Fic B2ST Big Mama [JunSeung ft.Lee Joon] [Rate 20]

10.0

เขียนโดย เช้าตรู่

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.44 น.

  20 chapter
  5 วิจารณ์
  39.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2557 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) Big Mama Chapter 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

     “_____ซักวัน กูจะต้องทำใจฆ่ามึงให้ได้ จุนฮยอง!!”

 

     “ถ้าวันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ กูก็พร้อมจะตายด้วยมือของมึง” ดวงตาเรียวมากเสน่ห์จับจ้องไปที่ใบหน้าสวยที่ตอนนี้เครื่องหน้าบนใบหน้าที่เรียกว่าดวงตาสั่นไหวระริก และเพียงไม่นานภูเขาความเข้มแข็งก็พังลง หยาดน้ำตาที่ไม่เคยไหลให้คนตรงหน้าเห็นมาตลอด 3 ปี วันนี้กลับไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

 

     มือใหญ่ทั้งสองกุมแก้มเนียนไว้ ปาดน้ำตาอุ่นชื้นนั้นด้วยนิ้วหัวแม่มือ

 

     “ร้องไห้บ้างก็ได้ ฮยอนซึงเข้มแข็งมามากพอแล้ว” เสียงนุ่มดังขึ้นใกล้ๆ ปากหยักสวยขยับเป็นจังหวะตามการพูดอย่างน่ามองอยู่บริเวณปากเล็กของตน

 

     ร่างบางจับจ้องดวงตาเรียวของคนตรงหน้าบ้าง มีเพียงคำถามเดียวตอนนี้ที่ต้องการคำตอบ และเป็นคำถามที่ถามมาตลอด 3 ปี หากแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม คนเลวตรงหน้านี้ก็ไม่เคยปริปากบอก ไม่เคยพูดถึง และไม่เคยบอกเหตุผลของเรื่องทั้งหมด

 

     ทั้งที่ฮยอนซึงคิดว่าตนเป็นคนที่รู้จักจุนฮยองดีที่สุด แต่แล้วเรื่องเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า

 

     ฮยอนซึงไม่รู้จักจุนฮยองเลยซักนิด

 

     “ตลอดเวลาที่ผ่านมา กูคิดว่ากูรู้จักมึงดีที่สุด แต่เปล่าเลยจุนฮยอง...สุดท้ายแล้วกลับเป็นกูไม่รู้จักมึงเลยซักนิด”

 

     “กูถึงบอกไง...ไม่ต้องรู้จักกู ไม่ต้องรู้เหตุผลอะไรทั้งนั้น เกลียดกูตลอดไปก็ได้ ยิ่งมึงเกลียดกูมึงก็จะยิ่ง...” แล้วร่างหนาก็หยุดพูดแค่นั้น ทั้งที่มันเป็นแค่คำเดียวที่อาจจะบอกอะไรได้ดี แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดมัน

 

     “เกลียดกูให้มากที่สุดเท่าที่มึงจะเกลียดได้....รุ่นสิบ” พูดจบร่างหนาก็บดเบียดกลีบปากของตนลงกับกลีบปากบางสีระเรื่อของร่างบาง ดันร่างบอบบางนั้นติดผนังของตึก สอดลิ้นผ่านช่องปากนุ่มละมุน โลมเลียภายในช่องปากหอมหวานนั้นคล้ายหิวกระหาย

 

     กรงแขนแกร่งรัดร่างบอบบางไว้แน่น เอวเล็กถูกตรึงแน่นด้วยแขนแกร่งนั้นจนไม่สามารถดิ้นหรือขัดขืนได้ ร่างหน้าดันหน้าขาเข้ากับหว่างขาเรียวที่โผล่พ้นรอยผ่าของยูกาตะที่สวมอยู่

 

     ผิวเนียนกระจ่างตาสะท้อนผ่านความมืดชัดเจน กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำนมยิ่งทำให้ร่างหนาใกล้จะคลุ้มคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ

 

     “วันนี้แช่น้ำนมมาเหรอ...” ละปากหยักออกห่างจากกลีบปากสวย เอ่ยถามเสียงแผ่ว

 

     ร่างบางเบี่ยงหน้าหลบ หลบตาลงต่ำแล้วพยักหน้ารับช้าๆ

 

     ร่างหนายกยิ้มเล็กน้อยกับท่าทีคล้ายเขินอายของคนตรงหน้า ก่อนจะเชยคางมนกลับมาเหมือนเดิม

 

     “หอมจนแทบคลั่ง”

 

     “ปกติมึงไม่ชอบกลิ่มนม”

 

     “แต่ถ้าเป็นกลิ่นนมบนตัวมึง...กูชอบ...” เสียงหายไปพร้อมๆ กับที่ซอกคอหอมละมุนถูกช่วงชิงไปของเจ้าของประโยคแสนหยาบคายนั้น ร่างบางหลุบตาลงต่ำ จับจ้องร่างกำยำที่เหนือตนทุกอย่างและไม่ว่าจะขัดขืนอย่างไร ฮยอนซึงก็ไม่สามารถขัดขืนหรือสู้แรงของผู้ชายคนนี้ได้

 

     หรือไม่...

 

     มันอาจจะจริงอย่างที่เดวิลและอีจุนพูด ฮยอนซึงอาจจะเอาชนะคนอื่นได้ง่ายๆ และฆ่าคนอื่นได้ง่ายๆ ถ้าฮยอนซึงต้องการ หากแต่ไม่ใช่กับจุนฮยอง

 

     พอเป็นจุนฮยอง พอได้อยู่ใกล้ๆ เค้าเหมือนที่เคย ร่างกายก็หมดแรงเอาเสียดื้อๆ และก็ยอมให้เค้าทำอะไรตามใจชอบ แม้กระทั่งตอนนี้ ตอนที่ร่างกายกำลังโอนอ่อนตามแรงสเน่หาที่เค้ากำลังส่งผ่านมาให้ ลิ้นร้อนโลมเลียยอดอกสีระเรื่อ ตามด้วยนิ้วเรียวสวยที่กดจมลงไปแล้วเคล้นคลึงรุนแรง ยูกาตะหลุดลุ่ยไม่ต่างจากเสื้อโค้ทราคาแพงของจุนฮยองตอนนี้ ที่กลายไปแค่ผ้าเอาไว้รองพื้นที่เย็นเยียบของอากาศในตอนกลางคืนเท่านั้น

 

     ร่างบอบบางถูกยกขึ้นนั่งคร่อมกลางลำตัวหนานั้นอย่างง่ายดาย มือเรียวยึดไหล่กว้างไว้ ก้มลงมองใบหน้าหล่อที่เงยขึ้นสบตากับตนเหมือนกัน และปากบางก็ถูกจูบเพียงเบาๆ ไปหลายต่อหลายครั้ง ไร้การรุกล้ำภายในแต่อย่างใด สะโพกมันภายใต้ยูกาตะที่ยังไม่หลุดจากตัวถูกเคล้นคลึงเบาๆ และกระชับเข้าหาลำตัวกว้างมากขึ้น ชั้นในที่สวมอยู่หลุดไปตอนไหนแม้แต่เจ้าของเรือนร่างยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

 

     “หนาวรึเปล่า...” เสียงทุ้มดังขึ้นและหยุดช่วงชิงปากบางมาเป็นของตัวเอง

 

     “ตอนนี้ร้อนจะแย่แล้ว”

 

     ร่างหนายกยิ้มยั่ว นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มใสแผ่วเบา “มึงมันน่ารักที่สุดก็ตอนจะถูกเอาเนี่ยแหละรัน”

 

     แม้คำพูดจะตรงและหยาบคาย แต่มันกลับทำให้อีกคนหน้าแดงได้ไม่ยาก แก้มใสแดงชาดแข่งกับแสงไปสลัวที่ส่องผ่านเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

     มือเรียวตบแก้มกร้านของร่างหนาแรงๆ แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะน่าฟังดังมาจากลำคอระหงนั่น

 

     “หยาบคาย!”

 

     อีกครั้งที่ร่างหนายกยิ้มแล้วคว้ามือที่ตบหน้าตนเอาไว้

 

     “ตั้งแต่จำความได้ กูก็ไม่เคยพูดเพราะๆ กับใครนะ แม้จะเป็นเมียกูคนนี้ก็ตาม....” สิ้นคำหยาบคายเหล่านั้น ใบหน้าหล่อที่แสนน่ามองนั้นก็จมหายลงไปกับอกเล็กอีกครั้ง ริมฝีปากหยักขบเม้มและดึงยอดอกสวยรุนแรง พร้อมๆ กับที่นิ้วที่เหลือจะกดจมหายเข้าไปภายในร่างกายอุ่นร้อนนุ่มละมุน

 

     สัมผัสแรกที่ได้รับทำให้ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย ก่อนจะเปรมปริ่มไปกับนิ้วเรียวที่ขยับเข้าออกภายในร่างกายของตนจนกระทั่งเผลอโยกเรือนร่างของตนตามไปด้วย

 

     ร่างหนาเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าหวานที่ตากลมโตปิดสนิท กระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหู

 

     “ใจเย็นนังหนู” มือใหญ่รีบคว้ามือเล็กที่กำลังควานหากลางลำตัวของตนออก

 

     “ไม่ต้องทำอะไรมันหรอกน่า แค่นี้มันก็อยากจะเข้าไปข้างในตัวมึงจะแย่แล้ว” ไม่รู้ทำไมฮยอนซึงถึงได้เริ่มรังเกียจรอยยิ้มจากปากหยักนั่นเหลือเกิน ทั้งรอยยิ้ม ทั้งคำพูด ทั้งหยาบคาย ทั้งถ่อย แต่มันก็กลับทำให้ฮยอนซึงเขินอายจนหน้าแดงได้เสียอย่างนั้น

 

     “หยุดพล่ามได้แล้วน่า กูเพิ่งจะรู้ก็ตอนนี้นะว่ามึงน่ะเป็นพวกชอบพล่าม มากกว่าชอบทำ”

 

     จุนฮยองยิ้มกว้าง ยกมือขึ้นชี้หน้าอีกคนอย่างเอา

 

     “เดี๋ยวก็รู้ว่าเป็นพวกชอบพล่ามหรือชอบทำมากกว่า!”

 

     “หุบปากเถอะน่า...จุนฮยอง...” นิ้วเรียวปิดปากหยักไว้และตามด้วยปากบางของตนที่กดปิดไว้แทน ร่างบอบบางยกตัวขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น มือเรียวครอบครองแท่งเนื้อร้อนจ่อที่ช่องทางด้านหลังของตน แล้วค่อยๆ กดทับลงไปเชื่องช้า เสียงหอบหายใจปนออกมากับเสียงครางอือในลำคอ และผลักให้ร่างหนานอนราบลงกับพื้น แล้วเรือนร่างสวยงามภายในยูกาตะที่ยังติดร่างกายนั่นเอาไว้ก็ค่อยๆ ขยับขึ้นลงด้วยท่าทีงดงาม

 

     มือเรียวยันกับอกกว้างนั้นไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว เล็บยาวจิกลงไปกับกล้ามเนื้อเกิดรอยถลอกเป็นทางยาว

 

     “อ่ะ...อื้อ...อื๊อ..อ๊า...” เรือนร่างสวยงามที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของจุนฮยอง ตัดกับเสียงครางหวาน กลายเป็นภาพที่งดงามจนร่างหนาไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ นอกจากจับจ้องทุกอย่างที่เป็นฮยอนซึงนิ่ง

 

     มือใหญ่เอื้อมไปครอบครองแท่งเนื้อของร่างบางไว้ก่อนจะช่วยกระตุ้นข้างหน้าให้กับร่างบางที่กำลังเปรมปรีย์อยู่กับความหฤหรรษ์ข้างหลัง เคล้นคลึงรอยแยกตรงปลาย แล้วเลื่อนลงมาจนถึงโคน นิ้วหัวแม่มือลากผ่านขึ้นไปอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่มือใหญ่เล่นสนุกอยู่กับเท่งเนื้อที่แข็งขืนเต็มตัวของร่างบางที่ยังคงเล่นสนุกอยู่กับความเสียวซ่านด้านหลัง ร่างกายสั่นเทิ้ม และเสียงร้องก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ตามรสรักที่เพิ่มขึ้น

 

     อากาศภายนอกไม่มีผลอะไรกับความร้อนรุ่มภายในที่แผ่ออกมาจนทำให้แม้ภายนอกก็ยังร้อนรุ่มไปด้วย

 

     จังหวะการเคลื่อนไหวร่างกายกระชั้นชิดขึ้น บดเบียดและขยี้ภายในมากขึ้น ทำให้ส่วนปลายของแท่งเนื้อใหญ่นั้นกดขยี้อยู่ที่จุดไวสัมผัสภายใน สะโพกเล็กร่อนส่ายอย่างน่ามอง เล็บจิกลงผิวหนังของร่างหนาแรงขึ้นเรื่อยๆ และร่างหนาก็รับรู้ถึงความรู้สึกของร่างบางได้เป็นอย่างดีจากแท่งเนื้อของร่างบางในมือของตนที่กระตักเกร็งหลายครั้ง

 

     “อ่ะ...อ๊ะ...อ๊า...เร่งอีกสิ อีกหน่อยสิจุนฮยอง...อ่ะ...อ๊า...” ก้มหน้าลงมาสั่งร่างหนาทั้งที่ร่างกายสวยงามยังคงเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบอยู่ เมื่อรับรู้แล้วว่าตัวเองกำลังจะถึงจุดสุดยอดของแรงอารมณ์ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเติมเชื้อไฟจนมันเต็มเองและตอนนี้ก็กำลังจะระเบิดออกมาแล้ว

 

     ร่างหนาทำตามอย่างว่าง่าย มือใหญ่รูดขึ้นลงเร็วขึ้นพอๆ กับร่างกายของร่างบางที่เคลื่อนไหวเร็วจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อนั้นได้ยินชัดเจน

 

     ร่างหนาหยุดมือลง แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ

 

     “อ๊ะ...อ๊า...อื่อ...อื้อ...!!” ร่างบางหวีดผ่านลำคอออกมาแผ่วเบา เกร็งตัวรับความสุขที่ถาโถมเข้ามา ผสมกับเสียงหอบหายใจที่หอบระรัว แท่งเนื้อปลดปล่อยหยาดน้ำสีขุ่มออกมาจนหมดทุกหยาดหยดบนฝ่ามือใหญ่ที่ถูกกั้นด้วยผ้าเช็ดหน้าที่ร่างหนาจะชอบพกติดตัวไว้เสมอ หากไม่ทำเช่นนั้นเสื้อตัวสวยราคาแพงที่สวมอยู่ก็คงจะเลอะหมดเป็นแน่  ร่างบางล้มตัวลงไปโอบกอดร่างหนาไว้ ซุกหน้าเข้ากับซอกคอของร่างหนา

 

     แม้จะลังเลแต่ร่างหนาก็ยอมยกแขนขึ้นโอบกอดแผ่นหลังของร่างบางไว้ ก่อนจะพลิกตัวขึ้นข้างบน แล้วกดร่างบางไว้ใต้ร่างของตัวเอง มือใหญ่ทั้งลูบผมทั้งเกี่ยแก้มใสด้วยความรักที่มากขึ้นทุกวัน รักที่อีกคนคงไม่รับรู้มันแม้ว่าจะแสดงออกมาแค่ไหน

 

     รักจนยอมเป็นคนเลวที่สุดและยอมให้คนที่รักเกลียด

 

     ถ้าหากไม่อยากปกป้องร่างบอบบางนี้เอาไว้ คงไม่ยอมทำเลวแบบนั้นลงไป

 

     จู่ๆ คำพูดของดูจุนก็แว้บเข้ามาในสมอง

 

     “ไม่ว่าเหตุผลของการฆ่าท่านซึงฮอนจะดีหรือเลวก็ตาม แต่ยังไงชีวิตก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

 

     จุนฮยองเข้าใจกฎข้อนี้มาโดยตลอด หากแต่ตอนนี้เค้ายังเป็นอะไรไปไม่ได้ถ้ายังไม่แน่ใจว่าร่างบอบบางที่รักแสนรักคนนี้จะปลอดภัย

 

     “รู้ใช่มั้ยว่ากูรักมึง” ปากหยักเอ่ยถามขึ้น ทั้งที่อยากได้คำตอบนั้นแต่ก็กลับกลัวสิ่งที่จะได้ยิน

 

     ร่างบางเลี่ยงที่จะไม่ตอบ ทำเพียงพยักหน้าให้เท่านั้น ฮยอนซึงรู้ รู้มาตลอดว่าจุนฮยองรักตนมากแค่ไหน แต่จะให้ยอมรับเอาคนที่ฆ่าพ่อตัวเองเข้ามาในหัวใจ

 

     ฮยอนซึงทำไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังไง ความรักใดก็ทดแทนความรักจากพ่อที่เสียไปไม่ได้

 

     ฮยอนซึงไม่อยากรู้เหตุผลอะไรของจุนฮยองทั้งนั้น เพราะไม่ว่าจะเหตุผลใด...

 

     พ่อก็กลับมากอดฮยอนซึงไม่ได้อีกแล้ว

 

     “และกูก็รู้ว่ามึงก็เกลียดกูมาก พอๆ กับที่กูรักมึง” ร่างหนายังคงพูดต่อ ร่างบางจับจ้องโครงหน้าหล่อนั้นซักพัก ก่อนจะโน้มลำคอของร่างหนาลงมาใกล้

 

     “รู้อะไรมากกว่านี้หน่อยจะได้มั้ยจุนฮยอง...” ปากบางบดเบียดเข้ากับปากหยักหนักหน่วง จูบที่เริ่มเองทั้งหมด และไม่คิดจะหยุดมันง่ายๆ

 

     มือใหญ่ดันขาเรียวให้แยกกว้างและดันขึ้นสูงเล็กน้อยทั้งที่ปากหยักยังเป็นหนึ่งเดียวกับปากเล็ก แท่งเนื้อขนาดใหญ่จมหายเข้าไปภายในร่างกายที่ยังคงอุ่นจนร้อนเช่นเดิม

 

     ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งด้วยกันทั้งคู่ ร่างกายสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ลืมทั้งความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดจนหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากร่างกายเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น

 

     เซ็กซ์จะเกิดขึ้นจากความรู้สึกอย่างไร ปลายทางของมันก็คือเซ็กซ์

 

     จะรักหรือเกลียด แต่ถ้าร่างกายต้องการ หัวใจก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการของร่างกายได้

 

     บางครั้ง...

 

     ฮยอนซึงก็อยากจะปล่อยให้ร่างกายเป็นราชาของหัวใจบ้าง

 

 

 

 

 

     “นี่มันงานเลี้ยงต้อนรับกูนะอีจุน มึงควรจะทำหน้าให้เหมือนว่าสนุกบ้าง ไม่ใช่ทำหน้าหงิกเหมือนปวดขี้อยู่ตลอดเวลาแบบนั้น” ดูจุนหรือเดวิลฟาดมือลงที่หัวของอีจุนอย่างแรง เมื่อเห็นว่าเพื่อนเอาแต่นั่งหน้าหงิกและมองนาฬิกาทุกๆ 2 วินาที แถมยังชะเง้อจนคอจะยาวเป็นยีราฟอยู่แล้ว

 

     “กูเป็นห่วงนายแม่ มึงคิดดูสิ ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับอีก แถมไอ้คนขับรถก็ยังหายไปอีกตัวอีก ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นไงบ้าง”

 

     ดูจุนถอนหายใจออกมาหนักๆ กลับไปนั่งท่าเดิม เหยียดแขนยาวไปตามพนักพิงของโซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะโอบเอาสาวๆ ข้างกายทั้งสองมทั้งกอดทั้งหอม แล้วค่อยพูดกับคนที่ห่วงเจ้านายจนเกินไป

 

     “นายแม่ดูแลตัวเองได้น่า มึงไม่ต้องห่วงจนออกนอกหน้าขนาดนั้นหรอก อีกอย่าง...ถึงไม่มีมึงก็ยังมีรุ่นแปดตามเป็นเงาคอยดูแลอยู่แล้ว ห่วงไปก็เท่านั้น”

 

     “นั่นแหละที่กูห่วง!” อีจุนขึ้นเสียงใส่เพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี ก่อนจะกลับมาเจอกันอีกครั้งเพราะคำสั่งของนายแม่

 

     “มึงรู้ดีว่า ตราบใดที่รุ่นแปดยังมีชีวิตอยู่ นายแม่จะปลอดภัย หลอกตัวเองไปก็เท่านั้นจุน!”

 

     “กูรู้!”

 

     “ถ้ามึงรู้ ก็เลิกห่วงซักที!”

 

     “แต่ถ้าครั้งนี้รุ่นแปดไม่ได้ตามไป แล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำไง ถ้ามันกลับมาญี่ปุ่นแล้วจะทำไง!”

 

     “กูบอกมึงหลายครั้งแล้วว่ามึงน่ะห่วงและระแวงมากเกินไป นายแม่ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาทำอะไรตัวเองได้ง่ายๆ นายแม่แข็งแกร่งกว่าที่มึงคิด เพราะมึงนั่นแหละที่คอยดูแลนายแม่มากเกินไป จนคิดไปเองว่านายแม่ยังเด็กอยู่เสมอน่ะ”

 

     “แต่กู...”

 

     “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละ มาสนุกกันดีกว่าน่า.....” แล้วจู่ๆ ดูจุนก็หยุดพูด ลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่ ผลักสองสาวออกห่าง

 

     “มึงนั่งจ้องนาฬิกาไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมา” แล้วดูจุนก็เดินดุ่มๆ ออกจากห้องโถงใหญ่ไป ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่ง มือจับอยู่ที่ปืนเตรียมพร้อม ก่อนจะชักมันออกมาจากปลอก เมื่อเห็นเงาของใครซักคนชัดเจนแล้ว

 

     ดูจุนเล็งปืนไปตรงหน้านิ่ง

 

     “กล้ามากนะดอลล์ที่เข้ามาที่นี่คนเดียว” ปากหยักยกยิ้มเล็กน้อย ซักพักก็ปรากฏร่างเล็กๆ ของคนที่ตนเรียกว่าดอลล์ตรงหน้า

 

     คนร่างเล็กยกมือขึ้นเสมอศีรษะ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มส่งให้

 

     “ไม่รอดสายตาเหยี่ยวอย่างเดวิลจริงๆ สินะ ชั้นก็แค่จะเข้ามาสังเกตการณ์ดูเฉยๆ เห็นว่าเดวิลกลับมาญี่ปุ่นแล้ว”

 

     “หึ! พอชั้นกลับมา รุ่นแปดก็เรียกนายกลับมาทันทีเลยเหมือนกันนี่ รุ่นแปดนี่หูไวตาไวดีจังเลยนะ”

 

     “พี่ไม่ได้เรียกชั้นกลับมาหรอก ชั้นก็แค่เบื่อๆ เกาหลี ก็เลยมาเที่ยวญี่ปุ่นก็เท่านั้น คิดว่าที่ญี่ปุ่นน่าจะมีอะไรสนุกๆ ทำ แล้วก็มีจริงๆด้วยสินะ...เอาปืนลงน่าเดวิล ชั้นไม่มีอาวุธมาหรอก” ว่าพลางเอามือไปกดปืนที่ส่องหน้าผากตัวเองอยู่ลงช้าๆ

 

     ได้ยินคนตัวเล็กตรงหน้าพูด ดูจุนก็ยกยิ้มยียวนส่งให้

 

     “นายจะได้สนุกแน่ๆ ดอลล์....” หยุดพูดแค่นั้น ก็โน้มลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูคนตัวเล็ก

 

     “สนุกจนลืมญี่ปุ่นไม่ลงแน่ๆ...และที่สำคัญ นายจะสนุกจนลืมชั้นไม่ได้เลยล่ะ!” พูดจบดูจุนก็ยืดตัวขึ้นสูง เบ้ปากส่งให้คนตรงหน้าที่ยืนนิ่งอึ้งเพราะประโยคที่ตนเพิ่งจะได้ยิน

 

     “จะเข้าไปสนุกด้วยกันก็ได้นะ แต่อาจจะต้องเกร็งกับสายตาของคนที่นี่หน่อยล่ะ เค้าคงไม่ชินถ้าคนที่ตระกูลยงจะมาร่วมปาร์ตี้ที่ตระกูลจาง” ดูจุนเพยิดหน้าเข้าไปในงานเป็นการเชิญชวน

 

     “ไม่เป็นไร...เพราะเดี๋ยวเราจะได้สนุกด้วยกันแน่ๆเดวิล”

 

     “อ่า...นั่นสินะ อีกไม่นานคงได้สนุกแบบถึงพริกถึงขิงเลยล่ะ” ดูจุนขยิบตาข้างหนึ่งให้แล้วก็เดินเข้าไปในงานเหมือนเดิมอย่างไม่ระวังตัวเองซะเลย

 

     นั่นเป็นเพราะรู้ว่า...

 

     ดอลล์ยังไม่คิดจะลงมือตอนนี้หรอก

 

     เพราะถ้าจะลงมือจริงๆ ดูจุคงตายตั้งแต่อยู่ในงานแล้ว

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา