Love Never Die
บทนำ
ในสถานที่แห่งหนึ่งอันไร้มืดมนจนมองไม่เห้นแม้แต่ปลายเท้าหรือพื้นที่เหยียบอยู่ วงแหวนเวทย์สีขาวไล่ระดับไปถึงสีเทาทั้ง7วงปรากฏขึ้นก่อจะกลายเป็นบุคคลปริศนา7คนที่สวมเสื้อคลุมสีแตกต่างกัน 4คนสวมเสื้อคลุมสีขาวและอีก3สวมเสื้อคลุมสีดำ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาต่างก็ดูมีรูปร่างชัดเจนในสถานที่มืดดำนี้ทั้งสิ้น
"ท่านผู้สูงส่ง กระผมอยากจะให้ลบชื่อของเด็กคนหนึ่งออกจากบัญชีชดใช้บาป"บุคคลปริศนาผู้สวมผชุดคลุมสีดำคนซ้ายสุดพูดขึ้นเขายื่นมือเรียวขาวซีดออกไปด้านหน้าพลันปรากฏภาพสีเทาหม่นของร่างวิญญาณเด็กคนหนึ่งที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยอันไร้ความเกรงกลัว
"เหตุใดท่านจึงคิดว่ามันถูกต้องสมควรเล่าท่านยมทูตทั้งๆที่ท่านก็เป็นผู้ไปจับเขามาเอง มนุษย์ผู้นี้มีความผิดฐานคร่าชีวิตตนเอง มิสมควรที่จะให้อภัย" บุคคลปรินาสวมชุดสีขาวซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้างเขากล่าวขึ้นทันทีพรางวาดมือที่มีผิวพรรณเปล่งปลั่งไปข้าวหน้า ภาพนั้นจึงเปลี่ยนไปกลายเป้นเด็กผุ้ชายคนนั้นกระโดดออกไปจากหน้าต่าง
"เขาทำไปเพื่อมารดา! เขากตัญญูท่านเทวทูตท่านไม่ให้วิญยาณดวงนี้ขึ้นไปเบื้องบนจะได้เยื้องไรเล่า! อีกประการ หากท่านไม่พอใจในวิธีการของเขาท่านก็ให้เขากลับไปเวียนว่ายตายเกิดเป็นการชดใช้เหมือนวิญยารดวงอื่นๆสิ! เราเป็นยมทูตไม่ได้มีหน้าที่ในการตัดสินอันเที่ยงธรรมเช่นพวกท่านี้!" ยมทูตตนนั้นปัดมือของเทวทูตออกแล้วตะคอกใส่เขาอย่างฉุนเฉียวจนแทบจะกระโจนเข้าไปบีบคออีกฝ่ายหากมันไม่ผิดต่อกฏเกณฑ์ของนรกภูมิ
"สวรรค์ไม่เมตตาผู้ที่ไม่เห็นคุณค่าของชีวิตตนเอง"
"แต่นรกเห็นคุณค่าของมนุษย์ที่สละตนเองเพื่อผู้ให้กำเนิด"
"งั้นก็คงรับรู้ถึงโทษทัณษ์ของเจ้าแล้วใช่หรือไม่? จงไปมองดูการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์บนโลกตรงกลางเสียให้พอใจเถอะเจ้ายมทูตนอกคอก!" เทวทูตตนนั้นเอ่ยแล้วผลักยมทูตตนนั้นลงไปยังช่องว่างที่เกิดขึ้นเบื้องหลังของเขา....
เวลาล่วงเลยผ่านไปนับร้อยนับพันปีหลังจากยมทูตตนนั้นถูกเนรเทศ วิญญาณที่ได้กลับมาใช้กรรมในโลกมนุษย์ลดลงเรื่อยๆในขณะที่วิญยาณในโลกเบื้องล่างกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนโกลาหลวุ่นวาย และเหล่าเทวทูตก็เริ่มเบื่อหน่ายละเลยโลกมนุษย์ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดผู้มีพลังเวทย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...
ในค่ำคืนอันมืดมิดไร้แสงสีของเมืองแห่งหนึ่ง ทั้งๆที่นี่ก็ถึงแก่ราตรีกาลแล้วแต่วิหารหลังหนึ่งที่ทางตะวันตกกลับยังคงมีแสงสว่างสลัวสลดจากดวงไฟน้อยๆที่จุดไว้ในตำหนักและรอบๆวิหาร ผู้คนจำนวนมากสวมผ้าคลุมสีดำที่ชายร่างกำยำคนหนึ่งส่งให้แล้วเดินเข้าๆออกๆจากวิหารนั้น และทุกครั้งที่ออกไปดวงไฟก้จะถูกดับหนึ่งดวงต่อคนหนึ่งคน
ภายในวิหารมืดสลัวนั้น เด็กสาวผู้หนึ่งนั่นอยู่บนบัลลังก์ทองที่บุด้วยผ้ากำมหยี่เนื้อดี เธอมีเส้นผมสีดำสลวยที่สะท้อนประกายเพลิงเป็นสีแดงเรืองๆ ดวงตาของเธอถูกบดบังโดนผู้สีขาวสะอาดผืนหนึ่งประกอบกับใบหน้าสีขาวซีดไร้สีเลือดยิ่งทำให้เธอดูราวกับร่างไร้ชีวิต
"น้องสาวข้าจะนั่งใช้พลังเวทย์ทั้งวันทั้งคืนให้แห้งตายอยุ่บนบัลลังก์นั้นเลยหรือไร?" เด็กสาวผู้เดินเข้ามาใหม่เอ่ยขึ้นในขณะที่เลิกผ้าคลุมสีดำที่บดบังใบหน้าออกเผยให้เห็นใบหน้าที่มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดวงตาสีฟ้าครามที่ดุราวกับอัญมณีเลอค่าและเส้นผมสีเงินยาวสลวยสุดแสนวิเศษ เธอสวมชุดทรงราชวงศ์สีน้ำเงินเดินดิ้นทองอันบ่งบอกความสำคัญของตัวเธอ
"แล้วใครให้องค์ราชาเจ้าชู้กันเล่าท่านพี่? หวังว่าท่านผู้นั้นคงไม่ใช่ให้ท่านพี่ข้าไปเป้นราชินีหรอกนะ?" เด็กสาวผมดำพูดด้วยน้พเสียงที่แฝงด้วยความอาฆาตเล็กๆพรางลุกเดินลงมาจากบัลลังก์ ประตูวิหารปิดลงอย่างช้าๆในขณะที่ด้านในก้ค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ
เด็กสาวผมเงินยิ้มน้ิยๆที่มุมปากแล้วลูกศีรษะผู้เป็นน้องสาวซึ่งเตี้ยกว่าเธอเล็กน้อย "ซีเรฟ น้องข้า ข้ารู้ว่าเจ้าทรมานที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะที่ไม่ใช่ของเจ้า แต่อดทนต่ออีกหน่อย"
ท่านพี่... ท่านอ่อนโยนเกินไปแล้ว "ตาข้าบอดแล้วท่านพี่เมอรี่ที่รักยิ่ง ข้ามองไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากอนาคตที่เกิดจากการทำนาย ให้ทนรอต่อไปอีกทั้งชีวิตข้าก็ทนรอได้" ซีเรฟพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่แยแสเนื้อความเลยแม้แต่น้อยว่ามันจะร้ายแรงสักเพียงไหน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ