Wont Trick กูจะเลวให้มึง Wont!!

9.8

เขียนโดย แอลซีน

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.05 น.

  4 chapter
  7 วิจารณ์
  9,140 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มกราคม พ.ศ. 2557 16.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) A GOD FROM THE HELL

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Coo1ow.jpg [500x532px] ฝากรูป

Chapter 1

A GOD FROM THE HELL

 

แสงไฟข้างทางส่องสว่างไปทั่วเมือง ฝนหยุดตก ความเย็นเข้าแผ่ซ่าน ความหนาวทำให้ผมตื่นจากภวังค์ น้ำตาที่ไหลตลอดทางตอนนี้มันเหือดแห้งไปหมดแล้ว ผมค่อยๆปรับสายตาให้เข้ากับความมืดและมองไปข้างหน้าปรากฏว่ามันใกล้ถึงหอพักผมแล้ว แต่ผมกับตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ช่วยผมนั่นเขาหายไป ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ที่มีตาแก่ขับอยู่ ผมมาอยู่บนรถแท็กซี่ตั่งแต่เมื่อไหร่?????

 

“ตื่นแล้วหรอไอ้หนุ่ม !!” ลุงแท็กซี่ตะโกนถามผมจากด้านหน้าคนขับ

 

“ลุง!! ผมมาอยู่บนรถลุงได้ไงครับ?”

 

“มีคนจ้างลุงมากส่งเอ็งนะ”

 

คงจะเป็นพระเจ้า(ของผม)สินะ แต่ทำไมเขาถึงทิ้งผมแบบนี้ล่ะ !! ให้ตายสิถ้าผมไม่ตื่นมาซะก่อนแล้วลุงแกขับเลยไปนิ ผมไม่แย่โดนกระทำช่ำเลาอีกหรอว่ะ แต่ยังดีนะที่ว่าเขาไม่ทิ้งผมไว้ข้างถนน แถมยังทิ้งเจ๊กเก็ตสีดำ(น่าจะเป็นของเขา)ห่มมาให้ผมอีก

 

ผมจับเสื้อเขามาดู พอจะเดาได้เลยว่าไอ้เสื้อนี่ราคาไม่ต่ำกว่าแสน แสดงว่าพระเจ้ามันต้องรวยมากแน่ๆ!! แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ผมไม่เข้าใจว่าคนหล่อและรวยมาก(?) อย่างพระเจ้า ยังมีเหลืออยู่ในสังคมจริงๆ

 

หลังจากที่ลุงแท็กซี่มาส่งผมถึงหน้าหอ ผมก็ลากสังขารขึ้นบันไดจนถึงห้องผม ผมเปิดประตูเข้าไปข้างใน ด้วยความเงียบที่สุดเพราะกลัวไอ้บลูเพื่อนรักจะตื่น พอเข้ามาในห้องแล้วผมก็เดินคล่ำๆ หาทาง ไปที่เตียงที่มันทั่งผุและกำลังจะพังเต็มที เมื่อเจอแล้วผมก็ทิ้งตัวลงนอน

 

ทันทีที่นอน เปลือกตัวผมก็เริ่มปิด คืนนั่นผมหลับไปอย่างง่ายดาย เพราะความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดที่สะสมมาตลอดทั่งวัน

 

 

 

 

 

 

เช่าวันต่อมา

 

 

“เฮ้ย!! ตื่นๆ ตื่นๆ ไอ้จีน้อยหอยสังข์”

 

เสียงห้าวโวยวายทำให้ผมตื่นขึ้น  ไอ้บลูใช้เท้ามันเขี่ยผมที่นอนอยู่บนเตียงราวกับผมเป็นเศษเนื้อนอนอยู่

 

ผมถีบเท้ามันออก “อะไรของมึงวะไอ้บลู กูจะนอน”

 

“มึงไม่ต้องนอนแล้ว! ตื่นมาคุยกับกูเลยว่ามึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ถึงได้เละเทะแบบนี้” ไอ้บลูใช้เท้าของมันดันขอบเตียงแล้วดึงผมลุกขึ้น

 

“โอ๊ย!! อะไรของมึง กูเจ็บ!!”

 

 

“มึงไม่ต้องเจ็บ มึงลุกมาเลยไอ้จี บอกกูมาว่ามึงไปโดนเหี้ยไรมา?” ไอ้บลู เพื่อนเลือดร้อน จอมกำลัง ขี้โวยวายพยายามเค้นถามผม ไอ้นี่เป็นคนมุทะลุ แล้วก็ดีแต่ใช้กำลัง  ในห้องผมก็เลยมีแต่ไม้เบสบอล  ไม้เคนโด้  ไม้ที   แล้วก็อีกสารพัดไม้เอาไว้ใช้ในยามออกศึก

 

 ผมหลับตาใช้ความคิด และตอบมันหน้านิ่งๆ “กูโดนโจรปล้น”

“โจร!! โจรที่ไหนว่ะ?  มันปล้นไรมึง ? หน้าตามันเป็นยังไง? แล้วไอ้เหี้ยแอลมันปล่อยมึงให้โดนปล้นได้ไง?”

 

“กูเลิกกับมันแหละ”

 

“เฮ้ย!! อย่าล้อกูเล่นน่าไอ้เพื่อนยาก อย่างมึงไม่มีทางเลิกมันได้หรอก”

 

“กูเลิกกับมันแล้วจริงๆ”

 

“จริงดิ!! ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้จีน้อยจะยอมเลิกกับพ่อเทพบุตรสุดหื่นอย่างไอ้เหี้ยแอลได้ ถ้าให้กูเดามึงจับมันได้ใช่ไหมว่ามันล่อเด็กใหม่”

 

“ไม่ใช่!!”

 

“แล้วอะไรละว่ะ”

 

“เหล้า!! มันเอากูไปแลกกับเหล้า”

 

น้ำตาผมเริ่มคลอเบ้าอีกครั้งเมื่อ พูดถึงสิ่งที่แท่งจิตใจ ซ้ำไปซ้ำมา

 

“เหี้ยมาก กูจะไปอัดมัน!!”

 

“พอเหอะไอ้บลู กูไม่อยากยุ่งกับมันแล้วล่ะ  พอกันที”

 

“นั่นมันเรื่องของมึง! แต่ใครทำเพื่อนกูมันต้องเจ็บ!” ไอ้บลูสุ่มสี่สุ่มห้าคว้าไม้เบสบอลแล้วดิ่งออกไป ไม่ฟังเสียงทักห้ามของผมสักนิด

 

ไอ้บ้าเอ๊ย!! นายยังไม่รู้เลยว่าไอ้แอลมันอยู่มุมไหนบนโลกใบนี้ !!!

 

แต่ชั่งมัน ปล่อยมันไปตามวิถีกรรมของมัน ขอให้เจอมันเร็วๆล่ะ ไอ้เพื่อนชอบใช้กำลัง = =^

 

 

 

 

พอไอ้บลูออกไปแล้ว ผมก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวบนหัวเตียง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างร่างกายที่แทบจะเปลื่อยไปกับแผล ไม่รู้จะอักเสบมั้ย? แต่ที่แน่ๆ ผมไม่มีทางไปโรงพยาบาลแน่นอน จนขนาดนี่แค่เงินซื้อข้าวกินก็จะไม่มีอยู่แล้ว อาบน้ำเสร็จแล้วค่อยมาทำแผลเอาเองแล้วกัน...มันก็คงจะเหมือนที่หมอทำล่ะมั้ง - -

 

 

 

 

 

ผมใช้เวลาในการอาบน้ำไปครึ่งชั่วโมง ก่อนจะออกมา  เนื่องจากมันแสบผมเลยต้องค่อยๆเอาน้ำแตะๆตัวเอง

 

 

“ไอ้บลู!! เหี้ยไรของมึงเนี่ย ?” ผมตกใจมากเมื่อเปิดประตูออกมา เจอไอ้บลูมันค้นของกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ทั่งหนังสือ หนังโป๊ และถุงยาง กระเด็นกระด่อนไปทั่วห้อง จนไม่มีที่จะยืน

 

“หาของ”

 

“ของอะไรของมึง”

 

“ซองจดหมาย”

 

ไอ้บลูหันมาตอบผม ก่อนจะกลับไปสนใจกับซองจดหมายมันต่อ คงจะเจอมั้งสัส !! ในหม้อหุงข้าวนะ ผมเลิกสนใจไอ้เพื่อนเซ่อ และหันไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อแต่งตัว แต่พอผมกำลังเลือกเสื้ออยู่ ไอ้บลูมันก็เบียดตัวผมออก ก่อนที่มันจะมาเรื่อเสื้อผ้าในตู้แทน

 

“เหี้ยไรของมึงเนี่ย!! กูจะแต่งตัว” ไอ้บลูโยนเสื้อแถวๆนั่นพร้อมกางเกงมาให้ผม เสร็จมันกลับไปสนใจกับการเรื่อของในตู้ต่อ

 

“กูไม่ได้อยากใส่ตัวนี้”

 

“ใส่ๆ ไปเหอะมึง ตัวไหนก็เหมือนๆกัน”

 

และดูเสื้อที่มันโยนมาให้ ผมบอกได้คำเดียวว่าถ้าไม่คิดจะไปเที่ยวผับ อย่าบังอาจใส่มันเลยจะดีกว่า ...

 

“อ่ะ!! เจอแล้ว” ไอ้บลูชูซองจดหมายสีดำขึ้นมา เมื่อมันเจอแล้วมันก็วิ่งตุ๊บๆๆ หายออกไปนอกห้องเลย เหลือแค่สิ่งที่มันทำไว้คือ สภาพห้อง TT กูอีกแล้วสินะ

 

“ไอ้บลู!!!!”

 

ผมเก็บของในห้องเสร็จบวกกับทำแผลตัวเอง ก็ปาไปเกิบครึ่งวัน หิวไส้จะขาด บ้าจริง!! ไอ้เพื่อนเวร บ้าบอเหี้ยไรแค่จดหมายฉบับเดียว ทำห้องแทบพัง ผมละปวดประสาทกับมันจริงๆ ผมคว้าเสื้อแขนยาวบนเตียงมาใส่ ก่อนจะเดินออกไปหาไรกินข้างนอก

 

 

ผมเดินไปตามทางเท้า แสงแดดยามบ่ายของเมืองไทยร้อนจนทำให้ตาพร่ามัวได้อย่างง่ายดาย -_-  ผมเดินไปถึงร้านสะดวกซื้อแถวๆนั่น วันนี้พนักงานก็ยังหม้อผมเหมือนเดิม ผมหยิบนมกับขนมปังแถวๆนั่นเอาไปคิดเงินที่เคาร์เตอร์และรีบออกมา

 

 

พอได้ของกินแล้วผมก็เดินกัดขนมปังคำดูดนมคำ ไปตามทางเรื่อยๆ ดูเหมือนเป็นพระเอก!! ระหว่างเดินก็มีรถที่ติดหน่าแน่น!! คนบ้าที่หาไรกินแถวๆขยะ!! คนเมาที่นอนไม่รู้เรื่องเหมือนคนตาย!! และขอทานที่นั่งอยู่บนสะพานลอย ชีวิตจริงมันไม่เหมือนในเอ็มวีสักนิด

 

ความร้อนและมลพิษทำให้ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในห้างทั่งๆที่มีเงินอยู่ไม่ถึงร้อย - -

 

 

ผมเดินตากแอร์ห้างไปเรื่อยๆ ดูโน้นนี่นั่น ไปตามอารมณ์อยู่คนเดียว

 

ปั๊ก!!!

 

“โอ๊ยยยยย”

 

เหี้ยแล้วไงล่ะ!! เดินไม่ดูทางจนชนเข้ากับใครสักคน ทำให้คนนั่นล้มก้นกระแทกกับพื้นทันที จะหักมั้ยว่ะ?? ไม่มีตังค์จ่ายค่ารักษานะเห้ย

 

“ขอโทษครับ!” ผมกล่าวขอโทษ ก่อนจะรวบรวมสติแล้วรีบจ้ำออกมาจากตรงนั่น อยู่ต่อกูอาจเสียตังค์ T_T

 

“เฮ้ย นาย!!!”

 

เสียงตะโกนดังขึ้น มันทำให้ผมหยุดเดินทันที เสียตังค์ใช่มั้ย?? กูต้องเสียตังค์สินะ !!! ผมก้มหน้าหันไป ผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งก้มหน้าอยู่กับพื้นด้วยท่าเดิม ก่อนจะดึงกระเป๋าเบสตัวเองขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนช้า ๆ

 

บรรยากาศรอบตัวตอนนี้ ความเยือกเย็นกำลังเกาะตัวผม

 

ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา และไม่มีทางจะให้เขาเห็นหน้าผมด้วย ผมก้มหัวแทบจะมุดพื้น

 

“ชิบ!! ที่คอมีรอยแตก”  ???  นั่นไงลางซวยมันลอยมาแล้วไงจีไนท์

 

“ผมขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะจ่ายค่ารักษาให้ครับ”

 

“ค่ารักษาอะไร? ที่พังมันเบสฉันเว่ย !!” เขาเดินเข้ามาหาผม แล้วจับหน้าผมเชิดขึ้นเหนือพื้น “บอกมาดิว่านายจะชดใช้ยังไง?!”

 

ผมยืนนิ่งอ้าปากค้าง ผู้ชายสูงโปร่ง ผิวขาวและดูมีออร่าราวกับหลุดมาจากแม็กกาซีน พระเจ้า!! พระเจ้า(ของผม)

แต่นี่!! ไม่ใช่เวลามายืนอึ้ง เวลาชิ้งมีไม่มากนัก บุญคุณต้องทดแทน แต่ของแพงไม่มีปัญญาชดใช้

 

 

“เอาไว้เดี๋ยวผมจะทยอยคืนให้แล้วกันเว้ย!!” ผมสะบัดหน้าใส่เกียร์หมา สิบคูณร้อยวิ่งหนีทันที และมีรึที่คนเสียหายอย่างพระเจ้าจะไม่ตามมา เขาวิ่งเร็วมากเพราะขาที่ยาวกว่าผม

 

“หยุดนะเฮ้ย!! จะหนีหรอ”

 

“ไม่ได้หนี บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวจะทยอยคืน จะตามมามั้ยว่ะ!!”

 

“หยุดนะ!! ถ้าไม่หยุดนายตายแน่!!”

 

โถ้เว่ย!! หยุดให้โง่สิครับ หยุดตอนนี้ก็ตายเหมือนกัน ดูจากสายตาแล้ว คงไม่ปล่อยกูง่ายๆแน่

 

แฮ่ก! แฮ่ก!

 

เหนื่อยแทบขาดใจ ผมวิ่งเข้ามาในหมู่คนเยอะๆที่ยืนหน้าเวทีอะไรไม่รู้ คงจะมีงานคอนเสิร์ตที่ห้างมันชอบจัดละมั่ง แต่ชั่งมัน!! ถ้าเป็นปกติผมก็จะยืนดู แต่วันนี้กูขอหนีก่อน ผมก้มหัวพยายามเดินหลบโจทย์ พอได้สักพักนักดนตรีก็ขึ้นมาบนเวที ทำให้ตอนนี้ผมถูกโดนเบียดกระดูกแทบหัก แถมเสียงกรี๊ดมันกำลังทำหูผมแทบแตก

 

 

สวรรค์ไม่เคยเข้าข้างผมเลย ผมเหลี่ยงหาทางหลบๆและออกไปจากการชุมนุมนี่ ก่อนที่กระดูกผมจะหักจริงๆ ผมปิดหูหลับตาวิ่งออกมาจากกลุ่มคนพวกนั่นจนได้ แต่ทว่า...

 

“จับได้แล้ว!! คิดจะหนีคนอย่างซันซัสมันไม่ง่ายหรอกนะ  ไอ้อ่อน!!”

 

ผมถูกรวบตัวในอ้อมกอดของเขา ทำไมต้องท่านี้? (อีกแล้ว)  และทำไมกูถึงไม่ดิ้น?  เมื่อสติเริ่มมาผมก็ทำการดิ้นมันสุดชีวิตเลยครับ

 

“ปล่อย!! บอกแล้วไงว่าไม่ได้หนี ไม่ได้หนีไม่เข้าใจไง?”

 

“หึ!! เชื่อก็ควายแหละ นายต้องชดใช้ซะดีๆ อย่ามาเกี่ยงโน้นนี่นั่น และห้ามเถียง เพราะคนอย่างฉันมันไม่ได้ใจดีอย่างที่คิดหรอก” เขาพูดกระซิบที่หูของผม เนื่องจากตอนนี้ตัวผมมันห่างจากเขาไม่กี่เซ็นเอง ให้ตายเหอะ!! พระเจ้า ไม่ใช่สิซันซัสสินะ

 

“ก็ได้ๆ ฉันจะชดใช้ก็ได้ นายก็ปล่อยตัวผมสักทีสิว่ะ” แมร่งเอ้ย ! อายเป็นนะเว่ย ท่ามันล้อแหลมมาก แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันทั่งคู่อีก

 

ซันซัสยอมปล่อยผมออกจากอ้อมกอด แต่ก็ยังจับมือผมไว้ เพราะกลัวว่าผมจะหนีอีก - -

 

“ค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ว่ามา”

 

“สองหมื่น”

 

“ห๊ะ! สองหมื่นบาท!!เบสเชี่ยไรว่ะแพงชิบหายเลย นายคิดจะโกงฉันป่ะเนี่ย!! ฉันเอานายตายนะบอกไว้ก่อน”

 

“เบสฉันราคาครึ่งล้าน ค่าซ้อมมันก็ต้องแพงตามเกรด ถ้าคิดจะเบี้ยวฉันเอานายตายแน่...เตือนไว้ก่อน”

 

“ลดได้ไหม?”

 

“ไม่ได้!!”

 

ผมยู่จมูกใส่เขา คนบ้าอะไรว่ะ “งกจริงๆ”

 

ผมเอามือข้างที่ว่างล่วงกระเป๋าขวักแบงค์ห้าสิบออกมาวางบนฝามือของเขา “เอาไปก่อนห้าสิบ”

 

“อย่ามาตลก ฉันไม่มีอารมณ์ร่วม”

 

“ไม่ได้ตลกเว่ย แต่กูจนเข้าใจป่ะ!! ตอนนี้มีติดตัวอยู่ห้าสิบ ถ้าไม่เชื่อก็ค้นดู”

 

มันทำจริงครับ !! ไอ้ซันซัสใช้มือมันล่วงเข้ามาในกระเป๋าผม

 

“เฮ้ย!! ล่วงดีๆดิว่ะ” แมร่งโดนจุดอ่อนไหวกู TT

 

พอมันล่วงเสร็จ ก็รู้แล้วว่าผมไม่มีจริงๆ ซันซัสจ้องผมตาเขม็งเหมือนกำลังคิดว่าจะทำยังไงกับคนจนอย่างผมดี

 

“เอาเบอร์นายมา บอกชื่อมาด้วย”

 

ซันซัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นเตรียมกดเบอร์ผม แต่ขอโทษ

 

“ไม่มีโทรศัพท์ พังไปตั่งแต่เมื่อคืน”

 

พอได้ยินเช่นนั่น คนตรงหน้าผมถึงกับถอนหายใจกับความเหนื่อยหน่าย เขาเงยหน้าขึ้นดูเพดานห้าง พยายามใช่ความคิดสักพัก ก่อนจะลากผมเดินไปโซนขายโทรศัพท์

 

 

ทันทีที่ถึงร้านได้ ซันซัสก็จิ้มไอโฟนสีขาวตรงหน้าอย่างไม่คิด เหี้ยแล้วไง!! ของแพงด้วยสัส กูไม่มีตังค์ ใช้คืนหรอกนะ พนักงานจัดการกับไอโฟนสีขาวเสร็จ ซันซัสก็ยืนบัตรเครดิตสีดำให้ไป นั่นมันไม่จำกัดวงเงินไม่ใช่หรอ? พอเสร็จมันก็หยับโทรศัพท์หยัดมาใส่มือผม

 

“ไม่เอา!!!!” ผมรีบปฏิเสธเสียงแข็ง เรื่องไรจะหาหนี้มาเพิ่มอีกว่ะ อย่างต่ำชีวิตกูก็ใช่แค่ซัมซุมฮีโร่ ไอโฟนเวรนี้กูไม่อยากได้เว่ย!!!!

 

 

ผมยัดมันกลับไปที่มือเขา แต่ก็ถูกไอ้คนตัวสูงกว่าจ้องตาเขม็งและหยัดมันกลับมาเหมือนเดิม

 

“เอาล่ะ!! ตอนนี้นายก็มีโทรศัพท์แล้ว  นายหนีฉันไม่ได้แหละ!!”

 

“เฮ้ย!! บอกว่าอยากได้ตอนไหน ไม่เอาเว่ย !! กูไม่เอา”

 

“ตอนนี้มึงไม่มีสิทธิปฏิเสธและออกความคิดเห็นอะไรทั่งสิ้น เพราะชีวิตมึงตอนนี้อยู่ในกำมือกู เข้าใจมั้ย!!?”

 

“แมร่งเอ้ย!! อือ กูก็บอกไว้ก่อนเลยว่าไอ้เครื่องนี้กูไม่มีส่วนร่วมในหนี้สินเพราะกูไม่ได้อยากได้ !!!!” ผมเน้นคำสุดท้ายอย่างหนักแน่น  กูจะทำยังไงดีว่ะ?? มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะกับเงินสองหมื่น  โอ๊ย!!!

 

A bullet with your name, a ticking time grenade You better run away, run away, run away......

เสียงโอโฟนไอ้ซันซัสดังขึ้น ทำให้สติผมกับมายังโลกความจริง T_T ไอ้ซันซัสกรอกเสียงแข็งใส่ไปเมื่อมันเห็นว่าใครโทรมา

 

“มีอะไร?ไอ้เตอร์”

 

“อยู่แถวนี้แหละ”

 

“อือ!! รู้แหละ เดี๋ยวกูไป”

 

พูดจบมันก็กดวางสายจนโทรศัพท์แทบพัง บ้านรวยมากไงสัส!! ซันซัสหยัดไอโฟนเข้ากระเป๋า และดึงไอโฟนในมือผมเข้ากระเป๋าผมเหมือนมัน - - ก่อนจะออกแรงดึงผมเดินกลับไปทางเก่าไม่พูดไม่จา ไม่ฟังความคิดเห็นอะไร ผมละปรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ

 

“มีอะไรอีกว่ะ?”

 

ผมถามขณะที่ขาก็ออกแรงเดินตามแรงดึง ซันซัสไม่พูดอะไร เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว

 

“เฮ้ย!! จะเอาอะไรกับกูอีกก็พูดมาสิวะ”

 

“.........”

 

“กูบอกแล้วไงว่าจะชดใช้ให้อ่ะ !!”

“.........”

 

“เฮ้ย!!” ผมสะบัดมือออก หมดความอดทนแล้วกับเจ้าหนี้คนนี้จะอะไรกับกูนักหน่าว่ะ!!

 

ซัสซัสหยุดเดิน  ผมเลยเตรียมจะด่ามัน แต่ทว่าต้องหยุด เมื่อรู้อีกทีว่าตอนนี้ตัวเองมายืนอยู่หลังเวทีมินิคอนเสิร์ตเป็นที่เรียบร้อย

 

“มาได้พอดีเลยมึง อ่ะ!!เบสมึง”

 

คนตัวสูงหุ่นเหมือนนายแบบหน้าตาหล่อไม่น้อยกว่าซันซัสโยนเบสมาให้ และตัวเองก็ขึ้นไปบนเวที นี่พวกเขาเป็นนักดนตรีกันหรอเนี่ย!! ไอ้นี้ด้วยสินะ ทำไมกูถึงไม่รู้จักว่ะ ถึงว่าหล่อผิดมนุษย์

 

ซันซัสคล้องเบสก่อนจะก้าวขึ้นเวทีตามไปติดๆ พอกำลังจะถึงเวทีอีกแค่ก้าวเดียวเขาก็หันมาหาผมและเอ้ยคำที่แสนเจ็บปวดประสาทมาก

 

“มึงห้ามไปไหน จนกว่ากูจะแสดงเสร็จ เข้าใจมั้ย!!”

 

“เออ!”

 

ซันซัสก้าวขึ้นไปพร้อมเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มห้างแทบแตก หนวกหู!! ผมนั่งเซ็งอยู่ตรงเก้าอี้หลังเวที อย่างไปไหนไม่ได้

 

Looking back on younger days, the time has passed,And nothing stays the same. Hey hey hey!She was such a pretty girl, with glowing eyes and yellow curls. Hey hey hey!Stars are in a summer night,She's wishing that they'd fall down through the atmosphere, for a souvenir.She's waiting for her Superman, her Never land,Cause he can show the way. Hey hey hey!Where's her missing piece her mind's been chasing, chasing?

มองย้อนกลับไปในวัยเยาว์ เวลามันผ่านมานานแล้วนะไม่มีอะไรคงเดิมเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก นัยน์ตาอันเปล่งประกาย และผมลอนๆสีบลอนด์ดวงดาวในคืนฤดูคิมหันต์เธออธิษฐานว่ามันจะตกลงมา ผ่านชั้นบรรยากาศ เป็นของฝากแก่เธอเธอรอคอยซุปเปอร์แมน เนเวอร์แลนด์ของเธอเพราะเขาพาเธอไปได้ชิ้นส่วนที่หายไปที่เธอตามหาอยู่นั้นไปอยู่ไหนล่ะ?

A bullet with your name, a ticking time grenade,You better run away, run away, run awayEither way you're screwed, there's nothing you can do,You better run away, run away, run away

 

กระสุนปืนที่สลักชื่อของเธอ ระเบิดเวลาแกรีบหนีไปเถอะไม่ว่ายังไงแกก็จบแล้ว แกทำอะไรไม่ได้หรอกรีบหนีไปซะเถอะ

 

เสียงเพลงที่ถูกร้องออกมาอย่างไพเราะ จากเสียงเจ้าของโครงหน้าที่เฟอร์เฟก ถึงผมจะไม่ค่อยชอบเพลงสากล แต่เพลงนี้มันก็พอจะติดหูผมอยู่บ้าง ทำนองและเนื้อหาของเพลงมันถูกสร้างมาจากเรื่องจริง ที่แสนเจ็บปวดของผู้หญิงคนนึง!!

ถึงเพลงนี้จะเป็นเพลงของ Dia Frampton แต่พวกเขาก็เอามาเปลี่ยนทำนองให้มันเข้มข้นขึ้น จนผมที่นั่งฟังอยู่ข้างหลังเวที ถึงกับอึ้งในความสามารถของพวกเขาเลย.......

You better run away, run away, run awayEither way you're screwed, there's nothing you can do,No matter what you say, what you say, what you say.

 

กระสุนปืนที่สลักชื่อของเธอ ระเบิดเวลาแกรีบหนีไปเถอะไม่ว่ายังไงแกก็จบแล้ว แกทำอะไรไม่ได้หรอกไม่ว่าแกจะแก้ตัวยังไง !

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา