายของโรงแรม ร่างสูงที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ค่อยๆหันหน้ามามองทั้งหมดพร้อมสบตาหวานพลางส่งยิ้มและทักทายกลับด้วยท่าทางแสนสุภาพ  

“สวัสดีครับ Honey”                                                              

“ว้าว! หล่อจังเลยยัยฝน ทำไมไม่บอกกันบ้างยะ ว่าแกแชทกับเทพบุตรสุดหล่อขนาดนี้”

เสียงที่ตอบกลับมากลับกลายเป็นเสียงของ แจ่มจรัส หรือ แจ๋ม เพื่อนสาวที่ฝนแก้วขอร้องแกมบังคับให้ติดสอยห้อยตามมาด้วย ปากก็บอกว่าให้ไปเป็นเพื่อน แต่ใจจริงให้มาเป็นก้างมากกว่า บอกตามตรงว่าเธอก็กลัวชายแปลกหน้าจากต่างแดนคนนี้ไม่น้อยอยู่เช่นกัน

“ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการนะคะ”

ฝนแก้วตอบเสียงหวานแบบสาวน้อยขี้อาย พลางนึกไปถึงเมื่อวันที่ได้คุยกันเมื่อเดือนก่อน

**************************************************

 

ณ บ้านอภินันท์ไพศาล

1 เดือนก่อนหน้า

            “จะได้เจอกันแล้วเหรอนี่ ตื่นเต้นชะมัดเลย”

พึมพำกับตัวเองเบาๆพลางยิ้มหวานเคลิ้มฝัน ทันทีที่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ สาวน้อยนามว่า : ฝนแก้ว อภินันท์ไพศาล  อายุ: 21 ปี จบการศึกษา : ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ สถานะ : โสด อ่านโปรไฟล์ตัวเองแล้วได้แต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมนึกถึงฝรั่งตาสีฟ้า หน้าเอเชียคนนั้น เธอรู้จักกับเขาผ่านเว็ปไซต์หาคู่เว็ปหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้แม้จะเสียค่าสมาชิกหลายร้อยดอลล่าร์สหรัฐก็ตามเพื่อแลกกับความปลอดภัยในโลกออนไลน์แบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยเจอตัวเป็นๆกันมาก่อน เพียงแค่เห็นรูปในโปรไฟล์ หรือไฟล์รูปที่ต่างคนต่างส่งเมลล์หากัน และคุยกันผ่านทางวิดีโอคอลล์เพื่อยืนยันตัวตนที่แท้จริง หลังจากนั้นเขาก็โทรศัพท์ติดต่อเธอเรื่อยมา เท่านี้ก็ทำให้สาวน้อยคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนเคลิ้มฝันได้แล้ว

สาเหตุหลักมาจาก คุณอาทิตย์ อภินันท์ไพศาล บิดาของหญิงสาว และ เมฆา  อภินันท์ไพศาล พี่ชายคนโตของเธอ คอยขู่และพูดถึงเพศชายว่าเป็นเพศที่ไม่ได้มีความรักจริง มีเพียงความต้องการทางเพศที่เรียกว่าเซ็กส์เท่านั้น เธออย่าได้ไปตามหาความรักจากชายคนไหนนอกจากบิดาและพี่ชายของเธอเอง ชายทั้งคู่หวงเธอยิ่งกว่าไข่ในหินที่โบกปูนทับเสียอีก ทำให้เธอไม่เคยพบประสบรักกับชายหนุ่มคนไหนเลย

อัลเบิร์ต วิลสัน จูเนียร์ นิคเนม เอเจ ชายหนุ่มเมืองผู้ดีวัย 28 ปี ชายที่เธอพบในเว็ปไซต์หาคู่ ครั้งแรกเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขามากนัก แค่สะดุดหน้าตาว่าเหมือนคนเอเชียทั้งที่ในตาสีฟ้า จึงยอมคุยกับเขาทันทีที่เขาทักทายเธอมา ซ้ำยังไม่มั่นใจว่าคนที่เธอคุยจะเป็นคนเดียวกับในโปรไฟล์หรือไม่ ส่วนตัวแล้วฝนแก้วไม่ใช่คนไว้วางใจอะไรง่ายๆ บวกกับการเสพย์สื่อมามาก เรื่องที่นำเสนอก็มักเป็นข่าวที่พูดถึงภัยจากสังคมออนไลน์ที่ต่างล้วนดูน่ากลัวแทบทั้งสิ้น แต่ด้วยความสุภาพและความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตัวของเขาตลอดเวลาที่ติดต่อกันทำให้เธอคลายความกังวลไปได้บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาขยันโทรศัพท์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาเธอ 3 เวลา ก่อนและหลังอาหาร ถ้าเธอป่วยและเขาเป็นยารักษา เธอคงหายวันหายคืนอย่างแน่นอน ไหนจะของขวัญที่ส่งมาทุกเทศกาล ข้อความและจดหมายอิเล็กโทรนิคแสนหวานส่งตรงถึงเธออยู่เป็นประจำ เท่านี้ก็ทำให้หล่อนหวั่นไหวได้แล้ว เอเจนั้นอยากมาพบเธอตั้งแต่เดือนแรกที่ได้คุยกันแล้วเพราะเขาบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจและยังมีแนวคิดที่น่าสนใจ แต่เธอมักผัดวันประกันพรุ่งอยู่เสมอ ด้วยเห็นว่ามันเร็วเกินไปที่จะพบกัน เธอไม่แน่ใจในความสัมพันธ์หลังจากที่ได้พบกันแล้วว่าจะไปในทิศทางไหน จนในที่สุดก็ใจอ่อนยอมตามคำร้องขอเขาจนได้

 

ร่างสูงของเขาเดินเข้ามาหาเธออย่างมาดมั่นและมั่นคง ตัวจริงของเขาดูมีเสน่ห์กว่าในรูปเป็นไหนไหน โดยเฉพาะรอยยิ้มจากปากได้รูปสีแดง ตาสีฟ้าบนใบหน้าที่มองอย่างไรก็ช่างระม้ายคล้ายชายเอเชียมากกว่าฝรั่ง นี่คงเป็นสาเหตุให้เธอชอบเขาตั้งแต่เห็นรูปบนเว็ปไซต์นั้นแล้ว

“ยินดีครับ”

เอเจตอบรับและถามกลับเหมือนรู้ศัพท์แสลงไทยได้เป็นอย่างดี

“แล้วมีโปรแกรมต้อนรับแขกต่างด้าวอย่างผมหรือยังเอ่ย”

“เตรียมไว้แล้วค่ะ แต่คุณไม่อยากพักผ่อนก่อนเหรอคะ เพิ่งเดินทางไกลมา ฉันไม่อยากให้คุณเพลียมากเกินไปน่ะค่ะ ฉันรับรองว่าเห็นรายการนำเที่ยวแล้วคุณจะลืมเมืองไทยไม่ลงแน่นอนค่ะ”

หญิงสาวตอบท้าทายในตอนท้าย แปลกใจที่ตนเองกล้าพูดคุยแบบสนิทสนมกับชายหนุ่มแปลกได้อย่างไร

            “ที่จริงแล้วผมมาถึงที่นี่ได้สามวันแล้วครับ อยากเจอใครบางคนเหลือเกิน รอมาตั้งนาน” เอเจหยอดคำหวานใส่

เธอยิ้มอย่างเอียงอายพร้อมกับเอ่ยปากชวนทานอาหารมื้อแรกเพื่อฉลองการพบกันทันที “ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ฝนขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารทะเลได้ไหมคะ”

“Honey ครับ ผมจองร้านที่ทางโรงแรมแนะนำไว้แล้วนะ แต่ถ้าคุณอยากทานร้านเจ้าประจำก็ได้นะครับ”หนุ่มหล่อตอบตามใจเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหวาน

“แหม ขยันหวานกันจัง อิจฉาค่ะ”แจ่มจรัส เพื่อนตัวแสบแซวไม่หยุด

“ถ้าจองแล้ว ก็ตามนั้นเถอะค่ะ”

เธอตัดบทในที่สุด อดเขินกับท่าทีของเขาไม่ได้ เอเจยิ้มรับทันทีที่หญิงสาวเริ่มคลายอึดอัดลงได้ เขาสังเกตได้จากสีหน้า น้ำเสียง และท่าทางของเธอ เพราะเขาเคยเรียนภาษากายจากหลักสูตรสั้นๆจากมหาวิทยาลัยที่มีอดีต CIA มาสอนให้ มันทำให้ชายหนุ่มสังเกตใครต่อใครรอบข้างได้อยู่เสมอ

“คือฝนยังไม่ได้จองร้านไว้น่ะค่ะ ถ้าคุณจองไว้แล้ว เราไปร้านนั้นกันดีกว่า แต่มีข้อแม้ว่าให้ฝนเป็นเจ้าภาพนะคะ”เธอยังไม่ละความพยายามที่จะเป็นเจ้าภาพที่ดีให้ได้

“No no no, Honey ไม่ได้ครับ ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผมมากที่สุด เพราะฉะนั้นผมจัดการทั้งหมดเองนะครับ”

แจ่มจรัสยืนฟังสองหนุ่มสาวคุยกันแล้วก็ต้องส่ายหน้าไปพลาง เพราะเธอเริ่มหิวแล้ว จึงพูดสวนขึ้นว่า

“ตามใจคุณเอเจเถอะ อย่าเยอะเลย ฉันหิวแล้วนะ”

พูดพลางลูบท้องตัวเองขึ้นลง สองหนุ่มสาวหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กับคำพูดของเจ้าหล่อน

 

 

ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก    

ในมุมส่วนตัวที่ทางโรงแรมจัดไว้สำหรับแขกวีไอพีเท่านั้น กั้นผนังด้านข้างทั้งหมดเป็นกระจกใส มองเห็นบรรยากาศด้านนอกที่เป็นเวิ้งชายทะเลตัดขอบโค้งของท้องฟ้าสีฟ้าสลับขาวอย่างสวยงาม เมื่อสั่งอาหารกันแล้วและก็หันมาคุยกัน น่าแปลกที่เริ่มคุยกันอย่างสนิทสนมมากขึ้น

“คุณเอเจคะ แจ๋มขอโทษเถอะค่ะ ขอถามหน่อยได้ไหม”

“ครับ ถามได้เลย”

“ทำไมคุณพูดภาษาไทยใช้ภาษาไทยได้คล่องจัง” แจ่มจรัสถามขึ้นด้วยความอยากรู้จนติดเป็นนิสัย

“คุณแม่ผมเป็นคนไทยครับ บรรดาคุณลุงของผมก็มีป้าสะใภ้คนไทยทั้งนั้นเท่าที่ผมจำความได้นะ ส่วนตัวแล้วผมก็ชอบเมืองไทยนะ ชอบอาหารไทย แล้วก็ชอบผู้หญิงไทยมากครับ”

พูดพลางหันไปสบตาฝนแก้วอย่างต้องการสื่อความหมาย ฝนแก้วถึงกับยิ้มเขินอายทันที ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะปล่อยมุกหวานปนเลี่ยนได้ถี่ขนาดนี้

‘รุกไวเกินไปไหม’เธอคิด

“แล้วมาเมืองไทยบ่อยไหมคะ”

“ก็เกือบทุกปีครับ”

“โอ้โฮ อย่างนี้ก็ไปเที่ยวจนทั่วแล้วสิคะ”

“ยังครับ”

            “แล้วทำงานอะไรเหรอคะ พอจะบอกได้ไหมหรือว่าเป็นความลับทางราชการ” เพื่อนตัวแสบเลียบๆเคียงๆถามต่อไม่ยอมเลิกรา คงอยากเก็บข้อมูลไปประมวลตามวิสัยหมอของเธอ

“ไม่มีงานทำครับหรอกครับ ทุกวันนี้ผมต่อเรือขาย ขายเรือได้ก็ไปเที่ยวแล้วแต่ว่ามีงบแค่ไหน เงินหมดก็กลับไปต่อเรือขายอีก”ชายหนุ่มตอบ เป็นจังหวะเดียวกับที่บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ แล้วทั้งหมดก็หันมาสนใจอาหารมื้อแรกที่เป็นมื้อแห่งมิตรภาพดีดีทันที

เมื่อทานอาหารเรียบร้อย ก็พากันไปเดินเล่นบริเวณชายหาดที่เป็นบริเวณของโรงแรม ชายหาดยามค่ำคืนแต่สีสันตื่นตา ตระการใจเนื่องจากใกล้ช่วงเวลาสิ้นปีบวกกับคริสมาสต์ โรงแรมละแวกนี้จึงพากันจัดแสงสีเสียงประชันกันสุดฤทธิ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว หนึ่งหนุ่มสองสาวพากันเดินลงชายหาดยามค่ำคืนที่แสนโรแมนติก แจ่มจรัสเดินนำหน้าไปในระยะไม่ไกลมากนักเพราะต้องการพื้นที่ในการโทรรายงานตัวกับเทพบุตรตัวจริงเสียงจริงของหล่อน จะเป็นใครไปได้นอกจากเมฆาหรือพี่เมฆของเธอนั่นเอง ตอนแรกเห็นหน้ากันเป็นต้องทะเลาะกันตลอดแต่ตอนนี้ไหนเลยถึงกับต้องโทรรายงานทุกสถานการณ์กันขนาดนี้ คิดไปคิดมาฝนแก้วก็เผลอยิ้มเมื่อนึกถึงพี่ชายและว่าที่พี่สะใภ้ของเธอ

“แอบยิ้มอะไรครับ เล่าให้ฟังบ้างสิ”เขาชวนเธอคุย เมื่อเห็นว่าเดินเงียบกันมาอึดใจหนึ่งแล้ว

“นึกถึงยายแจ๋มกับแฟนน่ะค่ะ”ตอบทั้งที่ยังยิ้ม ชายหนุ่มเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย

“คุณรู้ไหมคะ ว่าแฟนยัยตัวแสบน่ะพี่ชายฝนเอง”

“เหรอครับ ดีจัง”

“แต่สองคนนั้นเคยไม่ลงรอยกันมาก่อน สุดท้ายตอนนี้ก็คบหาดูใจกันแล้วไงคะ”

“อืม...แปลกดีนะครับ”

“คิดไปแล้วก็ยิ้มไปด้วย ความรักนี่แปลกดีนะคะ” หญิงสาวอธิบาย

            “อ้อ...แล้วอย่างนี้เราจะมีโอกาสได้คบกันแบบนั้นบ้างได้ไหมครับ”

พูดจบเขาก็จับมือเธอไว้และคุกเข่าลงที่หาดทรายพร้อมสบตาหวาน เงียบรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ถ้าชายหาดนี้ไม่มีเสียงคลื่นคงได้ยินเสียงหัวใจหล่อนเต้นระรัวเหมือนกลองสะบัดชัยไปแล้ว ฝนแก้วได้แต่เงียบพร้อมก้มหน้าเอียงอายด้วยความขัดเขินยิ่งนัก จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมตอบคำถามของเขา เธอออกแรงเล็กน้อยดึงมือบางออกเบาๆ  

“ว่าอย่างไรครับ Honey”ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง

“ตอบยากจัง ฝนอยากให้เรารู้จักกันให้มากกว่านี้ก่อนได้ไหมคะ ฝนไม่อยากรีบ”

เธอตอบพร้อมกับก้มมองปลายเท้าตัวเอง ใจยังแอบกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่ตอบ ‘say yes’ ตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้ว แต่เธอยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์แบบนี้ มันดูฉาบฉวยไม่ยั่งยืน ถ้าเธอตกลงใจจะคบกับใคร ถ้าอยากคบผู้ชายคนนั้นแค่คนเดียว และจะใช้ชีวิตกับเขาไปจนวันตาย ไม่เปลี่ยนใจไปมีใครใหม่แน่นอน จึงไม่อยากตกปลงใจเรื่องแบบนี้ให้เร็วนัก

ชายหนุ่มยิ้มตอบด้วยความอบอุ่น

“ครับ ผมรอ Honey มาได้ตั้งหลายปีทำไมจะรออีกไม่ได้ละครับ”

ตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเกือบสองเมตรขาดไปเพียงยี่สิบเซนติเมตรเท่านั้น ทันทีที่ยืนเคียงข้างกับเธอก็ได้ยินเสียงแซวจากหญิงสาวอีกคน

“ปรี้ด... ปิ้ว… หวานจังเลยค่ะคุณเอเจ น่าอิจฉาชะมัด”

แจ่มจรัสเป่าปากแซวพร้อมกับเดินเอาไหล่มากระทบไหล่ของเธอเบา เบา ยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียน ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยแต่ฝนแก้วอายจนไม่กล้ามองหน้าใคร

“ไปดีกว่า” พูดพลางเดินหนีไม่อยากอยู่ขัดคอ

“เรากลับห้องกันก่อนเถอะครับ ดึกเกินไปแล้ว คุณกับเพื่อนจะได้พักผ่อน”

เอเจชวนสาวๆกลับที่พัก โดยให้เธอเดินนำหน้าไปก่อน โดยมีเขาเดินตามหลัง เมื่อกลับถึงที่พัก ทั้งสามก็นั่งดื่มกันต่ออีกเพราะแจ่มจรัสยังไม่อยากพักผ่อน เธอตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศยามค่ำคืน ชายหนุ่มเลือกวิสกี้และตามใจฝนแก้วด้วยน้ำพั้นซ์ ส่วนแจ่มจรัสขอน้ำเปล่า ฝนแก้วนั้นแม้จะถูกปิดกั้นจากทางบ้านเรื่องความรัก แต่เรื่องการดื่มและการเอาตัวรอดด้วยวิชาป้องกันเธอทำได้ค่อนข้างดีเพราะได้รับการฝึกฝนจากพ่อและพี่ชายอยู่เสมอ ทั้งหมดต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เมื่อมีการสังสรรค์เธอจะดื่มกับครอบครัวตามความเหมาะสมและรู้ขีดจำกัดของตัวเอง มันไม่ได้เป็นเรื่องแปลกสำหรับสาวสมัยใหม่ที่ต้องเข้าสังคมและต้องรู้ทันโลก แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มหนักถึงขนาดเมาหัวราน้ำจนควบคุมสติไม่ได้  ทั้งหมดนั่งชมบรรยากาศที่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลาทั้งหมดจึงแยกย้ายกันเข้านอนในค่ำวันนั้น ต่างอิ่มเอมด้วยมิตรภาพที่ต่างคนต่างพึงพอใจ

ตลอดทั้งอาทิตย์ เอเจกลับเป็นฝ่ายพาสองสาวเที่ยวเสียเองโดยคนที่อาสามาเป็นไกด์กลับกลายเป็นแขกผู้มาเยือนเสียอย่างนั้น แทนที่จะเป็นเธอที่ออกตัวเอาไว้ตั้งแต่แรก เอเจเอ่ยขึ้นก่อนจะแยกย้ายจากสองสาวขณะเดินกลับจากทานอาหารริมสระว่ายน้ำ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเปลี่ยนสถานที่กินที่เที่ยวกันนะครับ”

“อ้าวทำไมล่ะคะ หรือคุณจ่ายค่าห้องค่าอาหารไม่ไหวแล้ว” แจ่มจรัสพูดแซวตามนิสัย และชายหนุ่มก็รู้ดีถึงนิสัยของเจ้าหล่อน

“ครับ ผมว่าเราไปนอนกลางดินกินกลางทรายกันดีกว่า”

ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบแต่อมยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นสองสาวมองหน้ากันแบบงงๆในคำตอบของเขา

“เอ่อ... เอเจคะ ฝนว่าให้ฝนกับแจ๋มรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของพวกเราเองดีกว่า ต่างคนต่างจ่ายแฟร์ดี”ฝนแก้วรีบบอกเรื่องที่ทำให้เธอไม่สบายใจมาตลอดที่มาเที่ยวกับเขา เพราะคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต่างคนต่างเที่ยว ต่างคนต่างกันจ่ายน่าจะสบายใจกว่า แต่หนุ่มต่างชาติก็ยังยืนยันที่จะจ่ายให้เธอเขาให้เหตุผลว่าเขาชวนเธอมา เขาต้องรับผิดชอบเอง แม้จะยกเหตุผลอันใดมาบ้างเขาก็ไม่ยอม จนเธอต้องยอมอ่อนใจไปตามเขา

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ Honey พรุ่งนี้ผมจองที่พักบนเกาะเอาไว้ ผมก็เลยต้องเปลี่ยนที่กินที่เที่ยวที่นอน แล้วห้าม Honey พูดเรื่องค่าใช้จ่ายกับผมแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นได้โดนทำโทษแน่ๆ”

ชายหนุ่มพูดพลางเขี่ยปลายจมูกหญิงสาวอย่างหมั่นเขี้ยว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนามากขึ้น เธอยอมรับแต่เขาก็สัมผัสร่างกายของเธอแค่เพียงแค่จับมือเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการสัมผัสที่แสนสุภาพตามแบบฉบับของเขา

เอเจใช้คำว่า Honey เรียกแทนชื่อของเธอตั้งแต่เริ่มคุยกันในโลกออนไลน์ได้ปีกว่ามานี้เอง กระทั่งเจอตัวเป็นๆเขาก็ติดเรียกเรียกเธอด้วยคำนี้ตลอด แจ่มจรัสแซวว่า ที่เขาเรียกเธอแบบนี้คงหมายถึงสีผิวมากกว่า คงไม่ได้หมายถึงหวานใจแบบที่ควรจะเป็น เอเจยิ้มรับกับคำแซวนั้น เขาตอบกลับมาว่ามันมีความหมายทั้งหมดที่เธออยากให้เป็น ฟังแล้วเบาหวานแทบขึ้น เฮ้อ...อยากหยุดเวลาไว้ที่นี่จัง ฝนแก้วนอนคิดก่อนจะหลับตาลงนอน ในฝันยังมีเขาวนเวียนไม่ห่างหาย เขาตามเธอมาตลอดสินะ ไม่ว่าจะอยู่ในยามหลับหรือยามตื่น

***********************************************

 

 เกาะแห่งหนึ่งในกระบี่

ที่นี่เป็นเกาะปิดและจะเปิดให้เข้าพักเฉพาะฤดูท่องเที่ยวเท่านั้น นักเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่กระเป๋าหนักพอสมควรถึงจะได้สัมผัสน้ำ ฟ้า ปลาและดาวของที่นี่ได้ การันตีความสวยงามด้วยรางวัลหลากหลายที่ประกาศหราอยู่ทั่วเกาะ

ทั้งสามเข้าพักในบ้านชายทะเลที่สร้างและออกแบบได้อย่างลงตัวและทันสมัยที่สุดเท่าที่สองสาวเคยเห็นมาแบ่งเป็นบ้านพักขนาดเล็กสามหลังอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน โดยหนึ่งหนุ่มสองสาว เข้าพักในบ้านหลังละคน ภายในบ้านประกอบด้วยห้องนอน นอกจากห้องนอนยังมีห้องรับแขก ห้องทำงาน และห้องทำครัว แต่ละบ้านยังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กอยู่ถัดไปทางด้านหลังบ้าน ซึ่งนับว่าเก๋ไก๋ไปอีกแบบสำหรับคนที่ต้องการพักแบบคนเดียวหรือพวกโลกส่วนตัวสูง สนนราคาต่อคืนนับว่าแพงเอาการ ถ้าไม่รวยตัวจริงคงเข้าพักที่นี่ลำบาก

หลังจากจัดการเข้าบ้านพักของใครของมันแล้ว ฝนแก้วอยากเล่นน้ำทะเลตั้งแต่เหยียบย่างที่เกาะนี้แล้ว จึงเดินไปชวนเพื่อนสาวให้ออกไปด้วยกันแต่กลับได้คำปฏิเสธกลับมา เพราะเพื่อนตัวแสบบ่นกระปอดกระแปดว่าแดดแรงยังไม่อยากออกไปกลัวมะเร็งผิวหนัง ฝนแก้วขยั้นคะยอแค่ไหนก็ไม่เป็นผล เมื่อไม่ไปเธอจึงเดินเลยไปชวนชายหนุ่มแทน ทันทีที่เคาะประตู ประตูก็เปิด “ผัวะ” ออกมาทันที เขาอยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับสีผิวขาวของเขายิ่งนัก ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า ผิวกายมันวาวด้วยโลชันทาผิวกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆแบบผู้ชายพัดมาแตะปลายจมูกหล่อน จนสร้างความตื่นเต้นต่อเธอไม่น้อย เธอเบนสายตาบังคับให้สบแต่เพียงตาสีฟ้าของเขาเท่านั้น

“Hey…honey ครับ”

เอเจทักขึ้นก่อนแต่ฝนแก้วได้แต่นิ่งกับภาพชายหนุ่มตรงหน้า เธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายระยะเผาขนแบบนี้มาก่อนไม่นับพ่อและพี่ชายของเธอ จึงทำให้เธอตะลึงงันไป

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เรียกตั้งนานทำไมยืนนิ่งไปไม่สบายหรือเปล่า เอ...แต่มาชุดนี้ไม่น่าจะไม่สบายนะ”

ชายหนุ่มรัวถามพร้อมกับมองร่างบางที่อยู่ในชุดบิกินี่สีสันสดใสบดบังด้วยเสื้อซีทรูสีขาวตัวใหญ่ เธอเลือกชุดใส่ว่ายน้ำแบบนี้เสมอไม่ว่าจะไปกับครอบครัวหรือเพื่อน

เมื่อไม่ได้คำตอบจากคนตรงหน้าเสียที ชายหนุ่มก็ถือวิสาสะจับมือบาง พาก้าวยาวๆไปยังชายหาดทันที เมื่อเห็นชายหาดคนที่ถูกจูงมือก็รีบวิ่งนำหน้าไปก่อน เมื่อถึงชายหาดก็ถอดรองเท้าและชุดคลุมวางไว้บนโต๊ะที่ทางรีสอร์ทจัดเอาไว้ให้ แล้วหันมาชวนเขา

“ว่ายแข่งกันนะคะ ใครถึงโขดหินตรงนู้นก่อน ชนะ!” เสียงหวานท้าทายไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองจะชนะหรือไม่

“ชนะแล้วจะได้อะไรครับ”ชายหนุ่มถามตาวาว

“ก็ต้องแล้วแต่คนชนะสิคะ”

“แน่ใจแล้วนะที่พูดเนี่ย”

เธอไม่ตอบ แต่ฉวยโอกาสที่เขามัวแต่ถาม โถมร่างบางในชุดบิกินี่สีสดลงสู่พื้นน้ำสีฟ้าแหวกว่ายน้ำ ออกตัวไปก่อน เขาเห็นดังนั้นก็ออกตัวตามไปบ้าง ฝนแก้วไม่มีทางรู้หรอกว่าฝรั่งตาน้ำข้าวคนนี้ว่ายน้ำเกือบทุกวันและยังเคยเป็นแชมป์ว่ายน้ำเก่าสมัยอยู่ไฮสกูลและมหาวิทยาลัยด้วย พอใกล้จะถึงโขดหินแห่งเส้นชัย เธอก็ต้องใจหายวาบเมื่อเอวบางถูกมือหนาจับรวบแล้วดึงดันไปทางด้านหลังของโขดหินใกล้ๆ

“Honey ครับ คำถามเดิมที่ผมเคยถามไว้”

“...” เงียบไม่มีเสียงตอบใดจากปากบาง เพราะเอาได้แต่ยิ้มเขินอาย หญิงสาวใช้มือลูบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่ว ก้มหน้าหลบสายตาคมคู่นั้นก่อนจะเงยหน้าพร้อมพูดเสียงแผ่วเบาแต่กระนั้นก็ยังพอได้ยิน

“ฝนตกใจแทบแย่แน่ะ นึกว่าผีทะเลที่ไหนมาฉุดเอาไว้ แล้วผลการแข่งขันก็ยังไม่สิ้นสุดเลยนะคะ เราแข่งอีกรอบดีกว่าถ้าคุณชนะ ฝนจะ say yes เลย” ฝนแก้วยังท้าทายไม่เลิก

“Are you sure,Honey?” เขาถามกลับด้วยภาษาพ่อของตัวเอง

“อืม..ฮึ” คนท้าส่งเสียงตอบในลำคอ

เมื่อได้รับสานส์ท้าและยืนยันข้อตกลง ทั้งสองก็เริ่มการแข่งขันใหม่ชนิดที่เรียกได้ว่าสูสีกันทีเดียวแต่เธอพลาดตั้งแต่ไปท้าพ่อฉลามหนุ่มอย่างเขาแล้ว ถ้าเธอต้องแข่งว่ายน้ำแข่งกับเขาไม่มีทางชนะแน่นอน ไม่มีการต่อให้ก่อน หากผลของผู้ชนะครั้งนี้คุ้มค่ากับเขานัก เมื่อถึงจุดหมายเขาลอยตัวเกาะขอบหินรอด้วยท่าทางทียียวนกวนประสาทที่สุดเท่าที่เธอเคยเขามาตลอดเวลาตั้งแต่ได้พบกัน เอเจหลิ่วตาให้เธอได้น่าหมั่นไส้ที่สุดในความคิดของหญิงสาว

“ผลการตัดสินต้องประกาศไหมครับ” ชายหนุ่มยังยียวนไม่เลิก

“คุณขี้โกงนี่นา เมื่อกี้ออกตัวมาก่อน ฝนไม่ยอมรับผลการแข่งขันหรอกค่ะ ไปดำน้ำต่อดีกว่า แบร่” คนแพ้ไม่ยอมรับความจริงตอบแล้วแลบลิ้นสีชมพูสดใส่หน้าเขา พาลหนีไปจากตรงนั้นให้ได้ ไม่อยากรับข้อตกลงเมื่อครู่

“คนขี้แพ้ แพ้แล้วไม่ยอมรับเหรอ”

เขาว่าเธอไม่จริงจังนัก แล้วตามไปคว้าเอวบางเข้ามาหาอย่างนุ่มนวลพร้อมกับจ้องตาหวานของเธอด้วยแววตาคมพราวระยับ มือหนาเลื่อนมาจับคางมนของเธอแล้วพูดขึ้นว่า

“You’re my honey forever.”

จบคำพูดจากปากเขาพร้อมสัมผัสบางเบาบนปากบางได้รูปของเธอ เขาจุมพิตเธอด้วยความทะนุทนอมก่อนที่จะค่อยสอดปลายลิ้นอุ่นเข้าไปทักทายอย่างสุภาพแสนหวาน ฝนแก้วหลับตาพริ้มตามสัมผัสของเขาด้วยความด้อยประสบการณ์กับจูบแรกในชีวิต พร้อมใจเปิดรับสัมผัสอันแสนเร่าร้อนอ่อนหวานปนอุ่นซ่านก่อนที่เขาจะเร่งเร้ามากขึ้น ร่างหนาค่อยๆผละออกอย่างแสนเสียดาย หลังจากนั้นเขาก็พาเธอดำผุดดำว่ายต่ออีกจนเย็นย่ำ ก่อนจะเข้าบ้านพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับมื้อค่ำที่แสนสุขของทั้งคู่โดยมีเพื่อนมาคอยสอดแนมอยู่ไม่ห่าง ทั้งหมดไปรับประทานอาหารค่ำกันในพื้นที่ส่วนตัวด้วยกันและพูดคุยกันถึงโปรแกรมเที่ยวในวันรุ่งขึ้น เริ่มด้วยการดำน้ำดูปะการัง ครานี้ฝนแก้วต้องบังคับแจ่มจรัสให้ไปกับเธอด้วยเพราะกลัวใจตัวเองเหลือเกินว่าจะยินยอมให้เขาไปมากไปกว่านี้ ซึ่งเพื่อนรักก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกลัวเพื่อนจะโกรธ แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนในห้องของตนเอง

*********************************************

 

 

เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง ทั้งสามจัดการกับธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจึงเตรียมตัวพร้อมกับโปรแกรมเที่ยวที่วางแผนเอาไว้ด้วยการไปดำน้ำ เอเจออกความเห็นว่ามื้อค่ำจะจัดการอาหารเองไม่ต้องไปฝากท้องกับอาหารที่รีสอรทจัดให้ ด้วยเมนูอาหารทะเลปิ้ง ย่าง เอเจเข้ากับเพื่อนสาวตัวแสบของฝนแก้วได้เป็นอย่างดีเพราะความเป็นคนไม่ถือตัว เขาเป็นสุภาพบุรุษมากและยังเป็นคนตลกและสนุกสนานอีกด้วย เมื่อมื้อเย็นมาถึงชายหนุ่มก็จัดแจงอาหารให้สองสาวอย่างคล่องแคล่วจนเธออดแปลกใจไม่ได้ เขาให้เธอนั่งรอที่โต๊ะ โดยมีเขาเป็นคนจัดการอาหารให้เอง ขณะนั่งรอเพื่อนสาวตัวแสบไม่วายเซ้าซี้ถามถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเขา ว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

“ว่าอย่างไรยะ ตกล่องปล่องชิ้นกับเขาหรือยัง”แจ่มจรัสแกล้งถาม

“อะไร พูดจาน่าเกลียด พี่เมฆสอนมาเหรอไง ไอ้คำพูดพวกนี้เนี่ย”ฝนแก้วแซวกลับไม่ยอมตอบคำถามของเพื่อน

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ฉันหมายถึงแกกับเขา...”

พูดพลางยกนิ้วชี้ตัวเองทั้ง2ข้างมาวางคู่กัน แล้วสบตาเพื่อนอย่างล้อเลียนทะลึ่งทะเล้น ฝนแก้วหยิกหมับที่ต้นแขนของเพื่อนพร้อมกับหน้าเรียวที่เปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่ได้

“อะไรของแก ท่าทางแบบนี้ มันคืออะไรฮะ”

ตอบเพื่อนกลับด้วยคำถามแต่ใจจริงเข้าใจความหมายนั้นดี

“ก็...ก็ตกลงคบกันไหม คบกันแบบไหน แกคิดอะไรอยู่เนี่ย”

แจ่มจรัสยียวนกลับเพราะพอรู้มาบ้าง ว่าตั้งแต่มาพักที่เกาะ เพื่อนรักและหนุ่มต่างชาติ มีท่าทีสนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น แต่อยากให้เพื่อนเล่าออกมามากกว่าคาดเดาเอาเอง

“อือ”ฝนแก้วส่งเสียงตอบมาคำเดียว

“อืออะไรจ้ะ อือคืออะไร”แจ่มจรัสถามย้ำ

“ก็...อือ...คือคบกันแล้วไง รู้แล้วยังมาแกล้งถาม อย่าให้ถึงคราวฉันบ้างนะ”ฝนแก้วตอบกลับด้วยความอาย

“ฉันก็ว่าแล้วเชียว เป็นใครนะเจออีฝรั่งตาน้ำข้าวแล้วไม่ชอบนี่ก็บ้าแล้ว ผู้ชายอะไรไม่รู้หล่อก็หล่อ รวยหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่ช่างเถอะ ที่สำคัญเขาสุภาพ คุยสนุก ตลกด้วยถ้าแกไม่เอา ฉันขอนะ นะ นะ...” แจ่มจรัสแกล้งกระเซ้าเธอ

“ขออะไรกันเหรอครับ”

เอเจถามขึ้นหลังจบคำพูดแจ่มจรัส ได้ยินสองสาวคุยกันน่าสนุกจึงเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย พร้อมจานอาหารที่ย่างเอาไว้พร้อมทานมาเพิ่มให้เธอและเพื่อน ขณะที่ของเดิมที่ย่างเอาไว้ก่อนหน้ายังไม่พร่องไปสักเท่าไรนัก

“ก็...นี่ไงคะ กุ้งเผาตัวนี้ ทั้งใหญ่...ทั้งสด...ที่สำคัญหล่อด้วย ยัยฝนทำท่ายึกยักไม่เอา แจ๋มก็เลยจะขอ”พูดพร้อมกับยิ้มตาวาวล้อเลียนใส่เพื่อนรัก แล้วเลยลุกขึ้นไปทำหน้าที่ปิ้งย่างให้บ้าง เปิดโอกาสให้เพื่อนได้อยู่ตามลำพังกับชายหนุ่ม เอเจยืนงงในคำตอบแต่ไม่ได้ถามเซ้าซี้ กลับคุยเรื่องอื่นไป

“เหนื่อยไหมครับวันนี้”

“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ”

“ท่าทางไม่นิดหน่อยนะ”

“แต่ก็สนุกดี สนุกมากกว่าเหนื่อย สรุปว่าไม่เหนื่อย” พูดพลางยิ้มตาหยีใส่เขา เขาถึงกับตาพร่า ใจสั่นทันทีที่เห็นเธอส่งตาหวานมาแบบนี้ แม้จะรู้ว่าเป็นธรรมชาติของหล่อน แต่ก็อดใจไม่ไหวจนต้องก้มไปหาริมฝีปากบาง หวังใจว่าจะได้ลิ้มรสหวานที่เพิ่งได้สัมผัสไป เขารู้ว่าเธอหวานแค่ไหน แม้ไม่แน่ใจนักว่านี่เป็นจูบแรกของเธอหรือไม่ แต่ถ้าเธอและเขาใจตรงกัน และเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกันเขาก็เปิดใจพร้อมจะรับเธอเข้ามาในชีวิต ทันทีที่ปากของเขาเกือบได้สัมผัสกับปากบาง ฝนแก้วก็เบี่ยงหน้าหลบคนที่จ้องจะเอาเปรียบทันที ปากหนาจึงสัมผัสเข้ากับแก้มใสของเธอแทนเขายังไม่วายเอาเปรียบแกล้งสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมเอ่ยปากชม

“ฮืม... หอมจัง”

“อย่ามาเอาเปรียบกันนะพ่อฝรั่ง”

“เอาเปรียบอะไรครับ”

“คนไทยเขาถือ”

“ถืออะไร ถือทำไม”แกล้งถาม ทั้งที่ก็รู้ประเพณีไทยอยู่พอควร

“โบราณเขาว่าไว้”

“ว่าไว้ว่าอย่างไรครับ”

“ไม่ให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่ไม่ใช่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามประเพณี ถูกเนื้อต้องตัวจนกว่าจะแต่งงานค่ะ มันไม่ดีรู้ไหม”

“งั้นแต่งงานกันตอนนี้เลยได้ไหมครับ” ชายหนุ่มถาม

“ตาบ้า…วันก่อนเพิ่งขอคบกัน...วันนี้จะมาขอแต่งงานกันแล้วเร็วไปหรือเปล่าคะ”แม้จะเป็นการต่อว่าแต่น้ำเสียงที่ใช้กลับไม่จริงจังนัก

“เราต้องคบกันถึงเมื่อไร...ถึงจะแต่งงานกันได้ครับ”

เอเจรุกถามเธอ สายตาคมคู่นั้นมองสบตาเธอนิ่ง เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรกันแน่กับหญิงสาวตรงหน้า

“เอ่อ... “เธอจนในคำตอบกับคำถามของเขา

“เมื่อถึงเวลานั้น...คำตอบจะมาเองคะ...อย่าเร่งรัดเลยนะคะ”

 ตอบปัดไปก่อน เธอไม่มั่นใจในอนาคตและความสัมพันธ์แบบนี้เช่นกัน

“Yes sir”เขาพูดพร้อมทำท่าตะเบ๊ะล้อเลียนเธอเป็นเชิงว่ารับคำสั่ง

ฝนแก้วมองเขาแล้วได้แต่ยิ้มหวานตอบไปให้ เธอคิดไปว่า การเจอกันครั้งนี้อาจเป็นแค่ความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ที่คงได้เที่ยวด้วยกัน เมื่อถึงเวลาแล้วก็คงแยกย้ายกันไปกลับใช้ชีวิตของใครของมัน ตอนนี้ที่เขาขยันทำหวานใส่เธอ คงเป็นเพียงแค่ธรรมชาติของผู้ชายเท่านั้น ที่เมื่ออยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนก็แสดงอาการเจ้าชู้ไก่แจ้ใส่ทุกรายไป เหมือนที่พ่อและพี่ชายของเธอคอยพูดกลอกหูอยู่เป็นประจำ  

เมื่อทานอาหารเรียบร้อยทุกคนก็เอนหลัง ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะ คลอเคล้าด้วยเสียงดนตรีที่บรรเลงสดส่วนใหญ่เป็นเพลงร่วมสมัย ฟังเพลินๆ ผสมผสานด้วยแอลกอฮอล์ เอเจเลือกวิสกี้ให้ตนเอง สองสาวเลือกคอกเทลแบบเบาๆทั้งหมดนอนคุยกันเริ่มด้วยชีวิตของแต่ละคนและประสบการณ์ในชีวิตอย่างสนุกสนาน

“ดาว...เต็มฟ้าเลยฝน”

เสียงสาวอยากลองยานคางเพราะเครื่องดื่มทำพิษ แจ่มจรัสอยากลองดื่มดูบ้างหลังจากดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

“สวย...โรแมนติกชะมัดเลยเนอะฝน...”

แจ่มจรัสพูดซ้ำอีกหลังเสียงยานคาง เพราะไม่มีใครคุยกันแจ่มจรัสคงอยากทำลายความเงียบนั้น เอเจได้แต่ขำในท่าทางของแจ่มจรัส จนต้องลุกขึ้นมานั่งดูหน้าคนอยากลองของ พร้อมทักขึ้นเมื่อเห็นอาการของหญิงสาวแล้วเหมือนจะแพ้อะไรบางอย่าง

“ทำไมคุณแจ๋มหน้าแดงจังครับ ปากก็ดูบวมๆด้วย”

“แจ๋ม แกแพ้อะไรเนี่ย”ฝนแก้วรีบลุกขึ้นมาดูเพื่อนเมื่อจบคำของชายหนุ่ม ด้วยความเป็นห่วง

“อะไรฝน...แกอย่ามาอำฉัน”

ปากบอกไม่เชื่อที่คนอื่นทัก แต่ตัวเองก็รู้สึกหนาและตึงบริเวณปากแถมยังคันตามแขนขา ทีแรกเธอคิดว่าทำไมที่นี่ยุงเยอะจังทั้งที่ลมทะเลก็ออกจะแรง แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่ายุงหรืออะไรทำให้คัน จึงหยิบกระจกในกระเป๋าขึ้นมาส่องทันที

“กรี๊ด...หน้าฉัน...”แจ่มจรัสโวยวายทันทีที่เห็นสภาพตัวเอง

“เอาไงดีล่ะทีนี้”

ฝนแก้วพูดเหมือนถามตัวเองมากกว่าขอความช่วยเหลือใคร สงสารก็สงสารขำก็ขำ แต่ตอนนี้เริ่มสงสารมากกว่าด้วยผูกพันธุ์เสมือนพี่น้องของสองสาว อารามตกใจทำให้ฝนแก้วทำอะไรไม่ถูกไป

“เดี๋ยวผมไปขอยากับพนักงานให้นะครับ แล้วคุณพาคุณแจ๋มกลับห้องก่อนดีกว่าครับ ได้ยาแล้วผมจะเอาไปให้”ชายหนุ่มแก้ปัญหาให้ทันที

“ค่ะ ได้ค่ะ”ฝนแก้วรับคำแล้วหันมาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

“แจ๋ม แกเดินไหวไหม” ถามแล้วพยุงเพื่อนยืนขึ้นก่อนจะพากลับห้อง

“ฝน...ฉันแค่ภูมิแพ้ขึ้นแค่นั้นนะ ไม่ได้เป็นอัมพาต จะได้เดินไม่ไหว อีกอย่างยาฉันก็มีแต่ไม่ได้เอามา ฉันเป็นหมอนะ แกลืมไปแล้วเหรอ...”เสียงอ้อแอ้ตอบกลับไม่วายกวนประสาท

“เยอะนะ เห็นว่าเมานะเนี่ยยกให้ เดี๋ยวหมั่นไส้มาก ทิ้งไว้ให้นั่งคนคนเดียวเลยดีไหม”ฝนแก้วพยุงเพื่อนไปบ่นไปพลาง

               “แฮร่... แจ๋มขอโทษจ้ะ”                                                               

“เออ...พูดจาแบบนี้ค่อยน่าช่วยหน่อย”

สองสาวเดินกลับที่พักและรออีกครู่ใหญ่ เอเจก็ตามมาพร้อมยาแก้แพ้ ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา เขาดูแลพวกเธอเป็นอย่างดี แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ก็พอมองเห็นเนื้อแท้ของกันและกันได้ ว่าต่างคนก็คงเป็นคนจิตใจดีกันทั้งนั้น เวลาไม่ใช่เครื่องพิสูจน์คน บางคนคบกันมานานก็อาจตลบหลังกันได้ บางคนแม้เพิ่งเจอหน้ากันไม่นานก็อาจเป็นมิตรแท้กันได้เช่นกัน ฉะนั้นอย่าให้ตัดสินใจเพียงแค่ไม่ถูกชะตากับเขา

“ทานยาแก้แพ้นะครับ ยาออกฤทธิ์แล้วก็พักผ่อนเถอะ เป็นอย่างไรบ้างล่ะซ่าดีนัก ฮะ ฮะ ฮ่า...”เอเจแซวไม่เลิก แจ่มจรัสไม่ตอบได้แต่อมยิ้ม

“ฝากคุณเอเจไปส่งยัยฝนด้วยนะคะ ถ้างอแงอนุญาตให้ตีได้เลย”แจ่มจรัสเปิดโอกาสให้คนหายามาให้ทันที ด้วยรู้ว่าเพื่อนรักก็มีใจให้เขาเช่นกัน

“นี่...นี่...พอเลยทั้งคู่ เดี๋ยวฉันจะโทรไปรายงายพี่เมฆดีกว่าว่าแกซ่าจนได้เรื่อง ตอนนี้ก็นอนพักได้แล้ว ฉันก็เริ่มง่วงแล้วด้วย ฝันดีนะยะ”

*************************************************

 

 

 เมื่อเอ่ยล่ำลากันแล้ว สองหนุ่มสาวก็ปิดไฟล็อกบ้านและเช็คความเรียบร้อยให้คุณหมอจอมเปื่อยแล้วก็ออกไป ขณะเดินกลับที่พักเอเจออกปากชวนเธอว่า

“ไปดูดาวต่อไหมครับ ผมอยากมีเวลาส่วนตัวกับคุณบ้าง อีกอย่างผมก็ยังไม่ง่วงสักเท่าไร อยู่เป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ”เขาชวนเสียงทุ้ม

“ได้ค่ะ”เธอตอบกลับเสียงหวาน

“ไปที่มุมโปรดของผมไหมครับ มุมนั้นเห็นทิวทัศน์ทั้งเกาะเลยนะ”

“ฮึ” หญิงสาวย่นจมูกพร้อมพูดต่อว่า“เอาเปรียบกันนี่นาทำไมคุณได้บ้านพักที่มีวิวสวยอยู่คนเดียวล่ะคะ”

เขาไม่ตอบแต่อมยิ้มและขำในท่าทางของหญิงสาวที่ดูยังไงก็ยังเป็นสาวน้อยหน้าใสไร้เดียงสาอยู่มาก ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะจบปริญญาตรีแล้ว และยังช่วยบริหารกิจการให้กับญาติของเธออีก ด้วยอายุแค่ยี่สิบสามปีเท่านั้น เอเจไม่เคยถามละลาบละล้วงถึงครอบครัวหรือแม้แต่ฐานะของทางหญิงสาว เขารู้แค่เพียงข้อมูลที่เธออยากบอกเท่านั้นว่าเรียนจบแล้วในสายบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ หลังจากเรียนจบก็ยังไม่ได้ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่งแต่เข้าไปช่วยงานให้กับทางญาติเท่านั้น

“ใครเตรียมเครื่องดื่มไว้รอคะ น่ารักจัง”เสียงหวานของหล่อนทำลายภวังค์ความคิดของเขา

“นี่เป็นน้ำพั้นช์สำหรับคุณผู้หญิงครับ”จบประโยค เอเจก็หยิบแก้วให้เธอและหันมาหยิบของตัวเองพูดขึ้นว่า “ของผมเป็นวิสกี้ ห้ามหยิบผิดเด็ดขาด”

“อะไรกันผู้หญิงผู้ชายต้องมีสิทธิและเสียงเท่าเทียมกันสิ ฝนดื่มได้นะวิสกี้เนี่ย”

พูดแล้วเอื้อมมือไปคว้ามาแก้วในมือเขามาดื่มทันที แล้วยังส่งสายตาท้าทายกลับไป หารู้ไม่ว่าท่าทางของเธอตอนนี้มันยั่วยวนเขาแค่ไหน

“Honey อย่าดื่มเลยครับ มันแรงมากนะ ผมขี้เกียจเดินไปขอยากับพนักงานอีกรอบ”

ห้ามเธอไปแล้วพยายามเอื้อมมือไปคว้าแต่ไม่ทัน เพราะสาวน้อยตัวแสบกระดกจนหมดแก้ว เอเจได้แต่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยที่เธอดื่มเครื่องดื่มดีกรีแรงเยี่ยงนี้ เขาเป็นห่วงว่าพรุ่งนี้เธออาจมึนศีรษะจนลุกไปไหนมาไหนไม่ไหว วิสกี้ที่มีในห้องของเขาชนิดนี้ค่อนข้างแรง แต่เขาคงไม่รู้ได้ว่าฝนแก้วก็แรงไม่น้อยเช่นกัน

“โอเค ฝนดื่มพันช์ต่อก็ได้” ว่าแล้วก็จัดการเครื่องดื่มของเธอต่อทันที

“Honey คุณดื่มวิสกี้แล้วยังจะดื่มพั้นช์ตามอีกเหรอ Oh my god! คืนนี้ผมว่าคุณแย่แน่ๆ”

ชายหนุ่มห้ามปรามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกลอกตาไปมา หญิงสาวหัวเราะขำในท่าทางของเขา ที่ตอนนี้ชักจะเหมือนพ่อและพี่ชายของหล่อนเข้าไปทุกทีแล้ว ทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัวของตนเองบางคราวก็แลกเปลี่ยนแนวคิดการใช้ชีวิตไปพลางดื่มไปด้วย จนไม่รู้ว่าดึกดื่นแค่ไหนแล้ว ทันทีที่เขาเล่าเรื่องตลกสมัยวัยรุ่นให้เธอฟัง ฝนแก้วก็ขำจนท้องแข็งให้กับความเปิ่นของชายหนุ่ม จนตาหวานพราวเยิ้มบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ขยันเติมเข้าไปไม่หยุดหย่อน ทำให้สองหนุ่มสาวคนละฝั่งโลกหยุดแล้วสบตากันราวกับมีกระแสบางอย่างดึงดูดซึ่งกันและกัน

เขาโน้มหน้าเข้ามาหาเธอช้าๆ เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเขาที่ทำให้ใจเธอเต้นแรงและเร็วจนแทบทะลุออกมานอกอกได้ขนาดนี้ พอได้สบตาสีฟ้าคู่นั้น ปากหนาก็ขยับเข้ามาจนชิดขอบปากของเธอ รับรู้ลมหายใจของกันและกัน เขาใช้ริมฝีปากหนาของเขาสัมผัสลงบนเรียวปากบางได้รูปของหล่อนอย่างแผ่วเบาเหมือนเป็นการทักทาย เธอหลับตาลงอย่างหลงใหลในสัมผัสนั้น ดูเหมือนว่าตัวเองจะเริ่มโหยหาเขามากขึ้นทุกขณะจิต ร่างงามสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ยามเมื่อปลายลิ้นอุ่นแตะบางเบาลงบนริมฝีปากของเธอ แม้จะเคยพบเจอกันมาก่อน แต่คราวนั้นเป็นแค่ช่วงเวลาแสนสั้น ตอนนี้เขาทำให้เวลาเหมือนมันหยุดและถูกดึงยืดยาวออกไป ลิ้นอุ่นของเขามีกลิ่นแอลกอฮอล์เจือปนมาด้วย เขาไล้เบาๆทั่วปากของเธอ แล้วเธอก็ยินยอมและอนุญาตให้เขาได้สัมผัสกับความหวานสร้างความวาบหวิวเหมือนจะขาดใจไปกับรสชาติของจูบนั้น บางครั้งเขายังเผลอสัมผัสเธออย่างยั่วยวนด้วยการวนลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นบางอย่างดูดดื่มเร่งเร้าและเร่าร้อน นี่มันเป็นความปรารถนาจากฤทธิ์เหล้าหรือฤทธิ์แห่งเสน่หาระหว่างเพศกันแน่

“So sweet Honey”

เขาได้แต่กระซิบเสียงพร่าชิดริมฝีปากได้รูปของเธอ ซึ่งบัดนี้มันเริ่มเจ่อบวมเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะอ่อนโยนแค่ไหนก็ตาม เธอกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับก้มลงมาปิดเสียงนั้นไว้อีกครั้ง จากจุมพิตที่แสนวาบหวาม หน้าคมก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหูเล็ก ใช้ริมฝีปากของเขาขบลงบนนั้นบางเบาแต่เร่าร้อน พร้อมกับลมหายใจอบอุ่นเป่ารดอย่างรัญจวนใจ ทำไมถึงรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย

“Please”

เสียงหวานเรียกร้องแผ่วเบาเมื่อเขาลากจูบบางเบาไปตามพวงแก้มแล้วไล่ลงไปตามลำคอระหงอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน

“What do you want honey? ”

เขาจบคำถามพร้อมกับตวัดร่างบางขึ้นอุ้ม ทั้งทีปากยังคงทำหน้าที่บดจูบอย่างเร่าร้อน ขาแกร่งกำยำพาร่างบางเข้าไปในห้องพัก ก่อนจะวางลงบนที่นอนหนานุ่มอย่างแผ่วเบาและทะนุทนอม ทันทีที่วางเธอลง ฝนแก้วก็ผวาเฮือกขึ้นสุดตัวด้วยความตกใจกับความเย็นของที่นอนมันทะลุผ่านแผ่นหลังของหล่อนที่กำลังร้อนผ่าวจากสัมผัสของเขา เอเจไม่รอช้ารีบพาตัวเองไปจูบตอบอย่างเร่าร้อนให้เธอยินยอมให้กับเขาเสียที ฝนแก้วชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อปากบางถูกครอบครองด้วยความเร่าร้อนเอาแต่ใจ จนต้องส่งเสียงครวญครางอย่าห้ามไม่อยู่ เมื่อเขาใช้ปลายลิ้นอุ่นลากไล้ไปทั่วลำคอของเธออย่างเร่าร้อน ร่างงามสั่นไหวระริกด้วยความกระสันรัญจวน

“Don’t”

เธอส่งเสียงเหมือนจะห้ามปรามเขา แต่ร่างกายกลับให้ความร่วมมืออย่างน่าอายยิ่งนัก มือหนาของเขาเริ่มสำรวจผ่านเสื้อผ้าหล่อนอย่างลุ่มหลงก่อนจะย้ายไปปลดตะขอบราทางด้านหลังอย่างแผ่วเบา เธอเผลอแอ่นอกให้เขาอย่างง่ายดาย ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาสีฟ้าคู่นั้น เขาดึงบราออกจากร่างอรชรอย่างชำนิชำนาญเสมือนเคยสวมใส่อยู่เป็นประจำ บราสีหวานหลุดจากทรวงอิ่มทั้งที่มีเสื้อนอกปิดบังอยู่ เขาอ้าปากทักทายเม็ดนูนบนยอดอกที่ดันทะลุเสื้อผ้าเนื้อนุ่มอย่างท้าทาย มือบางขยำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น ไม่อาจทานทนต่อความรู้สึกแปลกประหลาดที่มีเขาเป็นคนกระตุ้นไปได้ เขาทรมานหล่อนอีกครั้งด้วยการเลื่อนมือเข้าไปในชายเสื้อ แล้วดึงขึ้นจนพ้นเส้นผมดำขวับของเธอ ทรวงอะร้าอร่ามราวดอกไม้แรกแย้มปรากฏต่อสายตาคมทันที ปากหนาไม่รอช้าก้มลงดูดกลืนยอดอกอีกราวกับกลัวว่าเธอจะอันตรธานหายจากหากชักช้าไปกว่านี้

“เอเจ! อ่า!...”

เสียงหวานเรียกเขาไม่เข้าใจตนเองว่าต้องการให้เขาหยุดหรือให้เขากระทำต่อ ยามเมื่อปากอุ่นชื้นสัมผัสอกสวยแล้วยังไล้เลียมันอย่างนุ่มนวลแต่เสียวซ่านเร่าร้อนอยู่ในที ปากหนาเป่าลมอุ่นให้ยอดอกสลับกับความชื้นจากอุ้งปากส่งผลให้เธอเสียวซ่านในอารมณ์จนต้องบอกให้เขาหยุดทรมานเธอเสียที

“Stop”

ฝนแก้วกลั้นใจส่งเสียงห้ามทั้งที่ร่างกายต้องการมากกว่านั้น ความต้องการพุ่งพ่านเกินกว่าจะทนต่อไปไหว

“No”

เสียงเข้มตอบกลับมาพร้อมกับเลื่อนตัวขึ้นมาเพื่อจูบผมปลอบหญิงสาว...

 

 

 ฝากฉบับเต็มที่ meb ด้วยนะคะ

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา