Dead End

9.7

เขียนโดย ฟ้าเวิ้ง

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 01.51 น.

  2 ตอน
  3 วิจารณ์
  5,225 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2557 01.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตื่นกลัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แสงแดดยามเช้าเริ่มส่องลอดมาทางหน้าต่าง ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าเพื่อลดความอ่อนล้า น้ำประปาไหลน้อยลงทุกที อีกไม่กี่วันอาจจะหยุดไหล ผมคงต้องก้าวออกไปสู่โลกภายนอกซะที...

กระเป๋าเป้ใบสีแดงสด ถูกนำมาวางไว้บนเตียง ผมหยิบเสื้อผ้าไม่กี่ชุดยัดใส่ลงไป เสบียงอาหารที่เหลืออยู่ ถูกใส่ตามลงไปด้วยพร้อมกับยาทาแผล ยาแก้ปวด ที่ผมเคยซื้อมาเก็บไว้ โทรศัพท์มือถือ ที่ตอนนี้ไม่เหลือแบตเตอรี่แล้ว ถูกเหน็บไว้ที่ด้านข้างของกระเป๋าเป้ ผมเตรียมตัวพร้อมมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ที่ยังไม่พร้อมคือจิตใจ...

นาฬิกาเรื่องแสงของผมยังคงแสดงเวลาของมันต่อไป "13:25" เริ่มบ่ายแล้วขืนรอต่อไปคงไม่ดีแน่ ถ้าฟ้าค่ำก่อนที่ผมจะไปถึงบ้านแม่ได้ มันคงไม่ดีนัก ผมหยิบอาวุธเพียงชิ้นเดียวที่พอจะหาได้ในตอนนี้มากำไว้แน่น ผมค่อย ๆ เดินไปที่ประตูห้อง พร้อมกับแนบตาอย่างระวังที่ช่องตาแมว... กองเลือดยังคงแห้งกรังอยู่หน้าห้องผม แต่ไร้วี่แววของเจ้าของเลือด ผมนับ หนึ่ง สอง สาม แล้วค่อยๆ บิดประตูออกช้า ๆ ... แกร็ก..กก..  กลิ่นคาวเลือดลอดเข้ามาปะทะที่หน้าผม...ผมค่อยๆ แง้มประตูและก้าวออกไปอย่างเงียบที่สุด พยายามเขย่งขาก้าวเดินเพื่อหลบกองเลือดที่น่าขนลุกนั่น  บรรยากาศภายนอกดูเงียบและวังเวง ตามทางเดินมีกองเลือดให้เห็นอยู่ประปราย ประตูห้องบางห้องถูกเปิดทิ้งไว้ ผมค่อยๆก้าวไปอย่างระวัง มือกำมีดปลอกผลไม้ไว้แน่น ภาวะนาให้เดินไปถึงบันไดโดยปลอดภัย..

แอ๊ด..ดด..ด.. ผมสะดุ้งเฮือก รีบมองไปทางต้นเสียงทันที.. ประตูห้อง 306 ค่อยๆ แง้มออกมา หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ เหงือเม็ดโตๆเริ่มผุดมาตามใบหน้า สายตาจับจ้องไปที่ประตูอย่างไม่กะพริบ  .........ไม่มีอะไรออกมาจากประตูบานนั้น ผมค่อยๆเดินต่อไปอย่างระวัง โดยไม่ละสายตาจากประตูห้อง 306

ผมเดินมาถึงหน้าลิฟท์ ซึ่งขณะนี้เป็นสิ่งไร้ประโยชน์ เพราะปราศจากไฟฟ้า บันไดเป็นที่พึ่งเดียวของผม ไม่เคยมีการเดินลงบันไดครั้งไหนหนักใจเท่าครั้งนี้ ข้างล่างผมจะเจอกับอะไรบ้าง เด็กสาวคนนั้นเธอยังคงเดินวนเวียนอยู่ที่ชั้นล่างหรือเปล่า..แต่เมือตัดสินใจแล้วก็ต้องเดินต่อไป ผมค่อยๆก้าวลงบันไดที่ละขั้น เขย่งเท้าราวกับโจรย่องเบา ตึก..ตึก.. เสียงรองเท้าผ้าใบคู่เก่งของผมกระทบเป็นจังหวะตามขั้นบันได.... ผมผ่านชั้นสองลงมาโดยไม่คิดจะแวะไปดูห้องของ ไอ้เปี๊ยก อดีตเพื่อนร่วมงานของผม ผมเดินลงมาจนถึงชั้นหนึ่ง ผ่านมินิมาร์ทเล็ก ๆ ของป้าแต๋ว ที่ตอนนี้ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่ว ตู้เย็นถูกเปิดทิ้งไว้ กระจกหน้าร้านแตกเป็นช่องใหญ่ มีเศษกระจกกระจายอยู่ตามพื้น ถัดจากร้านป๋าแต๋ว เป็นออฟฟิตของหอพัก ประตูถูกล็อคด้วยแม่กุญแจตัวใหญ่ ของในห้องยังดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดี เจ้าของหอคงล็อคห้องแล้วรีบหนีออกไปตอนเหตุการณ์บ้าๆ นี้เกิดขึ้น

ขณะที่ผมกำลังค่อยๆย่องผ่านหน้าออฟฟิต ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง แกร๊ก.. แกร็ก.. ผมหันไปมองทันที ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของป้าแต๋วค่อยๆ คลานออกมาจากประตูมินิมาร์ท ตามตัวมีรอยเศษกระจกบาดไปทั่ว.. แกค่อยๆหันหน้ามาทางผม ตาของแกแดงก่ำ เช่นเดียวกับเด็กสาวที่ผมเจอ แกอ้าปากคำราม "กรร..รรร!!" น้ำลายไหลกระเซ็นไปทั่ว... สิ่งที่ผมควรจะทำคือวิ่ง แต่ตอนนี้ขาของผมมันก้าวไม่ออก ยังคงสั่นและรู้สึกอ่อนแรงเหมือนจะล้มลง  ป้าแต๋วค่อยๆ คลืบคลานเข้ามาทางผมเรื่อย ๆ เสียงเศษแก้วเบียดกันตามจังหวะการคลืบคลานของป้าแต๋ว ผมไม่รอช้า หันหลังวิ่งออกมาแบบไม่คิดชีวิต ผ่านประตูทางเข้าหอพัก ร่างของลุงยามนอนคว่ำหน้าอยู่ ข้างกายมีกระบองประจำตัวของแกตกอยู่ ผมรีบหยิบกระบองท่อนนั้นแล้ววิ่งออกไปจากหอพัก ปล่อยให้ลุงยามนอนอยู่อย่างนั้นดีกว่าที่จะรอให้แกลุกขึ้นมาทักทาย...

ผมตรงไปที่ลานจอดจักรยานข้างหอพัก จักรยานเสือภูเขาคันเก่งของผมจอดนิ่งอยู่ ....ตายห่า!!.. ดันลืมเอากุญแจล็อคล้อลงมาด้วย ผมสบถกับตัวเอง จะให้กลับขึ้นไปเอากุญแจก็คงไม่ไหว ป้าแต๋วคงไม่ปล่อยให้ผมขึ้นไปง่ายๆ ผมคงต้องเดินไปซะแล้ว... 

ผมเดินออกมาจากหอพักด้วยตวามระมัดระวัง กวาดสายตาสอดส่องไปทั่ว ภาวนาอย่าให้เจออะไรแบบป้าแต๋วอีกเลย ผมเดินลัดเลาะสิ่งกีดขวางตามถนน หลบรอยกองเลือดที่เริ่มแห้งกรังคาพื้น ผ่านบ้านเรือนผู้คนที่ปิดเงียบ ราวกับตอนนี้มีผมคนเดียวในโลก.... จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องแว่วมาจากทางปากซอย ที่นั่นเกิดอะไรขึ้น มีคนกำลังรอความช่วยเหลือหรือเปล่า ผมรีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อไปให้ถึงปากซอยให้เร็วที่สุด...

หญิงสาวคนนึงกำลังยืนกัดแกว่งท่อนไม้อยู่บนหลังคารถ โดยมีพวกมันสองตัวกำลังเอื้อมมือไขว่ขว้า เพื่อจะดึงเธอลงมา สภาพของพวกมันดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนแล้วแน่ๆ ตัวนึงไส้ไหลคาอยู่ที่พุง ตามตัวมีรอยเหวอะหวะ อีกตัวตาข้างนึงหายไป ใบหน้ามีรอยฉีกขาดเป็นบาดแผลแกรรจ์  ทั้งสองตัวขู่คำรามและพยายามตะเกียกตะกายที่จะขึ้นไปจับตัวเธอ หญิงสาวฟาดท่อนไม้ในมือไปที่พวกมัน ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เหมือนมันจะไม่ได้ผล ปากก็ตะโกนกรีดร้องเรียกขอความช่วยเหลือ

ผมหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้า จ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความสับสน "ผมควรจะเข้าไปช่วย หรือ เดินหนีไปดี" มีดปลอกผลไม้ในมือคงช่วยอะไรเธอไม่ได้ เผลอๆอาจจะโดนเจ้าสองตัวนั้นจัดการซะเอง ในเวลาแบบนี้การเอาตัวรอดน่าจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำที่สุด ผมค่อยๆ เดินแนบกำแพง เพื่อหลบไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้  "คุณ! คุณ!! ช่วยด้วย ๆ " เธอตะโดนสุดเสียง พร้อมโบกมือให้ผม "จัดการเจ้าพวกบ้านี้ให้ที ได้โปรด!!" เธอมองเห็นผมซะแล้ว ผมยืนนิ่ง ไม่กล้าแม้จะตะโกนตอบเธอ กลัวพวกมันจะได้ยินเสียงและหันมาเล่นงานผมแทน  ผมโบกมือส่ายหน้า เพื่อให้เธอรู้ว่าผมไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ "ไม่นะ!! คุณต้องช่วยชั้น"  ผมค่อยๆ ก้าวเท้าเดินต่อไป จะอธิบายอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ ตอนนี้รีบหนีไปให้ไกลจากตรงนี้จะดีกว่า ไอ้บ้า แกจะทิ้งชั้นไว้แบบนี้ไม่ได้นะ!! เธอตะโกนพร้อมกับเขวี้ยงท่อนไม้มาที่ผม ผลั๊ก!! โอ๊ย..ยย!! ผมร้องเสียงหลง เมื่อท่อนไม้กระแทกเข้าที่ลำตัว เสียงร้องของผมดึงดูดความสนใจเจ้าพวกนั้นซะแล้ว พวกมันเริ่มเยื้องย่างมาทางผม พร้อมส่งเสียงขู่คำราม ผมรีบคว้าไม้ท่อนนั้นไว้ในมือ และรีบวิ่งไปก่อนที่พวกมันจะมาถึงตัว "ฮ่า ฮ่า ดี ๆ ตามไปกัดมันเลย" เสียงของหญิงสาวคนนั้นตะโกนไล่หลังผมมา นี่มันอะไรกันทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย.. 

ผมรีบวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ที่ลำตัวเจ็บแปล๊บเพราะไม้ท่อนนั้น ผมวิ่งออกจากซอยสู่ถนนใหญ่ ที่ตอนนี้มีรถยนต์หลายคันจอดแน่นิ่งอยู่ เสียงของผู้หญิงคนนั้นยังดังแว่วมาจากข้างหลัง พร้อมกับเสียงขู่คำรามของไอ้สองตัวนั่น ผมวิ่งไปตามถนนด้วยความตื่นกลัว ในใจตอนนี้ขอเพียงให้หนีไอ้สองตัวนั้นพ้นก็พอ 

ความเชื่องช้าของพวกมันทำให้พวกมันตามผมไม่ทัน ตอนนี้ไม่เห็นเงาของพวกมันแล้ว ผมหยุดนั่งพักที่ริมฟุตบาท เหงื่อไหลออกมาจนเปียกโชกไปทั้งตัว ผมหยิบน้ำออกมาจากเป้เพื่อดับความกระหาย แล้วเทน้ำราดบนหัวเพื่อดับร้อน....

หลังจากหายเหนื่อย ผมก็เริ่มออกเดินทางต่อทันที สภาพถนนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรถยนต์ที่จอดตายเป็นจำนวนมาก ไม่ต่างจากสุสานรถ บางคันจอดแน่นิ่ง บางคันชนกันสภาพยับเยิน ทำให้ผมต้องระมัดระวังตลอดเวลาที่เดินผ่านซากรถพวกนั้น ...แกร๊ก...แกร๊ก...  เสียงดังมาจากซากรถยนต์คันหน้า ผมไม่รอดูว่ามันคือเสียงอะไร รีบเดินอ้อมไปอีกทางนึงทันที

แสงแดดเริ่มอ่อนแรงลงแล้ว ตอนนี้คงเป็นเวลาราวๆ บ่ายสี่โมง การเดินทางด้วยเท้ามันช่างยากเย็นสำหรับผมจริงๆ ร่างกายที่ไม่ได้เตรียมพร้อมกับการเดินทางไกล เริ่มอ่อนล้า ชีวิตที่ผ่านมาผมคงพึ่งพาสิ่งอำนวยความสะดวกมากเกินไป ขาของผมเริ่มสั่นเล็กๆ หวังว่าฟ้าจะไม่มืดไปซะก่อนที่ผมจะเดินทางไปถึงบ้านแม่

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา