[Gloomy sunday] เด็กหญิงผู้เดียวดายกับบทเพลงมรณะ
5) วันนี้ฝนตก บ้านของเพื่อน อดีตของเพื่อนและเขาคนนั้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ซ่าๆ
ครืน… ครืน…
ฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างโหดร้าย ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีเทาอึมครึม ฉันเดินพลางถือร่มแล้วเข้าไปในที่ร่ม หน้าร้านอาหารตามสั่ง กลิ่นหอมแต่เผ็ดจนทำให้เผลอจามออกมา รถแล่นผ่านไปมาตามถนนที่ชื้นไปด้วยน้ำฝน ถ้าเกิดขับอย่างประมาทโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีสูงอยู่
ครืน…!!
ในขณะที่หยิบโทรศัพท์จะกดโทรหาแก้ว พลันเสียงฟ้าร้องก็ดังก้อง ตกใจที่อยู่ดีๆ ตอนแรกๆ ร้องแค่เสียงต่ำๆ แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงดังมากจนน่ากลัว ฉันกระชับเสื้อกันหนาว เดือนนี้ก็อยู่ในช่วงฤดูหนาวฉันเลยสวมไว้ตลอด แต่ก็ยกเว้นช่วงกลางวัน ---แล้วยิ่งฝนตกเลยหนาวเข้าไปอีก
ฉันทอดมองสิ่งที่อยู่รอบๆ ผู้คนที่เดินสวนกันไปมาอย่างเหม่อลอย
ช่วงที่ฝนโปรยปราย ทำให้คิดถึงใครบางคน…
“คัสตาร์ด… มาทำอะไรแถวนี้เหรอจ๊ะ” ฉันสะดุ้งเมื่อมีใครบางคนทักแล้วคุยกับฉัน ฉันหมุนตัวไปมองและทำสีหน้าอึ้ง “ครีม เอ่อฉันเดินผ่านมาน่ะ ฝนตกเลยเข้าร่ม ว่าแต่เธอล่ะ ทำไมมาอยู่ที่นี่” ฉันถาม ครีมคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนะตอบ
“ฮิๆ ก็ข้างหลังเราคือบ้านฉันเองแหละ” ครีมว่าพลางชี้ไปที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ข้างหลัง -------ที่แท้ ร้านนี้ก็คือบ้านของครีม
“เข้าไปข้างในก่อนเถอะ”
“อ่ะ จะดีเหรอ ฉันกลัวจะไปเกะกะน่ะ”
“หูย… ไม่เป็นไรหรอก ไปที่ห้องฉันก็ได้นะ เสียงจะได้ไม่ดังด้วย” มือบางคว้าข้อมือฉันแล้วชักจูงแบบบังคับกลายๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่นึกเคือง ฉันสวัสดีแม่ของเธอ แต่เพราะกำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหารให้ลูกค้า จึงไม่ทันสังเกต ฉันไม่ใส่ใจและเดินตามครีมต่อไป
ในห้องที่ดูท่าจะเป็นแหล่งสะสมตุ๊กตาเสียมากกว่าจะเป็นห้องนอน เพราะว่ามันเยอะมาก ชนิดที่ว่าเดินแค่ไม่ถึงก้าวเดียวก็เกือบจะเหยียบแขน ขา หรือตัวของมัน เผลอขมวดคิ้วอย่างนึกรำคาญ เด็กหญิงสวมแว่นสังเกตเห็นจึงขอโทษอย่างสำนึก “ ‘โทษจ้ะ ที่ปล่อยใหมันรกอย่างนี้ แต่ก็มีแค่ห้องนี้ที่ไว้ได้น่ะ”
แล้วทำไมไม่แก้ปัญหาโดยการไม่ซื้อเพิ่มล่ะ
กลืนความคิดที่จะพ่นออกมาเป็นคำพูดลงไป ครีมยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเคลียร์ให้มันมีทางมากขึ้น ฉันเห็นท่าไม่ดีเพราะกลัวเธอจะถูกตุ๊กตาหมีใหญ่ทับ จึงเข้าไปช่วย “นี่ คัสตาร์ด เธอโกรธชบามั้ย?” ครีมถามในขณะที่กำลังอุ้มตุ๊กตากระต่ายไปวางที่อื่น ฉันพยักหน้า
“ทำไมล่ะ?... ถ้าเกิดเรื่องที่ชบาพูดไม่ดีเธออย่าถือสาเลยนะ ฉันขอร้องล่ะนะ ชบาจริงๆ แล้วเธอเป็นคนนิสัยดีมากเลยยนะ”
นิสัยดี?
เป็นประโยคที่แทบไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“ตรงไหนที่เรียกว่านิสัยดีน่ะ?”
“มัน--- ฉันอธิบาย ---ยังไงดีเนี่ย” เธอกุมศีรษะไว้ด้วยมือข้างเดียวอย่างครุ่นคิดและหนักใจ ฉันมองอย่างไร้อารมณ์ สักพักเธอก็พูด “พ่อแม่ของชบาเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก”
ประโยคนั้นทำให้สีหน้าของฉันคลายลง
อะไรกัน---
“จากร่องรอยเห็นข่าวบอกว่าเป็นการฆาตกรรม ดูเหมือนเธอจะเสียใจมากเลยทำตัวนิสัยแย่ๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ชบาถ้าเกิดดูดีๆ เธอนิสัยดีเหมือนกันนะ”
ฝนกระหน่ำเข้ามาไม่หยุด ฉันมองหน้าครีมที่มีน้ำฝนที่สาดเข้ามาเกาะอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
เธอเองก็เหมือนกับฉันงั้นเหรอ ชบา….
ความคิดที่เรียงเรียงอย่างยุ่งเหยิงแล่นไปทั่ว ครีมลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง เสียงเบาลง น้ำไม่สาดเข้ามา ก่อนจะหันมาพูดกับฉันต่อ “เพราะฉะนั้น ---------เห็นใจเธอหน่อยนะ แม้เพียงเล็กน้อยก็ดี ตั้งแต่เด็กๆ เธอก็ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล เธอเลยไม่ค่อยมีเพื่อน แถมพ่อแม่เธอยังเสียชีวิตแค่นี้ก็หนักหนาแล้ว…” เสียงแผ่วเบาเอ่ยอย่างเว้าวอน เป็นนัยบอกว่าไม่อยากให้ฉันโกรธชบา
นั่นสินะ แต่ก่อนฉันเองก็ไม่ใช่เป็นคนเย็นชาอย่างนี้ แต่พอหลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตไปนิสัยจึงเปลี่ยน …ตอนนี้ฉันคลายความโกรธที่มีต่อชบาแล้วล่ะ
เพราะฉันเข้าใจเธอ…
“อืม… ฉันจะพยายาม”
“จริงเหรอ ขอบคุณนะคัสตาร์ด ขอบคุณจริงๆ ------ดีจังชบาจะมีเพื่อนเพิ่มแล้ว” ประโยคหลังๆ เริ่มแผ่วลงเหมือนคุยกับตนเอง ฉันยิ้มบางๆ แต่ยังคงรักษาความเย็นชาไว้ ฉันเบือนหน้าไปมองนอกหน้าต่างที่ปิด ฝนเริ่มซาลงแล้ว คาดว่าสักพักฝนก็คงจะหยุดตก
ฉันขอตัวลาเมื่อฝนหยุดตกแล้ว เธอยิ้มแล้วโบกมือส่งลา ฉันยิ้มตอบ เธอเดินมาส่งฉันถึงหน้าบ้าน ลูกค้าเริ่มน้อยลงเพราะเย็นมากแล้ว ฉันสวัสดีแม่ของครีม เดินออกนอกร้านพร้อมกับร่มที่หุบในมือสีกรมท่า ทอดน่องเดินบนพื้นเปียกๆ
ตึก…
……สายตาฉันสะดุดกับร่างหนึ่ง
ผมสีดำที่ไว้ยาวเคลียบ่า แต่ตัดซอยบางส่วน เสื้อยืดสีเทาทัยด้วยเสื้อฮู้ดสวมหมวกคลุมศีรษะกับกางเกงยาวขาดๆ สีดำ ------------ลักษณะนั้นที่ฉันคุ้นเคย
ร่างนั้นที่แสนคิดถึง
ฉันโหยหาเขา…
…เขาคนนั้นที่ฉันไม่นึกว่าจะได้เจออีกกลับยืนอยู่ที่นี่
“ทิน…” ฉันเอ่ยเรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ทินยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นเขา แน่ๆ แต่ทำไมล่ะ ทำไมเขาไม่คิดแม้จะชายตามองฉัน
“…”
“……….นาย… หายไปไหนมา รู้มั้ย ว่าฉันน่ะ คิดถึงนายมากแค่ไหน” เสียงที่สั่นๆ เหมือนจะร้องไห้พูดกับแผ่นหลังนั้น ฉันเดินเข้าไปโผกอดเขาไว้อย่างแน่น ราวกับไม่อยากให้เขาไป นานแค่ไหนกันนะที่ไม่ได้เจอเขา แม้จะยังไม่ถึงปี แต่ความรู้สึกมันกลับล้นออกมา
ไม่เอาอีกแล้ว… ฉันไม่อยากอยู่กับความเหงา
“ได้โปรด อย่าจากฉันไปเลยนะ” ฉันกอดเขาพร้อมกับซุกหน้ากับแผ่นหลังอุ่นๆ นั้น ก่อนที่จะเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ฉันยังอยู่ในร่างเด็ก เขาอาจจะจำฉันไม่ได้
แต่หวังว่าเสียงของฉัน เขาจะจำได้
“โซนัน…”
มีเพียงเขาเท่านั้นที่เรียกด้วยชื่อนี้
ที่เขาเอ่ยชื่อฉัน แสดงว่าเขาจำฉันได้
…ฉัน ดีใจ มากๆ เลย
เขาค่อยๆ ดึงมือฉันออก แต่ไม่แรง ฉันรู้สึกใจเสียขึ้นมา เขาเงียบไปสักพักแล้วพูด “ไปซะ”
เฮือก!
อ่ะ… อะไรกัน
เขาเกลียดฉันขนาดนี้เชียวเหรอ
“ฮึก…” เสียงเริ่มสะอื้น ฉันใช้มือปาดน้ำตาที่เริ่มปริ่มออกมา เขาหมดรักฉันแล้วจริงๆ
ไม่เหลือแม้แต่เยื่อใย
“ฮึกๆ ฮือ… ทำไมล่ะทิน ฉันแค่อยากคุยกับนายก็เท่านั้นเอง ไม่ต้องรักฉัน จะฐานะอะไรก็ได้ แต่ขอร้องล่ะนะ อย่าห่างเหินกับฉันสิ นะ”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักเธอ แต่เพราะฉันมีความผิดต่างหากล่ะถึงรักเธอไม่ได้น่ะ” พูดจบเขาก็ก้าวจะเดิน แต่ฉันรั้งไว้ก่อน “ความผิดอะไรกันน่ะ! บอกมานะทิน บอกมาสิ ถ้าเกิดนายสารภาพฉันจะให้อภัยแล้วนายจะได้ไม่มีความผิดต่อฉันอีก เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันไง นายน่ะ อย่าเอาเหตุผลเพียงแค่นี้มาเลิกกับฉันสิ เราเคยสัญญานี่ ว่าจะให้อภัยกันน่ะ!”
เอ่ยมาถึงตรงนี้น้ำตามันก็ไหลอาบแก้ม
“อยากให้ฉันสารภาพจริงๆ เหรอ” เสียงของเขานั้นไร้ความรู้สึก เขาดึงมือฉันออกอีกครั้งแต่คราวนี้เขาหันกลับมาหาฉัน “มากับฉันสิ แล้วฉันจะบอก” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แววตาที่มักจะฉายความอบอุ่น บัดนี้ได้กลายเป็นความเย็นชาที่สื่อถึง ทินยื่นมือมา ฉันจึงลากมือที่เริ่มอ่อนแรงลงบนมือของเขา ทินจูงฉันเดินไปเรื่อยๆ
ฉันก้มหน้าเดินต่อไปอย่างเหม่อลอย
ฉึก
รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แหลมทิ่มเข้ามาที่คอด้านหลัง สายตาเริ่มเบลอจนมองอะไรไม่ชัดเจน รู้สึกว่าทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง
และฉันก็ล้มลงในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ