ภารกิจรักของยมทูตสาว
เขียนโดย wise
วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 01.59 น.
แก้ไขเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 02.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ดวงพาซวย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เมื่อเวลาแห่งความตื่นเต้นได้จบลงแล้วฉันโรซาลีและนามิ(ถามชื่อมาแล้ว)ก็ได้ถูกเรียกตัวให้ไปพบที่ห้องโถงใหญ่เมื่อฉันไปถึงก็พบกับยมทูตสามตนที่เป็นตัวแทนเป็นคนบอกหมายเลขการศึกษาพวกเราสามคนให้กับท่านซาตานยืนอยู่ที่โหลแก้วใบใหญ่
“นี้อะไรกันค่ะ” โรซาลีถามก่อนจะเดินเข้าไปดูโหลแก้วใบใหญ่ซึ่งข้างในบรรจุไปด้วยกระดาษมากมาย
“นี้คือโหลแก้วกำหนดภารกิจ”ยมทูตตนหนึ่งพูดขึ้น ฉันเองก็เดินเข้าไปดูด้วยความสนใจไม่แพ้โรซาลี
“ในนี้มีภารกิจอะไรบ้าง” ฉันถามขึ้นบ้าง
“มากมาย นับไม่ถ้วน” แบบนี้สิน่าสนุก ฉันเดินเข้าไปใกล้โหลแก้วมากขึ้นก่อนจะใช้มือล้วงลงไปโดยไม่รอใคร
“อะไรกันไม่เห็นมีกระดาษเลย?” ฉันขมวดคิ้วก่อนจะคว้านหาไปเรื่อยๆ
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” เมื่อยมทูตทั้งสามเห็นฉันคว้านหากระดาษในโหลแก้วอย่างเอาเป็นเอาตายก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง จนฉันต้องหงายหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัย
“ใจเย็นๆ ไม่ต้องคว้านหาเดี๋ยวมันมาเองแหละกระดาษ” ยมทูตตนหนึ่งพูดก่อนจะกอดอกมองฉันนิ่งๆ ฉันเองก็ปล่อยมือไว้อย่างนั้นรอให้กระดาษมาเองตามที่ยมทูตตนนั้นพูด
“ได้แล้วๆ” ฉันพูดก่อนจะหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาและชูให้คนอื่นๆดู
“อย่าพึ่งเปิดนะ เดี๋ยวค่อยเปิดพร้อมกันหลังจับเสร็จ” ฉันที่กำลังเปิดกระดาษในมือถึงกับชะงักทันที และหันไปมองค้อนยมทูตตนที่พูดทันที
หลังจากที่พวกเราจับกระดาษภารกิจกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เริ่มเปิดกระดาษออกเป็นคนแรกและพอโรซาลีเห็นก็เริ่มเปิดออกบ้างต่อจากนั้นก็นามิ
‘ไปโลกมนุษย์ และหาชายที่ชื่อว่า คามุ ยูจิ ช่วยเขาให้พ้นจากปีศาจกิเลสให้ได้’
“เป็นอะไรหรือเปล่าคาริน”
“คาริน!!” ฉันหันไปมองโรซาลีอย่างมึนๆงง เหมือนโลกหมุดอย่างไม่รู้ตัว
“หะ ห่ะ” โรซาลีมองกระดาษในมือฉันก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย
“ภารกิจเธอยากมากเลยเหรอ” โรซาลีถามก่อนจะดึงกระดาษในมือฉันมาอ่าน
“ดีใจด้วยคารินเพื่อนรัก เธอเจองานถูกใจเข้าไปเต็มๆเลย” โรซาลียิ้มก่อนจะส่งกระดาษภารกิจคืนให้ฉัน
“จะบ้าเหรอนี้มันไม่ใช่ภารกิจที่ฉันชอบเลยนะ!” ฉันตะโกนออกมาก่อนจะเดินไปที่โหลแก้วใบใหญ่และล้วกกระดาษอีกครั้ง
“ไม่ได้หรอกนะ คนหนึ่งก็ล้วกได้แค่ครั้งเดียว” ยมทูตคนเดิมพูดขึ้นก่อนจะทำท่าเดินจากไปเฉยๆ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” ฉันตะโกนเรียกยมทูตทั้งสามก่อนจะวิ่งไปดันหน้าและยื่นกระดาษภารกิจให้
“ฉันจะไปโลกมนุษย์ได้ยังไงแล้วจะหาชายคนนี้เจอได้ยังไง” ฉันถามก่อนจะหยิบกระดาษโน๊ตพร้อมขนนกขึ้นมาเตรียมจด
“เธอต้องไปที่เรดโอเชียน และถามหาคนที่ชื่อบัตเตอร์เขาจะบอกรายละเอียดทุกอย่างกับเธอเอง” พอยมทูตทั้งสามตอบคำถามของฉันเสร็จก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที
“คาริน ฉันของดูใบภารกิจของเธอหน่อยได้ไหม” นามิเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็คงไม่ได้ยิน
“เอาไปสิ” ฉันยื่นกระดาษใบน้อยให้นามิก่อนจะเท้าสะเอวทำหน้าเคร่งเครียด
“คนที่ชื่อบัตเตอร์ฉันรู้จักนะ จะให้ฉันพาเธอไปหาเขาไหม” ฉันมองนามิด้วยสายตาซาบซึ้งก่อนจะพยักหน้าทันที
“ไม่ต้องยะ ฉันพาเพื่อนฉันไปเองได้” โรซาลีเห็นฉันที่กำลังคุยกับนามิอยู่ก็รีบเดินเข้ามาขัดขวาง(การก้าวหน้าของ)ฉัน
“โรซาลี เธอเกลียดอะไรนามินักหนา ตอนนี้พวกเราต้องร่วมใจกันนะเพราะภารกิจแต่ละคนก็ใช่ว่าจะง่ายพวกเราต้องคอยช่วยเหลือสิ” ฉันหันไปพูดกับโรซาลีก่อนจะดึงกระดาษในมือยัยนั้นมาอ่านอย่างรวดเร็ว
‘ช่วย หญิงสาวที่ตกอยู่ในอำนาจมืดให้กลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนเดิม’ ฉันอ่านข้อความในกระดาษก่อนจะส่งคืนให้เจ้าของ
“เห็นไหมภารกิจเธอก็ไม่ต่างจากฉันนักหรอก ต้องไปๆกลับระหว่างโลกมนุษย์และแดนคนตายเป็นฉันคงเหนื่อยแย่” ฉันพูดก่อนจะมองยัยโรซาลีที่ขนาดนี้ตัวหดเหลือสองนิ้ว
“ฉันเข้าใจแล้ว” โรซาลีพูดก่อนจะมองหน้านามิและเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะยิ้มบางๆให้อย่างเป็นมิตรนามิเองก็ยิ้มให้โรซาลีเช่นกัน
หลังจากที่จบฉากดาม่าเรียบร้อยแล้วนามิก็ขออาสาพาฉันและโรซาลีมาหาคน(หรือเปล่า)ที่ชื่อว่าบัตเตอร์
“ฉันลืมถามไปเลยเธอได้ภารกิจอะไรเหรอนามิ” โรซาลีหันไปถามนามิที่กำลังผลักประตูบานใหญ่อยู่
“ภารกิจของฉันต้องไปจัดการกับดวงวิญญาณบาปที่หนีออกไปจากคุกเบนิคน่ะ” นามิตอบโรซาลีที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆฉัน
“งั้นก็แสดงว่าเธอไม่ต้องไปโลกมนุษย์สินะ”
“จ้ะ เฮ้อ… แต่ถึงจะทำภารกิจที่นี้แต่ก็ไม่ง่ายเลย” นามิถอยหายใจก่อนจะทำสีหน้าอย่างหนักใจสุดๆ ซึ้งฉันเองก็สงสารนามิ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกสงสารตัวเองมากกว่า
“ถึงแล้วจ้ะ ที่นี้คือเรดโอเชี่ยน โซนแห่งการเดินทาง” พอถึงที่หมาย นามิก็ผายมือเชิญพวกเราเข้าไปและนำเสนอที่นี่อย่างสุดฤทธิ์ จนน่าสงสัย
“นี่นามิที่นี่มีอะไรหรือถึงนำเสนอซะสุดฤทธิ์ขนาดนี่” โรซาลีถามนามิที่กำลังพูดพล่ามต่อไปเรื่อยๆ
“แหะๆ ขอโทษทีคือฉันกับพ่อเป็นเจ้าของที่นี้น่ะก็เลยอยากนำเสนอนิดนึง” นามิพูดก่อนจะยิ้มแห้งๆให้พวกฉันและหันกลับไปนำทางต่อ
“คนที่ชื่อบัตเตอร์เขาเป็นใครเหรอ” ฉันถามขึ้นในระหว่างที่พวกเรากำลังเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่งอยู่
“เขาเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพลังนำพานะ”
“แล้วเขาทำงานทีนี้เหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอก เขาไปๆมาๆนะแล้วแต่อารมณ์ของเขา” นามิยักไหล่ทีหนึ่งก่อนจะพาพวกเรานั่งลงบนเก้าอี้สีสดสามตัว
“แล้วพ่อเธอไม่ว่าเขาเหรอ” โรซาลีถามนามิที่กำลังเดินไปเอาหนังสือให้พวกเราสองคนศึกษาดู
“ก็ไม่นะ คงเห็นเขาเป็นคนมีฝีมือแล้วยังทำให้รายได้งอนมาแบบฟรีๆละมั้ง” นามิเล่าเรื่องของคนแปลกหน้าที่ชื่อบัตเตอร์พร้อมทั้งเดินไปหยิบหนังสือที่เกี่ยวกับการเดินทางให้พวกเราลองอ่านคราวๆดู
“แล้วเขาจะมาเมื่อไรละ” โรซาลีถามนามิก่อนจะปิดหนังสือลงทั้งๆที่ยังอ่านไม่จบ
“เดี๋ยวก็มาแล้วละ รอก่อนนะ” นามิหงายหน้าจากหนังสือขึ้นมาตอบก่อนจะก้มลงกลับไปอ่านเหมือนเดิม
“เธออ่านอะไรอยู่น่ะคาริน” โรซาลีหันมาถามฉันที่กำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่อย่างสนอกสนใจ
“รีอา ทูตสวรรค์รีอา” ฉันหงายหน้าขึ้นและหันไปตอบคำถามของโรซาลีที่นั่งเท้าคางมองฉันอยู่
“ฉันเห็นเธออ่านตั้งแต่อายุ10ขวบไม่เบื่อบ้างเหรอ” ฉันยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมาเช่นเดิม หนังสือเล่มนี้มีให้อ่านทุกที่ เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับทูตสวรรค์ท่านหนึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า ได้ทำผิดกฎของสวรรค์เลยโดนลงทัณฑ์โดยการถูกตึงไว้ที่ไม้กางเขนเงินตอนนี้ร่างของเธอได้อยู่ที่สวนสวรรค์ถูกปล่อยทิ้งไว้เพื่อสอนทูตสวรรค์และยมทูตรุ่นหลังๆให้รับรู้ว่ากฎไม่ได้มีไว้แหกและก็แหกไม่ได้ง่ายๆด้วย
“พวกเธอมาทำอะไรที่นี้หรือ” ระหว่างที่ทุกๆคนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็มีเสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นมาขัดจังหวะบรรยายกาศการอ่าน ทำให้ทุกๆคนบนโต๊ะต่างหงายหน้าขึ้นมองชายคนนั้นเป็นตาเดียว
“ คุณบัตเตอร์ค่ะคือว่าฉันมีเรื่องให้คุณช่วยนะค่ะ” นามิเมื่อเห็นชายวัยกลางคนชัดขึ้นก็รีบเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือทันทีแต่เอ๊ะเมื่อกี้นามิพูดว่าชื่อคนนี้ชื่อบัตเตอร์เหรอ นึกว่าจะเป็นยมทูตซะอีกที่แท้ก็เป็นดวงวิญญาณนี้เอง
“มีใครจะไปไหนหรือ” เมื่อคุณบัตเตอร์ถามขึ้นฉันและโรซาลีก็รีบยกมือทันที
“พวกเธอคือพวกที่ได้รับเลือกให้เป็นยมทูตสายพิเศษใช่ไหม” พอคุณบัตเตอร์ถามขึ้นทั้งฉันและโรซาลีพร้อมทั้งนามิก็มองหน้ากันอย่าง งง
“อะไรคือยมทูตสายพิเศษค่ะ” นามิหันไปถามคุณบัตเตอร์อย่างสงสัย ฉันกับโรซาลีเองก็เหมือนกัน
“นี้พวกเธอเข้ารับตำแหน่งโดยไม่รู้เรื่องเลยเหรอ” ทั้งฉันนามิและโรซาลีส่ายหน้าพร้อมกันโดยทันที
“พวกเรารู้แค่ว่าเข้ามาคัดเลือกตัวเพื่อเป็นยมทูตแค่นั้นแหละค่ะ” โรซาลีพูด
“งั้นพวกเธอก็เข้าใจผิดอย่างแรงเลยละท่านซาตานมียมทูตมากพออยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมีเพิ่มด้วยซ้ำ แต่ท่านขาดแค่สายพิเศษที่ต้องเดินทางไปๆกลับๆระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนคนตายเท่านั้นแหละ” หลังจากที่คุณบัตเตอร์พูดจบพวกเราทั้งสามคนก็แทบจะลมจับกันเลยทีเดียว แล้วใครมันจะไปทำไหวเนี่ยบ้าที่สุดเลยยยยยย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ