สามใจหนึ่งฝัน
เขียนโดย api3api
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.52 น.
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 09.10 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าตรู่วันนี้ที่อุทธยานประชุมด่วนแต่เช้าหน่วยพิทักษ์ป่าต่างนิ่งฟังอย่างเคร่งเครียด
จ่าโบ้อัดบุหรี่กรุงทองเข้าเต็มปอดก่อนจะโยนเข้ากองไฟ
"มีสายรายงานว่า ที่ช่วงนี้ป่าโดนรุกหนักเป็นเพราะมีนายทุนหนุนหลังอยู่ พวกลักลอบเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นชาวบ้านตำบลไกล้ๆนี่เอง การเดินป่าช่วงนี้หัวหน้าสั่งให้เรารัดกุมระวังยิ่งขึ้นกว่านี้อีก"
ลุงมิ่งนั่งฟังนิ่งแกพยักหน้าเบาๆ ส่วนเจด็จยืนกอดอกนิ่ง แสวงฟังด้วยความกังวล
"หน่วยย่อยต่อไปจะเพิ่มแพทย์สนามไปอีกหน่วยละคนเพราะต่อไปต้องเดินป่าแบบข้ามคืน"
ทุกคนพยักหน้าแต่เจด็จเกิดความสงสัยจึงยกมือถาม
"เราจะลาดตะเวนไกลขึ้นเหรอครับ"
จ่าโบ้พยักหน้าแต่สีหน้าช่างดุดันเหลือเกิน
"เราจะลาดตะเวนเข้าไปสำรวจป่าลับลา"
ฮือฮา เสียงหน่วยเรนเจอร์ทุกคนต่างเริ่มซุบซิบกันเซ็งแซ่
"จ่าแน่ใจเหรอ ป่านั้นน่ะเป็นรังของเสือโคร่งนะจ่า"
ลุงมิ่งนิ่งมาตลอดเริ่มแย้งขึ้นมา ทุกคนเริ่มเห็นด้วย
จ่าโบ้เอาปากกาไวท์บอร์ดเขียนตัวหนังสือกับตัวเลขไปบนบอร์ดสีขาวขนาดใหญ่
"ที่ผ่านมามีการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ถี่ขึ้น จากจำนวนสามเดือนที่ผ่านมา เยอะกว่าสามเดือนก่อนหน้าเห็นได้ชัด ไม้ไม่ใช่ต้นเล็กๆแต่กลับหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่สงสัยกันเหรอ"
"รึว่าถูกเก็บไว้ในป่าลับลา"
แสวงยกมือแสดงความคิดเห็น ทุกคนเริ่มฮือฮา
จ่าโบ้กอดอกนิ่งแม้แต่เขาเองยังไม่แน่ใจ
"เมื่อสิบหกปีก่อน ศึกยี่สิบทมิฬพวกลับลอบเป็นโจรในป่าลับลา นั่นเป็นเหตุผลว่าป่าลับลามีบางที่ที่คนอาศัยอยู่ได้ เมื่อก่อนคงเป็นไปได้ยากที่จะสำรวจเนื่องจากทางเป็นเขาวงกต คนที่เคยเข้าไปนับคนได้ที่กลับออกมาได้ เราจะใช้เส้นทางเดิมที่เราเคยไปปราบโจรเมื่อสิบหกปีก่อน เราจะไม่บังคับแต่จะขออาสาสมัคร เพราะหากใจไม่กล้าแล้วป่าลับลาจะเล่นงานเรา ใครจะไปกับผมบ้าง"
ทุกคนเงียบแท้แต่ลุงมิ่งผู้เจนจัดยังเงียบตัดสินใจลำบาก แน่ล่ะสิก็ป่าลับลาขึ้นชื่อว่าป่าอาถรรพ์ลึกลับและซับซ้อน แม้แต่การสำรวจทางอากาศยังมองไม่เห็นพื้นนอกจากต้นไม้หนา
"ผมไปด้วย"
แสวงยกมือ ทำให้หลายคนเริ่มลังเล เจด็จกัดฟันยกมือตาม
"ผมไป ลุงมิ่งไปล่าเสือกันเถอะ"
"อุบ๊ะกูไปอยู่แล้ว"
จากนั้นก็มีคนอาสาอีกสี่คนรวมเป็นแปดคน จ่าโบ้ตบมือให้สัญญาน
"เอาล่ะ แค่นี้คงพอแล้ว ครั้งนี้เราจะไม่ปะทะ เป้าหมายของเราคือสำรวจขอให้ทุกคนกลับไปนอนให้เต็มอิ่มและเจอกันพรุ่งนี้เช้า เลิกประชุมได้"
แสวงกลับมาที่บ้านด้วยความตื่นเต้นจนตอนนี้หัวใจเขายังไม่หยุดสั่น เขาเดินมาถึงบ้านเหมือนมีอะไรดลใจให้แสวงเดินไปบ้านของจักจั่นที่อยู่ติดกัน
บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่แล้วเพราะหลังจากพ่อของจักจั่นกับน้าโฉมของเขาตายจักจั่นก็มาอยู่ที่บ้านใหญ่
แสวงเดินเข้ามาในห้องเขาจุดธูปแล้วปักมันบนกระถางธูปหน้ากระดูกของเจ้าของบ้าน
"ลุงพยัค ผมจะเข้าป่าลับลาพรุ่งนี้ขอให้ปกป้องผมด้วย"
เมื่ออธิฐานเสร็จแล้วแสวงเดินออกมาก็เจอจักจั่นยืนอยู่หน้าห้อง
"เอาจริงเหรอ แหวง"
จักจั่นถามด้วยความกังวลแต่แสวงพยักหน้าด้วยความหนักแน่น
"ใช่จักจั่น เขาใหญ่ที่นั่นเป็นที่สุดท้ายที่ฉันไม่รู้จัก ฉันไม่กลัวหรอก"
เพี๊ยะ จักจั่นตบแก้มเขาแสวงลูบแก้มนิ่ง
"คนข้างหลังต่างหากที่กลัว ฉันกลัว พ่อของฉันตายที่นั่นนะ บ้าหรือเปล่า จะทำอะไรตามใจมากไปแล้ว"
จักจั่นต่อว่าแสวงแต่เขาไม่โกรธเลยเพราะจักจั่นร้องให้ด้วย แสวงลูบหัวจักจั่นอย่างเอ็นดู เขารู้สึกตัวว่าจักจั่นเป็นผู้หญิงที่น่ารัก มานานแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาแสวงคิดว่าเธอเป็นญาติคนนึง แต่เมื่อเขารู้ว่าจักจั่นเป็นแค่ลูกติดพ่อเรื่องนี้ทำให้เขามองจักจั่นไม่เหมือนเดิม
"จักจั่น ฉันจะกลับมาน่า ไม่มีป่าใหนในเขาใหญ่ที่ฉันกลับมาไม่ได้หรอกนะ"
จักจั่นเช็ดน้ำตาเธอถอดเอาเขี้ยวเสือที่เป็นของดูต่างหน้าของพ่อออกจากคอแล้วใส่ให้แสวง
"เอากลับมาคืนเราด้วย เครื่องรางนี้เป็นของพ่อเรา"
จักจั่นวิ่งออกจากบ้านเก่าทิ้งให้แสวงยืนหัวใจเต้นแรงเพียงลำพัง
"ฉันจะทำยังไงดีจักจั่น ฉันจะทำตัวอย่างเคยได้ยังไง มันมีแต่จะบอกเธอเข้าสักวันและเธอคงเกลียดฉัน"
แสวงเอามือจับเครื่องรางแน่น
----------+++++++----------------++++++++----
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ