สายสัมพันธ์ที่มิอาจตัดขาด [Satan]
เขียนโดย มุเมะโนไทสะ
วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.37 น.
แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 22.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) #นกพิราบ#
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
''อยากลองปกป้องพี่ไหม?วิราว''
นับตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่บาทหลวงและแม่ชีหรือแม้กระทั้งคนในโบสถ์และ''คุณแม่''พูดให้ผมฟังเท่า
ที่ผมอายุสองสามขวบได้ผมมักจะอ่อนแอ่มาตั้งแต่เด็กๆ และพี่มักจะปกป้องผมตลอดในโบสถ์
โบสถ์ ... พอพูดถึงแล้วผมเปรียบสเมือนว่า''นี้คือบ้านของผมกับพี่'' ที่พวกเราเติบโตกันมาตั้งแต่
เด็กห้าปีที่ผ่านมาเรามีความสุขกันมากทั้งทะเลาะกันทั้งหัวเราะไปด้วยทั้งเศร้าไปด้วยกัน ผมอยาก
ให้เวลานี้อยู่กับพวกเราไปตลอดจริงๆ ...
แต่ ..... มันก็แค่เวลาที่สั้นลงสําหรับผมกับพี่
ในงานวันเกิดพี่ที่อายุได้หกขวบแล้วทุกคนในโบสถ์ก็ยินดีและปลื้มใจที่พี่อยู่มาได้จงถึงวันนี้ในคํ่า
คืนนั้นพี่ก็ชวนผมไปที่ๆแห่งหนึ่งก่อนจะลับตาผู้คน
พวกเราสองคนเดินกันไปโบสถ์อีกที่หนึ่งที่ร้างผมได้ยินเสียงเพลงเบาๆออกมาจากในโบสถ์และผม
ก็ถามพี่ว่านั้นคือเสียงอะไรพี่เขาก็ไม่ยอมบอกพวกเราเปิดประตูออกมาเบาๆ
ภาพที่ปรากฏให้ผมเห็นคือร่างหญิงสาวที่ใส่ชุดสีขาวยาวสลวยพร้อมผ้าปิดตาสีขาวที่พันไว้ตรงตากับ
พิณที่บรรเลงเพลงที่ผมฟังไม่ออกกับเสียงร้องที่ขับขานออกมาตรงแท่งหิน ดูยังไงแล้ว มันก็เหมือน
นางเงือกที่ออกมาร้องเพลงตอนเด็กๆที่แม่ชีหลายคนเล่าให้ฟังพี่สาวของผมที่ยืนมุมดูก็ยิ้มไม่หุบ
''ชอบไหมละ?'' พี่หันไปมองผมที่หลงใหลกับภาพที่อยู่ตรงหน้า
''พี่รู้ตั้งแต่ตอนไหนกันฮะ?''ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่จับประตูเก่าๆ
''ฉันรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ... แต่ฉันไม่กล้าไปทักเขาคนนั้นกลัวพวกแม่ชีจะไล่ตีน่ะสิ'' พี่
รู้ทันทีเลยว่าถ้าเข้าไปนี้จะเกิดอะไรขึ้นเลยพยักหน้าเห็นด้วยกับอีกฝ่าย
''นั้นน่ะสินะ ... จะลองเข้าไปดูไหมครับ?''ผมเอยออกมาโดยที่พี่ทําตาประกายวาวก่อนที่
พวกเราเข้าไปกัน
ตู้ม!
เกิดเสียงระเบิดในโบสถ์ที่พวกเราอยู่กันพี่และผมรีบหันไปตามต้นเสียงที่มันระเบิดดวงตาของพวก
เราเบิกโพลงและตกใจมากพี่สาวของผมรีบฝีเท้านําหน้าผมไปก่อนคนแรกโดยที่ไม่รอผมที่หันไป
มองหญิงสาวที่ยังร้องเพลงอยู่ผมรีบวิ่งตามพี่ไปด้วยความกลัวความมืดและความกลัวว่าคนในโบสถ์
จะเป็นอะไรไปหมด!
ถ้าตั้งแต่เด็ก ... ถ้าผมเลือกได้ ..ผมอยากจะอยู่กับแม่ชีและบาทหลวงให้มากๆ...
กลิ่นไฟไหม้ที่ลุกกระหนํ่ากําลังเผาไหม้ระฆังสูงเสียดฟ้าตกลงมาทับเหล่าแม่ชีทุกคนที่ต่างวิ่งหนีเอา
ชีวิตรอดพร้อมกับลูกกระสุนที่สาดกระจายอยู่ทุกที่และกลุ่มผู้คนแปลกๆที่ใส่ชุดสีขาวเนื้อหนังที่
ปกปิดทั่วร่างกายกําลังถืออะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จักพ่นใส่โบสถ์ที่เผาอยู่ผมยืนหวาดกลัวสั่นอยู่ตรง
พุ่มไม้ที่ดูอยู่
ผมกลัว ....
ผมกลัว ....
แต่ทันใดนั้นก็มีร่างบางอย่างเข้าไปจับข้อมือของชายแปลกหน้านั้นก็คือพี่สาวของผมแต่ดวงตา
เปลี่ยนไปกลายเป็นสีแดงสดที่ฉํ่าไปด้วยเลือด
''อย่ามายุ่งกับบ้านของพวกเรานะ!'' พี่ขัดขืนทุกวิธีทางและพยายามทุบตีหรือแม้กระทั้งเตะ
ทั้งต่อยกลุ่มคนที่แปลกก็จับตัวและล็อกเอาไว้
ผมที่ยืนหวาดกลัวก็รีบปิดตาอย่างด่วนแต่หัวสมองของผมบอกว่าต้องไปช่วยพี่
''เผาเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย!''เสียงตะโกนที่ดังออกมาทําให้ผมเบิกตาโพรงก่อนจะรีบพุ่งออกไป
จากพุ่มไม้และปาก้อนหินใส่คนที่ตะโกนสั่งให้เผาพี่ของผมที่ถูกตัวล็อกก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยโดยไม่
สนใจเลยว่าตัวผมเองจะเป็นไง ผมทั้งร้องไห้และหวาดกลัวกับพี่ที่ทําสีหน้าโกรธจัดและยากเกินที่
จะอธิบายได้สําหรับผม
''วิราวอชิระ! ! !'' เสียงของบาทหลวงดังออกมาพร้อมกับถือสมุดเล่มหนาสีแดงเก่าอยู่ๆก็มี
ร่างสองร่างที่ยืนข้างคู่ขนานบาทหลวงชายหนุ่มที่ดูรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้ใหญ่สวมเสื้อเกราะที่ยุค
สมัยสีขาวนวลเหมือนหงค์กับดาบประกายเงินที่ยืนอยู่
พร้อมกับอีกร่างที่ที่มีปีกหกปีกตรงกลางข้างหลังกับวงแหวนบนหัวทั้งห้าที่วนไปมาวนมาผมยืนอึ้ง
และรวมทั้งพี่ของผมที่อึ้งอยู่บาทหลวงผู้นั้นกระอักเลือดออกมาอย่างรุงแรง
''yes yourmajasty'' เสียงที่ตอบออกมาเป็นคําพูดที่ผมไม่เข้าใจบาทหลวงชี้เล็งไปทาง
กลุ่มชายแปลกหน้าที่เล็งกระบอกปืนเข้าไปหา
''กําจัดศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้าซะ!'' สิ้นเสียงของบาทหลวงก็กระอักเลือดอีกครั้งพี่รีบวิ่งเข้าไป
พยุงรวมทั้งผมที่เข้าไปพยุงทั้งสองข้าง
''ตามเรามาซะ! เรามีที่ๆพวกเจ้าจะให้ไปซ่อน!'' บาทหลวจับแขนทั้งสองข้างของผมกับพี่
โดยที่ผมหันหลังไปดูหญิงสาวและชายหนุ่มที่ต่อสู้อยู่กับกลุ่มคนแปลกหน้า
''เราจะไม่ไปช่วยพวกเขาหรือคะ!? หลวงพ่อ!'' พี่ดื้อดึงมองหญิงสาวที่มีหกปีสีดําทิ่มแทง
ร่างของกลุ่มคนพวกนั้น
''แค่กๆ ... พวกเจ้าน่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก รีบตามมาซะ! อั๊ก!แค่กกก''บาทหลวงกระอัก
เลือดอีครั้งพร้อมจับหนังสือและจูงมือพวกเราไว้
ภายในโบสถ์ที่กําลังไหม้อยู่มีประตูบานเล็กชั้นใต้ดินขนาดเล็กจิ๋วที่ผมกับพี่ไม่เคยและไม่มีวันกล้า
ลงเพราะข้างในนั้นมันมืดมิดและมีเสียงประหลาดดังออกมาจากด้านใน
''พวกเจ้ารีบหลบเข้าไปในนี่ซะ เร็วเข้า!'' บาทหลวงคนนั้นรีบเปิดประตูเล็กนั้นออกมาพร้อม
กับจับอชิระยัดเข้าไป
''เดียวก่อน! นี้มันอะไรกันหลวงพ่อ! ทําไมต้องหนี มันเกิดอะไรขึ้น!''พี่สาวของผมสะบัด
ข้อมือและหันไปมองบาทหลวงคนนั้นที่เลือดเต็มปากอยู่
''แฮ่ก ...แฮ่ก ... ตอนนี้ต้องหนี .. ไม่งั้น .. ไม่งั้น ..เขาจะเอาสมบัติลํ่าค้าไป ไป
ซะ!''เสียงตะโกนที่ดุดันทําให้ผมกลัวและร้องไห้ออกมาพี่ของผมที่ไม่เข้าสถานการณ์ก็รีบจับมือ
ของผมเข้าไปประตูบานเล็กนั้นเข้าไปตามคําสั่งของบาทหลวงแต่โดยดี
''แล้วหลวงพ่อละพี่!แล้วหลวงพ่อละ!''ผมร้องไห้ออกมาโดยที่พี่เขากัดฟันและทุบเข้ากําแพง
พวกเราทั้งคู่เหมือนไร้ซึ่งความหวังและจะยืนสู้อยู่
''หนวกหู!หุบปากเน่าๆของแกไปเดียวนี้วิราว! รีบออกไปจากที่นี้กัน--''พี่พูดโกรธเกรี้ยว
และกระชากเสื้อคอผมที่ร้องไห้ออกมาผมในตอนนี้เหมือนไอ้เด็กขี้แงที่ไม่มีทางจะสู้ก่อนที่พี่จะ
ปิดปากผมและฟังเสียงประตูอันเล็กที่ไม่มีกระจกหรืออะไรให้ดูเลย
ตุ้บ!
เสียงประตูขนาดใหญ่ที่พังออกมาพวกเราต่างแนบหูและฟังเสียงที่เกิดขึ้น
''เอาเด็กพวกนั้นไปไหน!''เสียงตะโกนของกลุ่มคนแปลกหน้านั้นดังออกมาเป็นฝูงเล็งกระบอก
ปืนเข้าหาบาทหลวงที่นั่งลงกับพื้นพร้อมหยิบไม้กางเขนมาท่อง
''พระเจ้าทําไมต้องให้มนุษย์ทนทุกข์ ทําไมพระเจ้าท่านถึงได้ทําร้ายเช่นนี้''เสียงก้อน
กังวานตรงประตูที่ผมกับพี่แนบหูทําให้พวกเราอยากจะร้องไห้ออกมา
''เอาเด็กพวกนั้นไปไหน!'' เสียงตะโกนอีกครั้งเล็งบาทหลวงที่จับไม้กางเขนท่องอยู่
''บัดนี้ ขอให้จงนําร่างของข้าไปหาท่านเถอะ ''
ปัง! ปัง! ปัง!
พวกเราได้ยินเสียงลูกกระสุนที่ดังออกมาอย่างเยอะพร้อมกับถ้อยห่างออกมาอย่างรวดเร็วกับปิดปาก
สนิทและยืนสั่นกันอยู่หลวงพ่อละ? แล้วหลวงพ่อละ? พวกเราไม่กล้าที่จะเปิดประตูไป ถ้าเปิดออก
ไป พวกเราก็ถูกจับกันทั้งคู่
''ค้นหาให้ทั่ว! เราต้องพบเด็กพวกนั้นให้ได้!''กลุ่มผู้คนแปลกหน้านั้นสั่งหลายๆคนที่เริ่ม
ค้นหาในโบสถ์ตอนนี้หลวงพ่อจะเป็นไง? ผมไม่รู้เลย!ผมกลัว! ผมหันไปมองพี่ที่ดวงตาสีแดงสดที่ดู
น่ากลัวมากขึ้นเดินฝีเท้าอย่างเพื่อจะไปเปิดประตูผมรีบวิ่งเข้าไปล็อกตัวเอาไว้
''อย่าไปนะฮะพี่!'' ผมล็อกตัวพี่เอาไว้
''จะฆ่าพวกมัน! จะฆ่าพวกมัน!'' พี่ตะโกนออกมาหลายครั้งผมรีบปิดปากผู้เป็นพี่สาวเอาไว้
พร้อมกับล็อกตัวเอาไว้เพื่อไม่ให้ออกไปข้างนอก
''ท่านครับ จากองค์กรไนท์ออฟไวท์บอกให้ทางเรากลับมาด่วน'' เสียงจากบานประตูพูด
ออกมาใกล้ๆที่ส่องสังเกตเห็นแต่ก็ไม่เจอใดๆก็
''จงได้สินะ .. ถ้างั้นก็รีบกลับไปซะ'' สิ้นเสียงก็เหมือนจะมีการตอบกลับ
ผ่านไปได้สิบนาทีพวกเราก็รีบเดินลงไปชั้นใต้ดินที่มืดสนิทผมจับมือพี่เอาไว้แน่นและพี่ที่เดินช้าไป
ตรงหน้าพวกเรานิ่งเงียบสนิทและไม่ได้พูดอะไรกันเลย
ผมมองแผ่นหลังของพี่ที่นิ่งเงียบเดินอยู่ตรงหน้าที่สนิท ..
จงกระทั้งเราเดินออกมาจากชั้นใต้ดินในแสนจันทร์ที่โผล่ออกมานั้นเหมือนแสงสว่างที่เราหลุดออก
มาก็ทําให้พวกเราอึ้งอีกครั้งนั้นคือสถานที่ในโบสถ์ซากเก่าที่พวกเราได้เดินกันมาในนี้เรากับไม่พบ
หญิงสาวที่ร้องเพลงหรือแม้กระทั้งพิณที่วางอยู่พี่สาวของผมอึ้งมากเพราะชั้นใต้ดินนั้นกลับกลาย
เป็นที่ทางลัดเข้าตรงโบสถ์เก่าแห่งนี้
''ห...หมายความว่าไงกัน ...'' ผมร้องออกมาด้วยความตกใจหันซ้ายหันขวาไปมามองพี่ของผม
ที่เดินออกไปช้าพร้อมพึมพําอะไรบางอย่างอย่างก่อนผมจะรีบวิ่งออกไปตอนนั้นพวกเรายืนดูโบสถ์
อีกฝั่งที่ลุกเปลวเพลิงไหม้อยู่ ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ