เรื่อง Love Sorry! ผิดไหมที่ใจยังรักเธอ

8.4

เขียนโดย Miwty_Love

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.03 น.

  2 บทนำ
  0 วิจารณ์
  5,456 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 11.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 1 จอมโจรโรคจิต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1 จอมโจรโรคจิต

ติ๊ด...ติ๊ด....ติ๊ด

เสียงนาฬิกาปลูกบอกเวลาตี 5 มันเป็นเวลาที่ฉันต้องตื่นมาเพื่อเตรียมตัวเปิดร้านเล็กๆขายเค้ก ชา กาแฟ เช่นเคย มันเป็นธุรกิจส่วนตัวของฉัน เอ้อ...ลืมแนะนำตัวฉันชื่อเอสเธอร์สาวนักบู๊อย่างฉัน ไม่มีหนุ่มหน้าไหนกล้าเข้ามาจีบหลอกถึงแม้จะหน้าตาดีก็เถอะ(แอบเข้าข้างตัวเอง) เอาหละทีนี้ฉันต้องตื่นจริงๆแล้วใช่ไหม...

"คุณเอสเธอร์ค่ะ วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเลยนะคะ" มะนาว สาวเสิร์ฟในร้านเพียงหนึ่งเดียวของฉันเอ่ยขึ้น

"อืม...จริงๆด้วย เช้าๆอย่างนี้คนหายไปไหนกันหมดนะ" หรือว่าจะเกิดแผ่นดินไหว(เฟ้อเจ้ออีกเช่นเคย)

"อ้อ...นั่นไงลูกค้ารายแรกของเรามาแล้ว" ฉันพูดขึ้นและชี้ให้มะนาวดู

"โถ่ นั่นมันคนส่งหนังสือพิมพ์นะคะคุณเอสเธอร์" จริงๆด้วยแฮะ

"งั้นเธอเฝ้าหน้าร้านไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา" ขอตัวไปนอนต่อก่อน 555

"ค่ะ คุณเอสเธอร์ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวหนูจะดูแลเป็นอย่างดี" น่ารักที่สุด... ความจริงแล้วฉันไม่ได้คิดจะนอนต่อหรอกฉันขับรถไปยังบ้านของยัยฮานิเพื่อนสนิดของฉันต่างหาก ก็เมื่อคืนนี้สิเกิดเรื่องขึ้นที่บ้านของยัยนั่น เธอโทรศัพท์มาร้องห่มร้องไห้เพราะพ่อกับแม่ของเธอทะเลาะกันอีกแล้ว พวกเขาเนี่ยไม่สงสารลูกบ้างเลยหรือไงกัน

"ติ๊ง...ต่อง..." เอ...หายไปไหนกันหมดนะ ฉันยืนกดออดอยู่หน้าบ้านของยัยฮานิ ไม่นานนักยัยฮานิก็เดินมาเปิดประตู และก็โผเข้ากอดฉันทันที

“ฮือๆๆ...เอสเธอร์”

"ใจเย็นๆนะฮานิ เธอต้องใจเย็นๆ ถึงฉันจะไม่มีพ่อไม่มีแม่แต่ฉันก็เข้าใจเธอนะ" ใช่แล้วพ่อกับแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตพร้อมกันทั้งคู่ เมื่อตอนที่ฉันอายุได้เพียงแค่ 9 ขวบเท่านั้น จากนั้นฉันก็ย้ายเข้ามาอยู่กับคุณลุง ญาติคนเดียวที่เหลืออยู่

"ฮือๆๆ...เอสเธอร์ แม่ของฉันจะหย่ากับพ่อ เพราะพ่อแอบมีเมียน้อย ฮือๆๆ..." ฉันก็ทำได้เพียงแค่ลูบหลับปลอบใจยัยนั่นเท่านั้น

"พวกเขาตัดสินใจกันดีแล้วหรอ" ฉันถามขึ้น

"ใช่ พรุ่งนี้แล้วที่พ่อกับแม่ฉันจะไปหย่ากัน"

"แล้วเธอจะอยู่กับใคร ฮานิ" ฮานิที่กำลังกอดฉันอยู่ก็ปล่อยมือออก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้พ่อกับแม่ต่างคนก็ต่างจะเอาฉันไปอยู่ด้วย" มันก็ไม่แปลกนะ ก็เธอคือลูกสาวคนเดียวของพวกเขาหนิ

"ฉันไปอยู่บ้านเธอได้ไหมเอสเธอร์ เธอคือเพื่อนสนิดคนเดียวของฉันนะ" หะ ห๊า อะไรนะ อยู่บ้านฉันงั้นหรอ

"ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ฉันไม่อยากอยู่กับพ่อหรือแม่ทั้งนั้น ฉันยังทำใจไม่ได้ ฮือออๆ....." ยัยนั่นปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น

"ก็ได้ๆ แต่พวกเขาจะยอมหรอ" พวกเขาหวงเธอยังกับอะไรดี

"ยอมไม่ยอมก็ต้องยอม เพราะฉันจะไป นะนะ ฉันไม่ได้บอกว่าฉันจะอยู่กับเธอตลอดไปซะหน่อย ฉันขอเวลาทำใจและฉันจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าฉันควรจะอยู่กับใคร" ฮานิจับมือฉันเขย่าไปมาเพื่อของความเมตตา ฉันก็ไม่ได้ใจร้าย ใจดำ ขนาดนั้นซะหน่อย เมื่อเพื่อนมีปัญหาฉันก็ต้องช่วยอยู่แล้ว

"อืม...ก็ได้ แต่เธอควรจะไปบอกพ่อกับแม่ของเธอก่อนนะ" ก่อนที่พวกเขาจะคิดว่าฉันลักพาตัวเธอไปขาย

หลังจากที่พ่อกับแม่ของฮานิหย่ากัน ฮานิก็บอกพ่อกับแม่เธอว่าเธอขอมาอยู่ที่บ้านของฉันก่อน แล้วเธอจะเป็นฝ่ายตัดสินใจเองว่าเธอควรอยู่กลับใคร ตอนแรกพ่อกับแม่ของฮานิก็ไม่ยอมให้ฮานิมา แต่เธอขู่ว่าถ้าไม่ยอมให้เธอมาเธอจะหนีไปให้ไกลที่สุดและจะไม่กลับมาอีก พวกเขาจึงยอม

               "แน่ใจหรอว่าเธอจะอยู่ห้องนี้ได้ ฉันว่ามันแคบไปนะ" ฮานิจัดการปัดกวาดเช็ดถูห้องแคบๆซึ่งมันเคยเป็นห้องเก็บของบ้านฉันมาก่อน ทำไงได้ก็บ้านมันเล็กหนิ แล้วมันก็เหลืออยู่เพียงแค่ห้องเดียวซะด้วย

"ไม่เป็นไรหรอกฉันอยู่คนเดียวได้ แต่ก่อนนอนเธอต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะ ฉันกลัวผีอ่ะ" โถ่...เนี่ยนะเขาเรียกว่าอยู่คนเดียวได้

"อืมๆ แต่เธอต้องตื่นแต่เช้าไปช่วยฉันเปิดร้านขายเค้กนะ" ของอย่างนี้มันต้องช่วยๆกัน (อันที่จริงก็ใช้นั่นแหละ )

                "เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เดี๋ยวเจ๊จัดให้" ให้มันจริงเถอะ รูปร่างยังตะเกียบคงช่วยได้เยอะเลย หลังจากนั้นเราก็ต่างพากันเข้านอน พอถึงตี 5 ก็ได้เวลาที่เราต้องตื่นเพื่อขับรถยนต์คันเก่าๆ(มันเก่ามาก...)ไปเปิดร้าน เพราะร้านของฉันตั้งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร

"นี่ฮานิ เธอวางผิดที่นะ อันนี้ต้องวางตรงนั้น ส่วนอันนั้นต้องวางตรงนี้" ยัยฮานิวางของสลับกันไปหมด

"ก็ฉันไม่รู้หนิ ฉันขอโทษ" เฮ้อ...จะไหวไหมเนี่ย

"เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวให้มะนาวเป็นคนจัดของแล้วเธอคอยเสิร์ฟก็แล้วกัน" เมื่อเราจัดเตรียมของทุกๆอย่างเสร็จแล้ว ไม่นานนักก็มีลูกค้าเข้าร้าน เอะ! แต่ที่หน้าแปลกใจก็คือลูกค้ารายนี้แต่งตัวดูแปลกๆ ใส่หมวกปิดหน้าปิดตาแถมยังทำท่าทางดูมีพิรุจอีก นั่งก้มหน้าก้มตาตลอดเลยตั้งแต่เข้ามาในร้าน หรือว่า...! หมอนั่นจะเป็นโจร ไม่ได้การหละทีนี้ ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว หมอนั่นสั่งเค้กช็อคโกแล็ต และกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว ส่วนฉันอยู่ที่เค้าเตอร์เก็บเงิน คอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด โดยเฉพาะตอนที่ยัยฮานิเอาเค้กไปเสิร์ฟ หมอนั่นแอบเตะอั๋งโดยการจับมือยัยฮานิด้วยแหละ หรือว่านายนั่นจะเป็นโจรโรคจิตกันแน่ แต่พอสักพักใหญ่ๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายนั่นนั่งดื่มกาแฟและก็กินเค้กช็อกโกแล็ตจนหมดเกลี้ยง ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยสักอย่าง ระแวงไปเองรึปล่าวนะเรา

"เก็บเงินด้วยครับ" นายนั่นชูแบงค์พันหนึ่งใบขึ้นมาสองนิ้ว แต่ก็ยังนั่งก้มหน้าอยู่เช่นเคย ในขณะที่ยัยฮานิกำลังจะเดินไปเก็บเงิน ฉันก็ใช้มือจับไหล่เธอไว้ ฮานิหันมามองหน้าฉันพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย

"มีอะไรหรอ เอสเธอร์" มีโจรโรคจิตเข้ามาในร้านเราหนะสิ

"ไม่ต้องเดี๋ยวฉันจัดการเอง" ฉันเดินไปเก็บเงินที่โต๊ะของนายนั่น และก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด นายนั่นแอบแตะอั๋งโดยการหลอกจับมือฉันเหมือนที่หลอกจับมือยัยฮานิเป๊ะ แต่คนอย่างเอสเธอร์ไม่มีทางยอมง่ายๆหลอกแบบนี้มันต้องเจอมาตรการขั้นเด็ดขาด! ในระหว่างที่นายนั่นกำลังจับมือฉันพอฉันได้จังหวะฉันก็ใช้แรงทั้งหมดจับมือนายนั่นพร้อมกับบิดข้อมือของนายนั่นไปไว้ด้านหลัง

"โอ้ยยยย....!!" นายนั่นร้องออกมาดังลั่น ทำเอาลูกค้าทั้งหมดในร้านหันมาดูกันเป็นตาเดียว

"นี่เธอ! เป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้" ปล่อยงั้นหรอ ไม่มีทางหรอก อย่างนี้มันต้องจับส่งตำรวจให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

"คุณเอสเธอร์เกิดอะไรขึ้นคะ" เสียงยัยมะนาววิ่งออกมาจากหลังร้านด้วยความตกใจ

"ก็ไอ้ผู้ชายคนนี้สิ เป็นโจรโรคจิต" ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่

"โอ้ยๆๆ จะ...โจรโรคจิตอะไรกัน นี่เธอบ้าไปแล้วหรอ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกาย" พอฉันได้ยินคำพูดของหมอนั่น ฉันก็กดแขนลงไปแรงกว่าเดิมทำเอาหมอนั่นร้องดังลั่นร้าน

"โอ้ยยยยยยยย......" แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

"เอสเธอส์ ปล่อยนายนั่นก่อน เดี๋ยวแขนนายนั่นก็หักกันพอดีหรอก" พอได้ยินยัยฮานิบอกฉันก็นึกขึ้นได้ และก็ปล่อยแขนนายนั่นออก พอนายนั่นเป็นอิสระแล้ว เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับถอดหมวกออกมองหน้าฉันเหมือนกับจะหาเรื่อง แต่...โอ้ววว...พระเจ้า ตอนที่นายนั่นถอดหมวกออกทุกคนถึงกับอึ้งเพราะนายนั่นหนะหล่อสุดๆ ผิวขาว จมูกโด่ง ริมฝีปากเล็กอมชมพู ดวงตาเรียวดูน่าหลงใหล ผมสีน้ำตาลซอยปรกต้นคอ แต่!...ถึงยังไงซะนายนั่นก็คือโจรโรคจิต ฉันหละเสียดายหน้าตานายจริงๆ คนสมัยนี้ไว้ใจกันไม่ได้เลย

                "นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ" ยังจะมากล่าวหาว่าฉันบ้าอีก นายนั่นแหละที่บ้ากาม

                "เธอมีหลักฐานอะไรที่กล่าวหาว่าฉันเป็นโรคจิต" นายนั่นทำหน้าตากวนประสาท

                "ก็ที่นายแต่งตัวผิดปรกติ และยังทำท่าทางดูมีพิรุจ แถมยังแอบจับมือฉันและยัยฮานิอีก อย่าคิดนะว่าฉันไม่เห็น" พอฉันพูดความจริงทั้งหมดออกไปผู้คนในร้านก็มองหน้านายนั่นและซุบซิบนินทากันใหญ่

                "ทำไม? หวงนักรึไง ก็แค่จับมือ นี่ถ้าไม่สวยฉันก็ไม่อยากจับหลอก" นายนั่นพูดออกมาอย่างน่าไม่อาย ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปรกติของเขา

                "นี่...ไอ้ อะ ไอ้....ไอ้โรคจิต!" ฉันหมดคำจะบรรยายพฤติกรรมชั่วๆของหมอนั่นแล้วจริงๆ

                "รีบออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ แล้วก็เรียกตำรวจมาจับนาย" พอนายนั่นได้ยินเข้าก็ยังไม่สะทกสะท้าน เขากลับยิ้มที่มุมปาก ฉันหละเกลียดการกระทำแบบนี้จริงๆ มันดูเหมือนกับว่าเขากำลังเยอะเย้ยฉันอยู่อย่างนั้นแหละ และหลังจากนั้นเขาก็เดินออกไป

                " ไม่มีอะไรแล้วนะคะเชิญกินต่อได้เลยคะ" ฉันพูดขึ้นเพื่อให้ทุกคนในร้านสบายใจได้ และก็เดินกลับไปยังเค้าเตอร์เดิม

                "นี่เอสเธอร์ฉันหละหัวใจจะวาย ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้เลย" ยัยฮานิพูดขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างจบลง

                "ฉันไม่มีทางยอมให้คนอย่างนั้นทำอะไรผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้หรอกฮานิ" ฉันหละเกียจพวกผู้ชายเจ้าชู้อย่างนี้จริงๆ ชาตินี้ขออย่าได้พบเจอกันอีกเลย

                "เอาหละไม่มีอะไรแล้วทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปช่วยยัยมะนาวทำเค้กในครัวก่อน" ยัยฮานิพยักหน้ารับคำพร้อมกลับเดินไปเก็บเงินที่โต๊ะข้างๆ พอ 3 ทุ่มครึ่งก็ได้เวลาปิดร้านแล้ว เราทั้งสามคนช่วยกันทำความสะอาดร้าน หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันไป โดยฉันขับรถไปส่งมะนาวที่บ้าน และก็ขับกลับบ้านพร้อมกับยัยฮานิเมื่อถึงบ้านแล้ว เราสองคนก็ต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำ ก่อนนอนก็เช่นเคยฉันต้องมานั่งเป็นเพื่อนยัยฮานิทุกคืน เพราะยัยนั่นน่ะกลัวผียังกับอะไรดี เฮ้อ...เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย

                "ทำอะไรหรอฮานิ" ยัยนั่นเอากระดาษสีสันสวยงามต่างๆ มาพับเป็นอะไรก็ไม่รู้อยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด ในขณะที่ฉันกำลังเล่นเกมอยู่บนเตียง

                "ฉันกำลังจะพับดาว" พับดาวงั้นหรอเพื่อ...ฉันทำหน้าสงสัย

                "ก็เขาว่ากันว่าถ้าเราพับดาวให้ครบ 1000 ดวง แล้วใส่ไว้ในโหลแก้ว และเราก็อธิฐาน เราจะสมหวังในเรื่องของความรัก" ฮ่าๆๆๆ สมหวังในเรื่องของความรักงั้นหรอ เพ้อเจ้อตลอดเลยเพื่อนคนนี้ แต่จะว่าไปยัยฮานิก็หน้าสงสารอยู่เหมือนกันนะ ก็เธอน่ะไม่เคยสมหวังในความรักเลยสักครั้ง ตั้งแต่เรียนประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ยัยนี่อกหักมาโดยตลอด แต่พับดาวแล้วอธิฐานงั้นหรอ ฉันว่ามันไร้สาระไปนะ

                "ไร้สาระหน่า...ฮานิ ฉันว่าเธอเอาเวลาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่านะ" ฉันพูดไปหัวเราะไป

                "เล่นเกมน่ะหรอมีสาระ" ยัยนั่นตอบกลับมาทำเอาฉันถึงกับต้องหยุดเล่นเกมทันทีที่ได้ยิน

                "เออๆ งั้นฉันไปนอนก่อนละ ง่วงแล้ว"

                "หาววววว....." ฉันหาวเสร็จแล้วก็เดินกลับห้องของตัวเองไป โดยปล่อยให้ยัยฮานินั่งพับดาวอยู่คนเดียว ป่านนี้เนื้อคู่ของยัยนั่นคงนอนหลับไปนานแล้วมั้ง

               

                "เอสเธอร์...ลูก ลูกเป็นยังไงบ้าง พ่อกับแม่เป็นห่วงลูกมากนะ" เอะ! นั่นมันพ่อกับแม่ของฉันหนิ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าพวกเขา ฉันแทบจะจำหน้าพวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว

                "พ่อคะ แม่คะ อย่าทิ้งหนูไป หนูคิดถึงพ่อกับแม่" ฉันยืนร้องไห้อยู่คนเดียวในสวนสาธารณะที่คุ้นตา เพราะพ่อกับแม่เคยพาฉันไปปั่นจักยานเล่นที่นั่นตอนฉันยังเด็ก

                "มาหาพ่อกับแม่สิลูก เรามีอะไรจะให้ลูกด้วยนะ" แม่ยื่นแขนทั้งสองข้างออกมาเพื่อรอให้ฉันวิ่งเข้าไปกอด และฉันก็วิ่งเข้าไปกอดท่านจริงๆ อ้อมกอดที่อบอุ่นที่ฉันไม่เคยได้รับมันมานานตลอด 15 ปี ตอนนี้ท่านทั้งสองกำลังกอดฉันไว้

                "พ่อคะ แม่คะ อย่าทิ้งหนูไปให้หนูต้องอยู่คนเดียว หนูรักพ่อกับแม่นะคะ" จากนั้นพ่อกับแม่ก็ปล่อยแขนออก พ่อเอามือมาลูบหัวฉันเบาๆ เหมือนที่เคยทำตอนฉันยังเด็ก จากนั้นแม่ก็หยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋า พร้อมกับส่งมันมาให้ฉัน เมื่อฉันเอื้อมมือไปรับ ปรากฏว่าของสิ่งนั้นคือสร้อยคอที่มีจี้เป็นรูปกุญแจเล็กๆ เมื่อฉันเห็นเข้าก็ตกใจพร้อมกับจับคอตัวเองเพื่อหาสร้อยเส้นนั้น เพราะมันเป็นสร้อยที่แม่ของฉันซื้อให้ตอนฉันอายุได้ 9 ขวบพอดี แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่คอของฉันแล้ว มันกลับไปอยู่ที่มือของแม่

                "แม่เอามันมาจากไหนค่ะ" ฉันถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

                "ลูกทำตกไว้ แม่เลยเก็บเอามาให้ รักษามันไว้ให้ดีๆนะลูก เพราะมันคือสิ่งสำคัญสิ่งสุดท้ายที่แม่มอบไว้ให้เรา" ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบสร้อยเส้นนั้น แต่แล้วร่างของพ่อกับแม่ก็ค่อยๆจางหาไป ฉันตกใจมากและก็พยายามคว้าท่านทั้งสองไว้ แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะท่านทั้งสองได้หายไปราวกับเมฆหมอก ฉันสะดุ้งตื่นจากความฝัน พร้อมกับเปิดโคมไฟที่หัวเตียง และสิ่งแรกที่ฉันทำก็คือสำรวจสร้อยคอของแม่ว่าอยู่บนคอของฉันหรือปล่าว ปรากฎว่ามันยังอยู่ที่เดิม...เฮ้อ ตกใจหมดเลย หลายปีแล้วสินะที่ฉันไม่ได้ฝันเห็นท่านทั้งสองเลย ฉันคิดถึงท่านทั้งสองมาก มันคงเป็นเวรกรรมอะไรสักอย่างที่พรากเราจากกัน เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้เราได้เกิดมาเป็นพ่อ แม่ลูกกันอีกครั้ง ฉันนอนร้องให้อยู่บนเตียงคนเดียว และเผลอหลับไปจนถึงเช้า วันนี้เป็นวันอังคารซึ่งร้านของเราจะปิดทุกๆวันอังคาร เพราะฉันต้องจัดการซื้อของทุกอย่างที่หมดไป และวันนี้เราก็มีนัดกันว่าเราจะไปที่ร้านขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ เพื่อซื้อของมาทำเค้กกันนั่นเอง แต่เอะ...อย่าบอกนะว่ายัยฮานิยังไม่ตื่นนี่มันจะแปดโมงเช้าแล้วนะ ยัยนี่จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกัน

                "กำลังนินทาฉันอยู่หละสิ ยัยเอสเธอร์" เสียงยัยฮานิเดินมาจากด้านหลัง ในขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร

                "รู้ทันจริงๆ เพื่อนคนนี้" สมละที่เป็นเพื่อนฉัน

                "วันนี้ได้ข่าวว่าต้องไปซื้อของ แล้วฉันต้องไปด้วยใช่ไหม" ยัยนี่พูดขึ้นเหมือนรู้งานตัวเอง

                "ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเธอไม่ไปแล้วใครจะช่วยฉันถือของยะ"

                "นี่ฉันถามหน่วยเถอะตอนฉันไม่อยู่ใครช่วยเธอถือย่ะ" ก็ถือคนเดียวน่ะสิถามได้

                "อย่าบอกนะว่าถือคนเดียว"

                "ก็ใช่น่ะสิ ถามทำไมหรอ"

                "นี่เอสเธอร์ ฉันว่าเธอควรจะหาแฟนได้แล้วนะ อยู่คนเดียวลำบากจะตาย" ก็ฉันเป็นอย่างนี้ แล้วใครเขาจะเอาฉัน...

                "นี่...ฮานิ เธอพูดอย่างกับว่าเธอมีแฟนแล้วงั้นแหละ" ยัยนั่นทำหน้าหงอยทันทีที่ฉันพูด

                "โถๆๆ...อย่าเศร้าไปเลยฮานิ เดี๋ยวฉันจะขึ้นคานเป็นเพื่อนเธอเอง ไม่ต้องห่วง" ฮ่าๆๆ...ภูมิใจกันเหลือเกิน

                "รีบกินข้าวแล้วออกไปข้างนอกกันเถอะ สายแล้ว" ฉันบอกให้ยัยฮานิรีบๆกินข้าว อันที่จริงก็เปลี่ยนเรื่องคุยนั่นแหละ ก็ยัยฮานิน่ะสิ ทำหน้าเศร้าไม่เล่นด้วยกับฉันซะงั้น

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา