No Sugar!! บ้าน่า..ฉันหลงรักนายตอนไหน?

9.3

เขียนโดย Murasaki

วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.55 น.

  7 chapter
  2 วิจารณ์
  12.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ทำไมถึงทำกับเพรสได้!!

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Part : อิมเพรส

เพื่อนๆมาปลุกให้ผมกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน แต่แอบสงสัยว่า..ทำไมวันนี้ผมไม่เจอไอ้น้องชายตัวแสบที่โรงเรียนเลยทั้งๆที่ผมเพิ่งย้ายโรงเรียนมานะ มันไม่ดูแลพี่ชายมันเลยง่า ต้องกลับบ้านมาคนเดียวบนทางเปลี่ยวค่ำมืด กลัวโดนฉุดอย่างที่ม๊ากลัวเลยอ่ะ ระหว่างที่ผมไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ผมก็ได้ยินเสียงแปลกๆในบ้าน

 

กึก..กึก..แก๊ก...ตึง

เอ๊ะ! เสียงอะไรว่ะ หรือว่า..500 ขึ้นบ้าน

ผมเดินย่องขึ้นไปที่ชั้น 2 ทันที วันนี้จะจับโจรเข้ากรงโว้ยเฮ้ย! รู้สึกเสียงนี้จะมาจากห้องผมนะ

กำลังจะเปิดประตูเข้าไปดู เอ่อ..แต่เสียงเงียบแล้วอ่ะ

 

หมับ!

“อ๊ากกกก!!!!”

“องค์ลงหรอเพรส..บ้าหรือเปล่า ร้องซะกูตกอกตกใจหมด” น้องชายมันเข้ามากอดผมจากทางด้านหลัง กูยังทันไม่รู้ว่าใครอยู่ในห้องเลย ไอ้น้องเวร!!

“องค์จะถีบหน้าแกนี่แหละ เล่นบ้าอะไรว่ะ กูตกใจหมด”  บ่นมันซะเลย เหอะๆ

“หิวข้าวว่ะ ลงไปทำกับข้าวให้กินหน่อยสิ”

“กลับมาตอนไหนว่ะ..พอร์ตมาก่อนเพรส หรือ เพรสมาก่อน?”

“เอ่อ...ตะ..ต้องพอร์ตมาก่อนสิ ไม่งั้นพอร์ตจะเข้ามากอดเพรสได้ไง พอร์ตอยู่ในห้องนะ” อืม..น่าสงสัยแหะ ทำไมต้องพูดอึกอักด้วย

“เออๆ ช่างมันเหอะ เดี๋ยวไปทำกับข้าวให้กิน เสร็จแล้วจะเรียกล่ะกัน รีบๆลงมากินนะ” ผมพูดพร้อมกับเดินลงไปข้างล่าง

“คร๊าบ..คร๊าบ” อิมพอร์ตตอบพี่ชายโดยที่สายตายังจ้องไปที่ประตูก่อนจะเปิดแล้วเดินเข้าไป

 

ณ ห้องครัว

วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ เปิดเทอมวันแรกก็มีแต่คนแปลกๆทั้งนั้น ตั้งแต่ไอ้บ้าเท็กซัสนั่นแล้วยังมีอิมพอร์ตอีก แล้วขณะที่ผมกำลังทำกับข้าวก็มีเสียงคนมากดออด คนกำลังยุ่งๆอยู่!! เรียกพอร์ตให้ไปดูดีกว่า

 

อ๊อด..อ๊อด

“พอร์ต...ไปดูหน้าบ้านดิว่าใครมา” ขณะนี้ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก เสาล่มหรอว่ะ!

“ไอ้พอร์ตลงมาช่วยเปิดประตูให้หน่อยสิว่ะ กูทำกับข้าวอยู่” ตะโกนรอบที่ 2

 

ปัง!! ตึง..ตึง..ตึง

 “เฮ้ย! อะไรกันว่ะลงมาซะเสียงดัง ไล่หนูหรือไง ไอ้บ้านี่!” ผมบ่นอย่างอารมณ์เสีย วันนี้ยิ่งได้ยินเสียงบ้าบอคอแตกตลอดอยู่ด้วย

“อะ..อะไรหรอเพรส เรียกพอร์ตทำไม”

“จะให้ไปดูว่าหน้าบ้านมีใครมา..รีบๆไปดูเลย” เพิ่งสังเกตนะ อิมพอร์ตมันเหงื่อท่วมตัวเลย มันไปฟิตเนสกับบันไดมาหรอว่ะ?

“อืมๆ”  เอ! วันนี้มันแปลกๆ เงียบผิดปกติแหะ

 

ผ่านไป 5 นาที

อ้าว! น้องกูตายแล้วหรอว่ะเนี่ย! ไปนานจริง ให้ไปดูหน้าบ้านว่าใครมานะ ไม่ได้ให้ไปเปิดท้ายขายของ ไอ้นี่นิ ผมเลิกชะเง้อมองหาน้องชายแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ตั้งใจจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะหน่อย กลับมาจากโรงเรียนเหงื่อท่วมตัวขอไปอาบน้ำหน่อยเหอะ

 

แกร๊ก...แอ๊ด! พรึ่บ!

เงาอะไร แว่บ..แว่บว่ะ เฮ้อ! สงสัยหนังผีจะทำพิษว่ะ เริ่มสยองขวัญแหละ ขณะที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น ผมก็รู้สึกเหมือนใครกำลังจ้องมองอยู่ตรงหน้าต่าง แต่พอผมมองไปก็ไม่เห็นใครเลยนอกจากต้นไม้ตรงหน้าต่าง

 

ปัง!

อ้าว! เสียงบ้าอะไรทั้งวันเลยว่ะ กูจะบ้าตาย พอเปิดประตูไปดูก็เห็นน้องชายกำลังเดินขึ้นมา หน้าตาซีดไร้สี เหนื่อยหอบจนผมสงสัยว่ามันไปทำอะไรถึงได้เหนื่อยขนาดนั้น แถมตอนเห็นหน้าผมก็ตาโตเป็นไข่ห่านอีก

“อะ..อะไรหรอพี่ จ้องผมทำไม”

“ฉันดิต้องถามแกว่ามีอะไรจะบอกฉันมั้ย?”

“มีสิ” ตั้งใจฟังมันเต็มที่

“พูดมาดิ..พี่รอฟังอยู่”

“กูรักมึงว่ะ”   ผลัวะ! ผมโบกหัวน้องชายไป 1 ทีด้วยความหมั่นไส้

“ใช่เวลามั้ย? ฉันถามแกดีๆนะเว้ย!”  ผมจ้องหน้าน้องเขม็ง ดูสิมันจะพูดว่าไง

“ผมขอร้องอะไรพี่อย่างนึงได้ป่ะ แต่พี่ต้องสัญญาด้วยว่าจะทำน่ะ”  อิมพอร์ตมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจังแกมข้อร้อง

“หะ..ให้ทำอะไรอ่ะ อย่ามาทำหน้าจริงจังใส่ดิ ชักกลัวแล้วนะโว้ย!” ผมถามพลางหวาดกลัวมันไปด้วย

“ผมติดหนี้มาเฟียอยู่ 10 ล้านและเขามาทวงเงินถึงบ้าน ผมไม่มีเงินใช้คืนเลยบอกให้เอาพี่ไปเป็นตัวประกันทำงานใช้หนี้อ่ะ” ผมได้ยินไม่ชัดเลย ประกัน..ประกัน อะไรนี่แหละ..ประกันชีวิตใช่มั้ย?

“เอ่อ..แกบอกให้พี่ไปประกันตัวตอนแกติดคุกใช่ป่ะ?”

“มั่วแหละ..ผมบอกว่าผมเอาพี่ไปเป็นตัวประกันกับมาเฟีย” โห่! นึกว่าเรื่องอะไร ก็แค่ไปเป็นขี้ข้ามาเฟีย

“ห๊า! ไอ้น้องชั่ว แกเอาพี่แกไปขายหรอ?” ประกันชีวิตอยู่ไหน..ผมต้องการตกลงเรื่องสัญญาก่อนตายด่วน!!

“ไม่ได้ขาย แค่ใช้หนี้ โห่! คนละความหมายแหละ” มันแถใช่ป่ะ?

“แล้วไปเล่นพนันอะไรตั้ง 10 ล้านบาทว่ะ บ้านรวยมากหรือไง ไอ้น้องสมองนุ่น”

“โห่! ก็ผมแข่งรถแพ้ แล้วเงินพนันมันคือ 10 ล้านบาท ไม่มีจ่ายก็ต้องโดนตามทวงหนี้ถึงที่เพื่อคุณอยู่นี่ไง”

“เหอะๆ แกก็เลยเอาฉันไปลอยแพท่ามกลางหมู่มารซะงั้น แล้วไอ้คุณมาเฟียนั่นเป็นใครว่ะ” ถามเพื่อความอุ่นใจ ถ้าผมตายอย่างน้อยก็รู้ชื่อฆาตกร(เพื่อ?)

“เขาชื่อ นิรย หรือที่รู้จักกันว่า ท่านฮาเดส” หืม! แค่ชื่อก็นรกแหละ กรรมของกูจริงๆ

“แล้วนี่เขาจะมาเมื่อไรและต้องไปทำงานชดใช้กี่วัน?”

“อีก 10 วัน เขาจะมารับและต้องทำงานตามที่สั่งจนกว่าจะพอใจ พี่ตกลงแล้วใช่ป่ะ?” เวรกรรม! มึงไม่ต้องย้ำสถานะกูตอนนี้ก็ได้ มันมองหน้าผมพลางทำสายตาแอ๊บแบ๊วมาให้อย่างคาดหวัง

“เออๆ มึงเลิกทำตาแบ๊วอ้อนกูได้แหละ อยู่กับมึงมีแต่เรื่องจริงๆ สงสัยจะทำบุญมาน้อยกรรมเลยวิ่งตามกูทันเลย ไอ้น้องปัญญาอ่อน” ผมบ่นกระปอดกระแปดแล้วเดินเข้าห้อง

“เอ่อ..พะ..พี่...โห่! ไม่สงสัยเรื่องงานเลยนะ แล้วเพรสจะสาปส่งกูมั้ยว่ะเนี่ย! ถ้ามันรู้ว่าไอ้ฮาเดสจะเอามันไปทำ Wife  เซ็งโว้ย!” อิมพอร์ตบ่นอย่างหัวเสีย

เมื่อกี้มันจะพูดอะไรหว่า...ช่างมันเหอะ กูเครียด! ใครใช้ให้เอาพี่ไปใช้หนี้ว่ะ น้องกูสมองมันยัดนุ่นทั้งหัวเลยหรือเปล่าว่ะ!! เหอะๆ พวกผมลงไปกินข้าวเย็นกับน้องแบบอารมณ์หมดอายุมากแล้วก็ต่างแยกย้ายขึ้นข้างบนกัน แต่ผมนี่สิได้ยินเสียงหลอกหลอน(ตล๊อด)...

กึก..กึก..กึก

ยังไม่จบอีกหรอ? โถ!ชีวิต…ผมเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนแล้วชะโงกไปดูก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งผมยาวสีแดงเพลิง ดวงตาคมดุดุจพญาเหยี่ยว แต่งตัวประหลาด แต่หน้าตาคุ้นๆเหมือนเคยเห็นหน้าเลยแหะ กำลังยืนอยู่ที่หน้าบ้านผมและสายตาของเราก็ประสานกัน จากนั้นเขาก็ขยับปากพูดบางอย่างออกมา แต่กลับได้ยินเสียงดังเหมือนมายืนพูดใกล้ๆหูของผม

“ ข้ารอเจ้าอยู่..ยอดรักของข้า”

หืม? บ้าหรือเปล่า?...ยอดรักบ้าอะไรเป็นผู้ชาย สงสัยมันจะเมาแสงจันทร์ว่ะ ขณะที่ผมกำลังเอื้อมจะเปิดหน้าต่างแค่แป๊บเดียว ผู้ชายผมยาวสีแดงแต่งตัวประหลาดก็หายตัวไป คืนนี้กูต้องฝันบ้าๆอีกแน่เลย แฟนตาซีตลอดเลยกูไปนอนดีกว่า

 

เช้าวันใหม่ (วันที่ 1 มาเฟียยังไม่พร้อม..)

“ฮ้าวววว...ทำไมมันง่วงอย่างนี้ว่ะเนี่ย!” ผมอ้าปากหาว เพราะเมื่อคืนผมไม่ได้นอนเลย ไม่ได้ฝันนะ แต่คิดเรื่องที่ไอ้อิมพอร์ตบอกเมื่อวานทั้งคืนเลย แล้วยังต้องมีเรียนแต่เช้าอีก ง่วงสุดๆเลยง่า

ผลัวะ!

ใคร..ใครถีบก้นกู พอผมหันไปก็เห็นมิวนิคกำลังยิ้มแฉ่งให้ผมอย่างสบายใจ ทั้งๆที่ผมอยากร้องไห้แท้ๆ

“กูเครียดอยู่นะ ไม่เข้าใจกูเลย”  เศร้าว่ะ(T_T)

“ทำไมขอบตามึงคล้ำอย่างนั้นว่ะ หรือว่าเมื่อคืนมึงกับแฟน...”

“พอเลยไอ้หอยหลอด เดามั่วไปเรื่อย แฟนเฟินอะไรของมึง กูเครียด!” ผมบอกมิวนิคพลางทำหน้าบูดใส่มัน

“โอ๋ๆๆ ล้อเล่น ไม่มีแฟนก็ได้ แต่แอบซุกสามีไว้ที่บ้านเลยอดนอนใช่ม๊า..ใช่ม๊า”

“อ๊ากก!! กูจะฆ่ามึง ไอ้เพื่อนเลว” ผมระเบิดอารมณ์วิ่งไล่ไอ้บ้าที่บอกว่าผมมีสามี กูมาดแมนแฮนด์ซั่มโว้ย!

“แฮ่กๆ สรุปแล้วมึงเป็นอะไรว่ะ เห็นขอบตาคล้ำแล้วยังเหม่อลอยอีก”

“กูเครียด”

“อ้าว! ไอ้เวร มึงเครียดหรือดาวน์ซินโดรมกันแน่ว่ะ กูเห็นมึงพูดแต่อย่างเนี้ย! แล้วกูจะรู้เรื่องมั้ยครับคุณ?”

“ถ้ากูบอกมึง มึงต้องเป่าสากนะ”

“เออ..กูจะเป่าสากเพื่อมึงเลย ว่ามาดิมันเรื่องอะไร?”

“กูท้องว่ะ” ผลัวะ! โครม! มันถีบผมง่า..กูเจ็บนะ

“ล้อให้ถูกที่ เล่นให้ถูกเวลา แต่ถ้ากวนกูมา มึงจะเจอตรีน” มันพูดแล้วยกเท้าจะถีบผมอีกรอบอ่ะ โหดร้าย(Y_Y)  แล้วผมก็เริ่มเล่าเกี่ยวกับนายมาเฟียนิรยให้มิวนิคฟังอย่างระเหี่ยใจที่ตัวเองมีบ่วงกรรมคล้องคอรอประหารอีก 9  วัน

“จะเครียดทำไมว่ะ แกก็ไปทำข้อตกลงใหม่กับนายนรกนั่นซะสิ” เหมือนจะง่ายเนอะ...(-_-)

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น มึงมาตกลงแทนกูเซ่! มาเฟียนะโว้ย! ไม่ใช่มด..แค่เอามือปัดก็ปลิวกระจาย ฮือๆ”

“อ้าว! เม้าส์มอยอะไรกันนางๆทั้งหลาย” เอิ่ม...พี่ฟลอร์มาได้ถูกเวลามากเลย

“นางบ้านทวดแกสิ กูใช้นายตั้งแต่ 15 โว้ย! โง่จริง”

“อะโธ่! น้องมิลค์ล่ะก็ จะเขินทำไม ถ้าแต่งงานกับพี่ก็ต้องเป็นนางสิ”

“ไปแต่งกับนางแมลงสาบที่บ้าน ไป๊” เอ่อ...สยองแท้

“โห่! นางยักษ์ชัดๆ ไม่แทะหัวพี่เลยล่ะน้องมิลค์”

“แล้วเมื่อไรจะเลิกเรียกไอ้ชื่ออุบาทว์ชาติชั่วนั่นซะที จั๊กจี้รูหูกูมาก”

“แต่จั๊กจี้หัวใจพี่นะ” พี่ฟลอร์มันสมองเสื่อมหรือเปล่าว่ะ

“โว้ยยย! จะไปไหนก็ไปเลย ไป๊!”

“ชิ! อ้าว!น้องเพรสเป็นอะไรง่า เราไม่ใช่คนอียิปต์โบราณนะ อย่าเอาสีดำมาทาตาสิ มันน่ากลัวนะ”

“ขอบคุณที่ถามนะพี่ โคตรซึ้งเลยที่พี่ใช้ตาตุ่มมองหน้าผม” เซ็งพี่แกว่ะ!

“โห่! สวยใจร้ายว่ะ ไม่กวนแล้วก็ได้ เดี๋ยวน้องมิลค์จะโกรธอีก ดูสายตาสิพิศวาสพี่เต็มหัวใจอ่ะ” ช่างกล้าหลงตัวเองอ่ะ มันโกรธจนจะเขมือบพี่มึงทั้งตัวแล้ว(เพิ่งรู้สึก?) พี่ฟลอร์เดินจากไปแล้ว แต่ผมกับมิวนิคก็นั่งรอไซคีกับไอเดียแล้วพากันขึ้นห้องเรียน เพื่อไปซึมซับความรู้ที่ผมเอาไปทิ้งเมื่อเข้าห้องน้ำ(ส้วมซึมใช่ป่ะ?)

 

พักเที่ยง

“กรี๊ด...ว๊ายยย! หล่ออ่ะแก ทำไมถึงมีเทพบุตรมาจุติที่นี่ได้ล่ะ” ไม่ต้องสงสัยนะครับ โรงเรียนผมก็โรงเรียนชายล้วนน่ะแหละ

“อ๊าย! เขินมากเลยอ่า..น่าจับมาปล้ำขยำขยี้จั๊กจี้หัวใจซะให้เข็ด” เอิ่ม..

“ถ้าฉันได้เขามาควงแขนและซบไหล่ ฉันจะไม่มีใครอีกเลย รักนะสุดหล่อ จุ๊บๆ” เอ่อ...

“สุดหล่อคนนั้นของฉันคนเดียวย่ะ สามีข้าใครอย่าแตะ!” หืมมม.....

“ถ้านั่นมันสามีแก แล้วไอ้ที่แกนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ทุกวันมันเป็นพี่วินหรือไงย่ะ” ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!

“เฮ้ย!! พวกมึงจะไปแรดที่หลุมอุกกาบาตที่ไหนก็ไปเลยไป๊ กูรำคาญโว้ย!! เดี๋ยวเตะปากแตกเลยนี่!”

“เชอะ! ทำเป็นมาไล่ โธ่! แม่ชะนีหนูน้อย เดี๋ยวพอมีสามีบ้างแล้วจะรู้สึก” แล้วพวกนางก็เดินสะบัดหน้าจากไปท่ามกลางความงงว่า กูด่ามันแล้วใช่มั้ย?

“ฮ่าๆๆๆ ไงจ๊ะ ชะนีหนูน้อย อิจฉาจนอยากมีอย่างเขาบ้างหรอ..หงุดหงิดซะ” ไอ้มิวนิคมันแซวผมง่า

“อย่าแซวหนูน้อยของกูสิ เดี๋ยวหนูน้อยหนีไปมีสามี กูเสียใจหมด อุตส่าห์เลี้ยงต้อยเดินไปซื้อข้าวให้กิน” ไอเดียมันแซวไม่เลิกครับ

“โว๊ะ! กูเซ็งพวกมึงจริง ไปเข้าห้องน้ำนะ” ผมว่าพวกมันอย่างตัดรำคาญแล้วเดินหนีเลย

 

ณ ห้องน้ำ

“เฮ้อ! เซ็งชีวิตจริ๊ง อะไรกันนักหนาว่ะ ตั้งแต่ย้ายโรงเรียนมานี่ไม่สงบเลยจริงๆ” ผมบ่นคนเดียวระหว่างล้างมือที่หน้ากระจก พอผมเงยหน้ามาดูกระจก

“เฮ้ย! มายืนหลอนข้างหลังทำไมว่ะ” มีคนมายืนจริงๆ แต่เป็นนายเท็กซัสที่ยืนหล่ออยู่ข้างหลังผม

“ฉันก็ยืนของฉันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ”

“กวนหรอ?”

“แล้วแต่จะคิด”

“เหอะ! เอ๊ะ! เมื่อวานผมนายสีแดงไม่ใช่หรอ?” ก็เมื่อวานผมมันย้อมสีแดงนี่หว่า วันนี้ผมสีดำซะงั้น

“ตาบอดสีหรอ? ไปเช็คตาที่โรงพยาบาลซะนะ น่าสงสาร” แล้วไอ้บ้าเท็กซัสก็เดินไปเลย

กูอยากเอาฝ่าพระบาทประเคนมันมากเลย พูดทีมีแต่สุนัขมาเดินพาเหรดทั้งนั้น ไอ้บ้านี่! แต่พอผมออกมาจากห้องน้ำก็รู้ได้ทันทีว่า...กรรมเยอะจริงๆกู

“ไปกับฉัน มีเรื่องจะคุยด้วย” มันคิดอะไรอยู่ป่ะ...ชวนไปไหนก็ไม่บอก

 “ท่านเอ่ยวาจากับใครมิทราบ”

“พูดกับหมามั้ง! ไปได้แล้ว” แล้วมันก็ฉุดมือผมไปเลย จะบอกกูหน่อยมันจะตายหรือไง!!

“มีอะไรจะพูดก็พูดมาดิ” เท็กซัสพามาที่สวนดอกไม้หลังโรงเรียนเหมาะแก่การนั่งจีบกัน แต่ผมกับมันท่าจะต่อยกันมากกว่า

“นาย...รู้จักคนที่ชื่อ นิรย มั้ย?” หืม! เจ้าพ่อนรกหรอ?

“ระ..รู้จัก นะ..นายเป็นคนของเขาหรอ?” เริ่มกลัวมันแหละ มันจะลักพาตัวไปฆ่าหรือเปล่าว่ะ?

“ไม่ใช่! ฉันขอเตือนให้นายอยู่ให้ห่างนิรยไว้”

“ฉันไม่รู้จักนายซะหน่อย แล้วมายุ่งกับฉันทำไม”

“ฉันชื่อ เท็กซัส อยู่ ม.6  ตอนนี้รู้จักแล้ว” รู้จักบ้านแกเซ่!

“งั้นมาแลกเปลี่ยนกัน ฉันมีคำถามจะถามนาย ” ผมหงุดหงิดนะ เปิดเทอมมาแค่ 2 วัน แต่หมอนี่เข้ามาคุยเหมือนรู้จักกัน 10 ปี แถมยังน่าสงสัยอีก

 “ไม่จำเป็น”

“แต่กูจำเป็น ปันนคนาสน์ คือใคร?”

“หึ ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้เองเด็กน้อย” เท็กซัสพูดเสร็จก็เอามือลูบหัวผม ผมรีบเอามือปัดออกแล้วจ้องมันเขม็ง ใครเป็นเด็กน้อยกันว่ะ

“ถ้าไม่ตอบ ฉันก็ไม่เชื่อนายหรอก แบร่!” ผมแลบลิ้นใส่ซะเลย ไม่เชื่อหรอก...ไอ้โรคจิต

“ฉันไม่ใช่ไอ้โรคจิต แต่ฉันเตือนนาย”

“หือ? เมื่อกี้นายว่าไงนะ” เท็กซัสรู้ความคิดเราหรอ? บ้าน่า

“อ้าว! เท็กซ์มาทำอะไรที่นี่ว่ะ?” หืม! พี่เซนไนท์รู้จักกับหมอนี่หรอ?

“เอ่อ...พี่เซนรู้จักกันหรอครับ?”

“รู้จักสิ เท็กซ์เป็นเพื่อนพี่ตั้งแต่เด็กเลยล่ะ”

“นายต้องอยู่ให้ห่างนิรย จำไว้” แล้วเท็กซัสก็เดินไปเลย

“อะไรของมันว่ะ เอ่อ..งั้นพี่ขอตัวก่อนนะเพรส”

“ครับ..ครับ”  พี่เซนไนท์รีบวิ่งตามเท็กซัสไปท่ามกลางความโง่ของผมอ่ะ

 

Part : เซนไนท์

“เดี๋ยวก่อน” เซนไนท์ตะโกนเรียกเท็กซัสระหว่างทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์

“มีอะไรก็รีบว่ามาสิ” เท็กซัสหยุดเดินแล้วหันไปมองเซนไนท์และจากผมสีดำสั้นนั้นก็กลายเป็นสีแดงเพลิงยาวสลวย ดวงตาคมดุจ้องมองมาที่เซนไนท์

“เจ้าคิดจะทำอะไร..ปันนคนาสน์ เจ้านั่นจำเจ้าไม่ได้นะ เจ้าควรจะระวังวาจาของเจ้าเสียบ้าง” เซนไนท์พูดเตือนเท็กซัส

“นี่มันเรื่องของข้ากับเจ้านั่น เจ้าไม่เกี่ยว..กาสร” เซนไนท์ที่ผมสีดำของเขาเริ่มยาวและมีเขางอกออกมา 2 ข้าง จ้องมองเพื่อนด้วยความไม่พอใจ

 “แต่ข้าเป็นสหายเจ้า เจ้าคิดจะทำอะไรก็ควรจะบอกข้าบ้างสิหรือว่าเจ้าเห็นว่ามันไม่สำคัญ”

“เพราะข้าเห็นพวกเจ้าสำคัญจึงไม่บอกไงเล่า”

“งั้นเจ้าช่วยบอกข้าทีว่ามันเกิดเหตุอันใดขึ้น”

“เทพนิรยเริ่มเคลื่อนไหวและกำลังวางแผนช่วงชิงของสำคัญไป”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร..ไม่เห็นเจ้าเอ่ยอันใดกับข้า แล้วผณินกับมัชชารรู้หรือไม่” เซนไนท์หรือกาสรเอ่ยพลางทำสีหน้าเคร่งเครียด

“สองคนนั้นยังไม่รู้ ตอนนี้ได้แต่เพียงรอเวลาเท่านั้น”

“ข้าเห็นเจ้ารอมาเป็นพันๆปีแล้วนะ มันคือเวลาอะไรของเจ้า” กาสรเริ่มหงุดหงิดที่สหายของตนไม่ยอมปริปากพูดแล้วค่อยๆเดินหายตัวไป จากนั้นก็มีแมวลายเสือขาวดำกลายร่างเป็นชายหนุ่มผมยาวสีเงินเดินเข้ามาตบไหล่ของกาสรอย่างปลอบใจ

“ข้าจะช่วยปันนคนาสน์อย่างไรดี?”

“ข้าว่าเจ้ารอเวลาอย่างที่ปันนคนาสน์บอกจะดีกว่านะ” ชายหนุ่มผมสีเงินตอบพลางยิ้มให้กาสร

“เจ้าจะปล่อยให้สหายเป็นเช่นนั้นรึ?”

“ข้าไม่ได้ปล่อย แต่เชื่อใจ รอมาตั้งพันๆปี รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไปเล่า”

“นั่นสิ! จริงของเจ้านะ..มัชชาร”

แล้วชายหนุ่มทั้งสองก็เดินหายตัวไปจากทางเดินที่เงียบสงบนั้น แม้แต่สายลมที่เคยพัดต้นไม้ปลิวไสวยังเงียบสงบไร้การเคลื่อนไหวเสมือนไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา