เด็กสาวผมทอง กับหนึ่งปีจากนี้ไป
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.56 น.
แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน พ.ศ. 2558 22.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) สิงหาและรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ผมอุ้มเด็กสาวที่หมดสติมายังบ้านของผมก่อนจะค่อยๆวางตัวเธอลงบนที่นอนอ่อนนุ่มในท่าที่ผ่อนคลายที่สุด ก่อนที่ผมจะผ่อนคลายร่างกายจากความเหนื่อยล้าที่ต้องอุ้มน้ำหนักตัวราวๆสิ่สิบกิโลอย่างต่อเนื่องมาตลอดเวลาหลายสิบนาทีนั่งเฝ้าดูอาการของเด็กสาวที่กำลังหมดสติเพราะรอยปูดนูนตรงท้ายทอยของเธอเพื่อไม่ให้แอบหนีไปได้อีก
จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมงนับตั้งแต่การประชันเพลงหมัดได้จบลง ดวงตาสีดำภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทก็ปรากฏออกสู่ภายนอกมองกวาดไปรอบตัวอย่างช้าๆและสับสน จนในที่สุดนัยน์ตาทั้งสองของเธอก็มาหยุดลงที่ผม
เด็กสาวผมดำสั้นรีบดันตัวขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนตื่นตระหนก มันก็ไม่แปลกหรอกสำหรับผู้หญิงเวลาลืมตาขึ้นมาเห็นผู้ชายกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆในสภาพที่กำลังใส่เสื้อกันหนาวแบบไม่รูดซิปโชว์ลายกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยจะมีในสถานที่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่แล้วเธอก็ต้องยกมือทั้งสองกุมท้ายทอยที่บวมเป่งออกมาจากการถูกจับกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
และสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อคุณเธอเกิดนึกขึ้นได้ว่าเสื้อกันหนาวที่ผมกำลังใส่อยู่นั้นเคยเป็นเสื้อของเธอมาก่อน และเสื้อที่เธอกำลังสวมอยู่ตอนนี้ก็เป็นเสื้อของผมเอง และยิ่งเมื่อความทรงจำเมื่อหลายชั่วโมงก่อนของเธอถูกรื้อฟื้นขึ้นมาจนหมด
“ก-กรี๊ด! นี่แกคิดจะลักหลับฉันใช่ไหม! เห็นว่าฉันหมดสติเข้าหน่อยทำเป็นได้ใจเชียวนะ”
ข้าวของในห้องของผมถูกขว้างปาจนกระจัดกระจายไปทางประตูห้องที่ถูกเปิดแง้มเป็นช่องแคบๆพอให้ใครคนหนึ่งจะพอใช้ถ้ำมองได้ อันที่จริงคือผมถูกเด็กสาวขว้างสิ่งของใส่จนต้องหลบไปด้านหลังประตูมากกว่า แต่ผมชักจะรู้สึกว่าใบหน้าของเด็กคนนั้นเวลากรี๊ดร้องเพราะความอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีนั้นกลับจะยิ่งดูน่ารักกว่าใบหน้าเรียบๆตอนอยู่ที่โรงเรียนเสียอีก
“พอเห็นว่าจับฉันทุ่มได้นิดหน่อยก็คิดจะเอาเชื้อสายความโสโครกมาแพร่ให้ฉันเลยหรือไง ฉันจะกระซวกให้รูอี้ทะลายเลย!!”
เด็กสาวล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนขาดๆเตรียมชักมีดพับออกมาโดยลืมไปแล้วว่าในขณะนี้เจ้าไอเท็มตัวปัญหานั้นอยู่ที่ผม จนเมื่อเธอรำลึกกับตัวเองว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้ผมที่ร่างกายอยู่ในสภาพพร้อมกว่าได้จึงค่อยๆสงบใจลงทีละนิด ผมจึงรีบใช้โอกาสนี้เปิดอกคุยกับเธอเกี่ยวกับความคิดที่เลือกเดินบนเส้นทางของการดับวูบของชีวิตอย่างหน้าตาเฉยเช่นนี้ก่อนที่อาการบาดเจ็บของเธอจะหายดี
“รู้สึกว่าพวกเรา เคยเจอกันมาก่อนใช่หรือเปล่า ที่ไหนสักที่…” ผมเริ่มประเด็นคุยด้วยเรื่องที่ไกลจากหัวข้อหัวขโมยไปไกล ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกกลัวมากเกินไปนัก
“เคยเจอ..? นี่ใช้คำนี้เลยเหรอ ทั้งๆที่แกเองก็อยู่โรงเรียนเดียวกับฉันแท้ๆ”
เด็กสาวผมสั้นตอบคำถามผมด้วยคำพูดห้วนๆจนไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนผมจริงๆ แต่เท่าที่ผมฟังจากน้ำเสียงของเธอนั้นยังคงใช้รูปแบบคำพูดของผู้หญิงอยู่ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นพวกที่คุยด้วยไม่ได้ เว้นแต่เพียงทรงผมทอมบอยกับกล้ามเนื้อเรียวๆที่แขนทั้งสองข้างเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยอยากจะมองเธอว่าเป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่
“อย่างนั้นเองเหรอสรุปว่าที่ฉันคิดเอาไว้ก็ไม่ผิดเลยสินะ ทั้งรอยแผลเป็นที่แก้มซ้าย…แล้วก็สายตาเมื่อตอนนั้นด้วย”
“คิดไว้ไม่ผิด… นี่แกยังไม่รู้ตัวอีกหรือยังไง ทั้งๆที่ฉันจำแกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลยนะเฟ้ย!”
ผมรู้สึกได้ว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังยื่นเข้ามาจับที่คอเสื้อกันหนาวที่ผมยึดอำนาจมาจากเด็กสาวพร้อมกับกระชากอย่างสุดแรงเพื่อตอบรับความรู้สึกในใจของเธอ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆเพราะมือทั้งสองข้างของรุ่นน้องที่แสนน่าจับยัดเข้าคุกกำลังยกขึ้นกุมรอยปูดโนบนท้ายทอยอยู่เลย และในโลกนี้ก็ไม่มีเอสเปอร์ที่จะทำแบบนั้นได้อีกด้วย แต่ด้วยคำพูดของเธอนั้นได้ทำให้ผมแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“ขำอะไรของแก หรือว่าการที่รุ่นน้องไม่เรียกแกด้วยคำสุภาพมันน่าขำขนาดนั้นเลย?” เด็กสาวขมวดคิ้วถาม
“เปล่าหรอกๆ... ก็แค่รู้สึกโล่งอกนิดหน่อยล่ะมั้งที่รู้ว่าหัวขโมยที่งัดบ้านตัวเองเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียน รู้สึกดีจริงๆเลยล่ะ”
ผมเพิ่งจะมารู้สึกตัวว่ากำลังพูดสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจเมื่อสักครู่นี้เอง แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะดึงคำพูดของตัวเองกลับมา ผมเห็นริมฝีปากสีออกคล้ำหน่อยๆของเธอกำลังเม้มเข้าหากันราวกับกำลังทำความเข้าใจอยู่
“รู้สึก…ดี?”
“ใช่ ฉันรู้สึกดีเพราะเพิ่งจะมารู้นี่แหละว่าฉันจะได้ไม่ต้องไปตัดอนาคตของคนอื่น เธอน่ะโชคดีมากๆเลยนะ”
“โชคดี… อย่าบอกนะว่าแกจะทำอะไรกับฉันน่ะ!”
“ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นกับรุ่นน้องหรอกน่า! แต่แบบนี้ก็ถือว่าเธอติดหนี้บุญคุณกับฉันแล้วนะ ทำหน้าให้มันร่าเริงกว่านี้หน่อยสิ”
มือขวาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวที่กุมไปยังท้ายทอยเลื่อนลงมายังหัวเข่าของรุ่นน้องตัวปัญหายังคงวางอยู่ที่เดิมไม่มีการขยับเขยี้อนแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าในขณะนี้คำพูดของผมจะสร้างความสงสัยให้กับเธอเป็นอย่างมาก และในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว
“ฉันจะไม่แจ้งตำรวจเรื่องที่เธอทำเอาไว้ แต่ฉันไม่แน่ใจนะว่าจะมีใครที่เคยโดนเธอทำแบบนี้ติดใจเอาความเธอหรือเปล่า เพราะงั้น…”
ผมหลับหูหลับตาพูดถึงความประเสริฐที่จะยกโทษเกี่ยวกับทุกสิ่งที่รุ่นน้องตัวดีก่อเอาไว้จนไม่ได้สังเกตเลยว่าในตอนนี้มือของเธอกำลังอยู่ที่ไหน จนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อสัมผัสได้ว่าอะไรบางอย่างในกระเป๋าของผมถูกล้วงออกไปทำให้ดวงตาทั้งสองข้างต้องลืมขึ้นมาในทันที
เพราะเจ้าของสิ่งนั้นก็คือ…
"มีดพับที่ผมแย่งมาจากเธอตอนคลุกวงในกลางซอยตันนั่นเอง"
ผมเห็นยัยนั่นกำลังสะบัดคมมีดที่เก็บอยู่ในด้ามจับออกมาจนประกายแสงสีเงินสะท้อนใส่ดวงตาทั้งสองข้างจนพร่ามัวไปชั่วระยะหนึ่ง จังหวะเดียวกันนั้นเองที่ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ่อเข้ามาที่ลำคอของผมจนเกือบจะแทงเข้าไปในหลอดลมได้อยู่แล้ว
“ชักจะอ่อนโลกเกินไปแล้วนะเจ้ารุ่นพี่คนนี้ แต่เอาเถอะ… ถึงฉันจะจัดการแกไปซะตอนนี้ก็คงจะไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอกนะ เพราะยังไงก็ไม่มีใครสนใจในสิ่งที่ฉันทำลงไปอยู่แล้วนี่”
เด็กสาวขยับเข้าหาผมช้าๆจนผมต้องคลานหนีเธอไปด้านหลัง แต่แล้วการหลบหนีที่เปล่าประโยชน์ก็สิ้นสุดลงเมื่อแผ่นหลังของผมรู้สึกถึงความเย็นจากผนังด้านหลังจนไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก
ตอนนั้นเองที่สายตาของผมเห็นเธอคนนั้นกำลังเงื้อแขนเตรียมลงมีดใส่เด็กหนุ่มที่อ่อนต่อโลกตรงหน้าพร้อมแววตาที่เย็นชาเหมือนฆาตกรโฉด
ผมข่มตาลงแน่นเพื่อรอรับความทรมานที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่จนผมนับหนึ่งถึงสิบหมื่นในใจจนครบสิบรอบก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่ผมก็ไม่กล้าลืมตาขึ้นเลยด้วยความกลัวที่บังเกิดขึ้นกัดกินจิตใจของผมจนกลายเป็นพวกขี้ขลาดคนหนึ่ง จนในที่สุดผมก็สามารถรวบรวมความกล้าได้มากพอ ดวงตาของผมมองเห็นแสงสว่างที่เล็ดลอดเข้ามาเช่นเดียวกับเงาสีเทาที่บังแสงไฟนั้นให้เข้ามาได้น้อยลง
พริบตาเดียวกันนั้นที่ผมเห็นมีดพับที่ถูกพับเก็บเอาไว้อย่างดีได้ถูกยื่นเข้ามาตรงหน้า เช่นเดียวกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มจากการเสแสร้งของเด็กสาวที่กำลังจะฆ่าผมเมื่อสักครู่นี้ยื่นเข้ามาใกล้จนเกือบจะชนกับหน้าของผมในอีกไม่กี่เซนติเมตร
“เธอ… หรือว่า” ผมยื่นมือไปรับด้ามมีดในมือเธอด้วยมือที่สั่นเป็นระวิง และดูเหมือนว่าท่าทีของผมจนดูน่าขำมากจนเธอคนนั้นแอบหัวเราะในลำคอ
“รา…” เด็กสาวขยับริมฝีปากปล่อยลมหายใจใส่จมูกของผมในระยะประชิดจนสายตาของผมจับจ้องไปเพียงลิ้นและริมฝีปากที่นุ่มนวลของเธอเท่านั้น
“หา..?”
“ชื่อของฉัน... จากนี้ไปก็ช่วยเรียกฉันด้วยชื่อนั้นด้วยล่ะ ไอ้รุ่นพี่เฮงซวย”
ราขยับใบหน้าออกจากตำแหน่งเสี่ยงหลังจากที่ได้แกล้งผมเล่นจนสาแก่ใจแล้วก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องผมไป ทิ้งเอาไว้เพียงความรู้สึกสับสนในท่าทีที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในใจของผมและคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบเอาไว้
“จริงสินะ เรื่องที่แกถามฉันเมื่อกี้ คำถามที่ว่าฉันเคยไปขโมยของบ้านใครเขาอีกหรือเปล่านั่นน่ะเหรอ”
เด็กสาวหยุดปลายเท้าลงหลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าผมได้ถามคำถามเธอค้างเอาไว้อยู่ ราหันกลับมามองผมพร้อมเอียงคอทำมุมสามสิบองศาก่อนจะตอบคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ใช่คำถามที่ผมตั้งเอาไว้เล่นๆให้กระจ่างชัด ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“...ที่งัดเข้าบ้านแกแล้วไม่ได้อะไรติดมือกลับไปเลย แล้วก็ตอนที่ฉันขโมยเงินจากร้านน้ำของแกเมื่อตอนเที่ยง มันเป็นสองครั้งแรกของฉันเอง ฉันน่ะไม่ได้ขโมยของๆใครนอกจากสองครั้งนั้นเลย”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ